ปี 2549 นับว่าเป็นปีที่ท้าทายสำหรับภาคเกษตรกรรม เนื่องจากคาดการณ์ว่าภาคเกษตรกรรมต้องเผชิญกับปัญหาและปัจจัยเสี่ยงหลากหลายประการ โดยเฉพาะการส่งออกสินค้าเกษตรกรรม อันเป็นผลมาจากการคาดการณ์ว่าปริมาณการผลิตสินค้าเกษตรกรรมสำคัญมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ในขณะที่การส่งออกต้องเผชิญกับปัญหาการแข่งขันที่รุนแรง เนื่องจากคาดว่าปริมาณการผลิตสินค้าเกษตรในประเทศคู่แข่งของไทยก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเช่นกัน ทำให้ประเทศคู่ค้ามีอำนาจในการต่อรองในด้านราคา ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้ราคาสินค้าเกษตรกรรมโดยเฉลี่ยในปี 2549 มีแนวโน้มลดลง
สินค้าส่งออกที่น่าเป็นห่วงคือ สินค้าในหมวดกสิกรรมโดยเฉพาะข้าว ส่วนสินค้าปศุสัตว์แม้จะมีการคาดการณ์ว่ามูลค่าการส่งออกจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น แต่ต้องเผชิญกับความเสี่ยงที่ผู้บริโภคในต่างประเทศอาจจะลดการบริโภคผลิตภัณฑ์ไก่ อันเป็นผลมาจากความหวาดวิตกในเรื่องการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดนก ส่วนสินค้าประมงก็หันไปส่งออกยังตลาดสหภาพยุโรปมากขึ้น แม้ว่าจะคาดการณ์ว่าจะมีแนวโน้มส่งออกได้มากขึ้น แต่ก็เผชิญกับความเสี่ยงเนื่องจากตลาดสหภาพยุโรปมีความเข้มงวดอย่างมากในเรื่องสุขอนามัย โดยเฉพาะปัญหาในเรื่องสารตกค้างในผลิตภัณฑ์ และยังมีเกณฑ์ที่เข้มงวดในการตรวจสอบย้อนกลับไปถึงฟาร์มที่ผลิต ทำให้ผู้ส่งออกต้องระมัดระวังอย่างมากในการส่งออก
อย่างไรก็ตามคาดการณ์ว่าการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมเกษตรยังมีการเติบโตอย่างโดดเด่นต่อเนื่องจากในปี 2548 เนื่องจากมีปัจจัยหนุนหลายด้าน โดยเฉพาะความต้องการของผู้บริโภคในต่างประเทศเริ่มหันมารับประทานเนื้อปลามากขึ้น จากความวิตกในเรื่องไข้หวัดนกและกระแสการรักษาสุขภาพ ทำให้คาดว่าอาหารทะเลกระป๋องและแปรรูปจะมีการขยายตัวในการส่งออกอย่างมาก ดังนั้นจึงอาจกล่าว
ได้ว่าในปี 2549 สินค้าอุตสาหกรรมเกษตรนั้นเป็นตัวดึงให้ภาคเกษตรกรรมยังมีการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าการส่งออกในภาคเกษตรกรรมจะชะลอตัวลงไม่เติบโตอย่างโดดเด่นเช่นในปี 2546-2547
ปริมาณการผลิตปี 2548/49 ขยายตัว…อานิสงส์จากราคาอยู่ในเกณฑ์สูงในปีเพาะปลูก 2548/49 คาดว่าปริมาณการผลิตสินค้าเกษตรสำคัญเพิ่มขึ้น จากการขยายพื้นที่เพาะปลูกตามความต้องการของตลาดและราคาที่จูงใจ รวมทั้งการคาดการณ์ว่าปริมาณน้ำมีเพียงพอกับการเพาะปลูกและสภาพอากาศเอื้ออำนวยต่อการเพาะปลูก เช่น ข้าว มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน เป็นต้น ในขณะที่สินค้าเกษตรบางประเภทมีปริมาณการผลิตลดลง อันเป็นผลมาจากพื้นที่ปลูกลดลง โดยเฉพาะอ้อยโรงงานและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เนื่องจากเกษตรกรหันไปปลูกพืชอื่นๆที่ให้ผลตอบแทนทางเศรษฐกิจดีกว่าโดยเฉพาะมันสำปะหลัง นอกจากนี้พืชเศรษฐกิจที่สำคัญบางประเภทมีการขยายการปลูกตามนโยบายพืชพลังงานทดแทน โดยเฉพาะมันสำปะหลังและปาล์มน้ำมัน
อย่างไรก็ตาม คาดการณ์ผลผลิตยางพาราปี 2549 มีประมาณ 2.97 ล้านตัน ลดลงจากปีที่แล้วร้อยละ 1.3 แม้ว่าต้นยางที่ปลูกทดแทนอยู่ในช่วงให้ผลผลิตสูง แต่ผลผลิตลดลงเนื่องจากเหตุการณ์ไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งทำให้ผลผลิตใน 3 จังหวัดนี้ลดลงร้อยละ 20.0 นอกจากนี้ผลผลิตยางในส่วนอื่นๆต้องรอต้นยางฟื้นตัวจากที่ประสบปัญหาภาวะฝนทิ้งช่วงในปี 2547-2548
ส่วนปริมาณการผลิตปศุสัตว์ที่สำคัญโดยเฉพาะไก่เนื้อ ไก่ไข่ และสุกรในปี 2549 คาดว่าจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เนื่องจากราคาในปี 2548 อยู่ในเกณฑ์สูงจูงใจให้มีการขยายการเลี้ยง รวมทั้งการคาดการณ์การส่งออกที่แจ่มใส โดยเฉพาะการส่งออกผลิตภัณฑ์ไก่แปรรูป และปริมาณการบริโภคในประเทศยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ ผู้บริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศยังคงมั่นใจในระบบการเลี้ยงและการผลิตของไทย ส่วนการผลิตสุกรนั้นคาดว่าจะเริ่มฟื้นตัวจากที่ปริมาณการผลิตสุกรลดลงในปี 2548 อันเป็นผลจากการเกิดโรคปากและเท้าเปื่อย
สำหรับการผลิตสินค้าประมงในปี 2549 คาดว่ามีแนวโน้มขยายตัว โดยเฉพาะกุ้ง ทั้งนี้ได้รับอานิสงส์มาจากการคาดการณ์ถึงการส่งออกที่จะอยู่ในเกณฑ์ดีในปี 2549 โดยเฉพาะการส่งออกไปยังตลาดสหภาพยุโรป ทำให้คาดว่าราคากุ้งในประเทศมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งเป็นแรงจูงใจให้มีการเลี้ยงกุ้งมากขึ้น โดยคาดว่าปริมาณการเลี้ยงกุ้งกุลาดำจะมีปริมาณเพิ่มขึ้น เนื่องจากผู้บริโภคในสหภาพยุโรปนั้นนิยมบริโภคกุ้งกุลาดำมากกว่ากุ้งขาว อย่างไรก็ตามเกษตรกรบางส่วนก็ยังคงเลี้ยงกุ้งขาวเพื่อป้อนตลาดอื่นๆ โดยเฉพาะตลาดสหรัฐฯ เนื่องจากผู้บริโภคในสหรัฐฯนิยมบริโภคกุ้งขาว และคาดว่าสหรัฐฯจะยังคงเป็นตลาดส่งออกหลักตลาดหนึ่งของไทยเช่นเดิม แม้ว่าจะยังคงมีปัญหาในเรื่องการเรียกเก็บภาษีตอบโต้การทุ่มตลาดก็ตาม
ส่วนปริมาณการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมเกษตรนั้นคาดว่าจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยได้รับอานิสงส์จากการคาดการณ์ว่าภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ทำให้คาดการณ์ว่าผู้บริโภคจะหันไปรับประทานอาหารสำเร็จรูปและอาหารกระป๋องเพิ่มขึ้น โดยสินค้าที่คาดว่าจะมียอดจำหน่ายเพิ่มขึ้น คือ ปลากระป๋อง ผักและผลไม้กระป๋อง
ส่งออกสินค้าเกษตรปี’49…อุตสาหกรรมเกษตรยังเป็นดาวเด่น
คาดการณ์ว่าการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรในปี 2549 เท่ากับ 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อเทียบกับในปีที่ผ่านมาแล้วเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.5 ทั้งนี้แยกเป็น
1.สินค้าอุตสาหกรรมเกษตร
