“Love is” ค่ายเพลงแบบขายพ่วง

ค่ำวันที่ 26 มีนาคม เซ็นเตอร์พอยต์แน่นขนัดไปด้วยวัยรุ่นที่มารอชมมินิคอนเสิร์ตในการเปิดตัวค่ายเพลงใหม่ “Love is” โดยมี “ป๋าเต๊ด” ยุทธนา บุญอ้อม ผู้บริหาร Fat Radio เจ้าพ่ออินดี้เมืองไทยเป็นพิธีกรดำเนินรายการ นอกจากเพลงของ บอย โกสิยพงษ์ แล้วก็ยังมีเพลงของอดีตศิลปิน Bakery Music อีกหลายราย ในสายตาแฟนๆ วัยรุ่นเหล่านี้แล้ว ชื่อค่ายจะเป็น Bakery หรือ Love is ก็ดูจะไม่ต่างกัน

สุกี้กับบอย เรียกโมเดลค่ายเพลงของตัวเองว่า “สหกรณ์ทางดนตรี” ให้ศิลปินเปรียบดังหุ้นส่วน โดยนำผลงานเพลงมาให้ Love is ทำการตลาด และร่วมกันจัดทำคอนเสิร์ต รายได้แบ่งกันคนละครึ่ง ซึ่งสูงกว่าค่ายเพลงอื่นๆ เพราะศิลปินต้องมีความสามารถแต่งและเรียบเรียงเพลงเองให้เสร็จสมบูรณ์ ศิลปินจึงไม่ต้องสังกัด “ค่าย” Love is

ในปีหนึ่งๆ Love is จะออกงานเดี่ยว 4 ชุด และงานรวมเพลงใหม่จากหลากศิลปิน 4 ชุด งานรวมเพลงนี้จะแบ่งเป็น 3 แผ่นคือ แผ่น1 รวมศิลปินมีชื่อเสียง แผ่น 2 รวมมิวสิกวิดีโอของแผ่น 1 และแผ่น 3 เป็นรวมงานจากศิลปิน “อินดี้” หน้าใหม่

แฟนเพลงที่แน่นขนัดในงานเปิดตัวต่างพร้อมจะปรบมือและกรี๊ดตอบรับเพลงใหม่ๆ และศิลปินหน้าใหม่ทุกคน ชวนให้คิดว่าหากไม่มีตรา “Love is” ผลจะต่างออกไปอย่างไร นั่นคือ positioning แห่งความเป็นอดีตเบเกอรี่และศักยภาพในการจัดคอนเสิร์ตได้มาช่วยทุ่นแรงศิลปินอินดี้เหล่านี้ และรายได้ตอบแทนต่อเพลงเดียวที่ออกกับ “Love is” อาจจะสูงกว่าจาก 10 เพลงทั้งชุดที่ต้องออกขายเองอย่าง “อินดี้” ก็เป็นได้

เพื่อให้สอดคล้องกับภาวะธุรกิจเพลง ที่ไม่สามารถพึ่งยอดขายซีดีเพลงได้อย่างเดียว โมเดลการหารายได้ของค่ายเพลงนี้ นอกจากขายซีดีและเทปแล้ว ที่เหลือจะมาจาก คอนเสิร์ต, เพลงโฆษณา, ringtone โทรศัพท์มือถือ, และการจัด event organizer งานเปิดตัวต่างๆ

Profile

ปลายปี 47 ที่ผ่านมา Sony Music ได้เข้าซื้อกิจการ BMG มีผลถึงในไทย เพราะ BMG ประเทศไทย ซึ่งมี Bakery Music เป็นบริษัทลูกอยู่ด้วย ลงมือเปลี่ยนแปลงทั้งผู้บริหารและนโยบายครั้งใหญ่นี้ ทำให้เบเกอรี่ ภายใต้การนำของ “สุกี้” กมล สุโกศล แคลปป์ และ “บอย” ชีวิน โกสิยพงษ์ ตัดสินใจแยกตัวออกมาตั้งค่ายใหม่เพื่อรักษาความอิสระในการทำงาน และเพื่อทดลองแนวคิดธุรกิจแบบใหม่ที่ตกผลึกจากประสบการณ์ 10 ปีในวงการเพลงไทยและจากคัมภีร์ไบเบิล !