เต็ดตรา แพ้ค บริษัทชั้นนำด้านกระบวนการผลิตและบรรจุภัณฑ์สำหรับอาหารและเครื่องดื่ม เปิดตัวรายงานผลสำรวจเต็ดตรา แพ้ค แดรี่ อินเด็กซ์ (TETRA PAK DAIRY INDEX) ซึ่งเป็นรายงานเกี่ยวกับแนวโน้มการบริโภคนมในอุตสาหกรรมนมโลก ที่จัดทำขึ้นทุกๆ หกเดือน เพื่อนำเสนอข้อมูลที่เป็นประโยชน์ให้กับกลุ่มผู้ผลิตผลิตภัณฑ์นม เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงโอกาสการเติบโตในธุรกิจ โดยจากการสำรวจพบว่า ในอีกสามปีข้างหน้า แนวโน้มการบริโภคนมและผลิตภัณฑ์อื่นที่ทำจากนมทั่วโลก* มีอัตราเพิ่มสูงขึ้นเฉลี่ย 2.2% ต่อปี
จากผลสำรวจเต็ดตรา แพ้ค แดรี่ อินเด็กซ์ ประจำปี พ.ศ. 2551 พบว่า ปริมาณการบริโภคนมทั่วโลก (ยกเว้นนมถั่วเหลืองและผลิตภัณฑ์นมประเภทอื่นๆ) สูงถึง 258,000 ล้านลิตร ซึ่งเป็นปริมาณที่เพิ่มสูงขึ้นจากปี พ.ศ. 2550 ในอัตรา 1.6% หรือเพิ่มขึ้นอีก 4,000 ล้านลิตร ทั้งนี้ ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ปริมาณการบริโภคนมและผลิตภัณฑ์นมประเภทอื่นๆ เพิ่มสูงขึ้น 2.4% ต่อปี ถึงแม้จะมีอุปสรรคด้านราคาตลอดช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โดยในบางประเทศราคาน้ำนมดิบเพิ่มสูงขึ้นถึง 75% ก่อนราคาจะปรับตัวคงที่ในช่วงปลายปี 2551
มิสเตอร์เดนนิส ยอห์นสัน ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท เต็ดตรา แพ้ค กล่าวว่า “นมได้รับการยอมรับว่า เป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพและมีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อผู้คนทุกวัยทั่วโลก เราเห็นว่ามีแนวโน้มสองประการที่จะผลักดันให้ปริมาณการบริโภคนมทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้นในอีก 3 ปีข้างหน้า ประการแรกคือการเติบโตอย่างต่อเนื่องของตลาดในประเทศใหม่ๆ และประการที่สองคือ แนวโน้มการบริโภคนมที่บรรจุในบรรจุภัณฑ์เพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากการใส่ใจสุขภาพและคำนึงถึงความปลอดภัยในการบริโภค รวมถึงความสะดวกสบายในการบริโภค ซึ่งสอดคล้องกับรูปแบบการดำเนินชีวิตที่ไม่หยุดนิ่งและเร่งรีบ
96% ของการบริโภคนมที่เติบโตทั่วโลก มาจากการบริโภคนมของตลาดใหม่
ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา กลุ่มตลาดใหม่ เช่น ประเทศอินเดีย ปากีสถาน จีน และประเทศในแถบตะวันออกกลาง มีอัตราการบริโภคนมสูงถึง 95.8% ประเทศเหล่านี้มีอัตราการบริโภคนมและผลิตภัณฑ์อื่นที่เกี่ยวเนื่องกับนมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เป็นผลมาจากจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้น รายได้ในครัวเรือนที่มากขึ้น ตลอดจนการหันมาให้ความ ใส่ใจและตระหนักถึงคุณค่าโภชนาการ และการซื้อหาผลิตภัณฑ์นมต่างๆ ที่สะดวกสบายมากขึ้น ตัวอย่างเช่น
ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548 จนถึงปีที่แล้ว การบริโภคผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนมในประเทศจีนมีอัตราเพิ่มสูงขึ้นเฉลี่ย 13.4%ต่อปี โดยในปี 2551 มีปริมาณการบริโภคนมสูงถึง 27,000 ล้านลิตร และเมื่อนำไปรวมกับปริมาณการบริโภคนมถั่วเหลือง และเครื่องดื่มอื่นๆ เช่น ข้าว ถั่ว เมล็ดธัญพืช ประเทศจีนมีปริมาณการบริโภครวมถึง 39,400 ล้านลิตร
* ผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่ทำมาจากนม รวมถึงนมผง นมปรุงแต่งรส นมข้นหวาน และนมสำหรับเด็กและทารกในปี 2555 นมที่ได้รับการบรรจุในบรรจุภัณฑ์จะมีสัดส่วนถึง 72% ของการบริโภคทั่วโลก การเปลี่ยนแปลงรูปแบบการบรรจุและบริโภคผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากนม เป็นปัจจัยสำคัญต่อการเติบโตของอุตสาหกรรมนม โดยเฉพาะกลุ่มประเทศในตลาดใหม่ โดยนับจากปี พ.ศ. 2548 – 2551 สัดส่วนของนมที่ไม่ได้รับการบรรจุลงในบรรจุภัณฑ์ที่มีคุณภาพมีอัตราลดลง 1.8% และในช่วงเวลาเดียวกัน ส่วนแบ่งตลาดของนมยูเอชทีทั่วโลก เพิ่มสูงขึ้นอีก 3.2% เนื่องจากคุณสมบัติของนมยูเอชทีที่บรรจุลงบรรจุภัณฑ์ ทำให้พกพาสะดวก และเก็บรักษาได้โดยไม่ต้องแช่เย็น
เต็ดตรา แพ้คประมาณการณ์ว่า ในปี พ.ศ. 2555 ปริมาณการบริโภคนมยูเอชทีทั่วโลกจะเพิ่มสูงขึ้น 5.2% หรือเพิ่มขึ้นอีกกว่า 70,000 ล้านลิตร และการบริโภคนมที่อยู่ในบรรจุภัณฑ์และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่ทำจากนม จะเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยคาดว่าจะมีสัดส่วนการบริโภคมากกว่า 72% ของการบริโภคผลิตภัณฑ์นมทั่วโลก
ผู้บริโภคระมัดระวังการใช้จ่าย ตอบรับสภาวะเศรษฐกิจถดถอย
ผลสำรวจของ “จีเอฟเค โรเปอร์ คอนซัลติ้ง” (GfK Roper Consulting) พบว่า ผู้บริโภคมากกว่า 31% ต่างกังวลกับการจัดสรรเงินให้เพียงพอต่อการดำรงชีวิต และจับจ่ายใช้สอย ส่งผลให้ผู้บริโภคเลือกซื้อผลิตภัณฑ์นมต่างๆ ที่มีราคาไม่แพง หรือเป็นผลิตภัณฑ์นมที่เป็นยี่ห้อเฮ้าส์แบรนด์ต่างๆ ยกตัวอย่างเช่น ในกลุ่มประเทศยุโรปตะวันตก ยอดขายของผลิตภัณฑ์เฮ้าส์แบรนด์มีสัดส่วนประมาณ 36% ของยอดขายนมรสจืดทั้งหมด
มิสเตอร์ยอห์นสัน กล่าวว่า “จากสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน ทำให้ผู้บริโภคจำนวนมากให้ความสำคัญกับปัจจัยด้านราคาและพิจารณาใช้ผลิตภัณฑ์พื้นฐานมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น ผู้บริโภคจะซื้อนมรสจืดแทนผลิตภัณฑ์ที่มีราคาสูงกว่า หรือผลิตภัณฑ์อื่น เช่น โยเกิร์ต หรืออาจจะเลือกซื้อแบรนด์ที่มีราคาไม่แพงมากกว่าแบรนด์พรีเมี่ยม อย่างไรก็ตาม เต็ดตรา แพ้ค คาดหวังว่าตลาดผลิตภัณฑ์นมทั่วโลกจะยังคงมีอัตราการเติบโตอย่างสม่ำเสมอในอนาคตอันใกล้”