ดร.มาร์ตินส์ เอาใจหนุ่ม 3 สไตล์ เปิดตัวคอลเล็กชั่นใหม่ต้อนรับ Autumn-Winter

ชวนหนุ่มรุ่นใหม่เลือกเท่รับลมหนาวถึง 3 สไตล์ทั้ง สไตล์พั้งร็อค สไตล์สปอร์ต และสไตล์สมาร์ท เตรียมลุยอีก 3 สาขาในปี 2551 ประกาศตั้งเป้าขาย 13,000 คู่ พร้อมโตอีก 10% เผยยังคงเน้นกระแสปากต่อปาก พร้อมขยาย Brand Awareness เข้าสู่กลุ่มวัยรุ่นด้วย 2 กิจกรรมใหญ่ฉลองครบรอบ 48 ปี ดร.มาร์ตินส์

นางสุดา ทรงอุดมวัฒนา ผู้จัดการทั่วไป บริษัท โอ ที ที ฟุตแวร์ จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่าย รองเท้า ดร.มาร์ตินส์ ในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้นำสินค้าคอลเล็กชั่นใหม่ล่าสุดสำหรับ Autumn – Winter มาวางจำหน่ายแล้วถึง 3 สไตล์เพื่อรองรับกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลายขึ้น ทั้ง สไตล์พั้งร็อค สปอร์ต และสมาร์ท

สไตล์พั้งร็อค ยังคงคุณภาพและความคลาสสิกของบู๊ตในสไตล์ 1460 ได้อย่างครบถ้วน 100 เปอร์เซ็นต์ ไม่ว่าจะเป็นคุณภาพมาตรฐานและเอกลักษณ์ความทนทานของ ดร.มาร์ตินส์ ที่คงมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก รวมทั้งการเย็บขอบด้วยด้ายเหลืองระหว่างตัวรองเท้าและพื้นรองเท้า และเทคโนโลยีเพื่อสุขภาพเท้าอย่าง Air Cushioned ที่เย็บด้วยระบบ Welted โดยให้มีอากาศอยู่ภายใน เพื่อช่วยพยุงและรองรับน้ำหนักเท้าทำให้เกิดความนุ่มสบายและรู้สึกเด้งได้เวลาเดิน อันเป็นที่มาของคำว่า Bouncing Soles

โดยคอลเล็กชั่นล่าสุดนี้ได้เน้นสีสันที่เข้ากับแฟชั่นที่กำลังอินเทรนด์ทั่วโลกอย่างบูธ 3 สีมุก Dr.Martens รุ่น 1460 BRONZE METALIC, 1460 SILVER METALIC และ 1460 GOLD METALIC ที่ผลิตจากหนังแท้สีมุก Metalic คุณภาพเยี่ยม โดยจะมีวางจำหน่ายเฉพาะที่ ห้างสรรพสินค้าเซ็น ชั้น 5 เท่านั้น

ส่วนสไตล์สปอร์ต นั้นจะเน้นในเรื่องดีไซน์และรูปทรง รวมถึงสีสันที่รองรับเทรนด์ของหนุ่มๆ รุ่นใหม่กันโดยเฉพาะ โดยรองเท้าในสไตล์นี้นอกจากรูปลักษณ์ที่ดูทันสมัยและปราดเปรียวแล้ว ยังเป็นรองเท้าที่สามารถสวมใส่ได้หลากหลายโอกาสทั้งกับเสื้อผ้าสีสันสดใส ยีนส์เท่ๆ และเสื้อเชิ้ต หรือเสื้อยืดในสไตล์ลำลอง สำหรับรองเท้าในคอลเล็กชั่นนี้ได้แก่ Dr.Martens รุ่น 8F05 Lenny 5 Eyes Cap ที่มีรูปทรงโฉบเฉี่ยวทันสมัย และ Dr.Martens รุ่น 8D62 Jude Lace to Toe ที่เท่ด้วยดีไซน์ทันสมัย เบา สวมใส่สบาย พร้อมทั้งยังมีรองเท้าผ้าใบไฮบริตสีสันสดใส ได้แก่

Dr.Martens รุ่น 2C10 The Defy ให้เลือกเท่กันถึง 4 สี ได้แก่ BLACK CANVAS, NAVY CANVAS ,OFF WHITE CANVAS และ RED CANVAS ซึ่งกำลังได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีในขณะนี้

สำหรับสไตล์สมาร์ท ออกแบบมาสำหรับหนุ่มๆ มาดเนี๊ยบที่ชอบความเรียบหรู ได้แก่ Dr.Martens รุ่น 1D88 Harvey Brando ที่นอกจากจะยังคงเทคโนโลยีเพื่อสุขภาพเท้าอย่าง Air Cushioned แล้ว ยังโดดเด่นและหรูหราด้วยลวดลายฉลุบริเวณด้านหน้า มีให้เลือกเท่ได้ 2 สี คือ สีดำเรียบหรู และสีน้ำตาลคลาสสิก”

สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2550 นั้น ณ เดือนพฤศจิกายน 2550 บริษัทฯ มียอดขายแล้วประมาณ 10,000 คู่ ซึ่งคาดว่าภายในสิ้นเดือนนี้จะมียอดขายไปตามเป้าคือ 12,000 คู่

“จากภาวะเศรษฐกิจในปีนี้ไม่ได้กระทบต่อยอดขายของเรามากนัก เนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มที่รู้จัก ดร.มาร์ตินส์ อยู่แล้ว และเป็นกลุ่มที่เน้นในเรื่องของคุณภาพของสินค้าเป็นหลัก อีกทั้งตั้งแต่เปิดตัวจำหน่ายในประเทศไทย ดร.มาร์ตินส์ ยังไม่เคยปรับราคาขึ้นเลย ส่วนคอลเล็กชั่นใหม่ที่นำเข้ามานี้ก็มีการเพิ่มรุ่น The Defy ที่มีราคาเริ่มต้นเพียง 2,900 บาท เพื่อเป็นทางเลือกใหม่สำหรับกลุ่มวัยรุ่นและวัยเริ่มต้นทำงาน และคาดว่าในเดือนธันวาคมที่เป็นเทศกาลแห่งการจับจ่าย ซึ่งเราได้จัดให้มีโปรโมชั่นเพื่อขอบคุณลูกค้าประจำปีโดยมอบส่วนลดถึง 20-30 % ตลอดทั้งเดือนสำหรับผู้ที่มาซื้อรองเท้าทุกคู่ทุกรุ่นที่ ร้าน 1460 Boot Shop by Dr.Martens และส่วนลดเพิ่มอีก 10% สำหรับผู้ที่ใส่รองเท้า ดร.มาร์ตินส์ มาซื้อรองเท้า

นอกจากนั้นในส่วนของห้างแต่ละห้างเราก็มีการจัดกิจกรรมส่งท้ายปีร่วมกัน โดยเฉพาะที่ห้างเซ็นทรัลครบรอบ 60 ปี ก็ได้มีการจัดทำนาฬิการุ่นพิเศษแถมฟรี สำหรับลูกค้าที่สะสมซื้อครบ 6 คู่ โดยได้เริ่มโปรโมชั่นไปตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา และจะหมดโปรโมชั่นในสิ้นเดือนมกราคม 2551 นี้ ดังนั้นจากกิจกรรมการส่งเสริมการขายส่งท้ายปีทั้งหมดนี้จึงทำให้เรามั่นใจว่าจะสามารถสร้างยอดขายได้ตามเป้าที่วางไว้อย่างแน่นอน”

สำหรับกลยุทธ์ทางด้านการตลาดในปี 2551 นั้น นางฉานฉันท์ กฤษดาวัฒน์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท โอ.ที.ที.ฟุตแวร์ จำกัด กล่าวว่า เรายังคงเน้นการรักษาฐานลูกค้าเก่าซึ่งเป็นแฟนพันธุ์แท้และชื่นชอบ ดร.มาร์ตินส์ อยู่แล้ว โดยนอกจากกระแสการบอกต่อแบบปากต่อปากแล้วในปีหน้าจะมีแผนงานที่จะจัดกิจกรรมทางการตลาดเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่เป็นคนรุ่นใหม่มากขึ้น อาทิ กิจกรรมการฉลองครบรอบ 48 ปี ของ ดร.มาร์ตินส์ ในช่วงเดือนเมษายน และกิจกรรมการเปิดตัวคอลเล็กชั่นใหม่ๆ ทุก 3 เดือน รวมแล้วกว่า 40 รุ่นในปีหน้า

พร้อมกันนี้ยังเตรียมขยายสาขาใหม่เพื่อรองรับความต้องการเพิ่มขึ้นถึง 3 สาขา ได้แก่ เซ็นทรัล แจ้งวัฒนะ, เซ็นทรัล กาดสวนแก้ว และ โรบินสัน สุขุมวิท ซึ่งจะทำให้ ดร.มาร์ตินส์มีสาขารวมทั่วประเทศถึง 20 สาขา พร้อมกันนี้ยังตั้งเป้าในการขายในปี 2551 โตขึ้นอีก 10% หรือประมาณ 13,000 คู่ ซึ่งคิดเป็นมูลค่า 58 ล้านบาท

อนึ่งรองเท้า ดร.มาร์ตินส์ เป็นรองเท้าแบรนด์พรีเมี่ยมจากประเทศอังกฤษ ซึ่งได้เริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยเมื่อเดือนกันยายน 2548 ที่ผ่านมา และปัจจุบันได้มีช่องทางการจำหน่ายที่มีประสิทธิภาพจำนวน 17 สาขาได้แก่ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลสาขา ชิดลม,ลาดพร้าว, บางนา, ปิ่นเกล้า, พระราม 3 ,พระราม 2 ,สีลมคอมเพล็กซ์ , ภูเก็ต และเซ็น ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน สาขารัชดา,อุดรธานี, แอร์พอร์ตเชียงใหม่ และจังซีลอนภูเก็ต, สยาม-พารากอน และ ดิเอ็มโพเรียม รวมทั้งร้าน 1460 Boot shop by Dr.Martens สยามสแควร์