OgilvyAction เอเยนซี่น้องใหม่ในเครือโอกิลวี่กรุ๊ป เปิดประตูต้อนรับผู้ค้าด้วยบริการใหม่ทางการตลาดที่เรียกว่า “Through-the-line” ทั้งนี้เพื่ออุดช่องว่างระหว่างการทำตลาดแบบ Above-the-line และ Below- the-line ในปัจจุบัน ตลอดจนเติมเต็มกลยุทธ์การสื่อสารการตลาดให้ครบ 360 องศา
เนื่องจากมีการศึกษาพบว่า 70% ของการตัดสินใจซื้อมักเกิดขึ้น ณ จุดขาย ปฏิบัติการของ OgilvyAction จึงเป็นการสร้างอิทธิพลต่อเสี้ยวนาทีแห่งการตัดสินใจซื้อ ‘ณ จุดขาย’ หรือที่เรียกว่า ช่วงเวลา “The Last Mile”
3 บริการหลักภายใต้แนวคิด “โค้งสุดท้าย” ได้แก่
FastTrackTM กระบวนการในการสร้างการสื่อสารระหว่างเจ้าของสินค้ากับผู้ซื้อ ณ จุดขาย
MarketPulseTM บริการข้อมูลแบบ Real-time ณ จุดขายไปยังเจ้าของสินค้า ผ่านระบบออนไลน์
ActivationTM การสร้างกลยุทธ์ที่เหมาะสม ณ จุดขายในการจัดงานหรือกิจกรรมทางการตลาด
เทรนด์การทำตลาดแบบ Below the line หรือ Non-traditional Channel กำลังมาแรง โดยมีอัตราการใช้จ่ายในงบประมาณในส่วนนี้เพิ่มขึ้นถึง 30% ของตลาดรวม (Global) ส่งผลให้การทำตลาดแบบ Through-the–line คึกคักตามไปด้วย เห็นได้จากไตรมาสที่ 1 ของปีนี้ OgilvyAction ของไทยโตเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ถึง 24%
OgilvyAction เป็นเครือข่ายเอเยนซี่ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียแปซิฟิก โดยมีสำนักงานสาขา 52 แห่งใน 39 ประเทศทั่วโลก ลูกค้าในปัจจุบันของ OgilvyAction ประเทศไทยได้แก่ โคลา-โคล่า โมโตโรล่า เนสท์เล่ และยูนิลีเวอร์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตConsumer Product ในอนาคตวางเป้าหมายไปยังลูกค้ากลุ่ม Telecommunication และ Industry Product
นอกเหนือจากบริการหลักๆ ที่เปิดตัวในเมืองไทยไปแล้วอย่างการตลาดแบบ “Through-the-line” OgilvyAction ยังมีรูปแบบบริการอันหลากหลายที่พร้อมลุยเพื่อผู้ค้า ได้แก่ การตลาดเชิงประสบการณ์ การตลาดผ่านสื่อดิจิตอล การออกแบบในร้านค้า (ณ จุดขาย) ตลอดจนการให้การสนับสนุนด้านบันเทิงและกีฬา (Sponsorship)
Did u know?
การทำตลาดแบบ Below the line โดยเฉพาะการจัด Event ประสบความสำเร็จมากในเมืองไทยและหลายประเทศในเอเชีย มากกว่าในสหรัฐฯ และยุโรป เนื่องจาก
– ความหลากหลายของร้านค้า คือมีตั้งแต่ห้างค้าส่งขนาดใหญ่จนถึงร้านค้าโชห่วย
– อัตราค่าแรงของ Staff ถูกกว่ามาก
– ผู้บริโภคมีอุปนิสัยร่าเริง รักสนุก สอดคล้องกับการจัดกิจกรรม
เส้นทางชีวิตของมร.มิทช์ไม่ได้เริ่มจากถนนราดยางอย่างที่คิด… จากนักขายกระดานวินด์เซิร์ฟที่เดินสายทั่วแอฟริกาใต้ กลายเป็น Copywriter ในเอเยนซี่ชื่อดัง เมื่อเขาเขียนจดหมายไปของาน “เดวิด โอกิลวี่” ผู้แต่งหนังสือที่แม่เขากำลังอ่านอยู่ แต่ต่อมากาลเวลาก็ได้พิสูจน์ว่าเขาเป็นก๊อบปี้ยอดแย่ เขาจึงได้เริ่มต้นชีวิตการทำงานใหม่ในฝ่ายบริหารลูกค้าแทน
