แม้ที่ผ่านมา บราเดอร์ จะเน้นทำตลาดโดยใช้สื่อแบบเทรดิชั่นนอลมีเดียเสียเป็นส่วนใหญ่ แต่ด้วยกระแสของโลกออนไลน์ที่กำลังเติบโตขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง ทำให้แบรนด์ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้นำด้านผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีการพิมพ์ เริ่มปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ในการใช้สื่อ พร้อมเบนเข็มเข้าสู่โลกออนไลน์มากขึ้น ตอบรับกับเทรนด์ในปัจจุบันที่ก้าวสู่โลกการสื่อสารแบบไร้พรมแดน
คุณธีรวุธ ศุภพันธ์ภิญโญ ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายขายและการตลาด บริษัท บราเดอร์ คอมเมอร์เชี่ยล (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้หนึ่งซึ่งคร่ำหวอดในสายธุรกิจไอทีมานานกว่า 10 ปี ให้ความเห็นว่าสื่อในโลกออนไลน์ของไทยนั้นกำลังเติบโตเพิ่มขึ้น ขณะที่สื่อในรูปแบบเดิมอย่างนิตยสาร, หนังสือพิมพ์, วิทยุ หรือโทรทัศน์เอง กลับชะลอตัวหรือเติบโตไม่มากเท่าใดนักนัก นับว่าตรงกันข้ามกับโลกไซเบอร์สเปซที่เติบโตเพิ่มขึ้นอยู่ตลอดเวลา บราเดอร์ เองก็เล็งเห็นการเปลี่ยนแปลงตรงจุดนี้จึงเริ่มปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การทำตลาดหันมาเน้นโลกออนไลน์มากขึ้น “ที่ผ่านมา บราเดอร์ ลงออฟไลน์เสียเป็นส่วนใหญ่ แต่เมื่อประมาณสองปีที่ผ่านมา เราก็เริ่มเล็งเห็นว่าเทรนด์ของลูกค้าหรือผู้บริโภคเริ่มหันมาทางออนไลน์ ทำให้ช่วงหลังๆ เราเริ่มทำกิจกรรมกับทางออนไลน์เพิ่มมากขึ้น” คุณธีรวุธ กล่าว
สำหรับสัดส่วนการใช้สื่อโฆษณาในปีที่ผ่านมานั้น บราเดอร์ เลือกใช้สื่อออนไลน์ในการทำตลาดคิดเป็นอัตราส่วนประมาณ 20% ของสื่อที่ใช้ทั้งหมด ซึ่งพาร์ทเนอร์ที่เข้ามาช่วยดูแลในการบริหารสื่อออนไลน์ก็คือ Synergy E ผู้บริหารสื่อออนไลน์ชั้นนำของเมืองไทย เป็นระยะกว่า 2 ปีแล้วที่บราเดอร์ไว้วางใจให้ Synergy E ช่วยดูแลจัดการบริหารการสื่อออนไลน์ รวมทั้งเครือข่ายเว็บไซต์ของ Synergy E ที่มีอยู่ก็ช่วยให้ บราเดอร์ สามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
นอกจากกิจกรรมบนเว็บไซต์ที่เกิดขึ้นอย่างสม่ำเสมอ การใช้สื่อออนไลน์อย่างเหมาะสมเช่นการเลือกลงโฆษณาให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายนั้นมีประสิทธิภาพมากกว่าการหว่านเม็ดเงินซื้อสื่อแบบเดิม ผลลัพธ์ที่เห็นได้อย่างชัดเจนคือเว็บไซต์ของ บราเดอร์ มีจำนวนผู้เข้าชมเพิ่มมากขึ้นถึง 15% เลยทีเดียว พร้อมกันนี้ คุณธีรวุธ ยังเน้นย้ำอีกว่า วัตถุประสงค์หนึ่งในการใช้สื่อออนไลน์ก็คือเรื่องของ Brand Awareness ซึ่ง บราเดอร์ ค่อนข้างพอใจ ผู้บริโภครู้จัก บราเดอร์ มากขึ้นรวมทั้งรู้ว่ามีสินค้าและเทคโนโลยีอะไรบ้างที่ทาง บราเดอร์ นำเสนอ “สองปีผ่านมาที่เราใช้สื่อออนไลน์ เราได้ผลตอบรับที่ค่อนข้างดีพอสมควร อย่างเช่นเราลงในแชนเนลที่เป็นข่าว เราก็รู้ว่ามีคนเข้ามาดูแบนเนอร์เรามากน้อยแค่ไหน กี่รายต่อเดือน เราสามารถมอนิเตอร์จำนวนคนที่เข้าเว็บได้ เปรียบเทียบกับต้นทุนที่ใช้ไปเราคิดว่าคุ้มค่า น่าจะมาหันลงทุนในส่วนนี้มากขึ้น” คุณธีรวุธเน้นถึงความมั่นใจที่มีต่อการใช้สื่อออนไลน์
เนื่องจากความสำเร็จในการใช้สื่อออนไลน์ที่วัดผลได้จริง ทำให้ในปี 2553 นี้ บราเดอร์ วางแผนว่าจะเพิ่มสัดส่วนการใช้สื่อโฆษณาออนไลน์เพิ่มขึ้นเป็น 30% รวมทั้งนำแผนการตลาด E-Strategy มาใช้ซึ่งแนวคิดหลักก็คือการใช้สื่อออนไลน์เพื่อสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยในช่วงต้นปีนี้ บราเดอร์ ได้เปิดตัว Facebook.com/brotherthailand เพื่อเป็นช่องทางสำหรับการสื่อสารกับผู้บริโภคได้อย่างรวดเร็ว “ปี 2553 นี้เราโชคดีมากได้รับการแต่งตั้งจากเมืองนอกให้ บราเดอร์ ไทยแลนด์ เป็นลีดเดอร์แล้วก็ทำในโปรเจ็กต์ของ E-Strategy เพื่อดูว่าจะโปรโมต บราเดอร์ โดยใช้ช่องทางออนไลน์มากกว่าเดิมได้อย่างไร ตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงพิจารณา สำหรับอันแรกก็คือในส่วนของ Social Network” คุณธีรวุธ กล่าว