เครื่องชี้เศรษฐกิจเบื้องต้นของธนาคารแห่งประเทศไทย บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจไทยน่าที่จะมีอัตราการขยายตัวในไตรมาสแรกของปี 2549 นี้ สูงกว่าในไตรมาสที่ 4 ของปี 2548 ที่ผ่านมา เนื่องจากตัวเลขในด้านการผลิต ไม่ว่าจะเป็นในภาคอุตสาหกรรม เกษตร และบริการ (โดยเฉพาะการท่องเที่ยว) ล้วนมีอัตราการขยายตัวที่สูงกว่าในไตรมาสก่อนหน้าทั้งสิ้น
อย่างไรก็ตาม อัตราการขยายตัวที่สูงขึ้นดังกล่าว ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการเปรียบเทียบกับฐานที่ต่ำในปีก่อนหน้า ซึ่งถูกกระทบจากผลกระทบเหตุการณ์ธรณีพิบัติในจังหวัดท่องเที่ยวสำคัญในภาคใต้ และภาวะภัยแล้ง ในขณะที่ภาวะการใช้จ่ายภายในประเทศ โดยเฉพาะการลงทุน กลับมีทิศทางที่ชะลอตัวลง จากปัจจัยลบต่าง ๆ ที่รุมเร้า ไม่ว่าจะเป็น ราคาน้ำมัน ภาวะเงินเฟ้อ การปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ย ตลอดจนความไม่แน่นอนทางการเมืองในประเทศ
นอกจากผลของการเปรียบเทียบกับฐานที่ต่ำแล้ว อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจในไตรมาสแรกดังกล่าว ได้รับแรงหนุนจากการขยายตัวของการส่งออกและฐานะการเกินดุลบัญชีเดินสะพัด โดยในช่วงไตรมาสแรก ปี 2549 การส่งออกขยายตัวสูงร้อยละ 17.9 ขณะที่การนำเข้าขยายตัวเพียงร้อยละ 5.4 ประกอบกับการเกินดุลในภาคบริการ รายได้และเงินโอน ส่งผลให้ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลมูลค่า 1.66 พันล้านดอลลาร์ฯ ซึ่งเป็นมูลค่าเกินดุลรายไตรมาสที่สูงสุดในรอบ 5 ไตรมาส และเพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ของปีก่อนหน้า ที่มีการขาดดุลมูลค่าถึง 1.41 พันล้านดอลลาร์ฯ
ทั้งนี้ จากองค์ประกอบในด้านการผลิต ทั้งในภาคอุตสาหกรรม เกษตร และบริการดังกล่าว ทำให้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า ตัวเลข GDP ในไตรมาสแรก ปี 2549 ที่จะประกาศในต้นเดือนมิถุนายนนั้น อาจจะขยายตัว (จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อนหน้า) ประมาณร้อยละ 5.3 เมื่อเทียบกับที่ขยายตัวร้อยละ 4.7 ในไตรมาสที่สี่ ปี 2548
อนึ่ง แม้ว่าเศรษฐกิจในไตรมาสแรกของปี 2549 จะขยายตัวในอัตราที่สูง แต่คาดว่าอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย อาจจะชะลอลงในไตรมาส 2 และ 3 ซึ่งจะเป็นช่วงที่ปัจจัยกดดันต่อการบริโภคภายในประเทศ คือ ราคาน้ำมันและอัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ อาจจะขึ้นไปสู่ระดับสูงสุด ในขณะที่การส่งออกเองก็อาจจะชะลอตัวลง เนื่องจากต้องเทียบกับฐานที่สูงในไตรมาส 3 ของปีก่อนหน้า
