อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ เผยผลประกอบการไตรมาสแรกปี 2559 มีการเติบโตที่สูงขึ้น เมื่อเทียบกับปี 2558 ในไตรมาสเดียวกัน ถึง 42% ทั้งด้านการใช้งบประมาณของลูกค้าหลากหลายอุตสาหกรรม ทั้งภาครัฐ และเอกชน เพื่อเปิดตัวสินค้า และทำโปรโมชั่นต่างๆ นอกจากนั้นยังมีการใช้งบประมาณในส่วนของการจัดกิจกรรมภายในองค์กรเพิ่มมากขึ้นเป็นเท่าตัว เพื่อพัฒนา และขยายธุรกิจ ทั้งการจัดกิจกรรมเพื่อการสื่อสาร รวมถึงการจัดประชุม สัมมนาขนาดใหญ่ ในองค์กร ชี้ภาพรวมตลาดอีเว้นท์มีแนวโน้มสดใสอย่างต่อเนื่อง
นายเกรียงไกร กาญจนะโภคิน ผู้ก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านการตลาดเชิงสร้างสรรค์อย่างครบวงจรในภูมิภาคอาเซียน (Creative Solutions Agency) บริษัท อีเว้นท์ อันดับ 7 ของโลก (จัดอันดับโดยนิตยสารสเปเชี่ยล อีเว้นท์ แม็กกาซีน ประเทศสหรัฐอเมริกา) กล่าวว่า “จากผลประกอบการในไตรมาสแรกของปี 2559 ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาของอินเด็กซ์ฯ มีการเติบโตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปีที่แล้ว 2558 ถึงร้อยละ 42 โดยมีสัดส่วนของลูกค้า แบ่งเป็นภาครัฐบาล 25% และเอกชน 75% โดย 4 กลุ่มธุรกิจหลัก อย่าง 1.) กลุ่มธุรกิจ ครีเอทีฟ โซลูชั่นส์ (Creative Solutions) งานบริการด้านการตลาดภายใต้ความคิดสร้างสรรค์ 2.) กลุ่มธุรกิจมาร์เก็ตติ้ง เซอร์วิส (Marketing Services) งานบริการส่งเสริมด้านการตลาด 3.) กลุ่มธุรกิจไลฟสไตล์ เอ็กซ์พีเรี่ยนส์ (Lifestyle Experience) กลุ่มธุรกิจที่สร้างประสบการณ์ใหม่ และตอบสนองไลฟสไตล์ของผู้บริโภคทั้งในด้านบันเทิง และในชีวิตประจำวัน และ 4.) กลุ่มธุรกิจอาเซียนวิงส์ (ASEAN Wings) งานด้านการตลาดเชิงสร้างสรรค์ในภูมิภาคอาเซียน กับการขยายธุรกิจออกสู่กลุ่มประเทศในภูมิภาคอาเซียน โดยมีการกำหนดแผนทางการตลาด และรุกธุรกิจ เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายที่มีความเฉพาะเจาะจงมากขึ้น รวมถึงหาช่องทางสร้างโอกาสทางธุรกิจในตลาดใหม่ๆ ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ส่งผลให้ผลประกอบการของทั้ง 4 กลุ่มธุรกิจเติบโตอย่างต่อเนื่องและแข็งแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับกลุ่มครีเอทีฟโซลูชั่นส์ ที่มีการเติบโตสูงขึ้นถึงร้อยละ 28 ซึ่งเป็นผลมาจากงานด้านอีเว้นท์ของอินเด็กซ์ฯ ที่มีความแข็งแรงที่สุดในประเทศไทย รวมถึงธุรกิจมิวเซียมแอนด์เอ็กซิบิชั่น (Museum & Exhibition) ซึ่งมีงานที่ได้รับ และดำเนินการ (Backlog) ยาวตลอดทั้งปี ไปจนถึงปีหน้า ในส่วนของลูกค้าของอินเด็กซ์ฯ ในปีนี้ แบ่งออกเป็นลูกค้าฐานเดิมประมาณ 60% และลูกค้าใหม่ 40% ซึ่งส่วนใหญ่เป็นลูกค้าในกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมประเภทยานยนต์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ประกันภัย การก่อสร้าง สินค้าอุปโภคบริโภค อาหาร และเครื่องดื่ม รวมถึงอสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น ซึ่งส่วนใหญ่ใช้งบประมาณเพื่อการเปิดตัวสินค้าใหม่ต่างๆ รวมถึงการทำแคมเปญภายในองค์กร กิจกรรมภายใน และการเทรนนิ่งต่างๆ (Internal Campaign & Training) ในหลายๆ บริษัท เพื่อสร้างความพร้อมในการแข่งขันให้กับบริษัทของตนเอง ถือได้ว่าเป็นเครื่องมือ และปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนองค์กรที่สำคัญในด้านการวางแผนกลยุทธ์ รวมถึงพัฒนาบุคคลากร เพื่อรองรับกับการเปลี่ยนแปลงของตลาดในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นการเทรนนิ่งบุคลากรทั้งระดับปฏิบัติการ ไปจนถึงระดับผู้บริหาร เพื่อขับเคลื่อนองค์กรไปในทิศทางเดียวกัน ให้สามารถบรรลุตามวัตถุประสงค์ที่ได้ตั้งไว้ ซึ่งบริษัท และองค์กรต่างๆ นี้ ใช้เงินงบประมาณ และให้ความสำคัญกับการสื่อสารภายในดังกล่าวเป็นอย่างมาก”
นายเกรียงไกร กาญจนะโภคิน กล่าวเพิ่มเติม “นอกจากนี้ในส่วนของกลุ่มธุรกิจอาเซียน (ASEAN Wings) ที่อินเด็กซ์ฯ ในฐานะบริษัท ครีเอทีฟ อีเว้นท์ ที่ได้เข้าไปบุกเบิกตลาดอาเซียน และถือว่าเป็นผู้นำตลาดตัวจริงเจ้าแรก และเจ้าเดียวในอาเซียนนั้น ทำให้ตัวเลขมีการเติบโตแบบก้าวกระโดดอย่างต่อเนื่อง สูงถึงร้อยละ 50 ใน Q1 ที่ผ่านมา เมื่อเทียบกับปีที่แล้วในไตรมาสเดียวกัน ซึ่งในปี 59 นี้ โดยเฉพาะในประเทศเมียนมา ซึ่งถือว่าอินเด็กซ์ฯ เป็นเจ้าตลาด และเป็นผู้นำ นอกจากนี้ อินเด็กซ์ฯ ยังได้เดินหน้าขยายธุรกิจ ด้วยการส่งไอซีเว็กซ์ (ICVex) ผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการธุรกิจเทรดแฟร์ รวมถึงงานด้านมิวเซียม และเอ็กซิบิชั่น ซึ่งเป็นเครื่องมือที่สำคัญสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนทำธุรกิจในกลุ่มภูมิภาคอาเซียน โดยที่อินเด็กซ์ฯ ได้เข้าไปหาโอกาสทางการตลาดเพิ่มเติม คาดว่าจะสร้างสีสันให้กับอุตสาหกรรมอีเว้นท์เมืองไทยอย่างแน่นอน และจากทิศทางการเติบโตของผลประกอบการของไตรมาสแรกหรือ Q1 ที่ผ่านมา รวมถึงงานในมือ (Backlog) ที่มีตลอดทั้งปี ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ประกอบกับกลยุทธ์การเน้นเจาะกลุ่มเป้าหมายที่มีความชัดเจน คาดว่าจะสามารถสร้างรายได้ให้แต่ละกลุ่มธุรกิจได้ตามเป้าหมาย 1,800 ล้านบาทอย่างแน่นอน รวมถึงตอกย้ำการเป็นผู้นำ และศูนย์กลางด้านความคิดสร้างสรรค์อย่างครบวงจรทั้งในไทย และอาเซียน”