ทีโรลิท เอเซีย แปซิฟิค ผู้นำด้านการจำหน่ายสินค้า เจียร ขัด ตัด เจาะ เอกสิทธิ์ด้านนวัตกรรมเฉพาะของแบรนด์ “ทีโรลิท” อันเป็นที่ยอมรับในตลาดโลกและเมืองไทย ชูความแข็งแกร่งที่เหนือกว่าในด้านเทคนิคและบริการ หวังมัดใจกลุ่มลูกค้าเก่า และขยายฐานสู่กลุ่มลูกค้าใหม่ โดยใช้กรุงเทพฯเป็นฐานในการขยายตลาด ชูกลยุทธ์ “การบริการแบบครบวงจร” ตอบโจทย์ความต้องการของทุกกลุ่มลูกค้า เพื่องานที่สมบูรณ์แบบทุกขั้นตอน ล่าสุดเปิดตัวกลุ่มสินค้าใหม่ โชว์นวัตกรรมที่เหนือกว่าหวังเพิ่มยอดขายช่วงครึ่งปีหลัง เชื่อมั่นสิ้นปี 2550 โตกว่า 25% โกยรายได้รวมกว่า 600 ล้านบาท สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์ด้านการก่อสร้างในตลาดเอเซีย แปซิฟิค
มร. มาร์คูส ไซเลอร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีโรลิท เอเซีย แปซิฟิค จำกัด เปิดเผยว่า กลุ่มบริษัท ทีโรลิท ประกอบธุรกิจในประเทศไทยมากว่า 5 ปี ในอดีต ทีโรลิท ให้ความสำคัญกับการพัฒนาสินค้าและการผลิตเป็นอย่างมาก แต่นับจากปี 2548 เป็นต้นมา บริษัทฯ ต้องการขยายไปยังบทบาทผู้นำในด้าน “การให้บริการแบบครบวงจร หรือ System Provider” ที่มีคุณภาพให้กับลูกค้า คือทั้งผลิตและจำหน่ายเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพ พร้อมให้คำแนะนำแก่ลูกค้าในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การเลือกสินค้าที่เหมาะสม การใช้งานที่ถูกต้อง การบำรุงรักษา และการบริการหลังการขาย ตลอดจนความยืดหยุ่นในการผลิตสินค้าที่ตอบสนองอย่างสูงสุดในลักษณะ tailor made เพื่อเป็นพาร์ทเนอร์ที่เติบโตไปในธุรกิจร่วมกันกับลูกค้า จึงได้ก่อตั้ง บริษัท ทีโรลิท เอเซีย แปซิฟิค จำกัด ขึ้นเพื่อมอบบริการด้าน “การบริการแบบครบวงจร” แก่ลูกค้าในภูมิภาคเอเซีย แปซิฟิค โดยจัดหาสินค้ามาจากบริษัท ทีโรลิท ที่ทำหน้าที่ผลิตสินค้าจากทั่วโลก และมีพนักงานที่มีความรู้ ความสามารถ จากแผนกต่างๆ เช่น ฝ่ายขาย ฝ่ายการตลาด ฝ่ายบริการลูกค้า และฝ่ายช่างเทคนิคและซ่อมบำรุง เพื่อตอบสนองทุกความต้องการของกลุ่มเป้าหมายได้อย่างหลากหลาย
เกี่ยวกับนโยบายและเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจของ ทีโรลิท เอเซีย แปซิฟิค นั้น มร. มาร์คูส ไซเลอร์ กล่าวว่า บริษัทฯ พยายามขยายธุรกิจในส่วนของงานก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ให้มากยิ่งขึ้น จีนและอินเดีย ถือเป็นเป้าหมายที่น่าสนใจ เพราะมีแผนการสร้างโครงการใหญ่ๆ ที่มีข้อจำกัดในเรื่องเวลาในการก่อสร้างจำนวนมาก ดังนั้นสินค้าและบริการของเราจึงสามารถเข้าไปตอบความต้องการของตลาดในส่วนนี้ได้มาก ด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัย ทำให้ลูกค้าสามารถจบงานได้ก่อน หรือภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ และมีต้นทุนที่
น้อยลงอีกด้วย นอกจากนี้ เรายังให้ความสำคัญกับบริการด้านการตลาด บริการด้านเทคนิค บริการด้านวิศวกรรม รวมไปถึงการบริการลูกค้า ที่ผ่านมาล้วนพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าประสบความสำเร็จ ดังนั้นจะคงดำเนินตามแนวทางนี้ต่อไป ทั้งยังมุ่งเสริมความแข็งแกร่งให้กับสถานะภาพของทีโรลิทในภูมิภาคนี้ ผ่านทางการพัฒนาทรัพยากรบุคคล เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ อย่างมีประสิทธิภาพ และผลักดันให้เกิดการขยายฐานลูกค้าที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง อันจะเป็นหลักประกันในการทำการตลาดเพื่อความมั่นคงในระยะยาวในฐานะผู้นำด้านเทคโนโลยีที่เข้าถึงความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง
“ล่าสุด บริษัทฯ ได้จัดงานเปิดตัวกลุ่มสินค้าใหม่ที่เปิดตัวเป็นประเทศแรกในเอเซีย แปซิฟิค เพื่อแนะนำนวัตกรรมที่หลากหลายและแตกต่างในการใช้งาน และสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้ที่มาร่วมงาน เพราะสินค้าในไลน์นี้ได้รับการออกแบบใหม่หมด ไม่ว่าจะเป็น เครื่องและใบตัดผนัง เครื่องและกระบอกเจาะ และเครื่องตัดพื้นถนน รวมไปถึงกลยุทธ์แนวใหม่ที่จะเสริมสร้างแบรนด์ โดยการแบ่งสินค้าออกเป็น 2 กลุ่ม โดยมีสินค้าระดับมาตรฐานสำหรับการใช้งานทั่วๆ ไป และสินค้าระดับพรีเมี่ยมสำหรับมืออาชีพ โดยสินค้าที่โดดเด่นที่ถูกนำมาจัดแสดงในครั้งนี้ ได้แก่ กระบอกเจาะหัวเพชรที่เร็วที่สุดในโลก ซึ่งเปิดตัวเป็นครั้งแรกในเอเซีย ที่ได้รับการพัฒนาประสิทธิภาพให้ดีขึ้นกว่าเดิมถึง 40 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้ยังมีใบตัดผนังรุ่นใหม่ ของ ทีโรลิท ที่ได้รับการพัฒนาจาก “ไทเร็กซ์ หรือ TYRREX” ซึ่งเป็นที่ยอมรับในตลาดทั่วโลกในเรื่องความเร็วในการตัด และอายุการใช้งานที่นาน จึงมั่นใจได้ว่าใบตัดผนังรุ่นใหม่ ของ ทีโรลิท จะมีประสิทธิภาพที่สูงสุดและสร้างความพอใจให้กับลูกค้ายิ่งกว่าเดิม และอีกหนึ่งไฮไลท์ของงานคือ การจัดการแข่งขันเจาะคอนกรีต เพื่อชิงรางวัลเครื่องเจาะ TYROLIT HYDROSTRESS รุ่น DRS160** จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งมีมอเตอร์ที่ทรงพลังถึง 2 กิโลวัตต์ แต่ย่อมเยาในเรื่องของขนาดและราคา” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีโรลิท เอเซีย แปซิฟิค จำกัด กล่าวสรุป
เกี่ยวกับ บริษัท ทีโรลิท เอเซีย แปซิฟิค จำกัด
ทีโรลิท เอเซีย แปซิฟิค เป็นบริษัทจัดจำหน่ายที่ทีโรลิทถือหุ้น 100 เปอร์เซ็นต์ และได้ทำการจดทะเบียนอย่างเป็นทางการในประเทศไทยในวันที่ 1 มิถุนายน 2549 บริษัท ทีโรลิท เอเซีย แปซิฟิค จำกัด เป็นบริษัทจัดจำหน่ายที่รับผิดชอบตลาดภูมิภาคเอเซีย แปซิฟิค โดยตลาดสำคัญในปัจจุบันได้แก่ ไทย ฟิลิปปินส์ จีน อินเดีย อินโดนิเซีย สิงคโปร์ ญี่ปุ่น เกาหลี ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ โดยมีศูนย์กลางการดำเนินธุรกิจที่แข็งแกร่งอยู่ที่กรุงเทพฯ