ฮอนด้าเร่งเครื่องสนองตอบกระแสหัวฉีดแรง รุกต่อเนื่องด้วย “แอร์เบลด ไอ” รถ PGM-FI ใหม่รุ่นที่สาม

ฮอนด้ารุกต่อเนื่องในขณะสภาวะตลาดก่อกระแสนิยมรถเครื่องยนต์หัวฉีดพุ่งแรง ด้วยการพัฒนารถจักรยานยนต์ที่เป็นมาตรฐานใหม่ของการขับขี่ โดยติดตั้งเทคโนโลยีจ่ายน้ำมันแบบหัวฉีดล้ำสมัยระบบ PGM-FI เป็นรุ่นที่สาม ได้แก่ รุ่น แอร์เบลด ไอ ซึ่งเป็นการพัฒนาต่อยอดจากรุ่นเดิมที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงในกลุ่มผู้ขับขี่ที่มีรสนิยมเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของตัวเอง ทั้งนี้ในการพัฒนาครั้งใหม่นี้ เน้นการสร้างคุณค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ทั้งในด้านการใช้งาน จากรูปแบบใหม่ของอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่หลากหลาย รวมทั้งภาพลักษณ์ที่หรูหรามากยิ่งขึ้น ภายใต้แนวคิดการออกแบบ “เท่ที่สุด ต้อง เท่…ที่หนึ่ง” พร้อมสีสันสะท้อนบุคลิกใหม่ถึง 4 รูปแบบ ด้วยราคาจำหน่ายในช่วงแนะนำเริ่มต้นเพียง 51,400 บาท และเผยโฉมวางจำหน่ายในวันที่ 10 พ.ย. นี้

มร.เซนจิโร่ ซากุราอิ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด เปิดเผยถึงการพัฒนารถจักรยานยนต์ ฮอนด้ารุ่นใหม่ว่า หลังจากที่ทางฮอนด้าได้ยกระดับมาตรฐานรถจักรยานยนต์ฮอนด้า เพื่อก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของการขับขี่ ที่ให้ความสำคัญกับความประหยัดและตระหนักต่อสิ่งแวดล้อม ตลอดจนสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับผู้บริโภค ด้วยการติดตั้งเทคโนโลยีล้ำสมัยใหม่ล่าสุด คือ ระบบจ่ายน้ำมันแบบหัวฉีด PGM-FI (Programmed Fuel Injection) พร้อมวางจำหน่ายสู่ตลาดเมื่อเร็วๆ นี้ถึงสองรุ่นด้วยกัน คือ คลิก ไอ (Click-i) และ ซีแซด ไอ 110 (CZ-i 110) ซึ่งได้รับกระแสการตอบรับและความนิยมจากกลุ่มผู้ใช้รถเป็นอย่างดีนั้น ขณะนี้ฮอนด้าได้สร้างความต่อเนื่องในการพัฒนารถจักรยานยนต์ที่ติดตั้งระบบ PGM-FI โดยได้พัฒนารถรุ่นใหม่ล่าสุดที่นับเป็นรุ่นที่สาม ได้แก่ รุ่น ฮอนด้า แอร์เบลด ไอ (Air Blade i)

โดยการพัฒนาฮอนด้า แอร์เบลด ไอ นั้น เป็นการพัฒนาต่อยอดจากรุ่น แอร์เบลด เดิม ซึ่งเป็นรถจักรยานยนต์ในรูปแบบ เอ.ที. (Automatic Transmission) หรือแบบเกียร์อัตโนมัติ ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงในกลุ่มผู้ขับขี่รุ่นใหม่วัยทำงานที่เน้นความสะดวกสบาย รวมทั้งเสริมภาพลักษณ์อันบ่งถึงรสนิยมที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของตัวเอง และสำหรับการพัฒนาครั้งใหม่นี้ ทางฮอนด้าได้มุ่งเน้นการสร้างคุณค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ โดยนอกเหนือจากการติดตั้งระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงแบบหัวฉีด PGM-FI แล้ว ยังเสริมเทคโนโลยีขั้นสูงอีกหลากหลายเพื่ออำนวยความสะดวกต่อการขับขี่ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านภาพลักษณ์นั้น ได้รับการออกแบบให้มีความหรูหราและโดดเด่นมากยิ่งขึ้น (New Deluxe Design) ภายใต้นิยามใหม่คือ “เท่ที่สุด ต้อง เท่…ที่หนึ่ง”

