“เด็มโก้” รุกอีกก้าว เตรียมเงิน 54 ล้านบาท เข้าถือหุ้น 45% ในบริษัท เจ พี เอ็ม อินเตอร์ เสริมธุรกิจผลิตและติดตั้งภาชนะแรงดันสูง นอกเหนือจากธุรกิจเดิมด้านท่อรับแรงดัน โครงสร้างเหล็ก และอุปกรณ์เครื่องกล จะเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ปี 51 ส่วนหุ้นที่ขายเฉพาะเจาะจง เปิดขาย 20 ล้านหุ้น ในราคาไม่ต่ำกว่า 90% ของราคาเฉลี่ยช่วงวันที่ 15-23 พ.ย.นี้
นายประเดช กิตติอิสรานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เด็มโก้ จำกัด (มหาชน) หรือ DEMCO ผู้นำธุรกิจด้านงานก่อสร้างสถานีไฟฟ้าครบวงจร ผลิตและจำหน่ายเสาโครงเหล็กสำหรับงานด้านไฟฟ้า โทรคมนาคม และโฆษณาให้กับภาครัฐและเอกชนมากว่า 20 ปี เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีการประชุมเช้าวันนี้ (24 ต.ค. 50) และได้มีมติในเรื่องการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจง และเข้าลงทุนในบริษัทย่อยเพิ่มเติม
ทั้งนี้ บริษัทจะเข้าลงทุนในบริษัท เจ พี เอ็ม อินเตอร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจรับจ้างผลิตและติดตั้งโครงสร้างเหล็ก ภาชนะแรงดันสูง ระบบท่อรับแรงดัน รับจ้างติดตั้งอุปกรณ์เครื่องกล โดยบริษัทดังกล่าวจะเพิ่มทุนจาก 5 ล้านบาท เป็น 66 ล้านบาท ในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2550 หลังจากนั้น จะเพิ่มทุนอีกรอบหนึ่งเป็น 120 ล้านบาท ในเดือนมกราคม 2551 โดยการเพิ่มทุน 54 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ซึ่งการเพิ่มทุนครั้งหลังนี้ บริษัทเด็มโก้จะเข้าไปซื้อหุ้นเพิ่มทุนจากผู้ถือหุ้นเดิมจำนวน 54 ล้านหุ้น ในราคาพาร์ 1 บาท คิดเป็นเงินลงทุน 54 ล้านบาท โดยจะชำระเงินภายในวันที่ 14-15 มกราคม 2551
“การเข้าลงทุนในบริษัท เจ พี เอ็ม อินเตอร์ จำกัด ในครั้งนี้ จะช่วยให้บริษัทสามารถขยายขอบเขตการรับงานจากโรงงานปิโตรเคมี โรงไฟฟ้า และโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ มากขึ้น จากเดิมที่บริษัทได้ให้บริการติดตั้งระบบท่อรับแรงดันให้ลูกค้าในกลุ่มนี้อยู่แล้ว ก็จะสามารถผลิตและติดตั้งภาชนะแรงดันสูงได้ด้วย ซึ่งรายได้จากการลงทุนใน บริษัท เจ พี เอ็ม อินเตอร์ จำกัด จะเข้ามาเสริมรายได้ให้เด็มโก้ในปีหน้า” นายประเดชกล่าว
สำหรับการขายหุ้นแบบเฉพาะเจาะจงที่ได้ขอมติไว้ 60 ล้านหุ้นนั้น จะนำออกจำหน่ายจำนวน 20 ล้านหุ้นก่อน ในราคาไม่ต่ำกว่าร้อยละ 90 ของราคาปิดถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของหุ้น DEMCO ระหว่างวันที่ 15-23 พฤศจิกายน 2550 โดยจะเปิดจองซื้อในระหว่างวันที่ 26-30 พฤศจิกายน 2550 ทั้งนี้ รายชื่อผู้ลงทุนจะทราบหลังจากสิ้นสุดการจองซื้อในวันที่ 30 พฤศจิกายน และได้กำหนดวันที่ชำระค่าหุ้นเป็นวันที่ 4 ธันวาคม 2550 ส่วนจำนวนหุ้นที่เหลืออีก 40 ล้านหุ้นนั้น ยังไม่มีกำหนดการเสนอขาย เนื่องจากสถาบันการเงินได้ให้การสนับสนุนทางการเงินที่ดีแก่บริษัท