กรุงเทพฯ 9 สิงหาคม 2548 – บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) บริษัทปูนซีเมนต์รายใหญ่อันดับสองของประเทศไทย ได้ประกาศผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2548 ต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)
บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) มีกำไรสุทธิสำหรับครึ่งปีแรกของปีพ.ศ. 2548 เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 2,372 ล้านบาท รายได้จากการขายสุทธิ 11,384 ล้านบาท มีกำไรสุทธิเพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 10.3 เมื่อเทียบกับระยะเวลาครึ่งปีแรกของปี 2547 (2,151 ล้านบาท)
รายได้จากการขายสุทธิของบริษัทฯ ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2548 เพิ่มขึ้นจากในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2547 (9,900 ล้านบาท) ถึงร้อยละ 14 อย่างไรก็ตาม กำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษีเงินได้ และ ค่าเสื่อมราคา (EBITDA) ของบริษัทในระยะเวลาครึ่งปีแรกของปี 2548 นั้นสูงถึง 3,748 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าปี 2547 เล็กน้อย (3,740 ล้านบาท) ทั้งนี้สืบเนื่องมาจากต้นทุนด้านพลังงานมีราคาสูงขึ้น ซึ่งคิดเป็นประมาณร้อยละ 56 ของต้นทุนการผลิตทั้งหมด โดยแบ่งออกเป็นค่าเชื้อเพลิงร้อยละ 32 และค่าไฟฟ้าร้อยละ 24
ยอดขายปูนซีเมนต์ผงและปูนเม็ดของบริษัทฯ ในช่วงระยะเวลาหกเดือนที่ผ่านมามีปริมาณรวม 6.4 ล้านตัน โดยแบ่งเป็นยอดขายภายในประเทศจำนวน 4.1 ล้านตัน และยอดขายในตลาดต่างประเทศจำนวน 2.3 ล้านตัน ทั้งนี้ยอดส่งออกที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 64 เนื่องมาจากการเพิ่มการส่งออกไปสู่ตลาดตะวันออกกลาง ทำให้การผลิตเดินหน้าอย่างเต็มกำลังการผลิต
“ต้นทุนด้านพลังงานที่ยังคงสูงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เราต้องกลับมานั่งทบทวนโครงสร้างของการใช้พลังงานของเราอีกครั้ง แม้ว่าเมื่อเร็วๆ นี้ เราจะมีการปรับราคาปูนขึ้นบ้างเพื่อชดเชยราคาต้นทุนที่สูงขึ้น แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะช่วยรักษาอัตรากำไรโดยรวมของบริษัทในระดับที่น่าพอใจได้ นอกจากนั้นมีแนวโน้มว่าราคาต้นทุนด้านพลังงานในช่วงครึ่งปีหลังนี้จะสูงขึ้นกว่าปีที่แล้ว อันเนื่องมาจากการตัดสินใจของรัฐบาลที่ประกาศลอยตัวราคาน้ำมันดีเซลเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา” มร. มิทเทลโฮลเซอร์ กล่าว
“ถึงแม้ว่าสภาวะถดถอยในธุรกิจตลาดบ้านจัดสรรจะนำไปสู่การลดลงของปริมาณความต้องการใช้ปูน ซีเมนต์โดยรวม แต่ปริมาณความต้องการปูนซีเมนต์ในโครงการใหญ่ๆ ของรัฐบาลก็จะมาแทนที่เป้าหมายหลักของเรา คือ การก้าวเข้าสู่การเป็นผู้ซึ่งมีความเชี่ยวชาญสำหรับทุกความต้องการด้านปูนซีเมนต์ของประเทศ โดยที่การผันผวนของสภาวะตลาดในระยะสั้นจะไม่ส่งผลกระทบใดๆ ต่อเป้าหมายการดำเนินงานของเรา” มร. มิทเทลโฮลเซอร์ กล่าวเสริม
มร. มิทเทลโฮลเซอร์ ยังได้ให้ความเห็นเพิ่มเติมถึงศักยภาพในการดำเนินงานของบริษัทในเครือปูนซีเมนต์นครหลวงช่วงครึ่งปีแรกของปี 2548 ว่า “สินค้าทดแทนไม้ที่ทันสมัยภายใต้ยี่ห้อ ConWOOD ยังคงไปได้ด้วยดี และเมื่อไม่นานมานี้ ConWOOD ได้เริ่มการผลิตจากสายการผลิตที่เพิ่มขึ้นอีกด้วย
“ธุรกิจคอนกรีตสำเร็จรูปของเราจะยังคงเติบโตต่อไป ในปัจจุบันเรามีโรงงานผลิตคอนกรีตสำเร็จรูปถึง 49 แห่ง เมื่อเทียบกับปลายปี 2547 ที่มีเพียง 39 แห่ง และที่สำคัญ โรงงานผลิตคอนกรีตสำเร็จรูปหลายแห่งของเราสามารถเคลื่อนย้ายได้ ช่วยให้เรามีประสิทธิภาพ และความยืดหยุ่นในการทำงานมาก โดยเฉพาะเป็นการให้บริการที่เพิ่มความสะดวกให้ลูกค้าของเราที่ทำงานเกี่ยวกับโครงการใหญ่ๆของรัฐบาล และต้องขอแสดงความชื่นชมต่อพนักงาน บริษัท นครหลวงคอนกรีต ทุกคนที่ทำให้เกิดการเพิ่มโรงงานผลิตคอนกรีตสำเร็จรูปแห่งใหม่ได้ในทุกๆ 2 สัปดาห์อีกด้วย” เขากล่าว
บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) ก่อตั้งขึ้นในปี 2512 และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปี 2520 ต่อจากนั้นในปี 2541 บริษัทโฮลซิมจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเป็นบริษัทผลิตปูนซีเมนต์รายใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกได้เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่รายหนึ่งของบริษัทฯ และในปี 2546 บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) ได้รับการคัดเลือกให้เป็น “บริษัทที่ดีที่สุดในประเทศไทย” (Best Company in Thailand) จากการสำรวจประจำปีของนิตยสารยูโรมันนี่ (EURO Money)