จากข้อมูลสถิติทางการค้า พบว่า ปัจจุบันความต้องการในการบริโภคหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ในประเทศไทยได้รับความนิยมสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โดยรายงานตัวเลขการนำเข้าหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ตั้งแต่ต้นปี 2556 จนถึงเดือนพฤษภาคม 2556 เพิ่มสูงขึ้นถึง 141 เปอร์เซ็นต์ ชี้ให้เห็นถึงความนิยมของผู้บริโภคชาวไทยได้เป็นอย่างดี
ประเทศไทยถือได้ว่าเป็นตลาดนำเข้าหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก และเป็นอันดับ 1 ของเอเชีย โดยหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์นั้นมีแหล่งกำเนิดมาจากประเทศนิวซีแลนด์ ถูกนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยโดยผ่านความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้นไทย-นิวซีแลนด์ (Closer Economic Partnership) จึงทำให้สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคชาวไทยที่นิยมบริโภคหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ที่มีมากขึ้นได้ เนื่องจากหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์เป็นวัตถุดิบที่หาไม่ได้ในประเทศ
หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์มีการเติบโตอย่างยั่งยืน และถูกเพาะเลี้ยงในแหล่งทะเลน้ำใส ซึ่งในขณะนี้ได้รับความนิยมจากเชฟต่างชาติ และเชฟไทย รวมไปถึงผู้บริโภค โดยจะเห็นได้จากการนิยมนำมาประกอบอาหารทะเลในครัวไทย และถูกนำเสนอให้เป็นเมนูพิเศษ
คุณคาเรน แคมเบลล์ ทูตพาณิชย์ สำนักงานพาณิชย์นิวซีแลนด์ ประเทศนิวซีแลนด์ กล่าวว่า “ตัวเลขการส่งออกหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ที่เพิ่มสูงขึ้น สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการในการบริโภคที่เติบโตมากขึ้นอย่างรวดเร็ว”
“หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ได้ถูกเพาะเลี้ยงในแหล่งเพาะเลี้ยงที่มีความปลอดภัยในการบริโภคสูง และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งนั่นมีความสำคัญอย่างมากต่อผู้บริโภคชาวไทย”
“เหตุผลที่หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์เป็นที่ชื่นชอบของผู้บริโภคชาวไทย ไม่ใช่เพียงเพราะขนาดที่ใหญ่ และรสชาติที่อร่อยของมันเท่านั้น แต่สาเหตุที่สำคัญ มาจากประโยชน์ทางโภชนาการ ที่อุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 ซึ่งเราทราบกันดีว่าเป็นสารอาหารที่ช่วยในการบำรุงดวงตา สมอง และผิวพรรณ”
การจำหน่ายหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ที่มีอยู่ทั่วไป เป็นผลมาจากความตกลงฯ การค้ากับห้างไฮเปอร์มาร์เก็ตและซุปเปอร์มาร์เก็ตที่มีมายาวนาน และที่ได้ทำขึ้นในปัจจุบัน
“ข้อบังคับของความตกลงฯที่มีเสถียรภาพมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในเชิงพาณิชย์ และยังเป็นกุญแจสำคัญต่อการจัดการอุปทานของธุรกิจค้าปลีก”
ประเทศนิวซีแลนด์ และประเทศไทยได้ลงนามความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้น (Closer Economic Partnership) ร่วมกันตั้งแต่ปี 2548 โดยความตกลงฯ ระหว่างสองประเทศนี้ได้ส่งเสริมการค้าระหว่างสองประเทศให้มีปริมาณเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว