ซูริมิ : ตลาดขยายตัวดี..แต่มีปัญหาด้านวัตถุดิบ

ซูริมิเป็นเนื้อปลาบดที่ผ่านการล้างน้ำและสะเด็ดน้ำ เพื่อแยกเอาสารประกอบที่ไม่ต้องการออก เช่น ไขมันและโปรตีนที่ไม่มีคุณสมบัติในการเกิดเจล เพื่อให้เหลือเฉพาะโปรตีนที่มีคุณสมบัติในการเกิดเจล ซึ่งจะทำให้ซูริมิที่ผลิตได้มีคุณภาพดีคือ มีความเหนียวและยืดหยุ่น เป็นต้น ซึ่งผู้บริโภคจะพบเห็นซูริมิเฉพาะในลักษณะของผลิตภัณฑ์ที่แปรรูปแล้ว เช่น ลูกชิ้น ไส้กรอก ปลาเส้น เนื้อปลาเทียม เนื้อกุ้งเทียม เนื้อปูเทียมหรือปูอัด เป็นต้น ปัจจุบันความต้องการซูริมิและผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้นทั้งตลาดในประเทศและตลาดต่างประเทศ เนื่องจากเป็นอาหารทะเลที่มีราคาถูกเมื่อเปรียบเทียบกับอาหารทะเลชนิดอื่นๆ และมีปริมาณไขมันต่ำ จึงจัดเป็นอาหารสุขภาพที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมระดับไขมันในเลือดและควบคุมน้ำหนัก เดิมนั้นไทยส่งออกในรูปของซูริมิเพื่อให้ประเทศปลายทางนำไปเป็นวัตถุดิบในการผลิตผลิตภัณฑ์แปรรูปจากซูริมิ แต่ปัจจุบันมีการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป ซึ่งเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ และยังเป็นการหาผลิตภัณฑ์ใหม่ในการป้อนตลาดด้วย เนื่องจากสอดคล้องกับกระแสการรักษาสุขภาพที่ผู้บริโภคหันมานิยมรับประทานเนื้อปลาและผลิตภัณฑ์กันมากขึ้นเมื่อเทียบกับเนื้อสัตว์ประเภทอื่นๆ ซูริมิและผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในประเทศไทยได้รับการยอมรับในด้านคุณภาพ ทำให้ปัจจุบันไทยก้าวขึ้นเป็นผู้ส่งออกซูริมิและผลิตภัณฑ์อันดับสองของโลกรองจากสหรัฐฯ

ผลิตซูริมิ…กรรมวิธีไม่ซับซ้อน

กรรมวิธีการผลิตซูริมิเริ่มจากการนำเนื้อปลาบดที่ผ่านการล้างด้วยน้ำ โดยแยกกระดูก เครื่องในและสิ่งที่ไม่ต้องการออก เช่น โปรตีนที่ละลายน้ำ เม็ดสี เอนไซม์ เป็นต้น โดยเหลือโปรตีนชนิดเดียวคือ Myofibrillar Proteins ซึ่งเป็นโปรตีนที่มีคุณสมบัติในการเกิดเจล หลังจากนั้นนำมาบีบน้ำออกจนกระทั่งเนื้อปลามีความชื้นไม่เกินร้อยละ 80 เนื้อปลาที่ได้จะผ่านเครื่องกรองเพื่อกำจัดก้าง เกล็ด หนัง และเยื่อบุท้อง แล้วนำมาบดผสมกับสารป้องกันการสูญเสียสภาพธรรมชาติของโปรตีน ทั้งนี้เพื่อยืดอายุการเก็บรักษาโดยการแช่แข็งให้นานขึ้น ผลิตภัณฑ์ที่ได้คือ เนื้อปลาบดสีขาว มีกลิ่นและรสของเนื้อปลาเจือจางกว่าเนื้อปลาสด ปัจจุบันมีหลากหลายอุตสาหกรรมที่ใช้ซูริมิเป็นวัตถุดิบ โดยผลิตภัณฑ์เหล่านี้ต้องการลักษณะเนื้อที่เหนียว นุ่ม และยืด-หยุ่น ได้แก่ ลูกชิ้น ไส้กรอก ทอดมัน เนื้อปูเทียม และอาหารประเภทเนื้อเทียมอื่นๆ โดยเฉพาะญี่ปุ่นมีการนำ ซูริมิมาแปรรูปเป็นลูกชิ้นปลาคามาโบโกะ(Kamaboko)คือลูกชิ้นปลาที่มักจะหั่นเป็นแผ่นบางๆเพื่อแต่งหน้าบะหมี่ญี่ปุ่น และลูกชิ้นปลาชิกูวะ(Chikuwa)คือลูกชิ้นปลาลักษณะเป็นแท่งทรงกระบอก หลังจากนั้นคนญี่ปุ่นจึงหันมานิยมรับประทานผลิตภัณฑ์จากซูริมิโดยเฉพาะเนื้อปูเทียมหรือปูอัด ส่วนทางสหรัฐฯและยุโรปนิยมบริโภคในลักษณะเนื้อปูเทียม เนื้อกุ้งเทียม และเนื้อหอยเทียม

