ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง : ตลาดจีน…ประตูที่เปิดกว้าง

มูลค่าการส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังของไทยในช่วงระยะ 8 เดือนแรกของปี 2548 ไปยังตลาดจีนเท่ากับ 260.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนแล้วเพิ่มขึ้นร้อยละ 38.6 และการส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังไปยังตลาดจีนมีสัดส่วนถึงร้อยละ 46.0 โดยจีนนั้นก้าวกระโดดจากการเป็นแหล่งส่งออกอันดับ 6 ของไทยในปี 2543 มาเป็นแหล่งส่งออกอันดับหนึ่งตั้งแต่ปี 2544 เป็นต้นมา และตลอดช่วงระยะ 5 ปีที่ผ่านมามูลค่าการส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังไปยังจีนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง คาดการณ์ว่าตลาดจีนจะยังเป็นแหล่งส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังของไทยต่อไปในอนาคต

ไทยส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังไปจีนเป็นอันดับหนึ่ง ตลาดที่มีความสำคัญรองลงไปคือ ญี่ปุ่นและไต้หวัน โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์มันอัดเม็ดและมันเส้นนั้นเกือบทั้งหมดส่งออกไปยังจีน ส่วนผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังอื่นๆนอกจากมันอัดเม็ดและมันเส้นแล้ว จีนมีสัดส่วนตลาดส่งออกเป็นอันดับสองรองจากไต้หวันสำหรับผลิตภัณฑ์แป้งมันสำปะหลัง รองจากญี่ปุ่นสำหรับผลิตภัณฑ์เด็กตรินและโมดิไฟด์สตาร์ช และรองจากฟิลิปปินส์สำหรับผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังอื่นๆ

ปัจจุบันจีนผลิตหัวมันสำปะหลังได้ประมาณ 3.5-4.0 ล้านตันต่อปี แหล่งผลิตที่สำคัญอยู่บริเวณตอนใต้ของประเทศ โดยเฉพาะมณฑลกวางสีและไหหลำ นอกจากนี้ยังมีการปลูกมันสำปะหลังในมณฑลกวางตุ้ง ยูนานและฟูเจี้ยน ปริมาณการผลิตมันสำปะหลังได้ไม่เพียงพอกับความต้องการในประเทศ เนื่องจากผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่อยู่ในเกณฑ์ต่ำ ขาดพันธุ์ดี และมีปัญหาดินเสื่อมคุณภาพ โดยในแต่ละปีจีนมีความต้องการผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังเกือบ 7 ล้านตัน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากการคาดการณ์ถึงการเติบโตของอุตสาหกรรมที่ใช้ผลิตภัณฑ์สำปะหลังเป็นวัตถุดิบ ดังนี้

1.อุตสาหกรรมที่ใช้มันเส้นเป็นวัตถุดิบ

– อุตสาหกรรมผลิตแอลกอฮอล์
จีนใช้มันเส้นในการผลิตแอลกอฮอล์และเหล้าเพื่อการบริโภคและบางส่วนใช้เป็นเชื้อเพลิง อย่างไรก็ตามอุตสาหกรรมการผลิตแอลกอฮอล์นั้นสามารถใช้วัตถุดิบได้หลากหลายประเภท เช่น ข้าวโพด กากน้ำตาล มันเส้น เป็นต้น ซึ่งคุณภาพของแอลกอฮอล์ที่ผลิตได้นั้นไม่แตกต่างกัน ดังนั้นการเลือกวัตถุดิบชนิดใดจึงขึ้นอยู่กับราคาของวัตถุดิบนั้น โดยทั่วไปการใช้กากน้ำตาลเป็นวัตถุดิบนั้นไม่เป็นที่นิยมเนื่องจากเกิดปัญหาต่อสิ่งแวดล้อม ดังนั้นข้าวโพดและมันเส้นเป็นสินค้าที่ทดแทนกันได้ ปัจจุบันจีนใช้มันเส้นเป็นวัตถุดิบในการผลิตแอลกอฮอล์เฉลี่ยประมาณ 1.92 ล้านตันต่อปี หรือร้อยละ 20 ของวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตแอลกอฮอล์ทั้งหมด

