ลำไยฟีเวอร์

ท่วงท่า เหินหาวของโทนี่ จา หรือ “จา พนม ยีรัมย์” เพื่อโปรโมตโฆษณาขายลำไย ที่ประเทศจีน บ่งบอกว่า งานนี้รัฐบาลไทยเอาจริงเอาจังกับแผนการขยายตลาดขายลำไย แบบเปรี้ยง ปร้าง ชนิดที่ไม่เคยทำมาก่อน

ใช่, ปัญหาลำไยล้นตลาด supply ปีนี้รุนแรงยิ่งนัก แต่เมื่อรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร เห็นความสำคัญหยิบยกเป็นปัญหาระดับชาติ ช่วงนี้จึงเห็นกิจกรรมการตลาด ทั้ง event สินค้า และช่องทางการตลาดเกือบทุกช่องเท่าที่จะหาเจอ ล้วนมีลำไยเข้าไปเกี่ยวเนื่อง

แผน marketing ลำไย น่าสนใจยิ่งนัก ถึงขนาดนายกฯทักษิณขอร้อง ขอความร่วมมือให้สองเสี่ย ทั้งเสี่ยเจียง และเสี่ยตัน ร่วมแผนสร้างการตลาดทั้งในและนอกประเทศ

สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ หรือ “เสี่ยเจียง” แห่งสหมงคลฟิล์ม รับบทเป็นผู้อำนวยการสร้างงานโฆษณา “จา พนม เหินหาวกินลำไย” ที่จีน ด้วยเหตุผลที่ว่า คนจีนกำลังคลั่งไคล้ซูเปอร์ สตาร์ลีลานักบู๊ของจา พนม แบบคิดว่าเป็นบรู๊ซ ลี กลับชาติมาเกิด หวังว่าความดังของจา พนมจะทำให้อุปสงค์ลำไยในจีนจะโชติช่วงชัชวาล และแผนการตลาดก็เริ่มได้ผล เมื่อจีนสั่งลำไยเพิ่มขึ้น และแว่วๆ ว่าโครงการลำไยแลกรถลำไยหุ้มเกาะของจีน ก็เริ่มดำเนินการขึ้นแล้ว

ขณะที่อีกฟากหนึ่งในตลาดเมืองไทย เสี่ยตัน แห่งโออิชิ รับบทผู้ผลิตแปรรูปลำไย ใช้แบรนด์ตันช่วยขยายตลาดลำไย ในรูปของผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม และลำไยอบแห้ง

เรียกว่ารัฐบาลไทยตั้งหวังว่า พลังของสองเสี่ยจะพวยพุ่ง มุ่งสร้างตลาดลำไยให้สวยหรูได้…

ไม่เพียงเท่านั้น ยุทธการขายลำไยแห่งชาติ สตาร์ทตั้งแต่เดือนกรกฎาคมเป็นต้นมา งานมหกรรมลำไย อิมแพค เมืองทองธานี ซึ่งคัดเกรดลำไยสด ลำไยแห้งมาประชันขันแข่งกันขาย มีนาทีทองขายกิโลกรัมละ 1 บาท หรือเทศกาลลำไย 76 จังหวัดที่ทยอยจัดขึ้นทั่วประเทศ นำดาราคนดังมาช่วยโปรโมต เป็นตัวอย่างที่สะท้อนภาพชัดว่า ช่วงนี้คนไทยหายใจเข้าออกเป็นลำไย

นี่ยังไม่นับรวมภาคเอกชนที่นำผลผลิตลำไยมาสร้างกิจกรรมการตลาดกันอย่างคึกคัก ไม่น่าแปลกที่จะเห็นเมนูผลิตภัณฑ์ลำไยอยู่ในแค็ตตาล็อกของห้างสรรพสินค้าชื่อดัง ไม่ว่าจะเป็น เครือเซ็นทรัล โรบินสัน หรือแม้กระทั่งร้านค้า ร้านอาหาร ตั้งแต่ระดับริมทาง จนถึงภัตตาคารหรู ล้วนมีเมนูลำไยเป็นอาหารจานโปรด ชนิดลูกค้าได้เห็นต้องลิ้มลอง

กระแสลำไยฟีเวอร์ ฤดูกาลนี้ พ.ศ. นี้ ออกดอก ออกผล เป็นงานระดับชาติ ระดับประเทศที่ฮือฮา และแรงที่สุดเท่าที่เคยมีมา