สำหรับตัวเลขเศรษฐกิจในเดือนมีนาคม 2549 ที่รายงานโดยธนาคารแห่งประเทศไทยนั้น พบว่า โดยรวมแล้วยังคงสะท้อนภาพเศรษฐกิจที่ขยายตัวค่อนข้างดี แม้ว่าตัวเลขเศรษฐกิจส่วนใหญ่มีอัตราการขยายตัวชะลอลงจากเดือนกุมภาพันธ์ โดยส่วนหนึ่งเป็นผลจากการที่ต้องเปรียบเทียบกับฐานที่สูงในเดือนเดียวกันของปีก่อน (โดยในเดือนมีนาคม 2548 ตัวเลขเศรษฐกิจมีการขยายตัวสูงอย่างมากในด้านการลงทุนและการส่งออก) ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่ตรงกันข้ามกับอัตราการขยายตัวที่สูงของตัวเลขเศรษฐกิจในเดือนกุมภาพันธ์ 2549 ที่เป็นผลของการเปรียบเทียบกับฐานที่ต่ำมากของเดือนเดียวกันของปีก่อน สำหรับกิจกรรมทางเศรษฐกิจในเดือนมีนาคม 2549 ที่มีอัตราการขยายตัวชะลอลง ประกอบด้วย มูลค่าการส่งออกและการนำเข้า ดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรม ดัชนีการลงทุนของภาคเอกชน นอกจากนี้ ผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและภาคธุรกิจก็ปรับตัวลดลง ส่วนกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่มีอัตราการขยายตัวสูงขึ้น ได้แก่ ดัชนีการบริโภคภาคเอกชน และดัชนีผลผลิตพืชผลทางการเกษตร ทั้งนี้ ตัวแปรเศรษฐกิจที่สำคัญ ๆ ของเดือนมีนาคม 2549 สามารถสรุปได้ ดังต่อไปนี้ :-
– การส่งออกในเดือนมีนาคม 2549 มีมูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 10.86 พันล้านดอลลาร์ฯ แต่มีอัตราการขยายตัวร้อยละ 16.2 ชะลอลงจากที่ขยายตัวสูงถึงร้อยละ 23.3 ในเดือนกุมภาพันธ์ (และจากที่ขยายตัวร้อยละ 18.9 ในช่วง 2 เดือนแรกของปี) โดยที่สำคัญเป็นผลจากการเทียบกับฐานที่สูงในปีก่อนหน้า (โดยในปี 2548 การส่งออกในเดือนมีนาคม ขยายตัวสูงร้อยละ 19.3 จากที่เดือนกุมภาพันธ์ขยายตัวเพียงร้อยละ 5.9) ในด้านการนำเข้าในเดือนมีนาคม 2549 มีมูลค่า 10.67 พันล้านดอลลาร์ฯ ขยายตัวเพียงร้อยละ 2.0 ชะลอลงจากร้อยละ 15.3 ในเดือนกุมภาพันธ์ (และจากที่ขยายตัวร้อยละ 7.4 ในช่วง 2 เดือนแรก) อัตราการขยายตัวของการส่งออกที่สูงกว่าการนำเข้า ได้ส่งผลให้มูลค่าดุลการค้าในเดือนมีนาคม กลับมาเกินดุลเป็นครั้งแรกในรอบ 6 เดือน โดยมีมูลค่า 187 ล้านดอลลาร์ฯ จากที่ขาดดุล 412 ล้านดอลลาร์ฯในช่วง 2 เดือนแรกของปี แต่มูลค่าการเกินดุลบริการ รายได้ และเงินโอน (Services, Income and Transfer Account) ปรับลดลงจากเดือนก่อนหน้า เนื่องจากเป็นช่วงที่บริษัทต่างชาติมีการนำส่งรายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผลออกนอกประเทศตามการปิดงวดบัญชี ส่งผลให้ดุลบัญชีเดินสะพัด (Current Account) มีฐานะเกินดุลที่ลดลงเป็น 485 ล้านดอลลาร์ฯ ในเดือนมีนาคม เมื่อเทียบกับที่เกินดุล 666 ล้านดอลลาร์ฯ ในเดือนกุมภาพันธ์
– อัตราการขยายตัวของการส่งออกยังคงได้รับแรงหนุนจากปริมาณคำสั่งซื้อที่เข้ามาเข้ามาในระดับสูง โดยปริมาณการส่งออก (Export Volume) เดือนมีนาคม 2549 ขยายตัวร้อยละ 13.2 ชะลอลงจากร้อยละ 19.5 ในเดือนกุมภาพันธ์ (และที่ขยายตัวร้อยละ 14.6 ในช่วง 2 เดือนแรกของปี) ในขณะเดียวกัน การชะลอตัวลงอย่างมากของอัตราการขยายตัวของการนำเข้า เป็นผลจากปัจจัยทางด้านปริมาณเช่นกัน โดยปริมาณการนำเข้า (Import Volume) ในเดือนมีนาคมหดตัวลงร้อยละ 5.2 จากที่ขยายตัวร้อยละ 5.9 ในเดือนกุมภาพันธ์ (และที่หดตัวร้อยละ 1.6 ในช่วง 2 เดือนแรกของปี)