คู่แข่งสำคัญในการส่งออกมันเส้นเพื่อป้อนอุตสาหกรรมผลิตแอลกอฮอล์ในจีน คือ เวียดนามและอินโดนีเซีย แม้ว่าราคามันเส้นของเวียดนามและอินโดนีเซียจะสูงกว่าไทย แต่ทั้งสองประเทศส่งออกในลักษณะมันเส้นประเภทปอกเปลือก มีเปอร์เซนต์ทรายปนน้อยกว่า และปริมาณเชื้อแป้งสูงกว่า

-อุตสาหกรรมผลิตกรดมะนาว
จีนนำเข้ามันเส้นเพื่อเป็นวัตถุดิบในการผลิตกรดมะนาว ซึ่งกรดมะนาวนี้เป็นวัตถุดิบสำคัญสำหรับหลากหลายอุตสาหกรรมต่อเนื่องได้แก่ อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม อุตสาหกรรมยาและเครื่องสำอาง อุตสาหกรรมเคมี อุตสาหกรรมเส้นใยและโลหะ ปัจจุบันจีนมีการผลิตกรดมะนาวเฉลี่ยประมาณ 350,000 ตันต่อปี ซึ่งนับว่าเป็นผู้ผลิตกรดมะนาวอันดับหนึ่งของโลก วัตถุดิบหลักในการผลิตคือ มันเส้นและข้าวโพด จีนมีความต้องการมันเส้นสำหรับผลิตกรดมะนาวปีละประมาณ 260,000 ตัน การใช้มันเส้นในการผลิตกรดมะนาวนั้นต้องเป็นมันเส้นปอกเปลือกและมีเปอร์เซนต์ทรายผสมอยู่ในปริมาณต่ำ ทำให้มันเส้นของเวียดนามและอินโดนีเซียเป็นที่นิยมมากกว่ามันเส้นจากไทย แม้ว่าราคาจะแพงกว่า อย่างไรก็ตามผู้ผลิตกรดมะนาวในจีนคาดว่าถ้าราคามันเส้นของไทยถูกกว่าเวียดนาม 20-30 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตันจะทำให้มันเส้นของไทยสามารถแข่งขันกับมันเส้นเวียดนามเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตกรดมะนาวได้

– อุตสาหกรรมอาหารสัตว์
ปัจจุบันอัตราการขยายตัวของอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ของจีนอยู่ในเกณฑ์สูง เนื่องจากความต้องการเนื้อสัตว์เพื่อการบริโภคในประเทศเพิ่มขึ้น อันเป็นผลมาจากรายได้ของคนจีนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น สมาคมอาหารสัตว์ของจีนประมาณการว่าในปี 2553 จีนจะมีความต้องการอาหารสัตว์สูงถึง 150 ล้านตัน แยกเป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ประเภทแป้งประมาณร้อยละ 60-70 ส่วนที่เหลือเป็นประเภทโปรตีน ซึ่งปัจจุบันจีนพึ่งพาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เป็นส่วนใหญ่ แต่คาดการณ์ว่าปริมาณการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของจีนจะไม่เพียงพอกับความต้องการ ซึ่งนับว่าเป็นโอกาสที่มันเส้นจะเข้าไปเป็นพืชทดแทน อย่างไรก็ตามผลิตภัณฑ์มันเส้นนั้นมีระดับโปรตีนและกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อการเติบโตของปศุสัตว์ต่ำกว่าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ดังนั้นถ้าใช้มันเส้นทดแทนก็จะต้องมีการเพิ่มวัตถุดิบอาหารสัตว์ประเภทโปรตีน โดยเฉพาะถั่วเหลืองและปลาป่น จึงอาจกล่าวได้ว่าโอกาสที่จีนจะใช้มันเส้นทดแทนข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เพิ่มขึ้นหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับราคาของถั่วเหลืองและปลาป่น

