โฉมใหม่ “ดิ เอ็มโพเรียม”

ศูนย์การค้า ดิ เอ็มโพเรียม จะฉลองก้าวสู่ปีที่ 8 และยังต้องรับมือกับศึกศูนย์การค้าหรูย่านราชประสงค์ ที่เตรียมลั่นสงครามในช่วงปลายปีนี้ ว่าแล้ว เกรียงศักดิ์ ตันติพิภพ กรรมการผู้จัดการ ดิ เอ็มโพเรียม ช้อปปิ้ง คอมเพล็กซ์ จัดแจงทุบกระปุกเงิน 500 ล้านบาท ปรับโฉมใหม่ทั้งหมดของดิ เอ็มโพเรียม ให้กลายเป็นกรุงปารีสนครแห่งสีสันแฟชั่น เพื่อผนวกกับศูนย์การค้าสยามพารากอน ที่วางคอนเซ็ปต์การตกแต่งให้เป็นสไตล์นิวยอร์ก

ตามแผนงานที่วางไว้ ดิ เอ็มโพเรียมโฉมใหม่ จะเปิดให้บริการเดือนพฤศจิกายน โดยจ้างดีไซเนอร์จากฝรั่งเศลที่เคยออกแบบห้างสรรพสินค้าชื่อดังในกรุงปารีสมาก่อน มาออกแบบใหม่ ส่วนสยามพารากอนจะสร้างเสร็จเดือนธันวาคม ทำให้เกิดสีสันแหล่งช้อปปิ้งขนาดใหญ่ 2 ทวีป คือ ปารีสและนิวยอร์ก มารวมกันใจกลางกรุงเทพฯ

คอนเซ็ปต์การแปลงโฉมดิ เอ็มโพเรียม ได้รับการตกแต่งให้เป็นสไตล์ “ฮิพ คลาสิก” เน้นความทันสมัย หรูหรา มีกลิ่นอายความเป็นปารีส ที่อบอวลไปด้วยสวนอีเดน มีการนำอาหารจากหลากหลายทวีปมาเปิดให้บริการ ลิฟต์แก้วจะออกแบบให้เป็น Vertical Graden ที่ปกคลุมไปด้วยเถาไม้เลื้อย โทนสีจะปรับเปลี่ยนไปตามสินค้าแต่ละแผนกเพื่อสร้างเป็น story เน้นความเป็นแฟชั่นเทรนด์

พื้นที่ของห้างจะขยายเพิ่มขึ้นอีก 5,000 ตารางเมตร เพื่อเนรมิตให้เป็นแผนกเครื่องสำอาง และ Shoe Salon แผนกเครื่องหนังสตรีที่รวบรวมทุกแบรนด์ชั้นนำ รวมทั้งหลุยส์…วิตตอง ก็ขยายพื้นที่เพื่อรองรับแผนกนาฬิกา เครื่องประดับ ที่จะเกิดขึ้น คาร์เทียร์ มีการตกแต่งใหม่ภายใต้โกลบอลคอนเซ็ปต์

นอกจากร้านแบรนด์เนมชื่อดัง Gucci, Fendi, Kenzo ปรับปรุงใหม่ เพิ่มแบรนด์ดังอย่าง DKNY, CALVIN KLEIN และสินค้าเอ็กซ์คลูซีฟแบรนด์หลากหลายคอลเลกชั่น อาทิ Maxmara, Coach, Kate, Spade

เป็นการตอกย้ำจุดยืนความเป็น The Ultimate Shopping Complex ของดิ เอ็มโพเรียม เพื่อสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง โดยคาดว่า หลังจากปรับโฉมจะทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้น 10-15 %

Did You Know?

สินค้าแฟชั่นจะเปลี่ยนแปลงทุก season ถ้าเป็นฤดูร้อน แฟชั่นจะเน้นสีสัน ออกแนวสนุกสนาน มีชีวิตชีวา มีความหมายที่สะท้อนบุคลิกผู้สวมใส่ เช่น เวอร์ซาเซ่ อดีต เน้นขายโลโก้ ลวดลายเยอะมาก มาเป็นลวดลายเรียบง่ายแต่มีสีสัน เพราะผู้บริโภคโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้น, กุชชี่ เหมาะกับผู้หญิงที่หุ่น slim เน้นโชว์สัดส่วนเพื่อสร้างคอนเซ็ปต์คนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจดูแลตนเอง มีสุขภาพดี จากเดิมจะเน้นรูปทรงแข็งๆ

สัดส่วนสินค้าที่อยู่ใน ดิ เอ็มโพเรียม

สินค้าแฟชั่น 39 % คิดเป็น 7,100 ตารางเมตร
สินค้านาฬิกา จิวเวลรี่ 20 % คิดเป็น 2,100 ตารางเมตร
สินค้าตกแต่งบ้าน 28% คิดเป็น 6,000 ตารางเมตร
สินค้าเทคโนโลยี 6% คิดเป็น 1,000 ตารางเมตร
สินค้าเบ็ดเตล็ดทั่วไป 7% คิดเป็น 2,200 ตารางเมตร