เทศกาลวันแม่ปี 2552 : เม็ดเงินสะพัดในหลากธุรกิจ

ในช่วงวันแม่ของทุกปี นับว่าเป็นช่วงที่บรรดาผู้ประกอบการต่างหันมาจัดกิจกรรมทางการตลาดเพื่อกระตุ้นการใช้จ่าย ซึ่งเป็นการจับกระแสเพื่อสร้างยอดจำหน่าย โดยหลากหลายกิจกรรมในช่วงวันแม่นั้นก่อให้เกิดเม็ดเงินสะพัดในหลากหลายธุรกิจ นอกจากนี้ การจับจ่ายเพื่อซื้อของขวัญพิเศษให้กับแม่ก็ทำให้หลากหลายธุรกิจได้รับอานิสงส์ ดังจะเห็นได้ว่าบรรดาผู้ประกอบการต่างใช้กระแสวันแม่จัดกิจกรรมพิเศษเพื่อกระตุ้นยอดจำหน่ายด้วย

ในปี 2552 วันแม่ตรงกับวันพุธ ทำให้เป็นวันหยุดกลางสัปดาห์ ส่งผลให้การกระตุ้นยอดจำหน่ายของบรรดากิจการต่างๆที่ได้รับอานิสงส์นั้นไม่เท่ากับการที่เป็นวันหยุดยาวเช่นเดียวกับในปี 2550 ที่วันแม่ตรงกับวันอาทิตย์ และวันจันทร์ที่ 13 สิงหาคม 2550 เป็นวันหยุดชดเชย โดยคาดว่ายอดจำหน่ายในปีนี้น่าจะใกล้เคียงกับในปี 2551 ซึ่งวันแม่ตรงกับวันอังคาร และไม่ได้เป็นวันหยุดยาวต่อเนื่องเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยที่ต้องพิจารณาที่จะดึงยอดเม็ดเงินสะพัดให้ลดลงในปี 2552 คือ การที่ยังมีการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ที่ทำให้บรรดาลูกๆกังวลทำให้อาจจะหลีกเลี่ยงในบางกิจกรรม โดยเฉพาะการไปรวมตัวในที่ชุมชน เนื่องจากผู้สูงอายุมีโอกาสในการติดเชื้อได้ง่าย นอกจากนี้ ยังต้องกังวลในเรื่องผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจ และราคาน้ำมันที่ขยับตัวสูงขึ้นมากเทียบกับช่วงต้นปี 2552 อย่างไรก็ตาม ในอีกมุมหนึ่งการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ก็เป็นปัจจัยหนุนสำคัญต่อยอดจำหน่ายอาหารเสริมสุขภาพในปีนี้

บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด ประเมินว่ากิจกรรมต่างๆในช่วงเทศกาลวันแม่ปี 2552 นี้ก่อให้เกิดเม็ดเงินสะพัด 6,325 ล้านบาท เมื่อเทียบกับเทศกาลวันแม่ปี 2551 แล้วเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 7-8 โดยเกือบร้อยละ 90 หรือ 5,500 ล้านบาท(คืดเม็ดเงินสะพัดช่วง 5 วัน คือ 8-9 สิงหาคม 12 สิงหาคม และ 15-16 สิงหาคม) เป็นการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการท่องเที่ยว ซึ่งถ้าหากรวมเฉพาะเม็ดเงินสะพัดในกิจกรรมที่ได้รับอานิสงส์ในเทศกาลวันแม่ปีนี้เท่ากับ 825 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาแล้วเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ5-6 โดยประเมินว่าในช่วงเทศกาลวันแม่ปี 2552 นี้จะมีนักท่องเที่ยวคนไทยกลุ่มครอบครัวเดินทางท่องเที่ยวในประเทศประมาณ 1.38 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 8 ก่อให้เกิดเม็ดเงินสะพัดในหลากธุรกิจที่เกี่ยวข้องประมาณ 5,500 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 เนื่องจากทั้งภาครัฐและเอกชนต่างหันมากระตุ้นให้คนไทยเที่ยวไทยเพิ่มขึ้น ส่วนเม็ดเงินสะพัดในหลากธุรกิจในช่วงเทศกาลวันแม่ปี 2552 ธุรกิจที่ได้รับอานิสงส์ในช่วงเทศกาลวันแม่ โดยเฉพาะการพาแม่ไปรับประทานอาหารนอกบ้านทำให้เม็ดเงินสะพัดในธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหารในช่วงเทศกาลวันแม่เพิ่มขึ้น 545 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 4-6 จากปีก่อนหน้า ร้านจำหน่ายดอกไม้สดมียอดจำหน่ายพวงมาลัยดอกมะลิเพิ่มขึ้นเป็น 140 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 12 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา แม้ว่าราคาดอกมะลิจะสูงขึ้น แต่ลูกค้ายังคงต้องการซื้อพวงมาลัยดอกมะลิที่เป็นสัญญลักษณ์ของวันแม่ สำหรับยอดจำหน่ายอาหารเสริมสุขภาพจะเพิ่มขึ้นอีก 100 ล้านบาท หรือเพิ่มประมาณร้อยละ 6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยในปีนี้ปัจจัยเกื้อหนุนยอดจำหน่ายอาหารเสริมสุขภาพในวันแม่คือ ความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 น่าจะกระตุ้นให้ยอดจำหน่ายอาหารเสริมสุขภาพในช่วงเทศกาลวันแม่เพิ่มขึ้นกว่าในปีที๋ผ่านมา นอกจากนี้ เป็นเม็ดเงินสะพัดในหลากธุรกิจที่เกาะกระแสวันแม่เพื่อดึงดูดลูกค้าให้เข้าไปใช้บริการ หรือเลือกซื้อสินค้า โดยเฉพาะบรรดาร้านจำหน่ายของขวัญของชำร่วย ร้านจำหน่ายเครื่องสำอางที่หันมาเจาะขยายเครื่องสำอางสำหรับผู้สูงอายุ ร้านค้าปลีกสมัยใหม่ที่มอบส่วนลดพิเศษในช่วงเทศกาลวันแม่ เป็นต้น

กิจกรรมวันแม่…ทานข้าวนอกบ้าน เดินทางท่องเที่ยวกิจกรรมยอดนิยม
กิจกรรมในช่วงวันแม่ที่ติดอันดับหนึ่งอย่างต่อเนื่องทุกปี คือ พาแม่ไปรับประทานอาหารนอกบ้าน ดังจะเห็นได้ว่าในช่วงวันแม่ของทุกปี บรรดาภัตตาคาร/ร้านอาหารจะคึกคักเป็นพิเศษ จนกระทั่งบางร้านต้องมีการจองที่นั่งล่วงหน้า โดยเฉพาะในวันที่ 12 สิงหาคม ทั้งในมื้อกลางวันและมื้อค่ำ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด คาดการณ์ว่าในวันแม่บรรดาภัตตาคาร/ร้านอาหารจะมียอดจำหน่ายเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวจากยอดจำหน่ายปกติ โดยเฉพาะบรรดาร้านอาหารที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก และเป็นร้านพิเศษที่แต่ละครอบครัวเลือกเป็นที่จะพาแม่ไปรับประทานอาหารในโอกาสวันแม่ ซึ่งเมื่อคำนวณจากจำนวนร้านอาหารในประเทศ โดยประมาณการว่าร้านอาหารที่จะมียอดจำหน่ายเพิ่มขึ้นเท่าตัวจากยอดจำหน่ายปกตินั้น เป็นร้านอาหารในกรุงเทพฯประมาณร้อยละ 20 ของร้านอาหารในกรุงเทพฯทั้งหมด(จากจำนวน 10,000 ร้าน) และร้านในต่างจังหวัดอีกประมาณ 200 ร้าน(โดยเลือกประมาณ 2 ร้าน/จังหวัด) ทำให้คาดว่าเฉพาะในวันแม่ธุรกิจร้านอาหารในประเทศจะมียอดจำหน่ายเพิ่มขึ้นประมาณ 545 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าประมาณร้อยละ 4-6 นับได้ว่าในช่วงเทศกาลวันแม่นี้มีส่วนกระตุ้นธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหารในประเทศให้คึกคักขึ้น แม้ว่าจะเป็นช่วงระยะสั้นๆก็ตาม

อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผู้บริโภคยังต้องรัดเข็มขัด ประหยัดค่าใช้จ่าย ทั้งนี้เพื่อประคองตัวให้อยู่รอดท่ามกลางเศรษฐกิจที่ซบเซา รวมทั้งผู้บริโภคบางส่วนยังต้องการหลีกเลี่ยงการเดินทางเข้าไปในที่ชุมชน เนื่องจากยังเกรงปัญหาการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ดังนั้นบางครอบครัวจึงหันมาใช้วันแม่เป็นวันรวมครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตาแล้วชวนแม่เข้าครัวทำอาหารกินกันเอง นอกจาก จะเป็นโอกาสได้ใกล้ชิดกันในครอบครัวแล้ว ยังเป็นโอกาสที่จะได้ลิ้มรสฝีมือแม่ที่เคยติดอกติดใจเมื่อครั้งยังเป็นเด็กอีกด้วย นับว่าเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความสัมพันธ์แนบแน่นในครอบครัว ซึ่งค่าใช้จ่ายในการหาซื้อวัตถุดิบเพื่อนำมาปรุงอาหารนี้ก็ก่อให้เกิดเม็ดเงินสะพัดในบรรดาร้านจำหน่ายวัตถุดิบประกอบอาหาร ทั้งในตลาดสด และบรรดาซุปเปอร์มาร์เก็ตต่างๆ นอกจากนี้ ในบางครั้งที่มีการรวมตัวกันภายในครอบครัว นอกจากการทำอาหารรับประทานกันเองแล้ว อาจจะมีการสั่งอาหารบริการด่วนเพื่อเป็นเมนูเสริม ช่วยเพิ่มสีสันในการสังสรรอีกด้วย ทำให้บรรดาร้านจำหน่ายอาหารบริการด่วนมีโอกาสเพิ่มยอดจำหน่าย เนื่องในโอกาสวันแม่อีกด้วย รวมทั้งวันแม่ในปีนี้ตรงกับวันพุธ ซึ่งโดยปกติในวันทำงานนั้นยอดจำหน่ายประเภทเดลิเวอรี่ของร้านอาหารบริการด่วนส่วนใหญ่จะมากเฉพาะในช่วงเย็น คาดว่าในวันแม่ยอดจำหน่ายจะเพิ่มขึ้นทั้งในช่วงกลางวันและเย็น

ส่วนกิจกรรมยอดนิยมในช่วงวันแม่อีกกิจกรรมคือ การพาคุณแม่เดินทางท่องเที่ยว ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นการเดินทางในลักษณะเช้าไปเย็นกลับ และเดินทางไปไหว้พระทำบุญ แต่ก็มีบางครอบครัวถือโอกาสเดินทางท่องเที่ยวแบบค้างคืน โดยในปีนี้รัฐบาลใช้โอกาสวันแม่เชิญชวนประชาชนให้ร่วมกันในกิจกรรมต่างๆ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่จะเป็นการเฉลิมพระเกียรติ รวมทั้งมีการจัดโครงการ”สิงหาพาแม่เที่ยว” วัตถุประสงค์ที่สำคัญคือ การที่จะให้ลูกๆใช้โอกาสในวันหยุดพักผ่อน หรือวันหยุดราชการ ในการพาแม่เที่ยว ทั้งนี้เพื่อเสริมความผูกพันในครอบครัว และเป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ สำหรับเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันด้วย ซึ่งเรื่องการท่องเที่ยวนั้น ถือเป็นการนำรายได้เข้าสู่ประเทศที่สำคัญ โครงการ “สิงหาพาแม่เที่ยว” นับเป็นกาส่งเสริมคนไทยใช้จ่ายอยู่ในประเทศมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยชดเชยรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ลดลง

