นายแพทย์วิศิษฎ์ ฐิตวัฒน์ ผู้อำนวยการศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทยเปิดเผยหลังเข้าร่วมเสวนาใน โครงการบริจาคอวัยวะเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในอากาสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ณ โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา จ.นครราชสีมา กับเหล่าผู้แทนโรงพยาบาลประจำจังหวัดต่างๆ ว่า ขณะนี้ โรงพยาบาลทุกแห่งทั่วประเทศประสบปัญหาขาดแคลนอวัยวะเข้าขั้นวิกฤติ “อวัยวะ” มีไม่เพียงพอ เนื่องจากมีผู้มาแสดงความจำนงบริจาคอวัยวะน้อยกว่า ผู้ที่ลงทะเบียนรอรับบริจาคอวัยวะกับศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทยที่มีถึง 2,198 ราย โดยยอดผู้ขอรับไตสูงสุด คิดเป็น ไต 2,003 ราย หัวใจ 8 ราย หัวใจ-ปอด 23 ราย ปอด 5 ราย ตับ 149 ราย ไต-ตับ 5 ราย ไต-ตับอ่อน 5 ราย ที่กำลังทนทุกข์ทรมาน และรอเพียงความหวังจากผู้มีจิตศรัทธาแสดงความจำนงบริจาคอวัยวะเท่านั้น ในขณะเดียวกันโรคไต หัวใจ และตับ เป็นโรคที่พบมากที่สุด และมีค่าใช้จ่ายในการรักษาสูง เมื่อเข้าสู่ภาวะไตวายระยะสุดท้าย ประมาณ 20,000 – 30,000 บาทต่อเดือนโดยรวมถึงค่าใช้จ่ายในการฟอกไต ซึ่งต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด และต่อเนื่อง ซึ่งภาครัฐต้องใช้งบประมาณมหาศาลในการดูแลผู้ป่วยกลุ่มนี้ และเป็นภาระต่อรัฐบาลไม่น้อย ดังนั้น การบริจาคอวัยวะจึงเป็นบทบาทของทุกคน ทุกหน่วยงาน โดยเฉพาะภาครัฐ ควรเป็นผู้ให้การสนับสนุนให้ประชาชนมีความรู้ ความเข้าใจ ในเรื่องการขาดแคลนอวัยวะ และสามารถเข้าถึงการบริการ การรับบริจาคอวัยวะได้อย่างสะดวก
ซึ่งหากประชาชนมีความรู้ความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง ย่อมส่งผลกระทบต่อการบริจาคอวัยวะ ก่อให้เกิดการ “ขาดแคลนอวัยวะ” และในที่สุดผู้ป่วยที่รอคอยความหวังอาจต้องเสียชีวิตไปก่อนที่จะได้รับอวัยวะมาปลูกถ่าย ดังนั้นการเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องในเรื่องภาวะ “สมองตาย” และการบริจาคอวัยวะจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ ในการช่วยให้ประชาชนมาร่วมกันทำบุญด้วยการบริจาคอวัยวะกับศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทย เพื่อช่วยบรรเทาความทุกข์ ความเดือดร้อนของผู้ป่วย และครอบครัว รวมถึงช่วยประหยัดค่าใช่จ่ายในการดูแลรักษาผู้ป่วยของประเทศชาติอีกด้วย