ปัจจุบันการผลิตซูริมิในประเทศไทยเผชิญปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบ เนื่องจากเรือประมงออกจับปลาน้อยลง อันเป็นผลมาจากต้นทุนการทำประมงที่สูงขึ้นจากผลกระทบของราคาน้ำมัน ส่งผลให้ราคาปลาที่ใช้เป็นวัตถุดิบมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ประเทศผู้นำเข้าเริ่มหันไปซื้อซูริมิและผลิตภัณฑ์จากประเทศคู่แข่งที่มีราคาต่ำกว่า อย่างไรก็ตามปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบในการผลิตซูริมินั้นนับว่าเป็นปัญหาที่ประเทศที่ผลิตซูริมิต้องเผชิญด้วยกันอันเป็นผลมาจากผู้บริโภคหันมานิยมบริโภคเนื้อปลามากขึ้น ทำให้ประเทศต่างๆหันไปผลิตเนื้อปลาสดแช่เย็นแช่แข็งทั้งในลักษณะปลาทั้งตัวและเนื้อปลาแล่มากขึ้น โดยเฉพาะสหรัฐฯนั้นปรับลดการผลิตซูริมิลงและหันไปผลิตเนื้อปลาแล่มากขึ้น ทั้งนี้เพื่อตอบความสนองความต้องการเนื้อปลาแล่ที่เพิ่มมากขึ้นในตลาดยุโรป นอกจากนี้ต้นทุนการทำประมงที่สูงขึ้นอันเป็นผลมาจากราคาน้ำมันที่แพงขึ้นมากนั้นทำให้บรรดาชาวประมงหันไปจับปลาที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจมากกว่าปลาที่นำมาเป็นวัตถุดิบในการผลิตซูริมิ

ตลาดซูริมิโลก…ผลิตเฉลี่ยปีละ 5.5-6 แสนตัน

ปริมาณการผลิตซูริมิในตลาดโลกเฉลี่ย 550,000-600,000 ตันต่อปี ซูริมิที่ผลิตได้แบ่งเกรดคุณภาพตามปลาที่ใช้เป็นวัตถุดิบ ซึ่งโดยทั่วไปจะแบ่งเป็นซูริมิคุณภาพพรีเมี่ยมที่ผลิตจากปลาAlaska pollock เนื่องจากเป็นปลาที่มีไขมันต่ำ เนื้อสีขาว มีเจลที่มีความแข็งแรง และมีความยืดหยุ่นสูงมาก โดยประมาณครึ่งหนึ่งเป็นซูริมิที่ผลิตจากปลาAlaska pollock สหรัฐฯซึ่งเป็นประเทศที่ส่งออกซูริมิเป็นอันดับหนึ่งของโลกนั้นผลิตซูริมิจากปลาประเภทนี้และมีกำลังการผลิตเฉลี่ย 150,000 ตันต่อปี และสหรัฐฯส่งออกซูริมิเฉลี่ย 140,000 ตันต่อปี ส่วนอีกประเภทหนึ่งจะเป็นซูริมิที่ไม่ได้ผลิตจากปลาAlaska pollock ซึ่งเป็นซูริมิที่ผลิตได้จากประเทศในแถบเอเชีย โดยไทยใช้ปลาทรายแดงเป็นวัตถุดิบ นอกจากนี้ยังมีการใช้ปลาทะเลที่สามารถนำมาเป็นวัตถุดิบในการทำซูริมิ เช่น ปลาตาโต ปลาดาบลาว ปลาจวด ปลาตาหวาน ปลาไล้กอ ปลาข้างเหลือง เป็นต้น โดยต้องเป็นปลาทะเลที่เนื้อขาวและราคาไม่แพงมากนัก

