มหกรรมฟุตบอลโลก2006 นี้มีส่วนช่วยกระตุ้นให้คนไทยหันมาสนใจเล่นกีฬามากขึ้น รวมทั้งยังก่อให้เกิดเม็ดเงินสะพัดในหลากหลายธุรกิจที่ได้รับอานิสงส์จากมหกรรมฟุตบอลโลกในครั้งนี้ แต่ในอีกด้านหนึ่งเมื่อมหกรรมฟุตบอลโลกจะปิดฉากลงในวันที่ 9 มิถุนายน 2545 สิ่งที่ติดตามมาคือมหกรรมทวงหนี้ค่าพนันบอล เนื่องจากในช่วงมหกรรมฟุตบอลโลกในครั้งนี้มีการเล่นพนันบอลกันอย่างกว้างขวาง ซึ่งการเล่นพนันบอลขยายตัวเพิ่มขึ้นจากที่มีการเล่นพนันบอลในช่วงปกติ คาดว่าการทวงหนี้พนันบอลนี้จะสร้างปัญหาต่างๆติดตามมาอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการทะเลาะกันในครอบครัว การปล้นชิงหรือลักทรัพย์ การค้ายาเสพติดหรือค้าประเวณีเพื่อนำเงินมาใช้หนี้พนันบอล หรือแม้แต่การฆ่าตัวตายเพื่อหนีหนี้ ดังเป็นข่าวที่มีการนำเสนออยู่ในสื่อต่างๆ ดังนั้นผู้ที่เล่นพนันบอลควรตระหนักว่าการเล่นพนันบอลเป็นอบายมุขที่สร้างความเดือดร้อนทั้งต่อตนเองที่ต้องเสียทั้งเงินเสียทั้งการเรียนหรือหน้าที่การงาน รวมทั้งอาจส่งผลให้เสียอนาคตอีกด้วย ในขณะที่ถ้ามีหนี้สินเพิ่มพูนก็จะสร้างปัญหาให้คนในครอบครัวและบุคคลรอบข้างด้วย ดังนั้นผู้สนใจในการแข่งขันฟุตบอลจึงควรรู้จักชมการแข่งขันด้วยความสนุกสนานระหว่างบุคคลในครอบครัวหรือผู้ใกล้ชิดมากกว่าที่จะมุ่งหวังเงินจากการเล่นพนันฟุตบอล เนื่องจากที่ผ่านมาผู้ที่เล่นพนันบอลส่วนใหญ่มักเสียเงินหรือติดหนี้พนันบอล จนถึงขั้นต้องฆ่าตัวตายหรือหันไปค้ายาบ้าดังที่ปรากฏเป็นข่าว
บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด ทำการสำรวจ ”พฤติกรรมคนไทยกับการแข่งขันฟุตบอลโลกปี 2549” ในระหว่างวันที่ 1-15 พฤษภาคม และ1-16 มิถุนายน 2549 จำนวนกลุ่มตัวอย่างทั้งสิ้น 3,793 ชุด แยกตามเพศ อายุ อาชีพของประชากรตามภาคต่างๆทั่วประเทศ หลังจากนั้นในวันที่ 30 มิถุนายน-3 กรกฎาคมมีการสอบถามเจาะจงเฉพาะบรรดาคอฟุตบอลที่ติดตามชมการแข่งขันในช่วงโค้งสุดท้ายอีก 500 คน โดยเจาะจงถามเฉพาะเรื่องการเสียพนันฟุตบอลและโอกาสในการเบี้ยวหนี้พนันฟุตบอล เนื่องจากในรอบตัดเชือกนี้มีการพลิกล็อก เนื่องจากทีมฟุตบอลในดวงใจของบรรดาคอบอลไม่ว่าจะเป็นอังกฤษ บราซิล และอาร์เจนตินาร์ต่างประสบความพ่ายแพ้ จากการสำรวจพบว่าคอบอลที่เล่นพนันบอลที่ตอบแบบสอบถามถึงร้อยละ 60.3 เสียพนันฟุตบอลโลกในครั้งนี้ และมีคอบอลถึงร้อยละ 21.4 ที่คิดจะเบี้ยวหนี้พนันบอล(ซึ่งการเบี้ยวหนี้หมายถึงการที่ยังไม่มีเงินจ่ายหนี้พนันบอล ทำให้บรรดาเจ้าหนี้ทั้งหลายต้องดำเนินการทวงหนี้ แต่ก็คาดว่าคงจะตามหนี้พนันบอลได้เพียงบางส่วนเท่านั้น) ดังนั้นจึงน่าเป็นห่วงว่ามหกรรมการทวงหนี้ฟุตบอลโลกครั้งนี้จะมีความรุนแรงมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา และจะเป็นสาเหตุให้คดีอาชญากรรมโดยเฉพาะการลักทรัพย์ ทำร้ายร่างกายและการฆาตกรรมจะพุ่งสูงขึ้น
