ไอบีเอ็มแถลงผลประกอบการไตรมาส 2/49

อาร์มองค์, นิวยอร์ก–(บิสิเนส ไวร์)

บริษัทไอบีเอ็มแถลงว่า:

— กำไรต่อหุ้นปรับลดอยู่ที่ 1.30 ดอลลาร์จากธุรกิจที่ประกอบการอยู่ เพิ่มขึ้น 14% ตามที่รายงานก่อน หน้านี้ หรือเพิ่มขึ้น 16% หากไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว (non-recurring items) จาก ไตรมาส 2 ปี 2548

— บริษัทมีรายได้จากธุรกิจที่ประกอบการอยู่ 2.0 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 9% หรือ 11% หากไม่รวม รายการที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว

— บริษัทมีรายรับรวม 2.19 หมื่นล้านดอลลาร์ ลดลง 2% ตามรายงาน หรือเพิ่มขึ้น 1% เมื่อปรับให้รับ ผลกระทบจากธุรกิจพีซีที่ขายกิจการไป

ไอบีเอ็มแถลงในวันนี้ว่า กำไรต่อหุ้นสามัญปรับลดในไตรมาส 2 ปี 2549 อยู่ที่ 1.30 ดอลลาร์จากธุรกิจที่ประกอบการอยู่ เทียบกับกำไรปรับลดที่ 1.14 ดอลลาร์ต่อหุ้นในไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว หรือเพิ่มขึ้น 14 % ส่วนรายได้ในไตรมาส 2 จากธุรกิจที่ประกอบการอยู่นั้นอยู่ที่ 2.0 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 9% จาก 1.9 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว

บริษัทมีกำไรต่อหุ้นปรับลดเพิ่มขึ้น 16% เมื่อเทียบเป็นรายปี หากไม่รวมรายการก่อนคำนวณภาษีที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวในไตรมาส 2 ปีที่แล้ว ซึ่งรวมถึงค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากการปรับโครงสร้าง 1.7 พันล้านดอลลาร์ (0.72 ดอลลาร์ต่อหุ้น) ซึ่งถูกชดเชยด้วยกำไร 1.1 พันล้านดอลลาร์ (0.45 ดอลลาร์ต่อหุ้น) จากการขายธุรกิจพีซี และการยุติคดีทางกฎหมาย 775 ล้านดอลลาร์ที่ได้รับจากบริษัทไมโครซอฟท์ ส่วนรายได้จากธุรกิจที่ประกอบการอยู่เพิ่มขึ้น 11% จากไตรมาส 2 ปีที่แล้วถ้าไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวเมื่อ 1 ปีที่แล้ว

รายรับรวมในไตรมาส 2 ปี 2549 อยู่ที่ 2.19 หมื่นล้านดอลลาร์ ลดลง 2% ตามรายงาน และเมื่อปรับค่าเงินจากไตรมาส 2 ปีที่แล้ว ซึ่งรวมถึงรายรับจากธุรกิจพีซีที่ขายไปแล้ว แต่หากไม่รวมรายรับจากธุรกิจพีซี รายรับจะเพิ่มขึ้น 1% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ปีที่แล้ว

นายซามูเอล เจ. ปาลมิซาโน ประธานและซีอีโอของบริษัทไอบีเอ็มกล่าวว่า “ไอบีเอ็มมีผลการดำเนิน งานที่แข็งแกร่งอีกไตรมาส โดยมีผลกำไรต่อหุ้นที่ดี ผลประกอบการของเรามีธุรกิจซอทฟ์แวร์เป็นตัวนำ ซึ่งทำรายได้ 4.2 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาสนี้ด้วยอัตรากำไรที่แข็งแกร่ง และเป็นส่วนที่มีความสำคัญของพอร์ท ฟอลิโอที่ผนวกรวมแล้วของเรา ธุรกิจเมนเฟรม System z ของเราเริ่มเติบโตอีกครั้งในไตรมาสนี้ และเรายังคงจัดการการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในส่วนของธุรกิจบริการของเรา ซึ่งทำให้อัตรากำไรดีขึ้นอีกครั้ง เรายังคงทำให้รายรับในตลาดเกิดใหม่ที่สำคัญหลายแห่งเพิ่มขึ้น กระแสเงินสด ซึ่งเป็นจุดแข็งที่สำคัญของรูปแบบธุรกิจของเรา ก็ทำให้ผู้ถือหุ้นได้รับผลตอบแทนสูงจากโครงการซื้อคืนหุ้นของเรา