ทั้งนี้ฮอนด้า แอร์เบลด ไอ ได้รับการออกแบบใหม่ให้มีความนำสมัย โดยมีองค์ประกอบที่สมดุลระหว่างรูปลักษณ์อันโดดเด่น ผสมผสานกลมกลืนเข้ากับความสุดยอดของเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าจากข้อจำกัดเดิมๆ ของรถจักรยานยนต์ ซึ่งการออกแบบนั้นมุ่งเน้นภาพลักษณ์ความเท่อย่างไร้ขีดจำกัดตลอดคัน เริ่มตั้งแต่รูปโฉมด้านหน้าที่ออกแบบใหม่ด้วยรูปแบบของ New Phoenix Cover ซึ่งทำจากวัสดุพิเศษมีความแวววาว ประกอบเข้าชุดกับไฟหน้าแบบไวด์บีม (Sharply Wide Beam Head Light) ในขณะที่แผงหน้าปัดเป็นแบบเรืองแสงรูปลักษณ์เดียวกับสไตล์รถยนต์ และมีสัญญาณไฟเลี้ยวขนาดใหญ่ (Premium Bright Meter) คอนโซลออกแบบใหม่พร้อมด้วยช่องเก็บของทั้งด้านซ้ายและด้านขวาที่มีฝาเปิดปิด ใช้งานง่ายและสะดวก (New Inner Box Console) ส่วนไฟท้ายโฉบเฉี่ยวทันสมัยให้แสงส่องสว่างชัดเจนกับไฟ LED รูปทรงเรียวรับกับช่วงท้ายสไตล์สปอร์ต (Sharply LED Tail Light) รวมทั้งให้ความอเนกประสงค์ด้วยพื้นที่เก็บสัมภาระหลากหลายขนาดใหญ่ใต้เบาะนั่ง (Max U-Box)

ในด้านเทคโนโลยีนั้นมีความล้ำหน้าเป็นสุดยอดของเทคโนโลยีรถจักรยานยนต์ อาทิ ตำแหน่งใหม่ของฝาเปิดถังน้ำมันที่อยู่บริเวณคอนโซล ทำให้ไม่ต้องเปิดเบาะนั่งในขณะเติมน้ำมัน พร้อมกันนั้นยังติดตั้งเหล็กกล้ากันกระแทกด้านข้างถังน้ำมัน อันเป็นเทคโนโลยีที่ถอดแบบจากรถสปอร์ตระดับหรูและเป็นมาตรฐานในรถ เอ.ที. ขนาดใหญ่ทั่วโลก , สวิทซ์กุญแจเป็นแบบนิรภัย 2 ชั้น รวมทั้งสามารถควบคุมการเปิดเบาะและฝาถังน้ำมันที่สวิทซ์กุญแจด้วยเช่นกัน นอกจากนั้นยังครบครันเทคโนโลยีความปลอดภัยที่เป็นคุณสมบัติเด่นเฉพาะของฮอนด้า ได้แก่ ระบบ Side Stand Switch ซึ่งเป็นสวิทซ์ตัดการทำงานของเครื่องยนต์ ติดตั้งอยู่ที่บริเวณขาตั้งข้าง ทำหน้าที่ดับเครื่องยนต์โดยอัตโนมัติเมื่อนำขาตั้งลง ป้องกันความพลั้งเผลอในการบิดคันเร่งระหว่างจอดรถ และระบบ Parking Brake หรือระบบล็อคล้อขณะจอดรถ ช่วยป้องกันไม่ให้รถลื่นไถล รวมทั้งระบบคอมบาย เบรก (Combi Brake) ซึ่งให้ความสะดวกสบายในการเบรก โดยใช้เพียงเบรกหลังเท่านั้น ก็สามารถกระจายแรงเบรกให้สมดุลระหว่างล้อหน้าและล้อหลัง ทำให้ระยะทางในการหยุดรถสั้นลง (*** อุปกรณ์เสริมเฉพาะรุ่น***)

ส่วนเครื่องยนต์เป็นแบบ 4 จังหวะ ขนาด 110 ซีซี ระบายความร้อนด้วยน้ำแบบ Built in Liquid Cooled ส่งผลให้เครื่องยนต์ระบายความร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ , ระบบส่งกำลังแบบ V-Matic Transmission ขับเคลื่อนด้วยสายพาน V-Belt เสริมใยเหล็ก ที่ใช้งานได้ทนทาน รวมทั้งช่วยให้การขับขี่คล่องตัว และที่สำคัญได้รับการติดตั้งระบบจ่ายน้ำมันแบบหัวฉีดยุคใหม่ PGM-FI ที่ควบคุมการทำงานโดยคอมพิวเตอร์สมองกล ECU (Engine Control Unit) ทำให้เครื่องยนต์มีความประหยัดสูงสุด โดยประหยัดกว่าฮอนด้า แอร์เบลด รุ่นเดิม ถึง 15% (ทดสอบตามมาตรฐาน ECE 40 MODE) รวมทั้งให้ค่าไอเสียสะอาดมากขึ้น ซึ่งสะอาดกว่าค่ามาตรฐานไอเสียระดับ 6 ที่จะประกาศบังคับใช้ในอนาคตอันใกล้นี้ และยังสะอาดกว่าค่ามาตรฐานไอเสียระดับ 5 ที่บังคับใช้ในปัจจุบันถึง 80% นอกจากนั้นยังให้สมรรถนะสูงตอบสนองเต็มกำลัง 110 ซีซี และโดยเฉพาะอย่างยิ่งสามารถรองรับการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอลล์ E20 อันนับเป็นคุณสมบัติเฉพาะที่ฮอนด้าสามารถพัฒนาได้เป็นรายแรกในวงการรถจักรยานยนต์

นอกเหนือจากนั้นแล้ว ฮอนด้า แอร์เบลด ไอ ยังได้รับการออกแบบให้มีสีสันในรูปแบบใหม่พิเศษถึง 4 สีด้วยกัน โดยแต่ละสีนั้นบ่งบอกและสะท้อนบุคลิกเฉพาะที่มีลักษณะสอดคล้องกับรสนิยมของกลุ่มผู้บริโภคที่แตกต่างกัน ได้แก่ สีขาว-แดง (White-Red Deluxe) , สีดำ-เทา (Black-Silver Solid) ซึ่งเป็นแบบล้อซี่ลวด-ดิสก์เบรกหน้า และสีน้ำตาล-ดำ (Precious Golden Brown) , สีแดง-ดำ (Rubilize Red) แบบล้อแม็ก-ดิสก์เบรกหน้า-คอมบาย เบรก

โดยฮอนด้า แอร์เบลด ไอ ซึ่งเพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยีอันมีคุณสมบัติโดดเด่นและมากคุณค่าในการใช้งาน ตลอดจนมีภาพลักษณ์หรูหราเสริมรสนิยมที่เหนือระดับนั้น มีราคาจำหน่ายในช่วงแนะนำเริ่มต้นเพียง 51,400 บาทเท่านั้น ในขณะที่ราคาปกติหลังหมดช่วงแนะนำจะเริ่มต้นที่ 53,000 บาท ทั้งนี้จะเริ่มวางจำหน่ายในตลาดตั้งแต่วันที่ 10 พ.ย. นี้