– สินค้าส่งออกหลักที่มีอัตราการขยายตัวชะลอลงในเดือนมีนาคม ได้แก่ คอมพิวเตอร์ (ขยายตัวร้อยละ 25.6 จากร้อยละ 81.8 ในเดือนกุมภาพันธ์) แผงวงจรไฟฟ้า (ขยายตัวร้อยละ 21.3 จากร้อยละ 48.3 ในเดือนกุมภาพันธ์) ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม (ขยายตัวร้อยละ 67.7 จากร้อยละ 117.2 ในเดือนกุมภาพันธ์) รวมทั้งรถยนต์นั่งส่วนบุคคล (ขยายตัวร้อยละ 76.3 จากร้อยละ 182.6 ในเดือนกุมภาพันธ์) สำหรับสินค้าส่งออกสำคัญที่ขยายตัวดีขึ้น ได้แก่ เม็ดพลาสติกและผลิตภัณฑ์พลาสติก ยางพารา อัญมณีและเครื่องประดับ ส่วนประกอบคอมพิวเตอร์ และเสื้อผ้าสำเร็จรูป
– สำหรับการนำเข้าที่ชะลอลงมากในเดือนมีนาคม เป็นผลเนื่องจากสินค้าหมวดหลัก ๆ ได้แก่ สินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป (หดตัวร้อยละ 2.1 จากที่ขยายตัวร้อยละ 6.0 ในเดือนกุมภาพันธ์) สินค้าทุน (ขยายตัวร้อยละ 6.9 จากที่ขยายตัวร้อยละ 21.6 ในเดือนกุมภาพันธ์) และหมวดน้ำมันเชื้อเพลิงและน้ำมันหล่อลื่น (ขยายตัวร้อยละ 7.0 จากที่ขยายตัวร้อยละ 84.6 ในเดือนกุมภาพันธ์) แต่หมวดสินค้าเพื่อการบริโภคขยายตัวสูงขึ้น (ขยายตัวร้อยละ 15.6 เทียบกับร้อยละ 13.8 ในเดือนกุมภาพันธ์)
– อัตราการขยายตัวของการส่งออกยังคงได้รับแรงหนุนจากปริมาณคำสั่งซื้อที่เข้ามาเข้ามาในระดับสูง โดยปริมาณการส่งออก (Export Volume) เดือนมีนาคม 2549 ขยายตัวร้อยละ 13.2 ชะลอลงจากร้อยละ 19.5 ในเดือนกุมภาพันธ์ (และที่ขยายตัวร้อยละ 14.6 ในช่วง 2 เดือนแรกของปี) ในขณะเดียวกัน การชะลอตัวลงอย่างมากของอัตราการขยายตัวของการนำเข้า เป็นผลจากปัจจัยทางด้านปริมาณเช่นกัน โดยปริมาณการนำเข้า (Import Volume) ในเดือนมีนาคมหดตัวลงร้อยละ 5.2 จากที่ขยายตัวร้อยละ 5.9 ในเดือนกุมภาพันธ์ (และที่หดตัวร้อยละ 1.6 ในช่วง 2 เดือนแรกของปี)
– สินค้าส่งออกหลักที่มีอัตราการขยายตัวชะลอลงในเดือนมีนาคม ได้แก่ คอมพิวเตอร์ (ขยายตัวร้อยละ 25.6 จากร้อยละ 81.8 ในเดือนกุมภาพันธ์) แผงวงจรไฟฟ้า (ขยายตัวร้อยละ 21.3 จากร้อยละ 48.3 ในเดือนกุมภาพันธ์) ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม (ขยายตัวร้อยละ 67.7 จากร้อยละ 117.2 ในเดือนกุมภาพันธ์) รวมทั้งรถยนต์นั่งส่วนบุคคล (ขยายตัวร้อยละ 76.3 จากร้อยละ 182.6 ในเดือนกุมภาพันธ์) สำหรับสินค้าส่งออกสำคัญที่ขยายตัวดีขึ้น ได้แก่ เม็ดพลาสติกและผลิตภัณฑ์พลาสติก ยางพารา อัญมณีและเครื่องประดับ ส่วนประกอบคอมพิวเตอร์ และเสื้อผ้าสำเร็จรูป
– สำหรับการนำเข้าที่ชะลอลงมากในเดือนมีนาคม เป็นผลเนื่องจากสินค้าหมวดหลัก ๆ ได้แก่ สินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป (หดตัวร้อยละ 2.1 จากที่ขยายตัวร้อยละ 6.0 ในเดือนกุมภาพันธ์) สินค้าทุน (ขยายตัวร้อยละ 6.9 จากที่ขยายตัวร้อยละ 21.6 ในเดือนกุมภาพันธ์) และหมวดน้ำมันเชื้อเพลิงและน้ำมันหล่อลื่น (ขยายตัวร้อยละ 7.0 จากที่ขยายตัวร้อยละ 84.6 ในเดือนกุมภาพันธ์) แต่หมวดสินค้าเพื่อการบริโภคขยายตัวสูงขึ้น (ขยายตัวร้อยละ 15.6 เทียบกับร้อยละ 13.8 ในเดือนกุมภาพันธ์)
