ธุรกิจตู้น้ำมันหยอดเหรียญถือเป็นธุรกิจให้บริการน้ำมันแก่กลุ่มผู้ใช้ยานพาหนะโดยเฉพาะกลุ่มผู้ใช้รถจักรยานยนต์ในเขตชุมชน และชานเมืองในต่างจังหวัดที่มักมีเส้นทางสัญจรหลักที่ห่างไกลจากสถานีบริการน้ำมัน ซึ่งนับวันธุรกิจตู้น้ำมันหยอดเหรียญจะได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากจุดเด่นที่สำคัญ คือ ผู้ใช้บริการสามารถเติมน้ำมันในราคาเริ่มต้นที่ต่ำ ประกอบกับสามารถใช้บริการด้วยตนเองได้ง่าย โดยตู้น้ำมันหยอดเหรียญเริ่มที่จะขยายจำนวนไปตามแหล่งชุมชนต่างๆ อย่างรวดเร็ว และเริ่มเข้ามาแทนที่ปั๊มน้ำมันหลอดแก้วแบบใช้มือหมุนที่ให้บริการในชุมชนตามต่างจังหวัดมากขึ้น แม้ว่าตู้น้ำมันหยอดเหรียญจะช่วยสร้างความสะดวกในการใช้น้ำมันให้แก่ผู้ใช้ยานพาหนะมากขึ้น แต่ตู้น้ำมันที่ให้บริการโดยมากยังคงไม่ได้รับการรับรองมาตรฐานของเครื่องจำหน่าย และมาตรฐานด้านความปลอดภัยในสถานที่ตั้งบริการจากหน่วยงานภาครัฐ รวมไปถึงยังเกิดปัญหาด้านการละเมิดลิขสิทธิ์การผลิตตู้น้ำมันหยอดเหรียญบางประเภทที่ได้จดลิขสิทธิ์ไว้ ซึ่งภาครัฐควรเข้ามาจัดระเบียบตู้น้ำมันหยอดเหรียญอย่างจริงจังมากขึ้น เพื่อความเป็นธรรมแก่ผู้ผลิตตู้น้ำมันหยอดเหรียญที่จดสิทธิบัตรอย่างถูกต้องตามกฎหมาย รวมไปถึงสร้างความปลอดภัยและความเป็นธรรมแก่กลุ่มผู้ใช้บริการ โดยที่ยังคงสามารถตอบสนองความต้องการใช้น้ำมันของกลุ่มผู้ใช้บริการที่อยู่ห่างไกลจากสถานีบริการน้ำมันขนาดใหญ่ได้อยู่ต่อไป
ปัจจัยผลักดัน…ตู้น้ำมันหยอดเหรียญขยายจำนวนอย่างรวดเร็ว
การขยายตัวอย่างรวดเร็วของตู้จำหน่ายน้ำมันหยอดเหรียญและใส่ธนบัตรที่สามารถพบเห็นได้มากตามเขตชุมชนต่างๆ และเขตชานเมืองที่ห่างไกลจากสถานีบริการน้ำมันขนาดใหญ่โดยเฉพาะในปี 2551 นี้ มีปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนให้ตู้น้ำมันหยอดเหรียญขยายตัวอย่างรวดเร็ว มีดังนี้
ปริมาณจำหน่ายรถจักรยานยนต์เพิ่มมากขึ้น รถจักรยานยนต์ถือเป็นกลุ่มยานพาหนะหลักที่ใช้บริการตามตู้น้ำมันหยอดเหรียญ ด้วยลักษณะการใช้งานของรถจักรยานยนต์ที่ถูกใช้เพื่อการขนส่งระยะทางใกล้ๆ โดยเฉพาะในเขตชุมชน ซึ่งการนำรถจักรยานยนต์เข้าไปเติมน้ำมันตามสถานีบริการน้ำมันขนาดใหญ่อาจเกิดความไม่สะดวกนัก เนื่องจากสถานีบริการน้ำมันขนาดใหญ่มักตั้งอยู่ห่างไกลจากชุมชน ซึ่งตู้จำหน่ายน้ำมันแบบหยอดเหรียญและใส่ธนบัตรที่ตั้งให้บริการอยู่ตามแหล่งชุมชนต่างๆ จึงได้รับความนิยมในการใช้บริการมากกว่า แม้ว่าจะมีราคาจำหน่ายต่อลิตรที่สูงกว่าสถานีบริการน้ำมันขนาดใหญ่ก็ตาม ทั้งนี้ นับตั้งแต่ต้นปี 2551 ปริมาณการจำหน่ายรถจักรยานยนต์ในประเทศไทยได้เพิ่มขึ้นทุกไตรมาส ซึ่งยอดการจำหน่ายรถจักรยานยนต์มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2550 (รายละเอียดแสดงในตาราง) สะท้อนถึงกลุ่มรถจักรยานยนต์ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ใช้บริการหลักของตู้น้ำมันหยอดเหรียญมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จึงเกิดการขยายจำนวนตู้น้ำมันหยอดเหรียญเพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มมากขึ้น
ราคาจำหน่ายน้ำมันเริ่มต้นที่ต่ำ ด้วยผู้ใช้บริการตู้น้ำมันหยอดเหรียญสามารถเลือกเติมน้ำมันได้ในราคาเริ่มต้นเพียง 5 – 10 บาท ซึ่งเป็นราคาเริ่มต้นที่ต่ำกว่าการเติมน้ำมันตามสถานีบริการต่างๆ ในแต่ละครั้งที่ผู้ใช้บริการอาจต้องเติมไม่ต่ำกว่าครั้งละ 1 – 2 ลิตร คิดเป็นเงินประมาณ 20 – 40 บาท จึงทำให้มีผู้ใช้ยานพาหนะโดยเฉพาะกลุ่มผู้ใช้รถจักรยานยนต์ให้ความสนใจใช้บริการจากตู้น้ำมันหยอดเหรียญ โดยความต้องการใช้บริการจะเพิ่มสูงขึ้นมากในช่วงเวลาที่ราคาน้ำมันสำเร็จรูปที่จำหน่ายภายในประเทศมีราคาที่สูง และในช่วงเวลาที่ภาวะเศรษฐกิจฝืดเคือง ซึ่งผู้ใช้รถจักรยานยนต์มีกำลังซื้อต่อครั้งที่ลดต่ำลง
สะดวกในการใช้บริการ ด้วยตู้น้ำมันหยอดเหรียญใช้พื้นที่ในการจัดตั้งที่น้อย จึงทำให้สามารถวางให้บริการอยู่ในเขตชุมชน หรือชานเมืองที่อยู่ห่างไกลจากสถานีบริการน้ำมันขนาดใหญ่ จึงสร้างความสะดวกในการใช้บริการแก่บรรดายานพาหนะที่สัญจรผ่านไปมาในเขตชุมชนโดยเฉพาะกลุ่มรถจักรยานยนต์ รวมไปถึงการที่ผู้ใช้บริการสามารถใช้บริการตู้น้ำมันหยอดเหรียญด้วยตนเองได้ง่าย เพียงหยอดเหรียญหรือใส่ธนบัตร และกดปุ่มเติมน้ำมันก็สามารถเติมน้ำมันได้เอง โดยไม่ต้องเสียเวลากับขั้นตอนการเติมน้ำมันตามสถานีบริการน้ำมัน อีกทั้งยังสามารถเติมน้ำมันได้ตลอด 24 ชั่วโมง จึงเพิ่มความสะดวกแก่ผู้ต้องการใช้บริการมากยิ่งขึ้น
ต้นทุนดำเนินการต่ำ การลงทุนในตู้น้ำมันหยอดเหรียญหนึ่งตู้มีต้นทุนดำเนินการเริ่มต้นที่ประมาณ 30,000 – 50,000 บาท สำหรับตู้จำหน่ายขนาดถังความจุไม่เกิน 227 ลิตร จำนวนหนึ่งถัง อีกทั้งผู้ประกอบการที่ให้บริการอยู่ในปัจจุบันยังสามารถลดค่าจ้างพนักงานที่ต้องมาเฝ้าคอยให้บริการเติมน้ำมัน หรือเก็บค่าน้ำมันเช่นเดียวกับสถานีบริการน้ำมัน หรือปั๊มน้ำมันหลอดแก้วแบบใช้มือหมุนที่จะต้องมีพนักงานคอยให้บริการหรือเก็บค่าน้ำมันอยู่ตลอดเวลา ด้วยต้นทุนการดำเนินการที่ต่ำจึงทำให้เริ่มที่จะพบตู้น้ำมันหยอดเหรียญเพิ่มมากขึ้นทดแทนปั๊มน้ำมันหลอดแก้วแบบใช้มือหมุนโดยเฉพาะในพื้นที่ต่างจังหวัด.
รัฐเร่งจัดระเบียบ…สร้างมาตรฐานตู้จำหน่ายน้ำมัน
ตู้น้ำมันหยอดเหรียญที่ขยายตัวไปอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน เช่น บริเวณชุมชนในหมู่บ้านต่างๆ หรือชานเมืองที่ห่างไกลจากสถานีบริการน้ำมันขนาดใหญ่ ได้สร้างความยากลำบากแก่การตรวจสอบของหน่วยงานภาครัฐเป็นอย่างยิ่ง ทั้งในประเด็นมาตรฐานของเครื่องจำหน่ายน้ำมัน การละเมิดลิขสิทธิ์ตู้จำหน่ายน้ำมันหยอดเหรียญบางประเภทที่ได้จดสิทธิบัตรไว้แล้ว และประเด็นทางด้านความปลอดภัยของสถานที่ตั้ง จึงเป็นประเด็นที่หน่วยงานภาครัฐจะต้องเร่งดำเนินการจัดระเบียบ และสร้างมาตรฐานของตู้น้ำมันหยอดเหรียญให้มากขึ้น โดยมีประเด็นสำคัญที่ภาครัฐจะต้องเร่งดำเนินการ ดังนี้
ความเที่ยงตรงของเครื่องจำหน่ายน้ำมัน ในปัจจุบัน ตู้จำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงที่ให้บริการอยู่ตามสถานที่ต่างๆ นั้น ในส่วนของมาตรวัดน้ำมันในตู้จำหน่ายทั้งแบบหยอดเหรียญหรือสอดธนบัตรยังคงไม่ได้ทำการระบุลักษณะมาตรฐานที่ชัดเจนตามตัวบทกฎหมาย ซึ่งทางกรมการค้าภายในได้ทำการขอความร่วมมือให้บรรดาผู้ประกอบการที่ผลิตตู้น้ำมันหยอดเหรียญให้ปฏิบัติตามร่างกฎกระทรวงที่ได้ทำการเสนอแก้ไขไปก่อน เพื่อให้มาตรวัดตามตู้จำหน่ายน้ำมันมีความเที่ยงตรง และมีรายละเอียดของระบบเครื่องกลที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน แต่อย่างไรก็ตาม ภาครัฐจำเป็นที่จะต้องเร่งผลักดันให้ร่างกฎกระทรวงดังกล่าวมีผลบังคับใช้ในทางกฎหมายโดยเร็วที่สุด เพื่อให้เกิดการปฏิบัติอย่างพร้อมเพรียงกัน อันเป็นการสร้างมาตรฐานตู้จำหน่ายน้ำมัน และเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ประชาชนผู้ใช้บริการ
การละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา เนื่องจากความนิยมของตู้น้ำมันหยอดเหรียญที่มีมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงกลางปี 2551 ที่ราคาน้ำมันที่จำหน่ายภายในประเทศปรับตัวสูงขึ้นมาก ทำให้ผู้ประกอบการบางรายทำการลักลอบผลิตและวางจำหน่ายตู้น้ำมันหยอดเหรียญในบางรูปแบบ ซึ่งมีผู้ผลิตได้จดสิทธิบัตรกับกรมทรัพย์สินทางปัญญาไปแล้ว โดยผู้ที่ลักลอบผลิตและจำหน่ายดังกล่าวจะลดราคาจำหน่ายตู้น้ำมันลงมากจนทำให้ส่วนต่างระหว่างราคาตู้น้ำมันหยอดเหรียญของผู้จดสิทธิบัตรถูกต้อง และผู้ละเมิดลิขสิทธิ์ห่างกันมาก ก่อให้เกิดการสูญเสียโอกาสทางธุรกิจ และสร้างความไม่เป็นธรรมแก่ผู้คิดประดิษฐ์ตู้น้ำมันหยอดเหรียญที่ดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งภาครัฐควรเร่งตรวจสอบและปราบปรามผู้ละเมิดลิขสิทธิ์โดยเร็ว