ส่วนปลาน้ำจืดนั้นใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตซูริมิไม่ได้เนื่องจากปัญหากลิ่นโคลน เนื้อปลาไม่มีความเหนียวและเนื้อไม่ขาว คุณภาพของซูริมินอกจากจะขึ้นอยู่กับประเภทของปลาที่นำมาเป็นวัตถุดิบในการผลิตแล้ว ยังขึ้นอยู่กับฤดูการจับปลา การขนส่งปลา และขบวนการผลิตด้วย ปัจจุบันการผลิตซูริมิในประเทศไทยจะได้ผลผลิตประมาณร้อยละ 22-32 ของน้ำหนักปลาสด ส่วนผลิตภัณฑ์ที่ใช้ซูริมิเป็นวัตถุดิบในประเทศ ได้แก่ ลูกชิ้นปลา ลูกชิ้นกุ้ง เนื้อปูเทียม ทอดมันปลา และเนื้อปลาบดชุบขนมปังป่น

ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่บริโภคซูริมิ และผลิตภัณฑ์จากซูริมิรายใหญ่ที่สุดในโลก โดยญี่ปุ่นมีความต้องการบริโภคซูริมิเฉลี่ย 400,000 ตันต่อปี ในขณะที่แต่ละปีญี่ปุ่นสามารถผลิตซูริมิได้เพียง 110,000 ตันต่อปีเท่านั้น ที่เหลือจึงต้องพึ่งพาการนำเข้า แหล่งนำเข้า 3 อันดับแรกคือ สหรัฐฯ ไทย และอาร์เจนตินา ส่วนคู่แข่งขันสำคัญที่กำลังมาแรงในตลาดนี้คือ จีน อินเดีย ชิลี เวียดนาม อินโดนีเซีย และพม่า ผลิตภัณฑ์จากซูริมิในตลาดญี่ปุ่นร้อยละ 70 จะใช้ในร้านอาหาร/ภัตตาคาร และอีกร้อยละ 30 ขายปลีกให้กับผู้บริโภคทั่วไป

นอกจากญี่ปุ่นแล้วตลาดส่งออกซูริมิที่น่าสนใจคือ เกาหลีใต้ที่มีความต้องการนำเข้าซูริมิเฉลี่ย 100,000 ตันต่อปี ส่วนตลาดอื่นๆที่อัตราการขยายตัวของการนำเข้าซูริมิเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วคือ สหภาพยุโรป โดยเฉพาะสเปนและฝรั่งเศส ซึ่งความต้องการนำเข้าซูริมิของสหภาพยุโรปตั้งแต่ปี 2546 อยู่ในระดับประมาณ 80,000 ตันต่อปี จากที่เคยอยู่ในระดับเฉลี่ยเพียง 23,000 ตันต่อปีเท่านั้น ซึ่งในตลาดสหภาพยุโรปนั้นไทยครองตลาดเป็นอันดับหนึ่ง รองลงมาคือ สหรัฐฯ เนื่องจากสหภาพยุโรปหันมานิยมผลิตภัณฑ์แปรรูปจากซูริมิ ในขณะที่สหรัฐฯส่งออกซูริมิแช่เย็นแช่แข็งเป็นส่วนใหญ่ คู่แข่งสำคัญของไทยในตลาดนี้คือ เกาหลีใต้ และจีน อย่างไรก็ตามคาดการณ์ว่าอนาคตการส่งออกผลิตภัณ์ซูริมิของไทยในตลาดสหภาพยุโรปยังสดใส เนื่องจากได้รับอานิสงส์จากสหภาพยุโรปคืนสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรหรือจีเอสพีให้กับไทย ทำให้ไทยมีความได้เปรียบในเรื่องภาษีนำเข้าเมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่ง