– อัตราการขยายตัวของการส่งออกยังคงได้รับแรงหนุนจากปริมาณคำสั่งซื้อที่เข้ามาเข้ามาในระดับสูง โดยปริมาณการส่งออก (Export Volume) เดือนมีนาคม 2549 ขยายตัวร้อยละ 13.2 ชะลอลงจากร้อยละ 19.5 ในเดือนกุมภาพันธ์ (และที่ขยายตัวร้อยละ 14.6 ในช่วง 2 เดือนแรกของปี) ในขณะเดียวกัน การชะลอตัวลงอย่างมากของอัตราการขยายตัวของการนำเข้า เป็นผลจากปัจจัยทางด้านปริมาณเช่นกัน โดยปริมาณการนำเข้า (Import Volume) ในเดือนมีนาคมหดตัวลงร้อยละ 5.2 จากที่ขยายตัวร้อยละ 5.9 ในเดือนกุมภาพันธ์ (และที่หดตัวร้อยละ 1.6 ในช่วง 2 เดือนแรกของปี)
– สินค้าส่งออกหลักที่มีอัตราการขยายตัวชะลอลงในเดือนมีนาคม ได้แก่ คอมพิวเตอร์ (ขยายตัวร้อยละ 25.6 จากร้อยละ 81.8 ในเดือนกุมภาพันธ์) แผงวงจรไฟฟ้า (ขยายตัวร้อยละ 21.3 จากร้อยละ 48.3 ในเดือนกุมภาพันธ์) ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม (ขยายตัวร้อยละ 67.7 จากร้อยละ 117.2 ในเดือนกุมภาพันธ์) รวมทั้งรถยนต์นั่งส่วนบุคคล (ขยายตัวร้อยละ 76.3 จากร้อยละ 182.6 ในเดือนกุมภาพันธ์) สำหรับสินค้าส่งออกสำคัญที่ขยายตัวดีขึ้น ได้แก่ เม็ดพลาสติกและผลิตภัณฑ์พลาสติก ยางพารา อัญมณีและเครื่องประดับ ส่วนประกอบคอมพิวเตอร์ และเสื้อผ้าสำเร็จรูป
– สำหรับการนำเข้าที่ชะลอลงมากในเดือนมีนาคม เป็นผลเนื่องจากสินค้าหมวดหลัก ๆ ได้แก่ สินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป (หดตัวร้อยละ 2.1 จากที่ขยายตัวร้อยละ 6.0 ในเดือนกุมภาพันธ์) สินค้าทุน (ขยายตัวร้อยละ 6.9 จากที่ขยายตัวร้อยละ 21.6 ในเดือนกุมภาพันธ์) และหมวดน้ำมันเชื้อเพลิงและน้ำมันหล่อลื่น (ขยายตัวร้อยละ 7.0 จากที่ขยายตัวร้อยละ 84.6 ในเดือนกุมภาพันธ์) แต่หมวดสินค้าเพื่อการบริโภคขยายตัวสูงขึ้น (ขยายตัวร้อยละ 15.6 เทียบกับร้อยละ 13.8 ในเดือนกุมภาพันธ์)
สรุป
สำหรับแนวโน้มในเดือนเมษายน ปี 2549 นั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า ภาวะการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคและการลงทุนของภาคเอกชน น่าจะยังคงถูกกระทบจากภาวะราคาน้ำมันในประเทศที่ปรับตัวสูงขึ้นทำสถิติครั้งใหม่ อัตราเงินเฟ้อทั่วไป หรือ Headline Inflation ที่เพิ่มขึ้นไปถึงระดับร้อยละ 6 (จากร้อยละ 5.7 ในเดือนมีนาคม ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน หรือ Core Inflation ปรับเพิ่มขึ้นไปที่ร้อยละ 2.9 จากร้อยละ 2.6 ในเดือนมีนาคม) รวมทั้งผลของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงที่ผ่านมา โดยปัจจัยดังกล่าว รวมไปถึงปัญหาความไม่แน่นอนทางการเมือง อาจยังเป็นผลลบต่อความเชื่อมั่นของภาคเอกชน ในขณะที่ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วในเดือนเมษายนนั้น ก็อาจจะกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของภาคการส่งออกของไทย ซึ่งปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้อาจจะส่งผลให้อัตราการขยายตัวของการบริโภค การส่งออก และการผลิตในภาคอุตสาหกรรม ชะลอตัวลงในเดือนดังกล่าว



