ตัวเลขเศรษฐกิจล่าสุดเดือนกุมภาพันธ์ 2552 ที่รายงานโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในภาพรวมสะท้อนให้เห็นว่า การใช้จ่ายในประเทศ ทั้งทางด้านการลงทุนและการบริโภค กำลังทรุดตัวลงอย่างหนัก ขณะที่ ตัวเลขการส่งออกยังคงติดลบสูงใกล้เคียงกับเดือนก่อนหน้าหากไม่นับรวมผลของการส่งออกทองคำที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
การบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน … หดตัวสูงโดยพร้อมเพรียงกัน
การบริโภคภาคเอกชนซบเซาอย่างหนัก ดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนหดตัวลงอย่างรุนแรงถึงร้อยละ 7.1 (YoY) ในเดือนก.พ.2552 ต่อเนื่องจากที่หดตัวร้อยละ 4.0 ในเดือนม.ค. นำโดยองค์ประกอบด้านการนำเข้าสินค้าเพื่อการบริโภค และภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ ซึ่งหดตัวลงมากสุดเป็นประวัติการณ์ ในขณะที่ ผลของการเปรียบเทียบกับฐานที่สูงของเดือนก.พ.2551 ทำให้ปริมาณจำหน่ายรถยนต์นั่งในเดือนก.พ. 2552 ยังคงหดตัวลงอย่างต่อเนื่อง ส่วนปริมาณจำหน่ายรถจักรยานยนต์ในเดือนก.พ. 2552 หดตัวในอัตราที่รุนแรงกว่าในเดือนก่อนหน้า ซึ่งเป็นไปตามการปรับตัวลงของรายได้เกษตรกร (หดตัวร้อยละ 0.8 ในเดือนก.พ. พลิกจากที่ขยายตัวร้อยละ 10.8 ในเดือนก่อนหน้า) ทั้งนี้ ความซบเซาของการจับจ่ายใช้สอยของประชาชนยังสามารถสะท้อนได้จากดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ปรับตัวลงเป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือนสู่ระดับ 74.0 ในเดือนก.พ.2552 จาก 75.2 ในเดือนม.ค.
การลงทุนภาคเอกชนหดตัวลงอย่างหนัก ดัชนีการลงทุนภาคเอกชนหดตัวลงเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกันอีกร้อยละ 12.9 (YoY) ในเดือนก.พ.2552 และรุนแรงกว่าที่หดตัวร้อยละ 9.7 ในเดือนม.ค. ทั้งนี้ องค์ประกอบหลักของการลงทุนภาคเอกชนหดตัวในอัตราที่มากกว่า/ใกล้เคียงกับอัตราการหดตัวในเดือนก่อนหน้า ซึ่งเป็นสัญญาณที่สะท้อนเตือนว่า ความอ่อนแอของการลงทุนจะยังคงเป็นปัจจัยเปราะบางที่รอกดดันเศรษฐกิจไทยในระยะถัดไป โดยการนำเข้าสินค้าทุน และปริมาณการจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์ หดตัวลงต่อเนื่องอีกร้อยละ 16.4 และหดตัวร้อยละ 38.0 ในเดือนก.พ. 2552 ตามลำดับ (ใกล้เคียงกับอัตราการหดตัวที่มากที่สุดในประวัติการณ์ในเดือนก่อนหน้า) ขณะที่ ปริมาณการจำหน่ายปูนซีเมนต์ และมูลค่าโครงการขอรับส่งเสริมการลงทุน หดตัวลงมากกว่าเดือนก่อนหน้า ทั้งนี้ ภาวะเสี่ยงของเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่กดดันให้ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจมีระดับต่ำกว่า 50 (ซึ่งสะท้อนความกังวลของผู้ประกอบการ) โดยปรับตัวอยู่ที่ระดับ 37.4 ในเดือนก.พ.2552 ขยับขึ้นเล็กน้อยจาก 36.3 ในเดือนม.ค.
การผลิตภาคอุตสาหกรรมติดลบน้อยลง…แต่ยังคงหดตัวเป็นตัวเลขสองหลัก
การผลิตภาคอุตสาหกรรมมีอัตราการหดตัวเป็นตัวเลขสองหลัก 3 เดือนติดต่อกัน โดยดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรมหดตัวลงร้อยละ 19.8 (YoY) ในเดือนก.พ.2552 ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับอัตราการหดตัวสูงเป็นประวัติการณ์ (ข้อมูลสามารถย้อนหลังถึงปี 2530) ร้อยละ 21.2 ในเดือนม.ค. ทั้งนี้ การผลิตสินค้าที่สัดส่วนการส่งออกมากกว่าร้อยละ 60 ของการผลิตรวม ยังคงหดตัวลงแม้จะติดลบในอัตราที่น้อยกว่าเดือนก่อนหน้า (หดตัวร้อยละ 22.3 ในเดือนก.พ. หลังจากที่หดตัวร้อยละ 30.9 ในเดือนก่อนหน้า) อาทิ ผลิตภัณฑ์เครื่องหนังหดตัวร้อยละ 34.7 แผงวงจรรวมหดตัวร้อยละ 35.6 Hard Disk Drive หดตัวร้อยละ 20.6 และโทรทัศน์สีหดตัวร้อยละ 32.1 ในขณะที่ การผลิตสินค้าที่สัดส่วนการส่งออกน้อยกว่าร้อยละ 30 ของการผลิตรวม หดตัวสูงกว่าเดือนก่อนหน้า อาทิ ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมหดตัวร้อยละ 3.3 และรถยนต์นั่งหดตัวร้อยละ 54.0 ทั้งนี้ การหดตัวสูงอย่างต่อเนื่องของการผลิตภาคอุตสาหกรรมได้ส่งผลทำให้อัตราการใช้กำลังการผลิตร่วงลงสู่ระดับที่ต่ำสุดในรอบ 10 ปีครั้งใหม่ ที่ร้อยละ 55.4 ในเดือนก.พ.2552 จากร้อยละ 57.1 ในเดือนม.ค.
ผลผลิตภาคเกษตรขยายตัวชะลอลงอย่างมาก ทั้งนี้ ดัชนีผลผลิตพืชผล (Crop Production Index) ขยายตัวเพียงร้อยละ 0.1 (YoY) ในเดือนก.พ.2552 เทียบกับที่ขยายตัวร้อยละ 4.0 ในเดือนม.ค. ในขณะที่ ราคาพืชผลพลิกกลับมาติดลบร้อยละ 0.9 (YoY) ในเดือนก.พ.2552 หลังจากที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.6 ในเดือนม.ค.
ภาคต่างประเทศ … ดุลการค้าเกินดุลรายเดือนสูงสุดในรอบ 18 ปีเป็นอย่างน้อย
การส่งออกหดตัวน้อยกว่าเดือนก่อนหน้า การส่งออกหดตัวลงร้อยละ 11.1 (YoY) ในเดือนก.พ.2552 หลังจากที่หดตัวร้อยละ 25.3 ในเดือนม.ค. และนับเป็นการหดตัวในอัตราตัวเลขสองหลักติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 ทั้งนี้ ปริมาณสินค้าส่งออกหดตัวลงร้อยละ 10.8 ในเดือนก.พ.2552 (ต่อเนื่องจากที่หดตัวร้อยละ 25.9 ในเดือนม.ค.) ขณะที่ ราคาสินค้าส่งออกปรับตัวลงร้อยละ 0.3 ในเดือนก.พ.2552 (พลิกจากที่ขยายตัวร้อยละ 0.9 ในเดือนม.ค.) อย่างไรก็ตาม การพิจารณาตัวเลขเฉพาะเดือนก.พ. 2552 เพียงเดือนเดียวอาจให้ภาพที่บิดเบือน เนื่องจากผลของปัจจัยทางเทคนิค อาทิ จำนวนวันทำการของเดือนก.พ.2552 ซึ่งมากกว่าจำนวนวันทำการของเดือนก.พ.2551 ที่ตรงกับเทศกาลตรุษจีน ในขณะที่ หากหักมูลค่าการส่งออกทองคำออกจะพบว่า มูลค่าการส่งออกในเดือนก.พ. 2552 ยังคงหดตัวสูงถึงร้อยละ 24.5 ต่อเนื่องจากที่หดตัวร้อยละ 28.9 ในเดือนม.ค. เมื่อพิจารณาในรายหมวดสินค้า พบว่า การส่งออกติดลบน้อยลงในเกือบทุกหมวด ยกเว้นหมวดสินค้าที่ใช้แรงงานสูงที่สามารถขยายตัวได้ถึงร้อยละ 148.0 เนื่องจากมีรายการของการส่งออกทองคำ โดยการส่งออกหมวดสินค้าเกษตร หมวดสินค้าอุตสาหกรรม และหมวดสินค้าใช้เทคโนโลยีสูง หดตัวร้อยละ 20.1 ร้อยละ 9.9 และร้อยละ 31.3 ในเดือนก.พ. ดีขึ้นเมื่อเทียบกับที่หดตัวสูงถึงร้อยละ 40.0 ร้อยละ 25.1 และร้อยละ 33.7 ในเดือนก่อนหน้า ตามลำดับ