นอกจากนี้จากการสำรวจยังพบอีกว่าบรรดานักพนันบอลนั้นคิดจะเบี้ยวหนี้พนันบอลกับเพื่อนมากเป็นอันดับหนึ่งถึงร้อยละ 51.1 รองลงมาคือการเบี้ยวหนี้การพนันบอลกับคนรู้จัก และโต๊ะพนันบอล ซึ่งจากการสอบถามพบว่าสาเหตุที่กล้าเบี้ยวหนี้พนันบอลกับเพื่อน เนื่องจากคิดว่าในที่สุดแล้วจะสามารถตกลงกันได้โดยไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น เมื่อเทียบกับการที่คิดจะเบี้ยวหนี้กับโต๊ะพนันบอล ซึ่งมีข่าวเกี่ยวกับวิธีทวงหนี้พนันบอลโดยวิธีการณ์ต่างๆที่ค่อนข้างรุนแรง อย่างไรก็ตามเมื่อแยกพิจารณาตามอายุและอาชีพของกลุ่มที่คาดว่าจะเบี้ยวหนี้พนันบอลพบว่ากลุ่มที่คาดว่าจะมีการเบี้ยวพนันบอลมากที่สุดคือ กลุ่มที่อายุต่ำกว่า 25 ปี หรือบรรดานักเรียน/นักศึกษาทั้งหลาย ซึ่งกลุ่มนี้ส่วนหนึ่งเป็นนักพนันหน้าใหม่ที่เพิ่งจะเล่นพนันบอลในครั้งนี้เป็นครั้งแรก
บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด สำรวจพบว่าคอบอลที่เล่นพนันบอลที่ตอบแบบสอบถามถึงร้อยละ 21.4 จะเบี้ยวหนี้พนันบอล โดยวงเงินที่คาดว่าจะเบี้ยวหนี้นั้นมีความแตกต่างกันอย่างมากตั้งแต่วงเงินเพียง 200 บาทไปจนถึงหลักหลายแสนบาท ซึ่งเมื่อนำไปคำนวณจากจำนวนผู้ที่เล่นพนันฟุตบอลแล้วคาดว่าการเบี้ยวพนันบอลจะมีมูลค่าสูงถึง 6,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 16.2 ของวงเงินที่เล่นพนันบอลทั้งหมด
จากการสำรวจพบว่าสาเหตุของการที่คอบอลระบุว่าทำให้มีหนี้พนันบอลมากกว่าความคาดหมายในมหกรรมการแข่งขันฟุตบอลโลกในครั้งนี้ เนื่องจาก
1.การแข่งขันพลิกล็อกหลายคู่ ในการแข่งขันมหกรรมฟุตบอลโลกในครั้งนี้มีการพลิกล็อกหลายคู่ โดยเฉพาะในคู่ที่ทีมเต็งหรือทีมที่เป็นต่อแพ้ชนิดที่เรียกว่าหักปากกาบรรดาเซียนบอลทั้งหลาย โดยเฉพาะคู่อังกฤษกับโปรตุเกส และบราซิลกับฝรั่งเศส ทำให้เจ้ามือที่รับแทงได้เงิน ส่วนผู้ที่เล่นพนันบอลเล่นเสียเป็นจำนวนมาก และเมื่อถึงรอบรองชนะเลิศ รอบชิงที่สามและรอบชิงชนะเลิศผู้ที่เล่นพนันบอลเสียในรอบแรกๆต่างก็ทุ่มแทงกันอย่างเต็มที่เพื่อที่จะเอาเงินที่เสียพนันไปแล้วคืนมา แต่ก็ยิ่งทำให้ผู้เล่นพนันบางคนเสียเงินพนันมากยิ่งขึ้น เนื่องจากยังคงมีการพลิกล็อกคู่แข่งขันในรอบรองชนะเลิศระหว่างเยอรมนีกับอิตาลี โดยเยอรมนีต้องพ่ายแพ้ไปแม้ว่าจะมีแต้มต่อที่เหนือกว่าและยังมีแต้มต่อในฐานะที่เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันด้วย ซึ่งกลุ่มที่เล่นพนันบอลในครั้งนี้แบ่งออกได้เป็น
-กลุ่มที่เล่นเสีย จากการสำรวจพบว่ากลุ่มนี้มีถึงร้อยละ 60.3 ซึ่งสัดส่วนที่เสียพนันระหว่างเสียกับโต๊ะพนันบอลและเพื่อนนั้นค่อนข้างใกล้เคียงกัน โดยวงเงินที่เสียพนันบอลในครั้งนี้ของคอบอลที่ตอบแบบสอบถามมีความแตกต่างกันมากตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักแสน แต่โดยเฉลี่ยแล้วตกประมาณ 5,000 บาทต่อคน นอกจากนี้เป็นที่น่าสังเกตว่าบรรดานักพนันหน้าใหม่ที่เพิ่งจะเข้ามาเล่นพนันฟุตบอลเป็นครั้งแรก โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุน้อยกว่า 25 ปีนั้นส่วนใหญ่จะอยู่ในกลุ่มนี้ ทั้งนี้เนื่องจากนักพนันบอลกลุ่มนี้ยังไม่มีประสบการณ์ในการเล่นพนันฟุตบอลมากนัก
-กลุ่มที่เล่นได้ จากการสำรวจพบว่ากลุ่มนี้มีเพียงร้อยละ 29.7 ของกลุ่มตัวอย่างคนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มที่เล่นพนันฟุตบอลมาเป็นเวลานานแล้ว ทำให้ค่อนข้างมีประสบการณ์ในการเล่นพนัน และรู้จักที่จะยับยั้งชั่งใจไม่ทุ่มไปจนหมดตัวเช่นเดียวกับบรรดานักพนันหน้าใหม่ ประเด็นที่น่าสนใจคือเงินที่ได้จากการพนันนั้นร้อยละ 40.4 ระบุว่าจะนำไปเล่นพนันบอลต่อไป ร้อยละ 28.1 นำไปใช้หนี้ ร้อยละ 26.8 เก็บไว้เล่นพนันอื่นๆ และที่เหลือร้อยละ 4.6 นำไปใช้จ่ายอื่นๆ โดยเฉพาะซื้อมือถือ
-กลุ่มที่เสมอตัวหรือไม่ได้ไม่เสีย จากการสำรวจพบว่ากลุ่มนี้มีเพียงร้อยละ 10.0 โดยกลุ่มนี้ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มที่เล่นพนันในระหว่างเพื่อนหรือเล่นเพื่อความสนุกมากกว่า และกลุ่มนี้คิดว่ากำไรก็คือการได้เล่นพนันบอลไม่ได้คำนึงถึงตัวเงินที่จะได้เสียมากนัก
2.การรับแทงพนันบอลด้วยเครดิต จากการสำรวจในปี 2541-2542 หรือในช่วงมหกรรมฟุตบอลโลกครั้งที่แล้วพบว่ามีโต๊ะรับพนันฟุตบอลในเขตกรุงเทพฯประมาณ 200 แห่ง และในจังหวัดใหญ่ๆประมาณ 2-3 โต๊ะ แต่ในมหกรรมการแข่งขันฟุตบอลโลกในครั้งนี้มีจำนวนโต๊ะพนันฟุตบอลเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะในเขตกรุงเทพฯ ดังนั้นจึงส่งผลให้บรรดานักพนันฟุตบอลมีความสะดวกในการเล่นพนันบอลมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามการรับแทงพนันบอลในครั้งนี้จะแตกต่างจากการรับแทงพนันบอลในครั้งที่ผ่านมา เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจมีการปราบปรามกันอย่างหนัก เจ้ามือหลายรายจึงหลีกเลี่ยงการเปิดรับแทงอย่างเปิดเผยมาเป็นการใช้วิธีโทรศัพท์หรือรับแทงทางอินเตอร์เน็ตแทน วิธีการนี้ทำให้เกิดการรับพนันเงินเชื่อ จากเดิมนั้นการรับแทงบอลจะรับแต่เงินสดเท่านั้น ยกเว้นบรรดาขาประจำที่เป็นที่เชื่อใจในเรื่องเครดิตเท่านั้น รวมทั้งยังมีวิธีการจ่ายเงินในลักษณะของการหักลบกันแล้วจึงกำหนดเวลาจ่าย ทำให้บรรดานักพนันทุ่มเทกับการพนันบอลแทบจะทุกคู่ที่มีการแข่งขันเพื่อหวังว่าเมื่อหักลบกันแล้วยังจะพอมีกำไรบ้าง แต่บางคนก็ยิ่งทำให้ติดหนี้พนันบอลในวงเงินที่สูงยิ่งขึ้น ผลตามมาคาดว่าทำให้เกิดการตามล่าทวงหนี้กันมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อสิ้นสุดมหกรรมฟุตบอลโลกซึ่งหมายถึงช่วงที่จะต้องมีการจ่ายเงินหนี้พนัน สำหรับลูกค้าที่มีเครดิตดีและมีวงเงินติดหนี้พนันบอลค่อนข้างสูงนั้นทางโต๊ะพนันจะมีการเจรจาให้ผ่อนจ่ายเป็นงวด หรือเจรจาผ่อนผันกำหนดวันจ่ายภายหลังได้ ส่วนลูกค้าที่เป็นนักศึกษาซึ่งยังไม่มีเครดิตตามโต๊ะพนันบอลก็จะต้องสืบให้ได้ว่าใครเป็นผู้รับแทงบอล และต้องแทงด้วยเงินสดเท่านั้น อย่างไรก็ตามสำหรับโต๊ะบอลรายย่อยนั้นก็ยังนิยมรับพนันบอลด้วยเงินสดเท่านั้น
บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด สำรวจพบว่ากลุ่มตัวอย่างที่เป็นหนี้พนันบอลนั้นต้องเผชิญกับวิธีการทวงเงินของโต๊ะพนัน โดยร้อยละ 80.6 จะใช้วิธีพูดคุยตกลงกันให้ชำระเงิน ร้อยละ 11.9 ใช้วิธีการข่มขู่ และร้อยละ 7.5 จะต้องเผชิญกับหลากวิธี เช่นการยึดสิ่งของมีค่า ไม่ว่าจะเป็นเครื่องประดับ โทรศัพท์มือถือหรือรถยนต์ อย่างไรก็ตามกลุ่มตัวอย่างบางรายระบุว่าวิธีการทวงเงินของโต๊ะพนันฟุตบอลนั้นมีการดำเนินการเป็นขั้นตอนคือเริ่มต้นจากการพูดคุยตกลงกัน ถ้ายังไม่ชำระจึงจะเริ่มข่มขู่ไปจนถึงการยึดทรัพย์ โดยในบางรายถ้ายังเป็นเยาวชนก็อาจจะมีการแจ้งยอดหนี้ไปยังผู้ปกครองเพื่อหวังว่าจะมีการชำระหนี้แทน
เมื่อเป็นหนี้พนันบอลกลุ่มตัวอย่างก็ต้องพยายามหาวิธีแก้ปัญหาผลการสำรวจแนวทางในการแก้ปัญหาเมื่อติดหนี้พนันฟุตบอลของกลุ่มตัวอย่าง 3 อันดับแรก คือ การขอติดไว้ก่อน/ผ่อนจ่ายเป็นงวด รองลงมาคือ ยืมเงินเพื่อน และการหันไปพึ่งโรงรับจำนำ ซึ่งกลุ่มตัวอย่างที่เจรจาขอติดเงินไว้ก่อนนี้ส่วนใหญ่ยังไม่สามารถหาเงินมาใช้หนี้ได้ และมีแนวโน้มจะเบี้ยวหนี้พนันบอล
ผลจากการที่คาดว่าจะมีการเบี้ยวหนี้พนันบอลในมหกรรมฟุตบอลโลก2006 เป็นวงเงินสูงถึง 6,000 ล้านบาททั้งประเทศ ดังนั้นหลังจบมหกรรมฟุตบอลโลกแล้วคาดว่าสถิติก่อคดีประทุษร้ายต่อทรัพย์(เช่น ลักทรัพย์ วิ่งราวทรัพย์ กรรโชก ชิงทรัพย์ และปล้นทรัพย์)จะพุ่งสูงขึ้น เนื่องจากในช่วงเวลาที่มีการแข่งขันฟุตบอลรายการสำคัญ โดยเฉพาะฟุตบอลโลกและการแข่งขันชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป สถิติคดีประทุษร้ายต่อทรัพย์มีการปรับตัวสูงขึ้นกว่าช่วงปกติ กล่าวคือจากการติดตามสถิติคดีประทุษร้ายต่อทรัพย์ในช่วงการแข่งขันฟุตบอลโลกปี 