ดีแทคประกาศ 3 เขต 3 พื้นที่ยกระดับคุณภาพใช้งาน พร้อมจัดดีแทคเน็ตเวิร์กทีมลงพื้นที่พบลูกค้า

นายซิคเว่ เบรคเก้ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค พร้อมด้วยนายประเทศ ตันกุรานันท์ ผู้อำนวยการอาวุโสสายงานปฏิบัติการโครงข่าย เปิดตัวดีแทคเน็ตเวิร์กทีมและนำทีมลงพื้นที่เช็กสัญญาณและรับฟังความคิดเห็นลูกค้าบริเวณย่านปากเกร็ดเป็นที่แรก ซึ่งครอบคลุมเส้นทางท่าเรือ ตลาดชุมชน แหล่งชุมชน หลังอัพเกรดโครงข่ายเสร็จสมบูรณ์ในย่านปากเกร็ด ดีแทคได้เน้นในเขตพื้นที่ดังกล่าวนำร่อง เพราะมีการเติบโตการใช้งานสูง มีความต้องการใช้งานอินเทอร์เน็ต และมีการร้องเรียนการใช้งานจากลูกค้าจำนวนมาก โดยพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในย่านสำคัญที่เป็นแหล่งสัญจร จุดเชื่อมต่อเส้นทาง แหล่งชุมชน

นายซิคเว่ เบรคเก้ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค กล่าวว่า “ดีแทคมุ่งขยายโครงข่ายรองรับการเติบโตในพื้นที่มีความต้องการใช้งานอินเทอร์เน็ตบนมือถือสูง พร้อมสร้างโครงข่ายรองรับอนาคตการขยายตัวชุมชน ที่อยู่อาศัย เส้นทางสัญจรหนาแน่น แนวรถไฟฟ้าและจุดเปลี่ยนสถานี พร้อมเส้นทางคมนาคมจุดต่อเชื่อมเส้นทางกรุงเทพสู่ปริมณฑล  ครอบคลุมแหล่งท่องเที่ยว ช้อปปิ้งมอลล์ และตลาดชุมชน รองรับพฤติกรรมคนยุคใหม่ที่รักและชื่นชอบการใช้งานอินเทอร์เน็ตบนมือถือ เป็นการตอกย้ำคำมั่นสัญญาที่คืบหน้าจากที่ดีแทคประกาศมุ่งสู่ความเป็นผู้นำในการให้บริการอินเทอร์เน็ต เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่มีแนวโน้มรักการใช้งานอินเทอร์เน็ตที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วนั้น ขณะนี้ดีแทคพร้อมแล้วที่จะประกาศพื้นที่ขยายโครงข่ายที่เสร็จสมบูรณ์ยกระดับคุณภาพใช้งาน 3 เขต คือ เขตปากเกร็ด เขตประเวศน์ และเขตบางเขน และ 3 แหล่งสำคัญ คือ ตลาดลุงเพิ่ม (หลังการบินไทย) ตลาดท่าดินแดง และโรงพยาบาลกรุงเทพ”

ดีแทคเน็ตเวิร์กทีมได้ลงพื้นที่เช็กสัญญาณและรับฟังความคิดเห็นลูกค้าบริเวณย่านปากเกร็ดเป็นที่แรก ซึ่งพื้นที่ปากเกร็ดซึ่งเปรียบเสมือนศูนย์กลางของแหล่งชุมชนและแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม และเป็นจุดเชื่อมต่อการสัญจรทั้งทางบกและทางน้ำ ซึ่งมีทั้งท่าเรือด่วน ท่าเรือข้ามฟาก ถนนเส้นทางหลักเชื่อมต่อกรุงเทพและปริมณฑล ต่อเนื่องด้วยจุดเชื่อมต่อการเดินทางด้วยทางด่วน รองรับการประชากรที่อาศัยรอบปริมณฑล และอนาคตอันใกล้นี้เส้นทางถนนแจ้งวัฒนะยังเป็นเส้นทางที่จะก่อสร้างรถไฟ้ฟ้าสายสีชมพู ซึ่งจะทำให้เกิดความเจริญและการเติบโตของที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น เช่น คอนโดมิเนียม และหมู่บ้านอีกมาก ทั้งนี้ ดีแทคยังมุ่งเดินหน้าพัฒนาโครงข่ายในพื้นต่างๆ ต่อเนื่องทั่วประเทศ

“จากการที่ประสบความสำเร็จในการยกระดับโครงข่ายเพื่อผู้ใช้งาน ทำให้มียอดการใช้งานอินเทอร์เน็ต (Growth rate) เติบโตในเขตประเวศน์ 134.97% เขตปากเกร็ด123.97% และเขตบางเขน 90.82% ในขณะที่ยอดเติบโตในประเทศอยู่ที่135.45%โดยพบว่าทั้ง 3 เขตดังกล่าวมีสถิติยอดการใช้งานอินเทอร์เน็ตสูงสุดในช่วงเวลา 21.00-22.00 น. และสถิติการโทรเข้า-ออกสูงสุดในช่วง 20.00-21.00 น. โดยมียอดลูกค้าร้องเรียนลดลงที่ปากเกร็ดถึง 90% เขตประเวศน์ 40%  และเขตบางเขนลดลง 20% และในโอกาสที่นายประเทศ ตันกุรานันท์ ได้กลับมาดูแลสายงานปฏิบัติการโครงข่ายของดีแทคอีกครั้ง จึงได้จัดภารกิจดีแทคเน็ตเวิร์กทีมลงพื้นที่เพื่อรับฟังความคิดเห็นกับลูกค้าและพิสูจน์การใช้งานในพื้นที่ดังกล่าว เพื่อให้ความมั่นใจและรับฟังความต้องการจากลูกค้าเพื่อนำมาพัฒนาสู่การใช้งานต่อไป” นายซิคเว่ กล่าว

นายประเทศ ตันกุรานันท์ ผู้อำนวยการอาวุโสสายงานปฏิบัติการโครงข่าย กล่าวเสริมว่า “ได้จัดตั้งดีแทคเน็ตเวิร์กทีม เพื่อปฏิบัติภารกิจมากกว่า 10 เส้นทางใน 3 เขต และ 3 แหล่งพื้นที่สำคัญในเฟสแรก สำหรับทีมที่ลงพื้นที่จะสอบถามลูกค้าดีแทคและพิสูจน์ถึงคุณภาพการใช้งานอินเทอร์เน็ตบนมือถือ ผ่านแอพพลิเคชั่นยอดนิยมต่างๆ ในการใช้งาน พร้อมทั้งทำความเข้าใจในความต้องการ และความคาดหวังของลูกค้าในการใช้งานอินเทอร์เน็ตโดยทีมที่ลงพื้นที่ยังมีแอพพลิเคชั่นรายงานปัญหาที่พบจากพื้นที่โดยตรง กรณีถ้าพบลูกค้าแจ้งปัญหาการใช้งาน และทีมงานจะนำกลับมาเพื่อเร่งพัฒนาสู่คุณภาพที่ดีขึ้น โดยดีแทคเน็ตเวิร์กทีมจะเพิ่มเส้นทางปฏิบัติภารกิจต่อเนื่องเมื่อโครงข่ายในพื้นที่อื่นยกระดับคุณภาพเสร็จเพิ่มเติม โดยเร็วๆ นี้ จะมีแหล่งพื้นที่สำคัญเพิ่มเติมอีกเช่น ตลาดน้ำอัมพวา ทาวน์อินทาวน์ และตลาดรถไฟ ศรีนครินทร์ เป็นต้น”

ดีแทคมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำในการให้บริการอินเทอร์เน็ตที่ดีที่สุดในตลาด โดยการมอบโครงข่ายอินเทอร์เน็ตที่มีคุณภาพให้กับคนไทย  ดีแทคเชื่อมั่นว่าจะสามารถมอบประสบการณ์ใช้งานอินเทอร์เน็ตที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้ลูกค้ารักดีแทค โดยได้ดำเนินตามแผนรุกขยายโครงข่ายอีก 6,500 สถานี ให้บริการ 3G และ 4G  ให้ครอบคลุมพื้นที่ในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และอีก 30 เมืองใหญ่ทั่วประเทศ ภายในวันที่ 31 มีนาคม 2558