ความปลอดภัยของตู้น้ำมัน เนื่องจากตู้น้ำมันหยอดเหรียญที่สามารถพบเห็นได้ตามท้องถนนในปัจจุบันส่วนใหญ่เป็นตู้จำหน่ายที่ยังคงไม่ได้รับการตรวจสอบด้านความปลอดภัย และแจ้งดำเนินการกับทางหน่วยงานภาครัฐ ซึ่งตู้น้ำมันหยอดเหรียญถือเป็นสถานีบริการน้ำมันประเภท ง อันเป็นกิจการควบคุมประเภทที่ 2 ที่ผู้ประกอบการจำเป็นต้องแจ้งการประกอบกิจการ และได้รับการตรวจสอบความปลอดภัย เพื่อรับการรับรองมาตรฐานด้านความปลอดภัยจากสำนักความปลอดภัย กรมธุรกิจพลังงานก่อนดำเนินธุรกิจ ซึ่งภาครัฐควรเร่งที่จะตรวจสอบตู้จำหน่ายน้ำมันที่กระจายตัวไปตามพื้นที่ต่างๆ อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะตามชุมชนต่างๆ ในเขตชานเมือง และตามพื้นที่ชนบท เพื่อให้เกิดความปลอดภัยแก่ประชาชนที่ใช้บริการทั่วทุกพื้นที่
ทั้งนี้ ด้วยบทลงโทษตามพระราชบัญญัติควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2542 ซึ่งผู้ประกอบการตู้น้ำมันหยอดเหรียญที่ฝ่าฝืนการแจ้งให้เจ้าพนักงานทราบก่อนดำเนินกิจการมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ขณะที่การแจ้งรายละเอียดไม่ครบถ้วนต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท และอาจถูกดำเนินการยกเลิกการประกอบการ ซึ่งบทลงโทษที่กำหนดขึ้นถือได้ว่ามีระดับความรุนแรงไม่สูงมากนัก ประกอบกับต้นทุนตู้จำหน่ายน้ำมันหยอดเหรียญที่ต่ำ จึงอาจไม่จูงใจให้บรรดาผู้ที่ต้องการประกอบธุรกิจไปแจ้งดำเนินการกับเจ้าหน้าที่รัฐ ดังนั้นภาครัฐอาจจำเป็นต้องพิจารณาแก้ไขบทลงโทษให้เกิดความเหมาะสมมากขึ้นกว่าเดิม
อย่างไรก็ตาม ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่าการดำเนินการเร่งตรวจสอบและปราบปรามตู้น้ำมันหยอดเหรียญที่ตัวเครื่องไม่ได้มาตรฐาน และที่ละเมิดลิขสิทธิ์การผลิต รวมถึงตู้น้ำมันที่ไม่ได้มาตรฐานด้านความปลอดภัยในการจัดตั้ง อาจเป็นเพียงการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ซึ่งการเร่งตรวจสอบ และปราบปรามดังกล่าว อาจจะก่อให้เกิดปัญหาความไม่สะดวกในการเสาะหาสถานที่ให้บริการน้ำมัน โดยเฉพาะกับกลุ่มผู้ใช้รถจักรยานยนต์ในเขตชุมชนตามต่างจังหวัดที่อยู่ห่างไกลจากสถานีบริการน้ำมันขนาดใหญ่ ซึ่งย่อมจะเกิดตู้น้ำมันหยอดเหรียญที่ผิดกฎหมายเพิ่มมากขึ้นมาได้อีก ซึ่งในช่วงเวลาที่ภาครัฐเร่งปราบปรามตู้น้ำมันหยอดเหรียญที่ไม่ได้มาตรฐาน อาจเป็นโอกาสทางธุรกิจที่ดีของภาคเอกชนที่มีศักยภาพด้านการให้บริการน้ำมันที่จะเข้ามาดำเนินการในธุรกิจตู้น้ำมันหยอดเหรียญอย่างถูกต้องครบวงจร นับตั้งแต่การผลิตที่ได้มาตรฐาน การตั้งวางจำหน่ายที่ได้มาตรฐานความปลอดภัยตามชุมชนต่างๆ รวมไปถึงการให้บริการเติมน้ำมันเพิ่มเติมตามตู้น้ำมันหยอดเหรียญ และการตรวจซ่อมบำรุงระบบตู้จำหน่ายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ตู้น้ำมันหยอดเหรียญสามารถตอบสนองความต้องการที่ยังคงมีอยู่เป็นจำนวนมากของผู้ใช้บริการที่อยู่ห่างไกลจากสถานีบริการน้ำมันขนาดใหญ่ได้อย่างมีมาตรฐานทั้งระบบ