ในปี 2549 คาดว่ามูลค่าการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมเกษตร 8,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อเทียบกับในปีที่ผ่านมาแล้วเพิ่มขึ้นร้อยละ 14.1 สินค้าอุตสาหกรรมเกษตรนับว่าเป็นดาวเด่นที่มีอัตราการขยายตัวของการส่งออกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยสินค้าอุตสาหกรรมเกษตรที่คาดว่าจะมีการขยายตัวของมูลค่าการส่งออกอยู่ในเกณฑ์สูง ได้แก่ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป โดยเฉพาะปลากระป๋อง และปลาแปรรูป ทั้งนี้เนื่องจากได้รับอานิสงส์จากกระแสอาหารเพื่อสุขภาพ
รวมทั้งกระแสการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดนกในหลายประเทศ ทำให้ผู้บริโภคหันมารับประทานอาหารประเภทปลาเพิ่มขึ้น ส่วนสินค้าอุตสาหกรรมเกษตรที่แม้ว่าในปัจจุบันจะมีมูลค่าการส่งออกไม่สูงมากนัก แต่ก็มีอัตราการขยายตัวของมูลค่าการส่งออกอยู่ในเกณฑ์สูง ได้แก่ผักกระป๋องและแปรรูป โดยเฉพาะข้าวโพดฝักอ่อนกระป๋องและข้าวโพดหวาน ผลิตภัณฑ์ข้าวสาลี โดยเฉพาะบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป อาหารสัตว์เลี้ยง สิ่งปรุงรสอาหาร ซุปและอาหารปรุงแต่ง เนื้อสัตว์และของปรุงแต่งจากเนื้อสัตว์ รวมทั้งโกโก้และของปรุงแต่ง
2.สินค้าเกษตรกรรม
การส่งออกสินค้าเกษตรกรรมในปี 2549 คาดว่ามีมูลค่า 11,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อเทียบกับในปีที่ผ่านมาแล้วเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.2 โดยแยกเป็น -สินค้ากสิกรรม แม้ว่าจะมีมูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้นเท่ากับ 7,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อเทียบกับในปี 2548 แล้วเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.6 แต่อัตราการขยายตัวไม่สูงเท่ากับในปี 2546-2547 เนื่องจากคาดการณ์ว่าการส่งออกสินค้าเกษตรกรรมหลักหลายสินค้าต้องเผชิญกับปัญหาการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดโลก โดยเฉพาะการส่งออกข้าว ทำให้คาดว่าราคาข้าวในตลาดโลกในปี 2549 มีแนวโน้มลดลง
อย่างไรก็ตามสินค้าเกษตรกรรมที่ยังมีแนวโน้มแจ่มใสในปี 2549 คือ ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง เนื่องจากคาดการณ์ว่าความต้องการของจีนยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และยังมีความต้องการจากในประเทศในฐานะที่เป็นพืชพลังงานทดแทนในการผลิตเอทานอล ทำให้ราคาผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังยังคงอยู่ในเกณฑ์สูงในปี 2549 ส่วนการส่งออกยางคาดจะยังอยู่ในเกณฑ์ดี และราคายังอยู่ในระดับใกล้เคียงกับในปี 2548 เนื่องจากความต้องการในตลาดโลกยังอยู่ในเกณฑ์สูง
ดังนั้นจึงสรุปได้ว่าในปี 2549 จะเป็นปีที่ผู้ส่งออกสินค้าเกษตรกรรม โดยเฉพาะผู้ส่งออกสินค้ากสิกรรมนั้นต้องแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดกลับคืนมาจากประเทศคู่แข่ง ซึ่งต้องอาศัยกลยุทธ์ทางการตลาดและความร่วมมือกันระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน
– สินค้าประมง
คาดการณ์ว่าในปี 2549 มูลค่าการส่งออกผลิตภัณฑ์ประมงเท่ากับ 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อเทียบกับในปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นร้อยละ 22.4 ทั้งนี้เนื่องจากการคาดว่าการส่งออกผลิตภัณฑ์กุ้งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยการส่งออกไปยังตลาดสหภาพยุโรปมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากการที่สหภาพยุโรปคืนสิทธิพิเศษภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไปหรือจีเอสพีให้ไทยในวันที่ 1 มกราคม 2549 ซึ่งทำให้การส่งออก