2.อุตสาหกรรมที่ใช้แป้งมันสำปะหลังเป็นวัตถุดิบ

จีนมีความต้องการใช้แป้งโดยรวมปีละประมาณ 1.5 ล้านตัน โดยร้อยละ 80 เป็นแป้งข้าวโพด ส่วนแป้งมันสำปะหลังส่วนใหญ่ใช้ในอุตสาหกรรมการทำกระดาษ ในจีนมีอุตสาหกรรมหลากหลายประเภทที่ใช้แป้งมันสำปะหลังเป็นวัตถุดิบ ได้แก่ สารให้ความหวาน ซึ่งใช้ในอุตสาหกรรมอาหารเครื่องดื่ม และยาสีฟัน อุตสาหกรรมกระดาษ(โดยแป้งมันสำปะหลังจะเคลือบอยู่ประมาณร้อยละ 5 ของน้ำหนักกระดาษ) อุตสาหกรรมสิ่งทอ ซึ่งใช้ในการชุปด้ายที่ใช้สำหรับการทอผ้า การพิมพ์ผ้า และเพื่อเพิ่มความเงางามและคงทนของเนื้อผ้า อุตสาหกรรมกาว ซึ่งใช้ในอุตสาหกรรมสิ่งทอ อุตสาหกรรมกระดาษและไม้อัด

3.อุตสาหกรรมที่ใช้แป้งแปรรูปเป็นวัตถุดิบในการผลิต

ในการผลิตแป้งมันสำปะหลังแปรรูปนั้นเลือกใช้วัตถุดิบได้ 3 ลักษณะ คือ หัวมันสำปะหลัง แป้งดิบ(Native Starch) และมันเส้น ซึ่งการเลือกใช้วัตถุดิบแต่ละประเภทนั้นขึ้นอยู่กับฤดูการผลิตและราคาของวัตถุดิบแต่ละชนิด โดยปกติจะไม่นิยมใช้มันเส้นในการผลิตแป้งแปรรูป เนื่องจากคุณภาพแป้งจะต่ำกว่าปกติ และต้นทุนการผลิตอยู่ในเกณฑ์สูง ยกเว้นในช่วงที่มีการขาดแคลนวัตถุดิบ เมื่อเปรียบเทียบคุณภาพแป้งดิบของไทยและเวียดนามแล้วพบว่าคุณภาพแป้งดิบของไทยนั้นดีกว่า แต่ไทยนั้นเสียเปรียบในเรื่องอัตราภาษีนำเข้า กล่าวคือ ไทยต้องเสียภาษีนำเข้าในอัตราร้อยละ 37.0 ในขณะที่เวียดนามเสียภาษีเพียงร้อยละ 18.5

ในบรรดาประเทศผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังไปยังจีน ไทยมีสัดส่วนร้อยละ 78.0 ของปริมาณการนำเข้าทั้งหมด เวียดนามร้อยละ 11.0 และอินโดนีเซียร้อยละ 8.0 อย่างไรก็ตามถ้าพิจารณาแยกประเภทของผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ดังนี้

– มันเส้นและมันอัดเม็ด
จีนนำเข้าจากไทยถึงร้อยละ 84.0 ขณะที่อินโดนีเซียมีส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 8.4 และเวียดนามร้อยละ 8.0 ซึ่งการนำเข้ามันเส้นและมันอัดเม็ดนั้นจีนนำเข้าเพื่อผลิตแอลกอฮอล์และทดแทนข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในกรณีที่ปีนั้นผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของจีนได้รับความเสียหาย หรือปริมาณการผลิตไม่เพียงพอกับความต้องการ
– แป้งดิบ
ไทยครองตลาดอันดับหนึ่งมีสัดส่วนตลาดร้อยละ 68.0 คู่แข่งสำคัญคือเวียดนาม
– โมดิฟายด์สตาร์ช
จีนนำเข้าจากไทยมากกว่าครึ่งหนึ่งของปริมาณนำเข้าทั้งหมด รองลงมา คือ เนเธอร์แลนด์ ฝรั่งเศส และเยอรมนี
– แป้งแปรรูป
นั้นเดิมไทยเคยครองตลาดเป็นอันดับหนึ่ง โดยครอบครองส่วนแบ่งตลาดเกือบร้อยละ 40 แต่ปัจจุบันเวียดนามแย่งส่วนแบ่งตลาดไปจากไทย และกลายเป็นผู้ส่งออกแป้งแปรรูปไปยังจีนมากเป็นอันดับหนึ่ง โดยมีส่วนแบ่งตลาดเกือบร้อยละ 50.0
– สาคู
ไทยส่งออกไปจีนมากที่สุดครองสัดส่วนตลาดถึงร้อยละ 80 คู่แข่งสำคัญคือ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สหรัฐฯและอินโดนีเซีย

ปัจจุบันโอกาสในการขยายการส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังไปยังจีนนั้นยังมีอีกมาก โดยมีการคาดการณ์ว่าในช่วงระยะ 10 ปีข้างหน้าจีนจะมีความต้องการผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังไม่น้อยกว่าปีละ 10 ล้านตัน อย่างไรก็ตามผู้ประกอบการในธุรกิจผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังของไทยต้องเร่งปรับตัวเพื่อสร้างโอกาสในการขยายตลาดผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังในจีน โดยมันเส้นที่จีนต้องการนั้นเป็นมันเส้นที่มีคุณภาพดี หรือมันเส้นสะอาด ซึ่งรัฐบาลมี“โครงการผลิตมันเส้นสะอาด”เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2544 มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและพัฒนาการผลิตมันสำปะหลังของไทยให้มีคุณภาพดี สอดคล้องเหมาะสมกับความต้องการให้เป็นอาหารสัตว์ และอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น อุตสาหกรรมผลิตแอลกอฮอล์ อุตสาหกรรมการผลิตกรดมะนาว เป็นต้น โดยราคามันเส้นสะอาดจะซื้อขายอยู่ที่ประมาณ 2.60-2.70 บาทต่อกิโลกรัม ในขณะที่ปกติราคาหัวมันสดจะอยู่ที่ 0.90-1.00 บาทต่อกิโลกรัม ผลต่างของราคาซื้อขายระหว่างหัวมันสดกับมันเส้นสะอาดนี้ จะทำให้เกษตรกรหันมาสนใจผลิตมันเส้นสะอาดมากขึ้น นอกจากนี้ทางกระทรวงเกษตรฯยังมีการสนับสนุนให้เกษตรกรหันมาปลูกมันสำปะหลังพันธุ์ดี ทั้งนี้เพื่อให้ปริมาณผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่เพิ่มขึ้น และยังเป็นการเพิ่มเปอร์เซนต์แป้งในหัวมันสดด้วย ซึ่งทำให้ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังของไทยเป็นที่ต้องการของตลาดมากขึ้น

นอกจากการปรับการผลิตมันเส้นเป็นมันเส้นสะอาด และการสนับสนุนการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ซึ่งจะเป็นการเพิ่มโอกาสในการส่งออกมันเส้นไปยังตลาดจีนแล้ว ปัจจัยหนุนที่เพิ่มโอกาสในการส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังไปยังตลาดจีนคือ

– ภาษีนำเข้าผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังของไทยมีแนวโน้มลดลง
จากข้อตกลงเขตการค้าเสรีไทยจีน ทำให้ภาษีนำเข้ามันเส้นของไทยลดลงเหลือร้อยละ 0 มาตั้งแต่ช่วงเดือนตุลาคม 2546 ซึ่งเท่ากับว่าทำให้ไทยมีความได้เปรียบในการแข่งขันกับคู่แข่งอย่างอินโดนีเซียและเวียดนาม อย่างไรก็ตามสิ่งต้องพึงระวังคือ ทั้งเวียดนามและอินโดนีเซียจะได้รับการลดภาษีนำเข้ามันเส้นเหลือร้อยละ 0 ตามข้อผูกพันการเปิดเขตการค้าเสรีอาเซียน-จีนตั้งแต่ 1 มกราคม 2549 ดังนั้นภาวะการแข่งขันของตลาดมันเส้นในจีนน่าจะกลับมารุนแรงอีกครั้ง

– การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของอุตสาหกรรมการเลี้ยงสัตว์ของจีน
เนื่องจากธุรกิจปศุสัตว์ในจีนส่วนใหญ่ยังคงมีลักษณะการเลี้ยงในครัวเรือน(Backyard Producers) โดยจีนมีสัดส่วนการเลี้ยงไก่เนื้อในลักษณะการเลี้ยงในครัวเรือนร้อยละ 52 ของการเลี้ยงไก่เนื้อ และเลี้ยงสุกรร้อยละ 74 ของปริมาณการเลี้ยงทั้งหมด แต่ในปัจจุบันการธุรกิจปศุสัตว์ในลักษณะเป็นฟาร์มขนาดใหญ่มีการขยายตัวอย่างมาก ทั้งนี้เพื่อตอบสนองความต้องการบริโภคเนื้อสัตว์ในประเทศจีนที่มีแนวโน้มสูงขึ้น ซึ่งการขยายตัวของธุรกิจการเลี้ยงปศุสัตว์ในเชิงพาณิชย์นี้ทำให้คาดว่าความต้องการวัตถุดิบอาหารสัตว์มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และมีแนวโน้มว่ามันเส้นจะเข้าไปทดแทนข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ได้บางส่วน เนื่องจากปริมาณข้าวโพดเลี้ยงสัตว์นั้นจะไม่เพียงพอกับความต้องการของธุรกิจอาหารสัตว์ คาดว่าความต้องการมันเส้นในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ในจีนจะเพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 0.84 จนถึงปี 2563
-การคาดการณ์ว่าปริมาณความต้องการแป้งมันสำปะหลังประเภทต่างๆในจีนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ทั้งความต้องการเพื่อการบริโภค(ทั้งในลักษณะแป้งโดยตรงและสาคูจากแป้งมันสำปะหลัง) และการใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับอุตสาหกรรมประเภทต่างๆ

ดังนั้นจีนจะยังคงเป็นประเทศที่เป็นตลาดสำคัญของการส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังของไทยต่อไป เนื่องจากผู้ประกอบการในธุรกิจผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังปรับระบบการผลิต ทั้งนี้เพื่อขยายโอกาสในการส่งออก รวมทั้งปัจจัยเอื้อจากการคาดการณ์ความต้องการทั้งมันเส้นและแป้งมันสำปะหลังของจีนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จากการขยายตัวของการบริโภคและอุตสาหกรรมต่างๆในจีน นอกจากนี้ไทยยังได้เปรียบคู่แข่งจากข้อตกลงเขตการค้าเสรีไทย-จีนที่ทำให้อัตราภาษีนำเข้ามันเส้นของไทยลดลงเหลือร้อยละ 0 อย่างไรก็ตามสิ่งต้องพึงระวังคือ คู่แข่งสำคัญของมันเส้นในจีน คือ เวียดนามและอินโดนีเซียนั้นจะได้รับการลดภาษีนำเข้ามันเส้นเหลือร้อยละ 0 ตามข้อผูกพันการเปิดเขตการค้าเสรีอาเซียน-จีนตั้งแต่ 1 มกราคม 2549 ดังนั้นภาวะการแข่งขันของตลาดมันเส้นในจีนน่าจะกลับมารุนแรงอีกครั้ง ส่วนการแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดผลิตภัณฑ์แป้งมันสำปะหลังนั้นผู้ประกอบการของไทยยังคงต้องเร่งหากลยุทธ์ในการเจาะขยายตลาดในจีน

มูลค่าการส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังไปตลาดจีน
: ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
2543 2544 2545 2546 2547 มค.-สค.2548
มันอัดเม็ดและมันเส้นโดยรวม
ตลาดจีน
สัดส่วนตลาด(ร้อยละ) 195.4
3.7
1.9 262.2
95.4
36.4 191.0
102.8
53.8 251.7
129.1
51.3 376.1
213.6
56.8 226.0
205.1
90.8
แป้งมันสำปะหลังโดยรวม
ตลาดจีน
สัดส่วนตลาด(ร้อยละ) 155.6
8.4
5.4 142.7
8.9
6.2 149.9
7.0
33.2 180.4
8.2
24.2 206.1
25.0
24.0 136.5
22.6
25.6
เด็กตรินและโมดิไฟด์สตาร์ซโดยรวม
ตลาดจีน
สัดส่วนตลาด(ร้อยละ) 158.1
18.9
12.0 168.0
19.0
11.3 182.2
27.7
15.2 210.8
32.1
15.2 261.9
43.1
16.5 183.0
27.1
14.8
ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังอื่นๆโดยรวม
ตลาดจีน
สัดส่วนตลาด(ร้อยละ) 3.8

– 4.3

– 5.1

– 8.9

– 19.0

– 20.8
5.3
25.5
ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังทั้งหมด
ตลาดจีน
สัดส่วนตลาด(ร้อยละ) 512.9
31.1
6.1 577.2
123.3
21.4 528.2
137.6
26.1 651.8
169.4
26.0 863.2
281.8
36.7 566.3
260.2
46.0
ที่มา : กระทรวงพาณิชย์
หมายเหตุ : ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังอื่นๆ หมายถึง หัวมันสำปะหลัง สาคู และเศษมันสำปะหลัง