การนำเข้าดิ่งลงอย่างรุนแรง การนำเข้าหดตัวสูงถึงร้อยละ 43.5 (YoY) ในเดือนก.พ. 2552 ต่อเนื่องจากที่หดตัวร้อยละ 36.4 ในเดือนม.ค. โดยเป็นผลมาจากการหดตัวด้านปริมาณสินค้านำเข้าร้อยละ 40.3 (รุนแรงกว่าที่หดตัวร้อยละ 34.2 ในเดือนก่อนหน้า) ขณะที่ ราคาสินค้านำเข้าติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน อีกร้อยละ 5.3 (ต่อเนื่องจากที่ติดลบร้อยละ 3.4 ในเดือนก่อนหน้า) ทั้งนี้ การนำเข้าดิ่งลงอย่างรุนแรงในทุกหมวดสินค้า อาทิ หมวดวัตถุดิบ (หดตัวร้อยละ 48.0) หมวดสินค้าทุน (หดตัวลงร้อยละ 15.1) หมวดสินค้าอุปโภคบริโภค (หดตัวร้อยละ 18.8) และหมวดเชื้อเพลิงและน้ำมันหล่อลื่น (หดตัวลงร้อยละ 55.9)
ดุลการค้าบันทึกยอดเกินดุลต่อเนื่อง ทั้งนี้ การนำเข้าที่ดิ่งลงในอัตราที่รุนแรงกว่าการหดตัวของการส่งออก ได้ส่งผลให้ดุลการค้าบันทึกยอดเกินดุลต่อเนื่องอีก 3,946.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในเดือนก.พ. 2552 ต่อเนื่องจากที่เกินดุล 1,688.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในเดือนม.ค. และเมื่อรวมยอดเกินดุลการค้าเข้ากับดุลบริการฯ ซึ่งบันทึกยอดเกินดุล 472.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในเดือนก.พ. ได้ส่งผลให้ดุลบัญชีเดินสะพัดบันทึกยอดเกินดุลสูงถึง 4,418.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในเดือนก.พ.2552 เทียบกับที่เกินดุล 2,288.9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในเดือนม.ค.
ข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดเดือนกุมภาพันธ์ 2552 ของธปท. ทำให้สามารถประเมินภาพรวมของเศรษฐกิจไทยในช่วง 2 เดือนแรกได้ว่า การทรุดตัวลงอย่างรุนแรงทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2551 นั้น ยังคงมีแรงส่งต่อเนื่องมายังช่วงไตรมาสแรกของปี 2552 โดยเครื่องชี้ด้านการใช้จ่ายในประเทศ ทั้งการบริโภคภาคเอกชน และการลงทุนภาคเอกชน ในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2552 หดตัวสูงถึงร้อยละ 5.5 และหดตัวร้อยละ 11.3 เทียบกับที่ขยายตัวร้อยละ 0.6 และหดตัวร้อยละ 0.4 ในไตรมาส 4/2551 ตามลำดับ ในขณะที่ เครื่องชี้ด้านการผลิตก็ให้ภาพที่สอดคล้องกัน โดยการผลิตภาคอุตสาหกรรมของไทยหดตัวสูงถึงร้อยละ 20.5 ในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2552 ซึ่งรุนแรงกว่าที่หดตัวร้อยละ 8.0 ในไตรมาส 4/2551 และสำหรับภาคต่างประเทศ ความอ่อนแอของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าได้สะท้อนผ่านมายังตัวเลขการส่งออกของไทยอย่างยากที่จะหลีกเลี่ยง โดยการส่งออกของไทยหดตัวลงร้อยละ 18.4 ในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2552 เทียบกับในไตรมาส 4/2551 ที่หดตัวร้อยละ 9.4
ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์กรอบการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาสแรกของปี 2552 ไว้ในกรอบหดตัวร้อยละ 4.5 ถึงหดตัวร้อยละ 6.0 โดยมองว่า เศรษฐกิจไทยอาจต้องเผชิญกับแนวโน้มที่ซบเซาอย่างหนักของการใช้จ่ายภาคเอกชน และการหดตัวสูงของมูลค่าการส่งออกตลอดช่วงครึ่งแรกของปี 2552 ท่ามกลางประเด็นแวดล้อมทางการเมืองที่ยังคงต้องจับตาอย่างใกล้ชิด ตลอดจนความเปราะบางของเศรษฐกิจทั่วโลกที่ยังคงขาดเครื่องชี้ที่สะท้อนสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจนในปี 2552