ผลิตภัณฑ์กุ้งไปยังสหภาพยุโรปมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
– สินค้าปศุสัตว์
ในปี 2549 นั้นคาดว่าจะมีมูลค่าการส่งออกเท่ากับ 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อเทียบกับในปีที่ผ่านมาแล้วเพิ่มขึ้นร้อยละ 17.6 ทั้งนี้จากการคาดการณ์ถึงการส่งออกไก่แปรรูปที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และมีการขยายปริมาณการเลี้ยงไก่เนื้อทำให้มีไก่เพียงพอกับความต้องการในการส่งออก
ปัจจัยเกื้อหนุนและปัจจัยเสี่ยงปี’49…ประเด็นที่ต้องจับตามอง
ในปี 2549 มีทั้งปัจจัยเกื้อหนุนและปัจจัยเสี่ยงที่อาจจะทำให้สถานการณ์ด้านการผลิตและการค้าสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรพลิกผัน ดังนี้
1.การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ
ประเด็นที่จะต้องจับตาคือ ในช่วงกลางปี 2549 ซึ่งเป็นช่วงฤดูแล้งนั้นจะเกิดปัญหาน้ำไม่เพียงพอกับการเพาะปลูกในบางพื้นที่ เนื่องจากปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำบางพื้นที่ยังมีไม่เต็มความจุของอ่างเก็บน้ำ ทำให้ต้องมีนโยบายงดการปลูกพืชในฤดูแล้งในบางพื้นที่ นอกจากนี้ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2549 ถ้ามีปัญหาฝนทิ้งช่วงหรือฝนตกชุกมากกว่าปกติก็อาจจะเกิดปัญหาน้ำไม่เพียงพอกับการเพาะปลูกหรือปัญหาน้ำท่วม ซึ่งล้วนแต่สร้างความเสียหายให้กับผลผลิตทางการเกษตร ในทางตรงกันข้ามถ้าเกิดเหตุการณ์นี้กับประเทศที่เป็นคู่แข่งทางการเกษตรกับไทย หรือในประเทศคู่ค้าของไทยก็จะเป็นปัจจัยหนุนให้การส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรของไทยเพิ่มขึ้นอย่างมากเช่นเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นในปี 2546
2.นโยบายรัฐบาล
ในปัจจุบันมีนโยบายรัฐบาลหลากหลายนโยบายที่เป็นปัจจัยหนุนต่อภาคเกษตรกรรม เช่น การปรับโครงสร้างการผลิต กำหนดนโยบายด้านการผลิตและการตลาดสำหรับพืชเศรษฐกิจที่สำคัญในปี 2548-2551 โดยมีนโยบายปรับลดพื้นที่สินค้าเกษตรที่มีปัญหาในด้านการตลาด คงพื้นที่ในสินค้าที่ยังคงมีศักยภาพการผลิต และขยายพื้นที่สินค้าที่มีลู่ทางการตลาดที่ดี รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและพัฒนาโลจิสติกส์ของสินค้าเกษตรโดยเฉพาะสินค้ากุ้ง ไก่เนื้อ ข้าว และยางพารา ซึ่งคาดว่าจะเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลกให้กับสินค้าเกษตรเหล่านี้ นโยบายขยายพื้นที่ปลูกพืชพลังงานทดแทน ซึ่งพืชที่ได้ประโยชน์อย่างชัดเจนคือ มันสำปะหลัง และปาล์มน้ำมัน นโยบายการเจาะขยายตลาดทั้งในตลาดเดิมและตลาดใหม่ ซึ่งส่งผลให้มีการขยายตลาดส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร โดยตลาดเดิมที่น่าสนใจในการเจาะขยายตลาดคือ สหรัฐฯ ญี่ปุ่น สหภาพยุโรป และจีน
