SCB จับมือ SCT เปิดตัว “Trade Super Highway” ครั้งแรกในประเทศไทย

ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดตัวนวัตกรรมใหม่ “ทางด่วนพิเศษนำเข้า – ส่งออก” (Trade Super Highway) ให้บริการด้านการค้าต่างประเทศผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์แบบ Host to Host เชื่อมต่อระบบโดยตรงระหว่างธนาคารกับลูกค้าเป็นครั้งแรกในประเทศไทย เสริมประสิทธิภาพการดำเนินงาน และรองรับการขยายธุรกิจของลูกค้าแบบก้าวกระโดด โดยมีนายจรัมพร โชติกเสถียร รองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ และ นายกลินท์ สารสิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ค้าสากลซิเมนต์ไทย จำกัด (SCT) ร่วมแถลงข่าว ณ ธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่

ธนาคารไทยพาณิชย์ร่วมกับบริษัท ค้าสากลซีเมนต์ไทย จำกัด (SCT) เปิดตัวนวัตกรรมใหม่ “Trade Super Highway” ให้บริการธุรกรรมด้านการค้าต่างประเทศ ผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ แบบ Host to Host เป็นครั้งแรกในประเทศไทย ด้วยระบบ ERP (Enterprise Resource Planning) ก้าวล้ำทันสมัยตอกย้ำความเป็นผู้นำนวัตกรรมด้านธุรกิจการค้าต่างประเทศผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์

นายจรัมพร โชติกเสถียร รองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า “ปัจจุบันธนาคารมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนผู้ประกอบการด้านการค้าต่างประเทศทั้งผู้นำเข้าและผู้ส่งออกในทุกๆด้าน ได้รับการยอมรับจากลูกค้าว่าเป็นธนาคารที่มีนวัตกรรมของการบริการที่ดีที่สุด โดยเฉพาะนวัตกรรมทางด้านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งธนาคารจะออกแบบระบบโดยยึดความสะดวกสบายของลูกค้าและความถูกต้องของข้อมูลเป็นหลัก

“โครงการ Trade Super Highway” ได้ริเริ่มขึ้น เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับต่างประเทศ โดยการนำระบบ ERP (Enterprise Resource Planning) แบบ Host to Host ที่ใช้ในการเปิด L/C มาใช้เป็นธนาคารแรกในประเทศไทย ซึ่งสามารถเชื่อมต่อระบบภายในของลูกค้าให้ต่อตรงกับระบบให้บริการของธนาคาร โดยลูกค้าจะได้รับประโยชน์อย่างมากในเรื่องของความถูกต้อง รวดเร็ว และลดขั้นตอนด้านข้อมูล โดยธนาคารได้ลงทุนนำ Application ของ SAP-XI ซึ่งเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงระดับโลกในการพัฒนาระบบ ดังนั้นจึงมั่นใจได้ถึงระบบการให้บริการที่ได้มาตรฐานสากลและทันสมัยกว่าระบบเดิม”

ธนาคารมีนโยบายในการเป็นธนาคารที่มีผลิตภัณฑ์และบริการด้านธุรกิจการค้าต่างประเทศที่ลูกค้าเลือก โดยมุ่งเน้นการมีผลิตภัณฑ์ทางด้านการค้าต่างประเทศที่หลากหลาย พร้อมช่องทางการให้บริการที่สะดวกและรวดเร็วตรงตามความต้องการของลูกค้า โดยผลการดำเนินงานที่ผ่านมาได้พิสูจน์ว่าธนาคารสามารถเพิ่มปริมาณธุรกิจได้อย่างก้าวกระโดด มีอัตราการเพิ่มขึ้นของปริมาณธุรกิจในปี 2551 ถึง 30% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา เรามีเป้าหมายที่จะเป็นผู้นำด้านธุรกิจการค้าต่างประเทศและมุ่งเน้นขยายฐานลูกค้า Mid-size Market ซึ่งมีศักยภาพในการดำเนินธุรกิจด้านการค้าต่างประเทศอีกมาก

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาธนาคารได้มุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินในหลากหลายรูปแบบตามนโยบายในการเป็นผู้นำสถาบันการเงินที่ให้บริการครบวงจร หรือ Premier Universal Bank เพื่อให้บริการที่สอดคล้องและตอบสนองความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่ม”