2541 พบว่ามีคดีทั่วราชอาณาจักรถึง 68,569 คดีเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 23.2 เมื่อเทียบกับช่วงปี 2540 ในขณะที่ในปีถัดมาคือปี 2542 ซึ่งไม่มีการแข่งขันฟุตบอลระดับโลกนั้นสถิติคดีประทุษร้ายต่อทรัพย์ลดลงเหลือเพียง 65,529 คดีหรือลดลงร้อยละ 4.4 ส่วนในปี 2543 ซึ่งเป็นช่วงของการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปนั้นสถิติคดีประทุษร้ายต่อทรัพย์ได้ปรับตัวสูงขึ้นมาเป็น 68,334 คดีเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.3 และปีที่มีการแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งที่ผ่านมาในปี 2545สถิติคดีประทุษร้ายต่อทรัพย์เพิ่มขึ้นเป็น 68,906 คดีหรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.7 ประเด็นที่ต้องพิจารณาเพิ่มด้วยคือ จำนวนคดีที่เพิ่มขึ้นนี้เป็นเพียงคดีที่รับแจ้งเท่านั้น ซึ่งคาดว่าการประทุษร้ายต่อทรัพย์ที่เกิดขึ้นจริงจะมากกว่านี้ อย่างไรก็ตามจำนวนคดีทั้งหมดนี้ไม่ได้มีสาเหตุมาจากการพนันฟุตบอลเท่านั้น แต่คาดว่าการเสียเงินพนันฟุตบอลและมีเงินไม่เพียงพอจะจ่ายหนี้พนันฟุตบอลเป็นปัจจัยเสริมที่ทำให้มีคดีประทุษร้ายต่อทรัพย์เพิ่มขึ้น นอกจากนี้เมื่อพิจารณาสถิติเกี่ยวกับคดีประทุษร้ายต่อทรัพย์ที่คาดว่าในปี 2549 นี้จะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นนั้น ซึ่งเท่ากับว่าเป็นการเพิ่มสูงขึ้นของจำนวนคดีประทุษร้ายต่อทรัพย์ต่อเนื่องถึง 3 ปี
แม้ว่าทุกครั้งที่มีมหกรรมฟุตบอลสำคัญสำนักงานตำรวจแห่งชาติออกมาตรการป้องกันและปราบปรามการเล่นพนันฟุตบอลอย่างจริงจัง โดยมีทั้งมาตรการป้องกันอันได้แก่การจัดกำลังเจ้าหน้าที่ตรวจตราสถานที่ต่างๆที่มีผู้มาชมการถ่ายทอดสดการแข่งขันเป็นจำนวนมาก เช่นห้างสรรพสินค้า สถานบริการ เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อไม่ให้มีการเล่นพนันฟุตบอล รวมทั้งยังมีมาตรการปราบปรามโต๊ะพนันบอลและลงโทษเจ้าของกิจการที่จัดให้มีการถ่ายทอดสดและปล่อยให้มีการเล่นพนันบอล นอกจากนี้ยังขอความร่วมมือไปยังสถาบันการเงินต่างๆในการติดตามตรวจสอบความเคลื่อนไหวของเงินฝากผู้ต้องสงสัยหรือมีลักษณะการโอนเงินที่ผิดปกติ
สำนักงานตำรวจแห่งชาติสั่งฝ่ายสืบสวนทุกโรงพักทั่วประเทศจับหรือเฝ้าติดตามพฤติกรรมกลุ่มบุคคลที่มีแนวโน้มหรือคาดหมายว่าจะเป็นกลุ่มที่รับจ้างทวงหนี้หรือข่มขู่บังคับ ประทุษร้าย หรือก่ออาชญากรรมในรูปแบบต่างๆอย่างใกล้ชิด หลังจากการแข่งขันฟุตบอลโลกผ่านไป ซึ่งคาดว่าประชาชนจะมีหนี้จำนวนมาก พร้อมทั้งให้ตำรวจทุกสถานีออกตรวจตราอย่างเข้มงวด เนื่องจากเกรงว่าลูกหนี้พนันบอลอาจก่อเหตุในลักษณะต่างๆเพื่อนำเงินไปชดใช้หนี้ ซึ่งการทวงหนี้พนันบอลนั้นถือว่าเป็นหน้าที่ของตำรวจที่ต้องดูแล โดยหากบุคคลใดถูกคุกคามจากจากการตามทวงหนี้สามารถแจ้งตำรวจดำเนินการได้ โดยไม่ควรแก้ปัญหาเอง เพราะแม้ว่าการพนันจะเป็นเรื่องชีวิตส่วนตัวของแต่ละคน แต่การข่มขู่ถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ส่วนกรณีที่ติดหนี้พนันบอลจนต้องกระทำสิ่งผิดกฎหมายเพื่อหาเงินมาใช้หนี้ถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย การเป็นหนี้พนันบอลถือว่าเป็นบทเรียนราคาแพง และเป็นการเสียทรัพย์ไปโดยเปล่าประโยชน์
อย่างไรก็ตามแม้ว่าทุกฝ่ายจะตื่นตัวในการร่วมมือกันป้องกันและปราบปรามการเล่นพนันฟุตบอล แต่เนื่องจากกลุ่มผู้เล่นพนันฟุตบอลขยายตัวเพิ่มขึ้น อีกทั้งโต๊ะรับพนันบอลยังกระจายตัวตามสถานที่ต่างๆเป็นจำนวนมาก ประการสำคัญขั้นตอนการเล่นพนันบอลนั้นผู้เล่นสามารถใช้วิธีการเล่นผ่านทางโทรศัพท์มือถือ ทำให้ยากต่อการปราบปราม ดังนั้นการเล่นพนันบอลจึงยังแพร่หลายอยู่ในสังคมไทย และนับวันปัญหาจะมีเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในช่วงแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งนี้ที่คาดว่าความรุนแรงที่ตามมาจากการทวงหนี้พนันบอลจะกดดันให้บรรดานักพนันที่ติดหนี้ก่อคดีอาชญกรรมมากขึ้น
บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด สำรวจพบว่าปัญหาหนี้พนันบอลนั้นเป็นสาเหตุของคดีอาชญากรรมหลายประเภท โดยคดีประทุษร้ายต่อทรัพย์ที่คาดว่าจะเกิดมากขึ้น 3 อันดับแรกภายหลังจากมหกรรมฟุตบอลโลกสิ้นสุดลงคือ ลักทรัพย์ ทำร้ายร่างกาย และกรรโชกทรัพย์ ซึ่งนอกจากทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะต้องเร่งกวดขันอย่างเข้มงวดมากขึ้นเพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนแล้วควรจะมีการเก็บรวบรวมสถิติแยกเฉพาะคดีอาชญากรรมอันมีเหตุมาจากการพนันเพื่อจะได้มีการเปรียบเทียบอย่างชัดเจนถึงผลเสียอันเกิดขึ้นจากการเล่นพนันบอล เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีการเก็บเพียงสถิติการจับกุมการเล่นพนันบอลเท่านั้น
ในช่วงโค้งสุดท้ายของมหกรรมฟุตบอลโลก2006 นอกจากการลุ้นผลการแข่งขันว่าทีมใดจะได้เป็นแชมป์ของฟุตบอลโลกในการแข่งขันครั้งนี้แล้ว หลังจากนั้นยังต้องตามผลของมหกรรมการทวงหนี้ที่คาดว่าจะเริ่มรุนแรงขึ้นเมื่อการแข่งขันจบลง เนื่องจากทุกปีที่มีมหกรรมการแข่งขันฟุตบอลครั้งสำคัญสถิติประทุษร้ายต่อทรัพย์มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และในปีนี้มีการคาดการณ์ว่าจะรุนแรงมากขึ้น เนื่องจากยังคงมีการเล่นการพนันฟุตบอลกันอย่างกว้างขวาง