นายวีรวัฒน์ ขอไพบูลย์ กรรมการ บริษัท ไทยสโตเรจ แบตเตอรี่ จำกัด (มหาชน) (BAT-3K) และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ผลิตภัณฑ์ 3เค จำกัด เปิดเผยถึงผลประกอบการปี 2550 ว่า บริษัทมีรายได้รวมจำนวนทั้งสิ้น 5,005.89 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 33.99% จากปีก่อนซึ่งมีรายได้รวมจำนวนทั้งสิ้น 3,736.1 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิจำนวนทั้งสิ้น 296.46 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 97.15% จากปีก่อนซึ่งมีกำไรสุทธิจำนวนทั้งสิ้น 150.37 ล้านบาท
สำหรับผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2550 บริษัทมีรายได้รวมจำนวนทั้งสิ้น 1,724.9 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 50.04% จากปีก่อนซึ่งมีรายได้รวมจำนวนทั้งสิ้น 1,149.6 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิจำนวนทั้งสิ้น 123.52 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 134.87% จากปีก่อนซึ่งมีรายได้รวมอยู่ที่ 52.59 ล้านบาท
“สาเหตุที่ผลประกอบการของบริษัทมีการเติบโตเกินกว่าเป้าที่วางไว้ เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของยอดขายทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ โดยตลาดในประเทศบริษัทมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 35% นอกจากนี้ในปีที่ผ่านมาบริษัทมีการบริหารจัดการต้นทุนด้านการตลาด และการผลิตที่มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทในปี 50 มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 23.28% จากเดิมในปี 49 อยู่ที่ 20.11%” นายวีรวัฒน์ กล่าว
ทั้งนี้ในปี 2550 บริษัทสามารถทำยอดขายในตลาดต่างประเทศได้สูงถึง 2,650.12 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 54.60% จากปีก่อนซึ่งมียอดขายรวมในตลาดต่างประเทศจำนวนทั้งสิ้น 1,714.19 ล้านบาท เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของยอดขายในผลิตภัณฑ์ประเภทต่างๆ โดยเฉพาะแบตเตอรี่รถยนต์ ซึ่งถือเป็นสินค้าส่งออกอันดับหนึ่งของบริษัทฯ ประกอบกับความได้เปรียบทางด้านราคาและมาตรฐานคุณภาพของผลิตภัณฑ์ ที่ได้รับการยอมรับจากลูกค้านานาชาติ ซึ่งในปัจจุบัน แบตเตอรี่ 3เค ส่งออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศแล้วกว่า 50 ประเทศทั่วโลก อาทิ ตะวันออกกลาง แอฟริกา อินโดจีน ไต้หวัน ญี่ปุ่น ยุโรป อเมริกา และทวีปออสเตรเลีย
นอกจากนี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 26 ก.พ. 2551 ได้มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานงวดปี 2550 ในอัตราหุ้นละ 4 บาท โดยจะทำการปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นในวันที่ 9 เม.ย.2551จากนั้นจะทำการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2551 ในวันที่ 29 เม.ย. 2551 ณ โรงแรมดุสิตปริ๊นเซส ถนน ศรีนครินทร์ และทำการจ่ายเงินปันผลในวันที่ 15 พ.ค.2551
นายวีรวัฒน์ กล่าวต่อไปถึงแผนการดำเนินงานปี 2551 ว่า บริษัทตั้งเป้าการเติบโตของรายได้รวมไว้ที่ประมาณ 10% โดยกลยุทธ์หลักในปีนี้จะเน้นการบริหารต้นทุนการดำเนินงานในส่วนต่างๆอย่างมีประสิทธิภาพ และเพิ่มยอดขายจากตลาดในประเทศและต่างประเทศ ในส่วนของตลาดในประเทศจะเน้นการให้เจ้าหน้าที่การตลาดลงพื้นที่ และจัดกิจกรรมทางการตลาดกับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้ามากขึ้น
อีกทั้งจะมีการขยายจำนวนสาขาของ “3K Shop” ทั่วประเทศเพิ่มเป็น 300 สาขาภายในปีนี้ จากปัจจุบันมีจำนวนทั้งสิ้น 200 สาขา รวมถึงจะมีการสร้างแบรนด์ผ่านกิจกรรมทางการตลาด และโปรโมชั่นต่างๆอย่างต่อเนื่อง ด้วยแคมเปญเพื่อสิทธิประโยชน์แก่ลูกค้า 3K แบตเตอรี่ อาทิ 3K Roadside Assistance บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมงทั่วประเทศ สำหรับแบตเตอรี่รถยนต์ทุกรุ่น เป็นต้น
สำหรับตลาดต่างประเทศ จะเน้นการเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดเดิมในประเทศต่างๆให้ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งทำการขยายตลาดใหม่ออกไปยังประเทศอื่นๆเพิ่มเติมด้วยเช่นกัน ขณะที่สัดส่วนการขายตลาดในประเทศและต่างประเทศบริษัท บริษัทจะคงอัตราส่วนไว้ในระดับที่ใกล้เคียงกัน คือ 50:50
“ถึงแม้สถานการณ์ราคาตะกั่ว ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตแบตเตอรี่ จะมีแนวโน้มอยู่ในระดับที่สูงอย่างต่อเนื่อง แต่ 3K แบตเตอรี่ในฐานะผู้นำอันดับหนึ่งของตลาดแบตเตอรี่เมืองไทย ก็มีความมั่นใจว่าจะสามารถรักษาระดับการเติบโตของผลประกอบการ รวมทั้งขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศออกไปอย่างต่อเนื่อง โดยในปัจจุบันแบตเตอรี่ 3K ถือเป็นแบรนด์ไทยที่ประสบความสำเร็จ และได้รับการยอมรับเป็นอย่างมากในตลาดต่างประเทศทั้งในแง่ของมาตรฐานการผลิต และประสิทธิภาพการใช้งาน”นายวีรวัฒน์ กล่าวในตอนท้าย
อนึ่ง บริษัท ไทยสโตเรจ แบตเตอรี่ จำกัด (มหาชน) ผู้ประกอบธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายแบตเตอรี่ ภายใต้ชื่อ 3เค แบตเตอรี่ ประกอบด้วยบริษัทในเครือที่ครบวงจรเพื่อสนับสนุนธุรกิจโดยรวมของบริษัท ได้แก่ บริษัท ผลิตภัณฑ์ 3เค จำกัด ดำเนินธุรกิจเป็นตัวแทนจำหน่ายแบตเตอรี่รถยนต์ แบตเตอรี่รถกอล์ฟ แบตเตอรี่เพื่อแสงสว่างและแบตเตอรี่รถจักรยานยนต์ บริษัท ไทยนันเฟอรัส เมทัล จำกัด ผู้ประกอบกิจการหลอมตะกั่วผสม ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการใช้ผลิตแบตเตอรี่ พร้อมด้วยบริษัทร่วม คือ บริษัท ไทยสโตเรจ แบตเตอรี่ เจแปน จำกัด บริษัทจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลใน ประเทศญี่ปุ่น เพื่อดูแลการจำหน่ายแบตเตอรี่รถยนต์ทั่วไป และแบตเตอรี่เพื่ออุตสาหกรรม รวมทั้งให้บริการหลังการขาย และให้ความรู้แก่ตัวแทนจำหน่ายและผู้บริโภค รวมถึงการส่งเสริมการจำหน่าย สินค้าของ 3เค ในตลาดประเทศญี่ปุ่น