ไทยผลิตซูริมิได้เป็นอันดับสองของโลก

อุตสาหกรรมผลิตซูริมิในประเทศไทยเริ่มมาประมาณ 20 กว่าปีแล้ว ปัจจุบันประเทศไทยสามารถผลิตซูริมิได้มากเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากสหรัฐฯ มีโรงงานผลิตซูริมิ 18 โรงงาน กำลังการผลิตซูริมิประมาณ 100,000 ตันต่อปี และยังคงสามารถขยายกำลังการผลิตได้ เนื่องจากยังคงมีความต้องการทั้งตลาดในประเทศและตลาดต่างประเทศ เนื่องจากซูริมิที่ผลิตได้ในไทยนั้นได้มาตรฐานและคุณภาพดีเป็นที่ยอมรับจากต่างประเทศ โดยจัดเป็นผลิตภัณฑ์เกรดสูง ตลาดหลักส่งออกซูริมิของไทยคือ ญี่ปุ่น ซึ่งทางญี่ปุ่นกำหนดชนิดของปลาที่นำมาทำการผลิต คือ ปลาทรายแดง ปลาจวด ปลาปากคม และปลาตาหวาน

สำหรับซูริมิที่ผลิตในประเทศไทยส่งออกเกือบทั้งหมด ส่วนตลาดในประเทศของ ซูริมิส่วนใหญ่อยู่ในรูปของเนื้อปูเทียม คาดว่าความต้องการบริโภคซูริมิในประเทศประมาณ 50 ตันต่อปี คิดเป็นมูลค่าตลาดซูริมิประมาณ 10 ล้านบาทต่อปี อย่างไรก็ตามเนื้อปลาบดที่ผลิตได้ในประเทศส่วนใหญ่นำไปผลิตผลิตภัณฑ์ปลาอื่นๆ โดยเฉพาะลูกชิ้น ซึ่งปัจจุบันมีโรงงานผลิตลูกชิ้นปลาทั่วประเทศ 69 โรงงาน กำลังการผลิตประมาณ 4,000 ตันต่อปี

ปัญหาที่สำคัญในอุตสาหกรรมซูริมิและผลิตภัณฑ์ มีดังนี้

1.ปัญหาด้านการผลิต สำหรับปัญหาในการผลิตซูริมิพอจะสรุปได้ดังนี้

1.1.ปลาที่เหมาะสมกับการใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตซูริมิกำลังจะหมดไปจากท้องทะเลไทย โดยปลามีขนาดเล็กลงและปริมาณไม่สม่ำเสมอตลอดทั้งปี วัตถุดิบในการผลิตซูริมิส่วนใหญ่ได้มากจากการทำประมงนอกน่านน้ำ อย่างไรก็ตามการที่ได้วัตถุดิบจากการทำประมงนอกน่านน้ำทำให้ความสดของวัตถุดิบนั้นลดลง กล่าวคือการทำประมงในน่านน้ำอินโดนีเซียแล้วแช่แข็งปลากลับมาผลิตซูริมิในไทย ทำให้ต้องเก็บรักษาปลาเป็นระยะเวลา 7-10 วัน ความสดของปลาลดลง ซึ่งผลิตภัณฑ์ซูริมิที่ได้มีคุณภาพต่ำ โดยวัดได้จากความแข็งแรงของเจล ความยืดหยุ่นของเจล และสีของเจล ทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายและเวลาเพิ่มขึ้นในกระบวนการผลิต เป็นผลให้ราคาของวัตถุดิบมีแนวโน้มสูงขึ้น นอกจากนี้อาจมีปัญหาวัตถุดิบในอนาคต เนื่องจากถ้ามีปัญหาในเรื่องการทำประมงนอกน่านน้ำกับประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้งในปัจจุบันราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มสูงขึ้นส่งผลให้ต้นทุนในการทำประมงเพิ่มขึ้นด้วย