“ไอบีเอ็มได้ดำเนินการทางกลยุทธ์หลายๆอย่างในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเพื่อวาง ตำแหน่งของบริษัทใหม่ การให้ความสำคัญกับกลุ่มที่ให้ผลตอบแทนสูงขึ้นในตลาดยังคงส่งผลที่ดี ใหแก่ผู้ถือหุ้น ขณะที่สถานะเงินสดของเราก็ปรับตัวดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบเป็นรายปี และเรายังคงมีพันธะสัญญาต่อการลงทุนในธุรกิจของเราและผลักดันผลการดำเนิน ธุรกิจให้สร้างผลตอบแทนสูงแก่นักลงทุน ไอบีเอ็มได้ให้ผลตอบแทนกว่า 5.8 พันล้านดอลลาร์แก่ผู้ถือหุ้นในช่วงครึ่งปีแรกนี้”

เมื่อพิจารณาตามภูมิภาค ธุรกิจในทวีปอเมริกามีรายรับ 9.5 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาส 2 ปีนี้เพิ่มขึ้น 1% ตามรายงาน (2% เมื่อปรับตามค่าเงินและธุรกิจพีซี) จากช่วงเดียวของปีที่แล้ว ส่วนรายรับจากยุโรป/ตะวัน ออกกลาง/แอฟริกาอยู่ที่ 7.2 พันล้านดอลลาร์ ลดลง 4% (1% เมื่อปรับตามค่าเงินและธุรกิจพีซี) แต่รายรับในเอเชีย-แปซิฟิคลดลง 9% (3% เมื่อปรับค่าเงินและธุรกิจพีซี) สู่ 4.2 พันล้านดอลลาร์ ส่วนรายรับจากกลุ่ม OEM อยู่ที่ 939 ล้านดอลลาร์ พุ่งขึ้น 34% จากไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว

รายรับจากบริการทั่วโลก ซึ่งรวมถึงบริการซ่อมบำรุง ลดลง 1% ตามรายงานและเมื่อปรับค่าเงิน สู่ 1.19 หมื่นล้านดอลลาร์ในไตรมาส 2 ปีนี้ ขณะที่ไอบีเอ็มได้เซ็นสัญญาด้านบริการคิดเป็นมูลค่ารวม 9.6 พันล้านดอล ลาร์ และปิดไตรมาสนี้ด้วยงานบริการที่มีอยู่ในมือ ซึ่งรวมถึงการจ้างบริการจากหน่วยงานอื่น (Strategic Outsourcing), บริการจากหน่วยอื่นเพื่อการเปลี่ยนแปลงธุรกิจ, บริการธุรกิจทั่วโลก, บริการเทคโนโลยีแบบครบวงจร และการซ่อมบำรุงคิดเป็นมูลค่าประมาณ 1.09 แสนล้านดอลลาร์

รายรับจากฮาร์ดแวร์ลดลง 7% (8% เมื่อปรับค่าเงิน) สู่ 5.1 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาส 2 ปีนี้ เทียบกับ 5.6 พันล้านดอลลาร์ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งรวมถึงรายรับจากธุรกิจพีซีที่ขายไปแล้ว ส่วนรายรับจากฮาร์ดแวร์หากไม่รวมธุรกิจพีซี เพิ่มขึ้น 3% (2% เมื่อปรับค่าเงิน)

รายรับฮาร์ดแวร์สำหรับกลุ่มระบบและเทคโนโลยีมีมูลค่ารวม 5.0 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาส 2 ปีนี้ เพิ่มขึ้น 3% ส่วนรายรับจากผลิตภัณฑ์เซิร์ฟเวอร์ System z เพิ่มขึ้น 7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว การส่งมอบการใช้กำลังประมวลผล System z ซึ่งมีหน่วยเป็น MIPS (ล้านคำสั่งต่อวินาที) เพิ่มขึ้น 7% ส่วนรายรับจากผลิตภัณฑ์เซิร์ฟเวอร์ System x ทรงตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ขณะที่รายรับจากเซิร์ฟเวอร์ System p UNIX ลดลง 10% และรายรับจากเซิร์ฟเวอร์ System I ลดลง 7% ส่วนรายรับจากไมโครอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มขึ้น 45% และรายรับจาก System Storage ลดลง 2%