บทสรุป
ตู้น้ำมันหยอดเหรียญถือได้ว่ามีการขยายจำนวนอย่างรวดเร็ว ด้วยความสะดวกในการใช้บริการ และราคาเริ่มต้นในการใช้บริการที่ต่ำ ประกอบกับปัจจัยสนับสนุนทางด้านราคาน้ำมันสำเร็จรูปที่จำหน่ายภายในประเทศที่ปรับตัวสูงขึ้นมากโดยเฉพาะในช่วงกลางปี 2551 อีกทั้งจำนวนรถจักรยานยนต์ภายในประเทศที่มีอัตราการขยายตัวเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผู้ใช้ยานพาหนะโดยเฉพาะกลุ่มผู้ใช้รถจักรยานยนต์ในเขตชุมชน และชานเมืองตามต่างจังหวัดจึงให้ความนิยมใช้บริการตู้น้ำมันหยอดเหรียญ ขณะที่ในช่วงปลายปี 2551 นี้ แม้ว่าราคาน้ำมันสำเร็จรูปที่จำหน่ายภายในประเทศจะปรับตัวลดลงแล้วก็ตาม แต่ด้วยภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศที่มีแนวโน้มชะลอตัวอย่างเห็นได้ชัดเจนมากขึ้น ทำให้กำลังซื้อของประชาชนมีไม่มากนัก ผู้ใช้ยานพาหนะกลุ่มรถจักรยานยนต์จึงยังคงใช้บริการตู้น้ำมันหยอดเหรียญที่สามารถเติมน้ำมันด้วยราคาเริ่มต้นที่ต่ำ ประกอบกับความสะดวกในการหาตู้น้ำมันเติมได้ง่าย อย่างไรก็ตาม ภาครัฐควรเข้ามาจัดระเบียบตู้น้ำมันหยอดเหรียญที่ให้บริการอยู่ตามพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศอย่างจริงจังมากขึ้น ทั้งในส่วนของการตรวจสอบมาตรฐานของมาตรวัดปริมาณ การปราบปรามตู้น้ำมันหยอดเหรียญที่ละเมิดลิขสิทธิ์ และการตรวจสอบควบคุมความปลอดภัยของเครื่องจำหน่าย และบริเวณตู้จำหน่ายน้ำมัน ขณะเดียวกัน การเร่งตรวจสอบ และปราบปรามตู้น้ำมันหยอดเหรียญที่ไม่ได้มาตรฐานของภาครัฐ อาจก่อให้เกิดความไม่สะดวกในการเสาะหาและใช้น้ำมันของผู้ใช้ยานพาหนะโดยเฉพาะกลุ่มผู้ใช้รถจักรยานยนต์ในต่างจังหวัด ซึ่งอาจเป็นโอกาสทางธุรกิจที่ดีของภาคเอกชนที่มีศักยภาพด้านการให้บริการน้ำมันที่จะเข้ามาดำเนินธุรกิจตู้น้ำมันหยอดเหรียญที่ได้มาตรฐานถูกต้องอย่างครบวงจร นับตั้งแต่การผลิตที่ได้มาตรฐาน การตั้งวางจำหน่ายตามชุมชนที่ได้มาตรฐานด้านความปลอดภัยซึ่งภาครัฐรับรอง รวมไปถึงการให้บริการเติมน้ำมันเพิ่มเติมตามตู้น้ำมันหยอดเหรียญ และการตรวจเช็คระบบตู้จำหน่ายอยู่สม่ำเสมอ เพื่อให้ตู้น้ำมันหยอดเหรียญสามารถตอบสนองความต้องการใช้น้ำมันในพื้นที่ที่ห่างไกลจากสถานีบริการน้ำมันขนาดใหญ่ได้อยู่ต่อไป อันจะเกิดประโยชน์ต่อทุกฝ่าย