ซึ่งในการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบต้องเร่งให้มีการเจรจาในเรื่องการทำประมงนอกน่านน้ำกับประเทศเพื่อนบ้าน และในระยะยาวต้องเร่งลงทุนสร้างกองเรือประมงของไทยเพื่อออกทำการประมงในน่านน้ำสากลเพื่อให้มีปริมาณปลาที่จะป้อนโรงงานเพิ่มขึ้น ในส่วนของการแก้ปัญหาเรื่องคุณภาพของวัตถุดิบเพื่อให้ได้วัตถุดิบที่ยังคงความสดเมื่อถึงโรงงาน โดยการดำเนินการในการให้ความรู้กับชาวประมงในเรื่องการรักษาคุณภาพปลาเมื่อจับได้แล้ว และส่งเสริมให้มีการลงทุนสร้างห้องเย็นในเรือประมงด้วย

1.2.ปัจจุบันหลายประเทศให้ความสนใจในการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตซูริมิ ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนว่าไทยต้องเร่งพัฒนาและรักษามาตรฐานของผลิตภัณฑ์เพื่อหลีกหนีการแข่งขันที่คาดว่าจะรุนแรงขึ้น ขณะเดียวกันการลดต้นทุนการผลิตให้ต่ำลงโดยใช้วัตถุดิบให้มีเศษเหลือทิ้งน้อย หรือใช้ทุกส่วนให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่น เอาเนื้อติดกระดูกและเศษเนื้อในน้ำล้างมาทำซูริมิ ใช้กระดูกทำแคลเซี่ยม สกัดไขมันทำเป็นน้ำมันปลา สกัดเจลาตินจากหนังปลา มีการนำน้ำที่ใช้ในกระบวนการผลิตกลับมาใช้ใหม่ เป็นต้น ซึ่งวิธีการดังกล่าวช่วยเพิ่มผลผลิตและทำกำไรให้กับโรงงานเพิ่มขึ้น แทนที่จะนำเอาเศษเหลือทิ้งไปขายให้กับโรงงานปลาป่น ซึ่งได้ราคาเพียงกิโลกรัมละ 2-3 บาท นับว่าไม่คุ้มกับคุณค่าของวัตถุดิบ

2.ปัญหาด้านการตลาด ปัญหาการตลาดซูริมิที่สำคัญมีดังนี้

2.1ราคาซูริมิเริ่มตกต่ำลงตั้งแต่ช่วงปี 2546 และมีแนวโน้มจะตกต่ำอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากญี่ปุ่นมีอำนาจในการกำหนดราคา โดยวิธีนำราคาของอินเดียซึ่งถูกที่สุดมาต่อรองราคากับไทยและสหรัฐฯ ปัจจุบันไทยมีคู่แข่งสำคัญเพิ่มขึ้นคือ อินเดีย เวียดนาม และพม่า ซึ่งคู่แข่งทั้งสามประเทศนี้มีความได้เปรียบไทยในเรื่องปริมาณปลาที่ใช้เป็นวัตถุดิบ อย่างไรก็ตามคุณภาพของซูริมิที่ผลิตได้นั้นยังต่ำกว่าไทย พม่าปัจจุบันมีโรงงานผลิตซูริมิเปิดดำเนินการผลิตแล้ว 2 โรงงาน

แนวทางแก้ไขคือ ผู้ผลิตซูริมิและผลิตภัณฑ์ในไทยมีการรวมตัวกันเป็นคณะอนุกรรมการซูริมิและผลิตภัณฑ์ปลา สมาคมอาหารแช่เยือกแข็งไทย ทั้งนี้เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับอุตสาหกรรม โดยหาแนวทางในการพัฒนาและยกระดับการผลิตเนื้อปลาบดแช่เย็นแช่แข็งเพื่อการส่งออก และสร้างอำนาจการต่อรอง โดยการแลกเปลี่ยนข่าวสารข้อมูลด้านราคาซึ่งกันและกัน ทั้งนี้เพื่อสร้างมาตรฐานราคาจำหน่ายเนื้อปลาบดในตลาดต่างประเทศ นอกจากนี้ยังต้องร่วมมือกับสหรัฐฯเพื่อสร้างอำนาจการต่อรองในด้านราคาในตลาดญี่ปุ่นด้วย

2.2แม้ว่าในปัจจุบันไทยจะสามารถส่งออกซูริมิ แต่ซูริมิที่ส่งออกส่วนใหญ่เป็นซูริมิคุณภาพดีเท่านั้น นอกจากนี้ก็ยังมีการนำเข้าซูริมิจากต่างประเทศ เนื่องจากผู้บริโภคในประเทศบางกลุ่มยังติดยึดกับยี่ห้อสินค้าจากต่างประเทศ

แนวทางในการแก้ไขคือ ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้คนไทยยอมรับในซูริมิที่ผลิตภายในประเทศมากขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับรสนิยมคนไทยที่หันมาบริโภคอาหารญี่ปุ่นมากขึ้น การผลิตซูริมิในไทยต้องมีการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตเพื่อรักษาคุณภาพของสินค้าให้เป็นที่ยอมรับอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยข้อจำกัดด้านวัตถุดิบทั้งในด้านปริมาณและคุณภาพ ในขณะที่ตลาดต่างประเทศยอมรับเฉพาะผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงเท่านั้น สิ่งที่ต้องทำควบคู่กันไปคือการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชนิดคุณภาพรองลงมาเพื่อป้อนกับอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เช่น ลูกชิ้น ทอดมัน เป็นต้น รวมทั้งเป็นวัตถุดิบป้อนอุตสาหกรรมผลิตอาหารพร้อมบริโภค ทั้งนี้เพื่อเพิ่มมูลค่าของเนื้อปลา ยืดระยะเวลาการเก็บรักษาและเป็นการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดได้อย่างเต็มที่ ซึ่งผลิตภัณฑ์เหล่านี้สามารถขายได้ภายในประเทศ และยังสามารถส่งออกได้โดยเฉพาะตลาดประเทศเพื่อนบ้านที่มีลักษณะการบริโภคคล้ายกันได้อีกด้วย

บทสรุป

ซูริมิและผลิตภัณฑ์นับว่าเป็นผลิตภัณฑ์ประมงที่น่าสนใจ เนื่องจากความต้องการของตลาดทั้งในประเทศและตลาดส่งออกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อันเป็นผลมาจากความนิยมบริโภคเนื้อปลาและผลิตภัณฑ์ในฐานะที่เป็นอาหารเพื่อสุขภาพ แม้ว่าในปัจจุบันอุตสาหกรรมผลิตซูริมิจะต้องเผชิญกับปัญหาทางการผลิตและการตลาดหลากหลายประการ ซึ่งปัญหาสำคัญคือ ปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบ ในขณะที่ความต้องการของตลาดกำลังมีแนวโน้มขยายตัว และปัญหาการแข่งขันที่มีแนวโน้มรุนแรงขึ้นจากประเทศผู้ผลิตรายใหม่ แต่รัฐบาลและผู้ประกอบการในประเทศร่วมมือกันหาแนวทางแก้ไขโดยการเจรจาสัมปทานประมงในประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งนี้เพื่อหาวัตถุดิบมาป้อนโรงงาน และในระยะยาวต้องเร่งลงทุนสร้างกองเรือประมงของไทยเพื่อทำการประมงในน่านน้ำสากล สำหรับการเผชิญการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นนั้นผู้ประกอบการของไทยต้องเร่งพัฒนาความหลากหลายและรักษามาตรฐานของผลิตภัณฑ์ ทั้งนี้เพื่ออนาคตที่สดใสของอุตสาหกรรมนี้