รายรับจากซอฟท์แวร์อยู่ที่ 4.2 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 5% ตามรายงานและเมื่อปรับค่าเงิน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ส่วนรายรับจากแบรนด์มิดเดิลแวร์ของไอบีเอ็ม ซึ่งได้แก่ผลิตภัณฑ์ WebSphere, Information Management, Tivoli, Lotus และ Rational อยู่ที่ 3.2 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 4% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ปีที่แล้ว แต่รายรับจากระบบปฏิบัติการลดลง 6% สู่ 558 ล้านดอลลาร์ เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และรายรับจากซอฟท์แวร์และบริการอื่นๆเพิ่มขึ้น นำโดยการเติบโตแข็งแกร่งของกลุ่มผลิตภัณฑ์ Product Lifecycle Management

สำหรับผลิตภัณฑ์ซอฟท์แวร์ในตระกูล WebSphere ซึ่งเพิ่มขีดความสามารถของลูกค้าในการจัดการ ความหลากหลายของกระบวนการทางธุรกิจโดยใช้มาตรฐานแบบเปิดเพื่อเชื่อมต่อ แอพพลิเคชันต่างๆ ข้อมูล และระบบปฏิบัติการนั้น มีรายได้เพิ่มขึ้น 17% รายรับจากซอฟท์แวร์การจัดการข้อมูลซึ่งทำให้ลูกค้าสามารถใช้ข้อมูลตามต้อง การนั้น เพิ่มขึ้น 6% รายรับจากซอฟท์แวร์ Tivoli ซึ่งเป็นซอฟท์แวร์พื้นฐานที่ทำให้ลูกค้าสา มารถบริหารเครือข่าย ซึ่งรวมถึงความปลอดภัยและความจุของพื้นที่จัดเก็บข้อมูลเป็นส่วนกลางนั้น เพิ่มขึ้น 12% และรายรับสำหรับซอฟท์แวร์ Lotus ซึ่งทำให้ลูกค้าสามารถทำงานร่วมกันและส่งข้อความในการจัดการการสื่อสารและ ความรู้แบบเรียลไทม์นั้น เพิ่มขึ้น 6% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ส่วนรายรับจากซอฟท์แวร์ Rational ซึ่งเป็นเครื่องมือครบวงจรที่ใช้ปรับปรุงขั้นตอนการพัฒนาซอฟท์แวร์นั้น เพิ่มขึ้น 8% เทียบกับไตร มาสเดียวกันของปีที่แล้ว

รายรับจากโกลบอล ไฟแนนซิ่ง (Global Financing) ลดลง 7% ตามรายงานและเมื่อปรับค่าเงินในไตร มาส 2 ปีนี้ สู่ 580 ล้านดอลลาร์

บริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้นทั้งหมด 41.2% ในไตรมาส 2 ปีนี้ เทียบกับ 39.4% ในไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งรวมถึงธุรกิจพีซีที่ขายไปแล้ว แต่ถ้าไม่รวมธุรกิจพีซี อัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาส 2 ปีที่แล้วจะอยู่ที่ 40.6%

ค่าใช้จ่ายทั้งหมดและรายได้อื่นๆเพิ่มขึ้น 1% สู่ 6.1 พันล้านดอลลาร์เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งรวมถึงรายการที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว ขณะที่ค่าใช้จ่าย SG&A ลดลง 24% ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากค่าใช้ จ่ายที่เพิ่มขึ้นในการปรับโครงสร้าง 1.5 พันล้านดอลลาร์เมื่อปีที่แล้ว ส่วนค่าใช้จ่าย RD&E เพิ่มขึ้น 3% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และรายได้จากทรัพย์สินทางปัญญาและการพัฒนาการค้าลดลงสู่ 188 ล้านดอลลาร์ เทียบกับ 288 ล้านดอลลาร์เมื่อปีที่แล้ว ส่วน (รายได้) อื่นๆและค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 196 ล้านดอลลาร์ของรายได้ในไตรมาส 2 ปีนี้ เทียบกับ 1.7 พันล้านดอลลาร์ของรายได้ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งสะท้อนถึงผลประโยชน์ 775 ล้านดอลลาร์สำหรับการยุติการดำเนินคดีทางกฎหมายกับไมโครซอฟท์และกำไร 1.1 พัน ล้านดอลลาร์จากการขายธุรกิจพีซี ซึ่งถูกชดเชยบางส่วนจากค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น 236 ล้านดอลลาร์ซึ่งเป็นผลมาจากการปรับโครงสร้าง

