สถานการณ์โควิด-19 ในปัจจุบัน โดยภาพรวมมีแนวโน้มคลี่คลาย ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่มีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ ขณะที่จำนวนผู้ได้รับวัคซีนโควิด-19 เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมีคนไทยได้รับวัคซีนเข็มแรกแล้วถึง 48 ล้านคน หรือกว่า 66.7 เปอร์เซ็นต์ของประชากร ขณะที่ประชากรกว่า 41.2 ล้านคนได้รับวัคซีนครบสองโดสแล้ว (ข้อมูล ณ วันที่ 29 พฤศจิกายน 2564) เข้าใกล้เป้าหมายของภาครัฐที่ต้องการให้ประชากร 50 ล้านคน หรือ 70 เปอร์เซ็นต์ของประเทศ ได้รับวัคซีนครบ 2 โดส เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของการ ฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมของประเทศจากวิกฤตในครั้งนี้ได้อย่างแข็งแกร่ง
ด้วยเหตุนี้ การได้รับวัคซีนครบ 2 โดส ให้เร็วที่สุด จึงเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญในการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้เกิดขึ้น โดยวัคซีนแต่ละชนิดมีระยะห่างระหว่างการฉีดเข็มที่ 1 และ 2 แตกต่างกันไป ตั้งแต่ 4 ถึง 12 สัปดาห์ นอกจากนี้ในสภาวะการขาดแคลนวัคซีน การใช้ปริมาณวัคซีนน้อยที่สุดจะสามารถกระจายวัคซีนได้มาก และสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ได้อย่างรวดเร็ว โดยปกติการฉีดวัคซีนตามมาตรฐานทั่วไปจะฉีดเข้ากล้ามเนื้อ สำหรับวัคซีนไฟเซอร์ 1 ขวด แบ่งฉีดได้ 6 โดส ส่วนวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า 1 ขวด แบ่งฉีดได้ 12 โดส
โจทย์ของโครงการนำร่องการศึกษาความปลอดภัยและการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันหลังได้รับวัคซีนโควิด-19 ด้วยการฉีดเข้าในผิวหนัง ที่ดำเนินการโดยศูนย์วิจัยคลินิก คณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล (Siriraj Institute of Clinical Research หรือ SICRES) และร่วมสนับสนุนงบประมาณโดยบริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาว่าการฉีดวัคซีนโควิด-19 เข้าในชั้นผิวหนัง (Intradermal หรือ ID) จากปกติที่ฉีดเข้ากล้ามเนื้อ ซึ่งมีการศึกษาการฉีด 2 รูปแบบ แบบแรกศึกษาโดยการเลียนแบบการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า ที่จะฉีดครั้งละ 2 จุด ห่างกัน 7 วัน และการฉีดแบบ 1 จุด ห่างกัน 21-28...
บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค โดย dtac business บริการเทคโนโลยีสื่อสารและโซลูชันสำหรับ กลุ่มองค์กรธุรกิจ ขนาดเล็ก กลางและองค์กรขนาดใหญ่ และ ช้อปปี้ ผู้นำแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และไต้หวัน เดินหน้าสนับสนุนภาคธุรกิจและร่วมฉลองมหกรรม Shopee 12.12 Birthday Sale มอบสิทธิประโยชน์ผ่านแคมเปญ “ดีแทคช่วยร้านค้าออนไลน์เติบโตบนช้อปปี้” ให้กับผู้ประกอบการรายย่อยบนแพลตฟอร์มช้อปปี้ เพื่อสนับสนุนทรัพยากรที่จำเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับอินเทอร์เน็ต และโซลูชันช่วยขายออนไลน์ เพิ่มขีดความสามารถให้ผู้ประกอบการในการดำเนินธุรกิจบนโลกอีคอมเมิร์ซได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมจับกระแสการเติบโตของอุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซในช่วงโค้งสุดท้ายปลายปี
โดยผู้เข้าร่วมโครงการได้รับสิทธิประโยชน์สุดเอ็กซ์คลูซีฟจากแคมเปญ“ดีแทคช่วยร้านค้าออนไลน์เติบโตบนช้อปปี้” นั่นก็คือ แพ็กเกจ WorryFree Plus Pro เพียง 499 บาทต่อเดือน มีให้เลือก 2 แพ็กเกจตามความต้องการใช้งาน
แพ็กเกจ A โทรฟรีทุกเครือข่าย 24 ชั่วโมง ฟรีอินเทอร์เน็ต 4 Mbps พร้อมรับ Shopee Ads 1,000 เครดิตจาก dtac business พร้อมฟรีอินเทอร์เน็ตเมื่อใช้แอป Shopee
แพ็กเกจ B ฟรีอินเทอร์เน็ต 10 Mbps รับสิทธิ์ใช้ Google Workspace รวมถึงรับฟรี อีเมลโดเมนธุรกิจ ยกเว้น co.th พร้อมรับ Shopee Ads 1,000 เครดิตจาก dtac business พร้อมฟรีอินเทอร์เน็ตเมื่อใช้แอป Shopee
นอกจากนั้น ช้อปปี้ยังมีสิทธิพิเศษสำหรับผู้ประกอบการรายใหม่ที่ยังไม่มีร้านค้าบนช้อปปี้...