ส่วนตลาดใหม่ที่น่าสนใจ คือ ตลาดตะวันออกกลาง แอฟริกา และโอเชียเนีย ซึ่งจะต้องมีการศึกษากลยุทธ์การเจาะขยายตลาดแยกเป็นภูมิภาค โดยศึกษาข้อมูลเชิงลึกเพื่อที่จะผลิตสินค้าให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคในแต่ละประเทศ นอกจากนี้นโยบายที่คาดว่าจะเป็นปัจจัยหนุนสำหรับภาคเกษตรกรรมในระยะยาวคือ การส่งเสริมการลงทุนปลูกพืชไร่ในต่างประเทศ ทั้งยางพารา พืชอาหารสัตว์โดยเฉพาะถั่วเหลืองและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และพืชพลังงานทดแทน ซึ่งจะทำให้ไทยมีปริมาณวัตถุดิบเพียงพอที่จะป้อนโรงงานอุตสาหกรรมเกษตรในประเทศ และส่งผลให้ต้นทุนการผลิตสินค้าเกษตรโดยเฉพาะสินค้าปศุสัตว์และประมงของไทยมีแนวโน้มลดลง
สำหรับนโยบายรัฐบาลที่อาจจะเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อภาคเกษตรกรรม คือ นโยบายการแทรกแซงตลาดเพื่อยกระดับราคาสินค้าเกษตร เนื่องจากอาจจะส่งผลทำให้ความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลกของสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรของไทยด้อยลง อันเป็นผลมาจากราคาสินค้าเกษตรของไทยอยู่ในเกณฑ์สูงกว่าประเทศคู่แข่งขัน
3.สถานการณ์ในต่างประเทศ
ซึ่งการเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ในต่างประเทศอาจจะเป็นทั้งปัจจัยหนุนและปัจจัยเสี่ยงต่อการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร โดยแยกเป็น
3.1สถานการณ์ในประเทศคู่ค้า การเปลี่ยนแปลงนโยบายของประเทศคู่ค้าส่งผลกระทบถึงการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร โดยในปี 2549 สินค้าเกษตรที่ได้อานิสงส์จากการเปลี่ยนแปลงนโยบายของประเทศคู่ค้าคือ ผลิตภัณฑ์กุ้ง โดยในปี 2549 สหภาพยุโรปคืนสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไปหรือจีเอสพีให้กับไทย ทำให้คาดว่าการขยายตัวของการส่งออกผลิตภัณฑ์กุ้งในปี 2549 จะอยู่ในเกณฑ์สูง อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป โดยเฉพาะสินค้าประเภทปลา คาดว่าในปี 2549 จะมีการขยายตัวในการส่งออกอยู่ในเกณฑ์ดี อันเป็นผลมาจากกระแสบริโภคสินค้าอาหารเพื่อสุขภาพและการแพร่ระบาดของไข้หวัดนก ทำให้ผู้บริโภคหันไปบริโภคอาหารประเภทปลาเพิ่มขึ้น ส่วนสินค้าเกษตรที่สถานการณ์ในประเทศคู่ค้าเป็นปัจจัยเสี่ยง คือ ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังไทย เนื่องจากราคาส่งออกของไทยอยู่ในเกณฑ์สูง ซึ่งส่งผลให้ประเทศที่นำเข้าโดยเฉพาะจีนหันไปซื้อผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังจากแหล่งอื่นหรือหันไปใช้วัตถุดิบจากธัญพืชอื่นทดแทน คาดว่าในปี 2549 การค้าสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรจะมีการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้นในตลาดโลก ดังนั้นราคาจึงเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินว่าประเทศคู่ค้าจะเลือกซื้อสินค้าจากประเทศใด รวมทั้งการเปิดเสรีทางการค้าทำให้อุปสรรคในเรื่องภาษีนำเข้าลดลง แต่คาดว่าประเทศคู่ค้าจะเพิ่มความเข้มงวดกับมาตรการที่ไม่ใช่ภาษี โดยเฉพาะมาตรการด้านสุขอนามัยและการตรวจสอบแหล่งกำเนิดของสินค้ามากขึ้น ถ้าผู้ส่งออกไทยสามารถปฎิบัติได้ตามเงื่อนไขที่เพิ่มขึ้นของประเทศคู่ค้าก็จะมีส่วนที่จะผลักดันให้การส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรของไทยขยายตัวออกไปได้
3.2สถานการณ์ในประเทศคู่แข่ง ปริมาณผลผลิตสินค้าเกษตรของประเทศคู่แข่ง และการเปลี่ยนแปลงนโยบาย รวมทั้งการเกิดภาวะโรคระบาดหรือปัญหาในด้านการส่งออกอื่นๆ โดยเฉพาะปัญหาโรคระบาดหรือปัญหาด้านสุขอนามัยในด้านการผลิต โดยเฉพาะปัญหาสารเคมีตกค้าง ซึ่งส่งผลกระทบต่อปริมาณการผลิตและการค้าสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรนั้นส่งผลกระทบโดยตรงต่อการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรของไทยในตลาดโลก
บทสรุป
ในปี 2549 ปริมาณการผลิตสินค้าเกษตรสำคัญมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ทำให้ตลาดโลกมีการแข่งขันกันมากขึ้น คาดว่าราคาสินค้ากสิกรรมโดยเฉลี่ยทั้งราคาในประเทศและราคาส่งออกมีแนวโน้มลดลง อย่างไรก็ตามสินค้าประมงและปศุสัตว์คาดว่ามีการขยายตัวของการส่งออกเพิ่มขึ้น เนื่องจากได้รับอานิสงส์จากความต้องการในตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น แต่ยังมีปัจจัยเสี่ยงคือ ตลาดสหภาพยุโรปมีความเข้มงวดอย่างมากในเรื่องสุขอนามัย โดยเฉพาะปัญหาสารตกค้างในผลิตภัณฑ์ประมง ส่วนสินค้าปศุสัตว์นั้นอาจจะเผชิญปัญหาการส่งออกในกรณีที่ผู้บริโภคในต่างประเทศ ลดปริมาณการบริโภคผลิตภัณฑ์ไก่ อันเป็นผลมาจากความหวาดวิตกในเรื่องไข้หวัดนก สำหรับสินค้าที่คาดว่าจะเป็นดาวเด่นในการส่งออกของภาคเกษตรกรรม คือ สินค้าอุตสาหกรรมเกษตรโดยสินค้าอุตสาหกรรมเกษตรที่คาดว่าจะมีการขยายตัวของมูลค่าการส่งออกอยู่ในเกณฑ์สูง ได้แก่ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป โดยเฉพาะปลากระป๋อง และปลาแปรรูป ทั้งนี้เนื่องจากได้รับอานิสงส์จากกระแสอาหารเพื่อสุขภาพ รวมทั้งกระแสการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดนกในหลายประเทศ ทำให้ผู้บริโภคหันมารับประทานอาหารประเภทปลาเพิ่มขึ้น ส่วนสินค้าอุตสาหกรรมเกษตรที่แม้ว่าในปัจจุบันจะมีมูลค่าการส่งออกไม่สูงมากนัก แต่ก็มีอัตราการขยายตัวของมูลค่าการส่งออกอยู่ในเกณฑ์สูง ได้แก่ผักกระป๋องและแปรรูป โดยเฉพาะข้าวโพดฝักอ่อนกระป๋องและข้าวโพดหวาน ผลิตภัณฑ์ข้าวสาลี โดยเฉพาะบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป อาหารสัตว์เลี้ยง สิ่งปรุงรสอาหาร ซุปและอาหารปรุงแต่ง เนื้อสัตว์และของปรุงแต่งจากเนื้อสัตว์ รวมทั้งโกโก้และของปรุงแต่ง
อย่างไรก็ตามสถานการณ์ทั้งทางด้านการผลิตและการค้าสินค้าเกษตรในปี 2549 อาจจะพลิกผันได้ ซึ่งต้องจับตาปัจจัยการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ นโยบายรัฐบาล และสถานการณ์ในต่างประเทศ ส่งผลทั้งการเป็นปัจจัยหนุนและปัจจัยเสี่ยงสำหรับการค้าสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร ซึ่งผู้ส่งออกของไทยต้องปรับตัวให้ทันกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป


