โฟร์พัฒนาฯ ส่งบ้านบุษบาลุยตลาดจัดสรร ชูคุณภาพระดับรับสร้างบ้าน

โฟร์พัฒนา เตรียมรุกจัดสรรอีกรอบ ส่งบ้านบุษบาย่านถนนติวานนท์ – ปากเกร็ด ชิมลางตลาด พร้อมกำหนดพรีเซลล์ กรกฎาคมนี้ ชูจุดเด่นคุณภาพงานก่อสร้างและวัสดุระดับบริษัทรับสร้างบ้าน พร้อมทำเลที่เดินทางได้สะดวก มั่นใจไม่หวั่นต้นทุนที่เพิ่มขึ้นหลังดำเนินนโยบายลดต้นทุนได้ผล ส่งผลให้ต้นทุนเฉลี่ยเพิ่มน้อยกว่าต้นทุนโดยรวมของตลาด คาดหากการเมืองคลี่คลายกำลังซื้อไตรมาส 3-4 โตขึ้นแน่

นายปราโมทย์ ธีรกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โฟร์พัฒนา จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมที่จะเปิดขายโครงการบ้านจัดสรรโครงการที่ 2 ภายใต้ชื่อ โครงการบ้านบุษบา หลังจากที่ก่อนหน้านี้ประสบความสำเร็จกับโครงการบ้านชื่นรัชดามาแล้ว โดยโครงการบ้านบุษบา มีพื้นที่ตั้งอยู่บนถนนติวานนท์-ปากเกร็ด มีพื้นที่โครงการรวม 12.5 ไร่ ซึ่งจะพัฒนาเป็นโครงการบ้านเดี่ยว จำนวน 43 แปลง มีขนาดพื้นที่ตั้งแต่ 56-90 ตารางวา ประกอบด้วยแบบบ้านสไตล์ Modern Oriental จำนวน 2 แบบ คือ Type A เป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ พร้อมที่จอดรถ 2 คัน มีพื้นที่ใช้สอยรวม 210 ตารางเมตร และ Type B ซึ่งเป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ พร้อมที่จอดรถ 2 คัน มีพื้นที่ใช้สอยรวม 180 ตารางเมตร โดยมีราคาขาย 4.6 – 5.6 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่าโครงการรวมทั้งหมดประมาณ 213 ล้านบาท

สำหรับโครงการดังกล่าวมีจุดเด่นตรงที่คุณภาพการก่อสร้างของบ้าน และคุณภาพของวัสดุก่อสร้างอยู่ในระดับมาตรฐานของโฟร์พัฒนา ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในเรื่องการรับสร้างบ้านมานานกว่า 28 ปี นอกจากนี้โครงการดังกล่าวยังมีทำเลที่ตั้งที่สามารถเดินทางได้สะดวก โดยอยู่ใกล้กับจุดขึ้นลงทางด่วน บางพูน-รังสิต เพียง 2 กิโลเมตร รวมถึงอยู่ใกล้กับสถานที่สำคัญ ๆ และสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย อาทิ ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โรงพยาบาลเซ็นต์ คาร์ลอส นิคมอุตสาหกรรมบางกะดี ห้างสรรพสินค้าฟิวเจอร์พาร์ครังสิต เป็นต้น

“ เราตั้งใจเปิดพรีเซลล์ก่อนเพื่อดูการตอบรับของผู้บริโภคในช่วงต้นเดือนกรกฎาคมนี้ พร้อมลงมือก่อสร้างบ้านตัวอย่าง และจะเปิดขายอย่างเป็นทางการในช่วงเดือนพฤศจิกายน ซึ่งในช่วงแรกนี้เราได้จัดโปรโมชันพิเศษเฉพาะผู้ที่จอง 5 หลังแรกจะได้รับส่วนลดพิเศษตั้งแต่ 500,000 – 700,000 บาท” นายปราโมทย์ กล่าว

นายปราโมทย์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับโครงการดังกล่าวถือเป็นโครงการที่ 2 ของบริษัทฯ ต่อจากโครงการ บ้านชื่นรัชดา ในย่านประชาชื่นซึ่งปิดการขายไปเรียบร้อยแล้ว โดยสำหรับโครงการบ้านบุษบา คาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการบ้านคุณภาพระดับบริษัทรับสร้างบ้าน นอกจากนี้มาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ของภาครัฐ ที่มีการลดค่าธรรมเนียมการโอนการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ และค่าธรรมเนียมการจดจำนองให้เหลือเพียง 0.01% น่าจะเป็นตัวกระตุ้นให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยเพิ่มมากขึ้น

ในส่วนของต้นทุนของวัสดุก่อสร้างที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นนั้น ปัจจุบันบริษัทฯ ได้มีการปรับกลยุทธ์และมาตรการในการรองรับไว้เรียบร้อยแล้ว โดยในช่วงแรกได้พยายามที่จะจัดซื้อวัสดุก่อสร้างที่มีทิศทางการปรับตัวของราคาอย่างต่อเนื่อง อาทิ เหล็กเส้น โครงหลังคา ฝ้าเพดาน ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ ฯลฯ มาเก็บสต๊อกไว้ในปริมาณหนึ่ง เพื่อควบคุมต้นทุนได้ง่ายขึ้น โดยในปัจจุบันต้นทุนหลัก ๆ ของวัสดุก่อสร้างในตลาด ช่วงเดือนมกราคม-พฤษภาคมที่ผ่านมา มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นแล้วประมาณ 8.5% แต่ในส่วนของบริษัทฯ สามารถควบคุมต้นทุนเฉลี่ยให้เพิ่มขึ้นเพียง 4.3 % เท่านั้น ทำให้บ้านของบริษัทมีการปรับราคาที่ไม่สูงจนเกินไป และอยู่ในวิสัยของผู้บริโภคที่ยังมีกำลังซื้อได้

สำหรับสถานการณ์ของตลาดรับสร้างบ้าน และบ้านจัดสรรในปัจจุบัน ยังคงมีกำลังซื้อในตลาดอย่างต่อเนื่อง แต่กลุ่มผู้บริโภคบางกลุ่มอาจจะยังไม่มั่นใจเรื่องสถานการณ์ทางการเมือง และภาวะทางเศรษฐกิจ ซึ่งหากสถานการณ์ดังกล่าวสามารถคลี่คลายได้ในทางที่ดี คาดว่ากำลังซื้อน่าจะกลับมาในช่วงไตรมาสที่ 3-4 ซึ่งในช่วงนี้คาดว่าแต่ละบริษัทต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้เป็นที่ถูกใจผู้บริโภคให้มากที่สุด ขณะเดียวกัน ก็ต้องให้ความสำคัญกับการบริหาร ฤและจัดการต้นทุนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบัน