สภาพเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างไม่หยุดยั้งของออสเตรเลีย โดยเฉพาะภาวะฟองสบู่ในการซื้อขายที่ดินทำให้ผู้คนรู้สึกว่าพวกเขารวยขึ้น ซึ่งทางออกของพวกเขาคือการใช้จ่ายเงินให้มากขึ้นๆ ส่งผลให้ชาวออสเตรเลียใช้จ่ายเงินกว่า 70,000 ล้านเหรียญออสเตรเลีย (หนึ่งเหรียญออสเตรเลียประมาณ 31 – 32 บาทไทย) ต่อปีในห้างสรรพสินค้า ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 51,000 ล้านเหรียญเมื่อห้าปีก่อน โดยห้างสรรพสินค้าเหล่านี้มีส่วนแบ่งมากถึง 41% ของรายจ่ายในการซื้อปลีกทั้งหมดกว่า 172,000 ล้านเหรียญ
แต่ 80% ของ 63 ห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดของออสเตรเลียกลับเป็นของคนเพียง 6 กลุ่มเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม การซื้อปลีกสินค้าเริ่มหงอยเหงาลงเนื่องจากภาวะบูมของการซื้อขายที่ดินได้ผ่านพ้นไปแล้ว รวมถึงราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นตลอดเวลา นอกจากนี้ จำนวนคู่แข่งที่เพิ่มขึ้นจากการตั้งศูนย์ขายสินค้าเครื่องใช้ภายในบ้าน และการออกมาขายสินค้าด้วยตัวเองในราคาถูกของเหล่าโรงงาน กำลังส่งผลให้การเติบโตอย่างร้อนแรงในอุตสาหกรรมนี้ในช่วงสามปีที่ผ่านมาเริ่มซาลง
โดยเฉพาะการตั้งศูนย์ขายสินค้าชิ้นใหญ่ๆ ซึ่งนับจากปี 1991 เป็นต้นมา มีการเติบโตของศูนย์ขายสินค้าชิ้นใหญ่เหล่านี้มากถึง 136 % นั่นคือ จาก 25 แห่ง เป็น 59 แห่ง และ 13 แห่งเพิ่งสร้างขึ้นใหม่ ซึ่งถือว่าสร้างความกระทบกระเทือนอย่างมากแก่ห้างสรรพสินค้าเหล่านี้ และทำให้หลายๆ รายตัดสินใจเข้าร่วมแข่งขันในการสร้างศูนย์ขายสินค้าชิ้นใหญ่ด้วยตัวเองด้วย
สงครามค้าปลีกรอบใหม่นี้จึงต้องติดตามอย่างไม่กะพริบตา