ท่ามกลางบรรยากาศการท่องเที่ยวที่ค่อนข้างซบเซาในช่วงกลางปีต่อเนื่องมาในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2552 จากภาวะเศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวย และราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด คาดการณ์ว่าในช่วงวันแม่ปีนี้จำนวนนักท่องเที่ยวคนไทย และรายได้จากการท่องเที่ยวในประเทศมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น แม้ว่าจะเป็นวันหยุดในช่วงกลางสัปดาห์ แต่ทั้งรัฐบาลและผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวต่างถือเป็นโอกาสสำคัญในการกระตุ้นตลาด ซึ่งส่วนใหญ่จะเริ่มจัดงานมาตั้งแต่ช่วงวันที่ 8 สิงหาคม 2552 ไปจนถึงวันที่ 16 สิงหาคม 2552 ส่งผลให้การเดินทางท่องเที่ยวในประเทศของนักท่องเที่ยวคนไทยกลุ่มครอบครัวขยายตัวอย่างขึ้น โดยเฉพาะในช่วงวันที่ 8-9 สิงหาคม วันที่ 12 สิงหาคม และ 15-16 สิงหาคม โดยในช่วงดังกล่าว บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด คาดการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยวคนไทยกลุ่มครอบครัวเดินทางท่องเที่ยวในประเทศรวมทั้งสิ้น 1.38 ล้านคน (คิดเฉพาะที่เดินทางท่องเที่ยวออกจากจังหวัดที่เป็นที่พักอาศัย ทั้งการเดินทางเช้าไป-เย็นกลับ และค้างคืน) เมื่อเทียบกับในปี 2551 แล้วเพิ่มขึ้นร้อยละ 8 และก่อให้เกิดเม็ดเงินสะพัดในหลากธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวประมาณ 5,500 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 10

ของขวัญให้แม่…อานิสงส์ของหลากธุรกิจ
ในวันแม่นั้นบรรดาลูกๆจะถือโอกาสกลับไปกราบแม่เพื่อเป็นการระลึกถึงพระคุณที่เป็นผู้ให้กำเนิด เลี้ยงดูและอบรมมาจนเป็นผู้ใหญ่ ซึ่งการได้ไปกราบ ได้กอดและบอกรักนั้นเพียงพอแล้วสำหรับแม่ แต่ผู้ที่เป็นลูกมักจะมีสรรหาของขวัญพิเศษติดไม้ติดมือไปฝากด้วย ซึ่งของขวัญที่นิยมนำไปฝากแม่นั้นสร้างอานิสงส์ให้กับหลากหลายธุรกิจ ดังนี้

-ธุรกิจร้านจำหน่ายดอกไม้สด ในช่วงเทศกาลวันแม่นั้น ดอกไม้ที่มียอดจำหน่ายเพิ่มขึ้นอย่างมากคือ ดอกมะลิ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของวันแม่ ซึ่งบรรดาเกษตรกรและร้านจำหน่ายดอกไม้สดจะทราบดีว่าช่วงที่ดอกมะลิจะขายดี คือ วันสงกรานต์ วันสำคัญทางศาสนา วันพระ วันขึ้นปีใหม่ และวันตรุษจีน รวมทั้งวันแม่ โดยในช่วงวันดังกล่าวราคาดอกมะลิจะเพิ่มสูงขึ้นกว่าช่วงปกติ แต่บรรดาลูกค้าก็ยังหาซื้อกันมากกว่าช่วงปกติ

บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด เคยมีการสำรวจพฤติกรรมการใช้พวงมาลัยดอกมะลิในประเทศ และประมาณมูลค่าธุรกิจพวงมาลัยดอกมะลิเฉลี่ยในแต่ละปีมีมูลค่าประมาณ 1,500 ล้านบาท สำหรับในช่วงเทศกาลที่มีการใช้พวงมาลัยดอกมะลิเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวนั้นจะเป็นในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปีใหม่ และวันแม่ โดยคาดว่าในแต่ละช่วงเทศกาลนั้นจะทำให้ยอดจำหน่ายพวงมาลัยดอกมะลิเพิ่มขึ้นเป็น 130 ล้านบาท/เดือนได้ สำหรับช่วงเทศกาลวันแม่ในปี 2552 ด้วยปัจจัยทางด้านราคาดอกมะลิที่เพิ่มขึ้นถึง 2 เท่าตัวน่าจะผลักดันให้ยอดจำหน่ายพวงมาลัยดอกมะลิพุ่งขึ้นได้ถึง 140 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม บรรดาแม่ค้าพวงมาลัยคงจะขึ้นราคาพวงมาลัยไม่ได้มากนัก เนื่องจากภาวะการแข่งขัน กอปรกับกำลังซื้อของลูกค้า ทำให้คงต้องอาศัยเทคนิคการร้อยมาลัยเข้าช่วย เช่น การใช้ดอกไม้อื่นๆที่มีราคาไม่แพงเข้ามาเสริม โดยเฉพาะดอกรัก ดอกกุหลาบ ดอกกล้วยไม้ ซึ่งทำให้ไม่ต้องเพิ่มราคาพวงมาลัยมากนัก ทั้งนี้เพื่อยังคงยอดจำหน่าย และรักษาลูกค้าไว้ได้ เป็นต้น

-ธุรกิจร้านจำหน่ายของขวัญ/ของชำร่วย บรรดาร้านจำหน่ายของขวัญของชำร่วย เครื่องประดับ เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า รวมไปถึงของใช้ส่วนตัวอื่นๆ ก็พลอยได้รับอานิสงส์ไปด้วย โดยบรรดาลูกๆจะเข้าไปเลือกซื้อเพื่อเป็นของขวัญในวันแม่ล่วงหน้า หรือพาแม่ไปเลือกซื้อในวันแม่หลังจากพาไปรับประทานอาหารนอกบ้าน ทำให้คาดหมายว่าเทศกาลวันแม่ก็จะเป็นอีกเทศกาลหนึ่งที่ช่วยกระตุ้นยอดจำหน่าย ทำให้บรรดาผู้ประกอบการต้องพลิกแพลงกลยุทธ์ทุกรูปแบบขึ้นมาสู้กันเพื่อดันยอดจำหน่ายของร้านให้สูงที่สุดเท่าที่จะทำได้ เนื่องจากยอดจำหน่ายของร้านของขวัญ/ของชำร่วยร้อยละ 60-70 ของยอดจำหน่ายทั้งหมดขึ้นอยู่กับช่วงเทศกาล/วันสำคัญ อย่างไรก็ตาม ยอดการซื้อสินค้าของลูกค้าแต่ละรายนั้นจะแปรเปลี่ยนไปตามกำลังซื้อ และราคาของที่เลือกซื้อ ซึ่งมีให้เลือกซื้อหลากหลายราคา แต่โดยเฉลี่ยแล้วการจับจ่ายในช่วงเทศกาลวันแม่นั้น ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อชิ้นที่เลือกซื้อจะสูงกว่าในช่วงเทศกาลอื่นๆ เนื่องจากเป็นการเลือกซื้อชิ้นเดียวเพื่อแม่ ในขณะที่ในเทศกาลอื่นๆนั้นเป็นการเลือกซื้อให้กับหลากหลายคน

อย่างไรก็ตาม ในทุกเทศกาลสำคัญที่ผ่านมา โดยเฉพาะวันปีใหม่ และวันวาเลนไทน์ ของขวัญที่ประดิษฐ์ด้วยมือมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเป็นของขวัญที่มีคุณค่าทางจิตใจ และยังเข้ากับยุคสมัยที่เน้นประหยัดค่าใช้จ่าย ในเทศกาลวันแม่ก็เช่นกันบรรดาลูกๆที่มีฝีมือในการประดิษฐ์ ก็จะหาซื้อวัสดุ-อุปกรณ์เพื่อทำสิ่งประดิษฐ์ รวมไปถึงการเย็บปักถักร้อย เพื่อนำไปมอบให้กับแม่ ซึ่งของขวัญเหล่านี้มีคุณค่าทางจิตใจมากกว่าและยังเป็นของที่เป็นเอกลักษณ์มากกว่าด้วย แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของบรรดาลูกๆ นับเป็นของขวัญชิ้นพิเศษที่ถูกใจคุณแม่ ทั้งยังสามารถเก็บไว้ชื่นชมได้นาน ส่วนบรรดาคุณลูกก็จะภาคภูมิใจกับของขวัญที่ทำเองกับมือ อีกทั้งยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายแทนการไปเลือกซื้อของแพงๆอีกด้วย ดังนั้นในช่วงนี้ธุรกิจที่เฟื่องฟูในช่วงวันแม่ที่ไม่ควรมองข้าม คือ ธุรกิจจำหน่ายอุปกรณ์ประดิษฐ์ ซึ่งแหล่งใหญ่ในกรุงเทพฯ คือ ย่านพาหุรัด-สำเพ็ง ส่วนบรรดาลูกๆที่ไม่ค่อยจะมีฝีมือในการประดิษฐ์ แหล่งที่จะหาซื้อของประดิษฐ์ด้วยมือแหล่งใหญ่ในกรุงเทพฯ คือ ตลาดนัดสวนจตุจักร ซึ่งบรรดาร้านจำหน่ายวัสดุ-อุปกรณ์ รวมทั้งร้านจำหน่ายของประดิษฐ์ด้วยมือจะคึกคักขึ้นเป็นพิเศษในช่วงก่อนที่จะมีเทศกาลสำคัญของปี ซึ่งวันแม่ก็เป็นอีกเทศกาลหนึ่งที่ช่วยกระตุ้นยอดจำหน่ายของร้านวัสดุ-อุปกรณ์สำหรับสิ่งประดิษฐ์ด้วยมือ รวมไปถึงร้านจำหน่ายของประดิษฐ์ด้วยมือ

-ธุรกิจจำหน่ายอาหารเสริมสุขภาพ อาหารเสริมสุขภาพจัดเป็นหนึ่งในบรรดาของขวัญวันแม่ยอดนิยมของทุกปีที่ผ่านมา โดยบรรดาผู้ประกอบธุรกิจจำหน่ายอาหารเสริมสุขภาพใช้โอกาสวันแม่นี้เป็นโอกาสสำคัญในการกระตุ้นยอดจำหน่ายตลอดช่วงเดือนสิงหาคม โดยใช้กลยุทธ์การมอบอาหารเสริมสุขภาพเป็นของขวัญวันแม่ นั้นเป็นการแสดงความห่วงใยในสุขภาพของแม่ โดยในช่วงเทศกาลวันแม่ของทุกปี ผู้ประกอบการในธุรกิจอาหารเสริมจะมีการจัดรายการส่งเสริมการขายเพื่อย้ำภาพลักษณ์ของสินค้าว่าเป็นสื่อกลางตัวแทนความรักความห่วงใยระหว่างลูกกับแม่ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด คาดว่าในช่วงเทศกาลวันแม่ในปี 2552 นี้ยอดจำหน่ายอาหารเสริมสุขภาพจะเพิ่มขึ้นเป็น 100 ล้านบาท หรือเพิ่มประมาณร้อยละ 6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยในปีนี้ปัจจัยเกื้อหนุนยอดจำหน่ายอาหารเสริมสุขภาพในวันแม่คือ ความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 น่าจะกระตุ้นให้ยอดจำหน่ายอาหารเสริมสุขภาพในช่วงเทศกาลวันแม่เพิ่มขึ้นกว่าในปีที๋ผ่านมา

-เครื่องสำอางสำหรับผู้สูงอายุ ผู้ประกอบการธุรกิจเครื่องสำอาจใช้เทศกาลวันแม่เป็นกลยุทธ์ทางการตลาด โดยสร้างภาพลักษณ์เครื่องสำอางให้สานต่อความรู้สึกที่แสดงถึงความรัก และเอาใจใส่บุคคลที่เป็นที่รักที่สุด ทั้งยังเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ที่กำลังสรรหาของขวัญคุณภาพดีและถูกใจคุณแม่ที่สุดในการดูแลผิวพรรณ เครื่องสำอางสำหรับผู้สูงอายุนับว่าเป็นตลาดเฉพาะที่คาดว่าจะมียอดจำหน่ายเพิ่มขึ้นในช่วงเทศกาลวันแม่ โดยบรรดาลูกอาจจะเลือกเครื่องสำอางสำหรับผู้สูงอายุ เพื่อบำรุงผิวพรรณคุณแม่ให้ยังคงความสาวไว้ได้ ไม่ให้ปัญหาริ้วรอยร่องลึกเกิดขึ้นได้ และทำให้ผิวคืนความเยาว์ได้อย่างยาวนาน

อย่างไรก็ตาม ตลาดเครื่องสำอางสำหรับผู้สูงอายุ เป็นตลาดเฉพาะในกลุ่มเครื่องสำอางป้องกันปัญหาริ้วรอย ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเครื่องสำอางระดับบน โดยมีราคาค่อนข้างสูง และมีมูลค่าตลาดประมาณ 8,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 25 ของตลาดเครื่องสำอางในประเทศทั้งหมด บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด คาดว่าในช่วงเทศกาลวันแม่นั้นยอดจำหน่ายเครื่องสำอางสำหรับผู้สูงอายุน่าจะเพิ่มขึ้นประมาณ 40 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 5 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

นอกจากนี้ ยังมีบรรดาผู้ประกอบการในธุรกิจอื่นๆที่อาศัยเกาะกระแสวันแม่เพื่อเพิ่มยอดจำหน่ายสินค้า เช่น บรรดาห้างค้าปลีกสมัยใหม่จัดกิจกรรมพิเศษมอบส่วนลดพิเศษให้กับคู่แม่ลูกที่เข้ามาใช้บริการในวันแม่ ร้านจำหน่ายเครื่องประดับราคาแพง โดยเฉพาะเพชร มอบส่วนลดพิเศษ เนื่องจากในช่วงเทศกาลวันแม่เป็นช่วงที่ยอดจำหน่ายเพิ่มมากกว่าในช่วงปกติ ร้านจำหน่ายอุปกรณ์เครื่องครัวสำหรับคุณแม่ที่ชอบทำอาหาร ร้านสปาจำหน่ายคูปองลดพิเศษคอร์สคลายปวดเมื่อยกล้ามเนื้อและคลายเครียดสำหรับคุณแม่ เป็นต้น

บทสรุป
ในช่วงเทศกาลวันแม่นับว่าเป็นอีกโอกาสหนึ่งในการกระตุ้นยอดจำหน่ายของบรรดาผู้ประกอบการ โดยแยกเป็นยอดจำหน่ายที่เพิ่มขึ้นจากกิจกรรมในวันแม่ ซึ่งกิจกรรมยอดนิยมทุกปีที่ผ่านมาในวันแม่ คือ การพาแม่ออกไปรับประทานอาหารนอกบ้าน และการพาแม่เดินทางท่องเที่ยว ซึ่งทำให้ธุรกิจภ้ตตาคาร/ร้านอาหาร และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางท่องเที่ยวคึกคักขึ้น แม้ว่าจะเป็นช่วงสั้นๆก็ตาม แต่ก็ช่วยปลุกธุรกิจให้กลับมาคึกคักได้บ้าง
ส่วนการจับจ่ายใช้สอยในการซื้อของขวัญไปฝากแม่ก็ส่งผลให้เกิดเม็ดเงินสะพัดในหลากธุรกิจ ทั้งร้านจำหน่ายดอกไม้สด โดยเฉพาะมาลัยดอกมะลิ ร้านจำหน่ายของขวัญของชำร่วย ร้านจำหน่ายวัสดุ-อุปกรณ์สิ่งประดิษฐ์ด้วยมือ และธุรกิจจำหน่ายอาหารเสริมสุขภาพ รวมไปถึงบรรดาผู้ประกอบการต่างๆที่อาศัยกระแสวันแม่ในการจัดกิจกรรมเพื่อดึงดูดลูกค้า และกระตุ้นยอดจำหน่ายสินค้า นับเป็นการสร้างโอกาสกระตุ้นยอดจำหน่ายสินค้าในช่วงเทศกาลวันแม่

บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด ประเมินว่าในช่วงเทศกาลวันแม่ปี 2552 นี้ก่อให้เกิดเม็ดเงินสะพัด 6,325 ล้านบาท เมื่อเทียบกับเทศกาลวันแม่ปี 2551 แล้วเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 7-8 โดยเกือบร้อยละ 90 หรือ 5,500 ล้านบาท เป็นการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการท่องเที่ยว ส่วนเม็ดเงินที่สะพัดในหลากธุรกิจจากกิจกรรมต่างๆในวันแม่คาดว่าจะเท่ากับประมาณ 825 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 5-6 จากปีก่อน โดยประเมินว่าในช่วงเทศกาลวันแม่ปี 2552 นี้จะมีนักท่องเที่ยวคนไทยกลุ่มครอบครัวเดินทางท่องเที่ยวในประเทศประมาณ 1.38 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 8 ก่อให้เกิดเม็ดเงินสะพัดในหลากธุรกิจที่เกี่ยวข้องประมาณ 5,500 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 เนื่องจากทั้งภาครัฐและเอกชนต่างหันมากระตุ้นให้คนไทยเที่ยวไทยเพิ่มขึ้น ส่วนเม็ดเงินสะพัดในหลากธุรกิจในช่วงเทศกาลวันแม่ปี 2552 แยกเป็นร้านจำหน่ายดอกไม้สด โดยเฉพาะรายได้จากการจำหน่ายพวงมาลัยดอกมะลิทั้งประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 140 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 12 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา เนื่องจากราคาดอกมะลิมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น แต่ลูกค้ายังคงเลือกซื้อพวงมาลัยดอกมะลิ เนื่องจากเป็นสัญญลักษณ์ของวันแม่ ยอดขายของบรรดาภัตตาคาร/ร้านอาหารเพิ่มขึ้น 545 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 4-6 เมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากกิจกรรมการพาแม่ไปทานอาหารนอกบ้านนับว่าเป็นกิจกรรมยอดนิยม แม้ว่าในปีนี้บางครอบครัวจะกังวลในเรื่องการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 บ้าง แต่ก็ยังคงพาแม่ไปรับประทานอาหารนอกบ้าน โดยพิถีพิถันในการเลือกร้านมากขึ้น ยอดจำหน่ายอาหารเสริมสุขภาพในช่วงเทศกาลวันแม่หรือในเดือนสิงหาคมเพิ่มขึ้นอีก 100 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีปัจจัยหนุนคือ ความกังวลในเรื่องไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ส่วนธุรกิจเครื่องสำอางสำหรับผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นตลาดเฉพาะที่เจาะขยายการจำหน่ายในช่วงวันแม่ แม้ว่าจะยังเป็นตลาดเครื่องสำอางที่ยังเล็ก แต่ก็เป็นตลาดที่น่าจับตามอง โดยคาดว่าในวันแม่ปี 2552 นี้เครื่องสำอางสำหรับผู้สูงอายุจะมียอดจำหน่ายประมาณ 40 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาแล้วเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 5 เนื่องจากในปีนี้เครื่องสำอางหลายค่ายหันมาเจาะตลาดนี้เพิ่มมากขึ้น