นายกลินท์ สารสิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ค้าสากลซิเมนต์ไทย จำกัด (SCT) กล่าวเสริมว่า “SCT ให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อให้บริการลูกค้า และพัฒนาระบบเครือข่ายของเรามาก ที่ผ่านมา เราได้นำเทคโนโลยีต่างๆ มาเพิ่มขีดความสามารถในการทำงานมากมาย อาทิ การนำระบบ SAP มาเชื่อมต่อ เพื่อให้พนักงานจากสาขาต่างๆ ทั่วโลกสามารถเข้าถึงระบบได้เหมือนกัน เพิ่มความสะดวกรวดเร็วของ End-to-end process เพื่อให้บริการที่รวดเร็วกว่า ติดตั้งระบบ IT ของธุรกิจ Recycle โดยเชื่อมข้อมูลตั้งแต่การขนวัตถุดิบเข้าโรงงาน จนถึงการนำสินค้าออกไปขาย รวมทั้งนำเทคโนโลยี RFID มาใช้ในระบบโลจิสติกส์ นอกจากนี้ ยังมีการลงทุนเรื่อง Network Infrastructure เพื่อเชื่อมต่อระบบกับ Supplier และคู่ค้าที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น กรมศุลกากรในเรื่องพิธีการนำเข้าและส่งออก หอการค้าไทยในด้านการขอใบรับรองแหล่งกำเนิดสินค้า (Certificate of Origin) การออกใบตราส่งของบริษัทเดินเรือได้ ณ ที่ทำการของบริษัท และในส่วนของธนาคารนั้น ในด้านการเปิด Letter of Credit LC Presentation ตลอดจนการทำธุรกรรมทางการเงินเช่น รับและโอนชำระค่าสินค้าและบริการของ SCT Group ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งเมื่อระบบทุกอย่างขึ้นเต็มรูปแบบแล้ว SCT จะเปรียบเสมือน Single Portal ของผู้นำเข้าและส่งออกที่สามารถติดตามงานได้จากข้อมูลในระบบเดียวกันตลอดทั้งกระบวนการ

สำหรับนวัตกรรมระบบ Trade Super Highway ซึ่งเป็นการเชื่อมต่อแบบ Host to Host นี้ ก็เป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมเทคโนโลยีที่จะช่วยลดขั้นตอนการทำงาน ทำให้กระบวนการทำงานรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และยังช่วยลดความผิดพลาดจากการทำงานด้วย เราเชื่อมั่นว่า ระบบดังกล่าวจะช่วยให้บริการของเรามีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และจะช่วยรองรับการขยายตัวทางธุรกิจของ SCT ทั้งการขยายการค้าในภูมิภาคเอเชีย ยุโรป อัฟริกาและ อเมริกา“

บริษัท ค้าสากลซิเมนต์ไทย จำกัด (SCT) ในธุรกิจจัดจำหน่าย เครือซิเมนต์ไทย (SCG Distribution) เป็นผู้นำด้านธุรกิจ Trading ระหว่างประเทศ ซึ่งมีเครือข่ายกว่า 30 สาขา ใน 19 ประเทศ เน้นการให้บริการแบบ One Stop Service โดยให้บริการอย่างครบวงจร คลอบคลุมถึงการขนส่งสินค้า การขนถ่ายและดำเนินพิธีการศุลการ การให้บริการจัดเก็บและกระจายสินค้า เป็นตัวแทนจัดจำหน่ายสินค้าในภูมิภาค และเป็นศูนย์กลางการจัดหาสินค้าตามความต้องการของลูกค้าจากแหล่งวัตถุดิบและแหล่งผลิตทั่วโลก (Customer Oriented) โดยบริษัทฯ ยึดหลักการสร้างความเป็น ‘The Most Trusted Business Partner’ หรือ การทำธุรกิจแบบระยะยาว เสมือนเป็นเพื่อนที่ดีกับลูกค้า ให้บริการอย่างเป็นธรรม สม่ำเสมอ ตรงไปตรงมา และมุ่งสร้าง Value Added ให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง

ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เป็นธนาคารพาณิชย์ชั้นนำของประเทศที่ให้บริการทางการเงินแบบครบวงจร ก่อตั้งขึ้นโดยพระบรมราชานุญาตในปี พ.ศ. 2449 โดยเป็นธนาคารพาณิชย์ไทยที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2551 ธนาคารมีมูลค่าตลาดรวม (Market Capitalization) สูงเป็นอันดับที่ 1 ในกลุ่มสถาบันการเงิน (264 พันล้านบาท) มีขนาดสินทรัพย์ใหญ่เป็นอันดับที่ 3 (1,206 พันล้านบาท) มีเครือข่ายสาขาและจุดให้บริการมากที่สุดในประเทศไทย (สาขารวมทั้งสิ้น 913 สาขา ศูนย์แลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ 146 แห่ง เครื่องเอทีเอ็ม 5,552 เครื่อง) เพื่อให้บริการที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่ม ทั้งลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ ลูกค้าธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ลูกค้าบุคคล และลูกค้าธนบดีธนกิจ ข้อมูลเพิ่มเติมสามารถดูได้ที่ www.scb.co.th