Korean Wave Hit America…คลื่นเกาหลีกระทบฝั่งอเมริกา…

เมื่อกล่าวถึง “Korean Wave” หรือ “Hanllu” ส่วนใหญ่จะหมายถึง คลื่นความเป็นที่นิยมของวัฒนธรรมจากเกาหลีใต้ที่ไหลบ่าเข้าสู่ประเทศต่างๆ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้านในเอเชียด้วยกัน เช่น จีน ญี่ปุ่น ไต้หวัน เวียดนาม ฮ่องกง และ ไทย เป็นต้น ดังที่เห็นได้จากกระแสที่เกิดขึ้นในบ้านเรา

ตั้งแต่ ละครทีวี ภาพยนตร์ เกม นักร้องนักดนตรี จนกล่าวได้ว่า คนเอเชียติดซูเปอร์สตาร์ชาวเกาหลีกันงอมแงม…ส่วนในอเมริกา เพิ่งจะเริ่มต้น…

สำหรับคลื่นเกาหลีลูกล่าสุดที่เพิ่งถล่มนิวยอร์กไปคือ หนุ่มน้อย Rain ผู้สั่งฝนให้ตกที่นิวยอร์กในงานคอนเสิร์ตครั่งแรกที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกาของเขา ณ เมดิสัน การ์เด้น สแควร์ เมื่อวันที่ 2 และ 3 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา…

Rainstone Live กับฝันของ 3 หนุ่มตี๋

POSITIONING : “Showcase Asian Talent to Mainstream America”

คอนเสิร์ต “Rainy Day New York” ของนักร้องหนุ่มชื่อดังจากเกาหลี ชอง จี ฮุน หรือ Rain จะไม่สามารถเป็นจริงได้ หากไม่มีบริษัท Rainstone Live ของ 3 หนุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่ ที่เป็นผู้บุกเบิกปูทาง สานฝันของบรรดาศิลปินที่มีชื่อเสียงในเอเชียให้เป็นจริงด้วยการมาแสดงคอนเสิร์ตแบบยิ่งใหญ่ในอเมริกา

Rainstone Live ก่อตั้งขึ้นเมื่อประมาณ 2 ปีก่อน นำทีมด้วย Woo Seok Rhee โปรดิวเซอร์หนุ่มไฟแรงชาวเกาหลี และอีก 2 หนุ่ม Computer Science ที่หันมาเอาดีทางด้านธุรกิจคือ John Chen จากเซี่ยงไฮ้ และ Nelson Lee จากไต้หวัน ทั้ง 3 โคจรมาพบกันสมัยเรียนมหาวิทยาลัย และมาลงเอยเปิดบริษัทร่วมกันในนิวยอร์กที่ซึ่งกลายเป็นบ้านของพวกเขาไปแล้ว…ตำนานของพวกเขาเริ่มจาก…

เมื่อ 10 กว่าปีก่อน John Chen ซึ่งขณะนั้นเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ในนิวยอร์กได้รู้จักกับ Nelson Lee จากการแนะนำของรูมเมทของเขาที่เป็นเพื่อนสมัยมัธยมของ Nelson ซึ่งตอนนั้นกำลังเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยบอสตัน ทั้งสองเลยกลายมาเป็นเพื่อนสนิทและปาร์ตี้ด้วยกันเป็นกิจวัตร และด้วยความที่เป็นหนุ่มนักปาร์ตี้นี่เอง ทำให้หลังจากเรียนจบ John กับ Nelson คิดทำธุรกิจร่วมกัน ในปี ค.ศ. 2002 ทั้งสองตัดสินใจเปิดบริษัทรับทำการตลาด โฆษณา โปรโมชั่นอีเวนต์ต่างๆ ชื่อว่า Swerve Media ซึ่ง swerve หมายถึง ทำให้เปลี่ยนทิศทางแตกต่างไปจากปกติ สองหนุ่มคิดว่าเป็นชื่อที่เหมาะกับธุรกิจที่เน้นที่ความแปลกใหม่ไม่ซ้ำจำเจ โดยกลุ่มเป้าหมายหลักของพวกเขาคือ Asian American ในนิวยอร์ก ลูกค้ารายใหญ่ๆ ของพวกเขาได้แก่ MTV, Budweiser, ImaginAsian Television, Rock the Vote และ New York Asian Film Festival

“พาร์ตเนอร์เหล่านี้ได้ใช้บริการของเราในการจัดงานเปิดตัวสินค้า ศิลปิน หรือภาพยนตร์ เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าชาว Asian American รวมไปถึงเชื้อชาติอื่นๆในนิวยอร์กและพื้นที่มีคนเหล่านี้อยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งเรามีแผนที่จะขยายไปยังแอลเอและซานฟรานซิสโกในอนาคต” John กล่าวกับ POSITIONING นอกจากนี้ ชิคาโกยังเป็นอีกเมืองหนึ่งที่เขาสนใจ แต่เขาเริ่มเน้นที่เมืองชายฝั่งก่อน

เมื่อประมาณ 2 ปีก่อน ในขณะที่ธุรกิจของ Swerve กำลังดำเนินไปได้ด้วยดี Nelson ได้ข่าวจากเพื่อนเก่าสมัยอยู่ที่บอสตันคือ Woo Seok Rhee ที่เพิ่งจบปริญญาโทสาขาการดนตรีจากมหาวิทยาลัยในไมอามี่ ว่า เขาจะกลับมาตั้งรกรากในนิวยอร์ก Nelson กล่าวถึง Woo Seok Rhee ว่า เขามีประสบการณ์ร่วมงานกับศิลปินมากมาย อาทิ G.O.D และ Park Jin Young จากค่าย JYP Entertainment ซึ่งเป็นค่ายเพลงในเกาหลีที่มีผลงานระดับนานาชาติ โดย JYP ยังร่วมโปรดิวซ์ในงานของศิลปินชาวอเมริกัน เช่น Mase, Will Smith, Tyrese, 3LW และ Lil Kim อีกด้วย นอกจากนี้ ชื่อของ Woo Seok Rhee ยังปรากฏในผลงานของศิลปินทั้งเกาหลีและไม่ใช่เกาหลีอีกหลายคน เช่น Lena Park จากค่าย EMI, Zee Young Sun จากค่าย Pony Canon, Ricky Martin จาก Sony Music, และ Marc Anthony จาก Columbia Record เป็นต้น

ซึ่ง Woo Seok Rhee เป็นผู้ริเริ่มความคิดที่จะเปิดธุรกิจนำศิลปินจากเกาหลีที่กำลังโด่งดังไปทั่วเอเชียมาแสดงคอนเสิร์ตในนิวยอร์ก Nelson เห็นว่า เป็นธุรกิจที่น่าลองเสี่ยงทำดู และจากการที่เป็นเพื่อนรู้ใจกันมานาน Nelson จึงชวน John มาร่วมธุรกิจกับ Rhee เปิดบริษัท Rainstone Live ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Swerve Media เพื่อดำเนินการจัดคอรเสิร์ตนำเข้าศิลปินที่โด่งดังจากเอเชียมาสู่ตลาดผู้ชมผู้ฟังในอเมริกาโดยเฉพาะ ในขณะที่ Swerve Media ทำหน้าที่ทำการตลาด โฆษณาให้แก่คอนเสิร์ตอีกช่องทางหนึ่ง ถือเป็นธุรกิจที่เอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน

“ผมเชื่อมั่นในศักยภาพของ Woo Seok Rhee เพราะเขาเป็นโปรดิวเซอร์มือใหม่ไฟแรงที่รู้จักสนิทสนมกับ พัก จิน-ยอง เจ้าของและผู้ก่อตั้งบริษัท JYP Entertainment ซึ่งเป็นโปรดิวเซอร์ของ Rain ป๊อปสตาร์ชื่อดัง” Nelson กล่าวกับ POSITIONING ถึงที่มาของธุรกิจ และด้วยความประจวบเหมาะของพาร์ตเนอร์ร่วมธุรกิจที่เป็นชาวเกาหลี ซึ่งตอนนี้ Korean Pop หรือบางทีเรียกว่า K-Pop กำลังมาแรง คอนเสิร์ตชุดแรกเมื่อเดือนเมษายนปีที่แล้ว ชื่อว่า “1st Rainstine Live Concert” ที่ Hammerstein Concert Hall ใน Manhattan Center

โดยมีกลุ่มซูเปอร์สตาร์ที่มาร่วม เช่น Lee Soo Young, Eun Ji Won, Tim, Maya และ JK Kim Dong Wook ซึ่งมีผู้ชมมากกว่า 3,000 คน ส่วนคอนเสิร์ตเดี่ยว “Rainy Day New York” ของศิลปิน Rain ถือเป็นคอนเสิร์ตประจำปีครั้งที่ 2 ของ Rainstone Live และคาดว่าจะมาคนมาชมมากกว่า 10,000 คน

อาจดูเหมือนว่า พวกเขาจะเน้นที่เฉพาะศิลปินจากแดนกิมจิเท่านั้น แต่พวกเขายืนยันว่า ไม่ใช่เฉพาะเกาหลีเท่านั้น แต่เกาหลีเป็นจุดเริ่มต้นของอนาคต ที่หากคอนเสิร์ตครั้งนี้ของ Rain ประสบความสำเร็จได้ดี ก็จะทำให้ศิลปินรายอื่นที่อยากมาเปิดตลาดในอเมริกาเห็นว่า “ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้อีกต่อไปแล้ว และถ้าจะทำให้ง่ายขึ้นก็ติดต่อมาที่ Rainstone Live ของพวกเรา ซึ่งเราจะทำให้ฝันเขาเป็นจริง” John กล่าวอย่างจริงจัง ยิ่งกว่านั้น เขายังย้ำว่า “กลุ่มคนดูของเราจะไม่เน้นเฉพาะเจาะจงที่ Asian American เท่านั้น แต่เราจะเน้นที่ทุกคนในอเมริกาที่สนใจ และคอนเสิร์ตของ Rain เป็นการแสดงให้ชาวอเมริกันได้เห็นถึงพรสวรรค์ของคนเอเชีย และเป็นการเชื่อมสองวัฒนธรรมระหว่างตะวันออกกับตะวันตกเข้าด้วยกัน”

สำหรับการทำการตลาดของคอนเสิร์ต “Rainy Day New York” ครั้งนี้ Rainstone Live ได้กำลังสำคัญจาก ImaginAsian Television ซึ่งเป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่มาช่วยในการโปรโมตคอนเสิร์ตทางสถานีโทรทัศน์และวิทยุท้องถิ่นในนิวยอร์ก โดย ImaginAsian TV เป็นสถานีเอเชี่ยน-อเมริกัน สถานีแรกในอเมริกาที่ออกอากาศรายการบันเทิงต่างๆ จากประเทศในเอเชียตลอด 24 ชั่วโมง และที่สำคัญรายการทุกรายการมีซับไตเติลเป็นภาษาอังกฤษ เป็นการเปิดโอกาสทางการตลาดให้กว้างมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ Rainstone Live มีแผนโปรโมตคอนเสิร์ต “Rainy Day New York” ในสื่อสิ่งพิมพ์ ได้แก่ หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นในนิวยอร์ก ได้แก่ Korean Times, Sing Tao Daily, New York Times และ New York Post เป็นต้น ส่วน TV Ads ออกอากาศที่ช่องแฟชั่นทีวี (FTV) และ FOX News นอกจากนี้ ยังมีพันธมิตรจากเกาหลีอย่าง Dream Ville Entertainment ที่ช่วยประสานงานให้ฝันของคนเหล่านี้เป็นจริง…

อนาคตของ Korean Wave ในอเมริกาจะเป็นอย่างไร…คอนเสิร์ตของ Rain ในครั้งนี้จะสามารถเปิดประตูให้ซูเปอร์สตาร์จากเอเชียคนอื่นเข้ามาในอเมริกาได้หรือไม่ ต้องติดตามกันต่อไป…