อัตราภาษีที่ใช้ในการคำนวณของไอบีเอ็มในไตรมาส 2 ปี 2549 อยู่ที่ 30.0% เมื่อเทียบกับ 32.3% ในไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว โดยอัตราภาษีของบริษัทในไตรมาส 2 ปี 2548 เพิ่มขึ้น 2.3% เนื่องจากผลกระ ทบจากรายการที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวในไตรมาส 2

การซื้อคืนหุ้นมีมูลค่ารวมประมาณ 2.5 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาส 2 โดยจำนวนหุ้นสามัญที่ปรับลดคงเหลือจากการเฉลี่ยโดยวิธีถ่วงน้ำหนักในไตรมาส 2 ปี 2549 อยู่ที่ 1.56 พันล้านหุ้น เทียบกับ 1.63 พันล้านหุ้นในช่วงเดียวกันของปี 2548 และ ณ วันที่ 30 มิ.ย. 2549 มีหุ้นสามัญคงเหลือ 1.52 พันล้านหุ้น
ไอบีเอ็มสิ้นสุดไตรมาส 2 ของปีนี้ด้วยการมีเงินสดในมือเป็นมูลค่า 1.00 หมื่นล้านดอลลาร์ งบดุลบัญชียังคงแข็งแกร่ง และบริษัทมีสถานะที่ดีในการชิงความได้เปรียบในโอกาสต่างๆ

หนี้สิน ซึ่งรวมถึง Global Financing มีจำนวนทั้งสิ้น 2.18 หมื่นล้านดอลลาร์ เทียบกับ 2.26 หมื่นล้านดอลลาร์ ณ สิ้นปี 2548 และเมื่อพิจารณาด้านการบริหารนั้น อัตราส่วนหนี้ต่อทุนที่ไม่รวม global financing อยู่ที่ 1.5% ณ วันที่ 30 มิ.ย. 2549 และหนี้สินของ Global Financing เพิ่มขึ้น 813 ล้านดอลลาร์จากสิ้นปี 2548 สู่ระดับรวมทั้งสิ้น 2.13 หมื่นล้านดอลลาร์ ส่งผลให้อัตราส่วนหนี้ต่อทุนอยู่ที่ 6.9 ต่อ 1

ผลการดำเนินงานนับตั้งแต่ต้นปี 2549 จนถึงปัจจุบัน

รายได้จากธุรกิจที่ประกอบการอยู่ในรอบ 6 เดือนงวดสิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย. 2549 อยู่ที่ 3.7 พันล้านดอล ลาร์ เทียบกับ 3.3 พันล้านดอลลาร์ในปีก่อน ซึ่งรวมถึงรายการก่อนหักภาษีที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวสำหรับค่า ใช้จ่ายในการปรับโครงสร้างที่ 1.7 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งถูกชดเชยด้วยกำไร 1.1 พันล้านดอลลาร์จากการขายธุรกิจพีซี และการยุติคดีทางกฎหมาย 775 ล้านดอลลาร์ที่ได้รับจากไมโครซอฟท์ สำหรับกำไรต่อหุ้นปรับลดจากธุรกิจที่ประกอบการอยู่นั้นอยู่ที่ 2.37 ดอลลาร์ เทียบกับ 1.98 ดอลลาร์ต่อหุ้นปรับลดในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ส่วนรายรับจากธุรกิจที่ประกอบการอยู่ในรอบ 6 เดือนมีมูลค่าทั้งสิ้น 4.25 หมื่นล้านดอลลาร์ ลดลง 6% (4% เมื่อปรับค่าเงิน) เทียบกับ 4.52 หมื่นล้านดอลลาร์ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งรวมถึงรายรับจากธุรกิจพีซีที่ 2.9 พันล้านดอลลาร์ในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2548 เท่านั้น หากไม่รวมธุรกิจพีซีที่ขายไปแล้ว รายรับจะเพิ่มขึ้น 1% (2% เมื่อปรับค่าเงิน) เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

สำหรับธุรกิจทั้งหมด รายได้สุทธิในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้อยู่ที่ 3.7 พันล้านดอลลาร์ หรือ 2.37 ดอลลาร์ต่อหุ้นปรับลด เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วซึ่งมีรายได้สุทธิ 3.2 พันล้านดอลลาร์ หรือ 1.96 ดอลลาร์ต่อหุ้นปรับลด ซึ่งรวมถึงผลขาดทุน 27 ล้านดอลลาร์จากธุรกิจที่หยุดดำเนินการแล้ว

แถลงการณ์เกี่ยวกับการคาดการณ์ในอนาคตและแถลงการณ์เตือน
นอกจากข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์ในอดีตและคำพูดที่ปรากฏในที่นี้ ข้อความต่างๆที่อยู่ในข่าวประชา สัมพันธ์ฉบับนี้อาจเป็นแถลงการณ์เกี่ยวกับการคาดการณ์ในอนาคตตามความหมายของ กฎหมายปฏิรูป การฟ้องร้องคดีหลักทรัพย์ส่วนบุคคล พ.ศ. 2538 (Safe Harbor Statement under Private Securities Litigation Reform Act of 1995) ดังนั้น แถลงการณ์เหล่านี้จึงมีความเสี่ยง ความไม่แน่นอน และปัจจัยอื่นๆ ที่อาจทำให้ผลที่แท้จริงแตกต่างไปอย่างมากตามที่ได้ระบุไว้ในเอกสารที่ยื่น ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ (ก.ล.ต.)

การนำเสนอข้อมูลในข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้
เพื่อให้นักลงทุนได้รับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลการดำเนินงานของบริษัทตาม ที่กำหนดโดยมาตรฐานบัญชีสากล (GAPP) บริษัทยังได้เปิดเผยข้อมูลที่ไม่เกี่ยวกับ GAPP ดังต่อไปนี้ ซึ่งฝ่ายบริหารเชื่อว่าจะทำให้นักลงทุนได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์:

ผลการดำเนินงานของไอบีเอ็ม:

— ไม่มีรายการที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว

— ไม่มีธุรกิจพีซีที่ขายกิจการไปแล้ว

— ปรับตามค่าเงิน (เช่น ที่อัตราแลกเปลี่ยนคงที่)

เหตุผลสำหรับการใช้เกณฑ์ที่ไม่ใช่ GAPP ของฝ่ายบริหารถูกบรรจุรวมไว้ให้เป็นส่วนหนึ่งของข้อมูล เสริมที่ถูกนำเสนอไว้ในรายงานผลประกอบการไตรมาส 2 ซึ่งรายงานดังกล่าวมีการเผยแพร่ไว้ในส่วนลูกค้าสัมพันธ์ของไอบีเอ็มที่เว็บ ไซท์ www.ibm.com/investor และจะถูกรวมไว้ในเอกสารแนบ Attachment II (ข้อมูลเสริมที่ไม่ใช่ GAAP) ในเอกสาร Form 8-K ที่มีข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้รวมอยู่ด้วย และจะถูกยื่นต่อก.ล.ต.ในวันนี้

การประชุมทางไกลและการถ่ายทอดการประชุมผ่านเว็บ Conference Call and Webcast
ไอบีเอ็มจะจัดการประชุมทางไกลแถลงผลประกอบการรายไตรมาส โดยจะเริ่มตั้งแต่เวลา 16.30 น.ตามเวลาฝั่งตะวันออกในวันนี้ โดยนักลงทุนอาจมีส่วนร่วมได้ด้วยการชมการประชุมผ่านเว็บ (Webcast) ที่ www.ibm.com/investor/2q06 โดยจะมีการนำเสนอผลประกอบการในรูปแผนภูมิทางเว็บไซท์ก่อนการถ่ายทอดการ ประชุมผ่านเว็บ