มะเร็งยังคงเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้นๆ ของโลก ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก (WHO) รายงานว่าในปี 2563 มีผู้เสียชีวิตจากมะเร็งเกือบ 10 ล้านราย โดยมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักเป็นมะเร็งชนิดที่วินิจฉัยบ่อยที่สุดเป็นอันดับสามของโลก โดยมีผู้ป่วยรายใหม่เกือบ 2 ล้านราย รองจากมะเร็งเต้านม และมะเร็งปอด โดยมีผู้เสียชีวิตจากมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักสูงเป็นอันดับสอง จำนวน 935,000 รายทั่วโลก ขณะที่ประเทศไทย ในปีที่ผ่านมาตรวจวินิจฉัยใหม่พบผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก 21,103 ราย และเสียชีวิตถึง 6,039 ราย
รศ. คลินิก นพ. ทศพล เกิดศิริชัยรัตน์ แพทย์ชำนาญการด้านอายุรศาสตร์โรคทางเดินอาหารและตับ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวว่า “มะเร็งลำไส้ใหญ่ในระยะเริ่มต้น มักไม่มีอาการ ส่วนใหญ่จะตรวจพบได้ด้วยการมาตรวจสุขภาพประจำปี ส่วนอาการในระยะหลังๆ ที่พอสังเกตได้จะมีน้ำหนักลด ทางเดินลำไส้อุดตัน ผู้ป่วยอาจมาด้วยอาการท้องบวม ท้องอืด คลื่นไส้อาเจียน ซึ่งหากตรวจพบมะเร็งในลำไส้ใหญ่ด้านขวา อุจจาระจะเป็นสีดำ แต่หากพบมะเร็งที่ลำไส้ใหญ่ด้านซ้าย อุจจาระก็จะเป็นสีแดง หรือมีภาวะซีด ซึ่งอาจจะพบจากการตรวจเลือดเพื่อสาเหตุอื่น
สิ่งที่ขอเน้นย้ำคือ กว่าร้อยละ 30-50 ของมะเร็งที่คร่าชีวิตผู้ป่วยอยู่ในปัจจุบัน มีทางป้องกันและรักษาได้ ซึ่งรวมถึง ‘มะเร็งลำไส้ใหญ่’...
บลูพอร์ต หัวหิน และพราวด์กรุ๊ป ร่วมกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวหัวหิน/ชะอำ ทรู คอร์ปอเรชั่น, บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จํากัด (มหาชน), บริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด, บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด, เคท เอกซ์โอ เอกซ์โอ จำกัด, บริษัท ทิพยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) Bang & Olufsen (B&O) Boonlapo Co., Ltd. และ บริษัท...
ลาซาด้า ผู้นำแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประกาศเดินหน้าพันธกิจในการลงทุนด้านโลจิสติกส์อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน และสร้างนิยามใหม่ให้แก่วงการโลจิสติกส์ไทย โดยลาซาด้า โลจิสติกส์ในประเทศไทยได้พัฒนาประสิทธิภาพการจัดส่งพัสดุและยกระดับประสบการณ์ช้อปของผู้บริโภคไปอีกขั้น ด้วยการใช้เทคโนโลยีคัดแยกสินค้าอัตโนมัติแบบใหม่ และขยายความสามารถในการคัดแยกพัสดุตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมา เพื่อรองรับคำสั่งซื้อจำนวนมากในช่วงเมกะแคมเปญ ซึ่งแคมเปญ 11.11 ยังทุบสถิติจากทั่วภูมิภาคมียอดคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น 20 เท่าในช่วง 2 ชั่วโมงแรกของแคมเปญ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาปกติ นอกจากนี้ ลาซาด้ายังจัดเต็มให้คนไทยได้ช้อปกันอย่างเพลิดเพลินส่งท้ายปีด้วยดีลที่ดีที่สุดในแคมเปญ “Lazada 12.12 Grand Year-End Sale เซลใหญ่ส่งท้ายปี” อีกด้วย
มร. เจมส์ มาร์แชนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายโลจิสติกส์ บริษัท ลาซาด้า จำกัด (ประเทศไทย) กล่าวว่า “แคมเปญ 11.11 ของลาซาด้าในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาสามารถสร้างสถิติใหม่และตอกย้ำความแข็งแกร่งของเราในฐานะผู้นำแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซในประเทศไทย โดยในแคมเปญดังกล่าว เราสามารถลดระยะเวลาในการจัดส่งสินค้า นับตั้งแต่การกดสั่งซื้อสินค้าไปจนถึงการนำส่งสินค้าในครั้งแรก โดยเฉลี่ยเร็วขึ้นราวสองวันเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งเป็นผลมาจากเทคโนโลยีคัดแยกสินค้าอัตโนมัติและการเพิ่มศักยภาพในการบริหารจัดการโลจิสติกส์ของเรา การที่เราสามารถทำลายสถิติมากมายในแคมเปญ 11.11 ที่ผ่านมานั้น ช่วยปูทางให้เราได้เสริมความแข็งแกร่งในการจัดการด้านโลจิสติกส์...
ภายหลังบริษัทยักษ์ใหญ่ของโลกด้าน Social network ได้ออกมาประกาศการปรับตัวทางธุรกิจเข้าสู่การสร้าง Community ใหม่ในโลกเสมือนหรือ Metaverse ทำให้เกิดความเคลื่อนไหวมากมายในวงการการสื่อสารการตลาดในเมืองไทย ล่าสุด adapter digital group เอเจนซี่โฆษณาด้านดิจิตอลและผู้ให้คำปรึกษาด้านการตลาดชั้นนำ ได้มองเห็นโอกาสครั้งใหญ่ในการพา Brand ภายใต้การดูแลเข้าสู่โลก Metaverse เต็มรูปแบบ เพื่อสร้างมิติใหม่ในการสื่อสาร ด้วยการผนึกกำลังกับ 2 พันธมิตรในวงการ ทั้ง IGLOO ผู้นำในตลาด Animation ที่มีผลงานระดับโลกมากมาย และ any.i ผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างสรรค์งาน Virtual Experience ด้วยจุดแข็งในการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เพื่อนำเสนอการจัดงานแบบ Virtual ในรูปแบบต่างๆ ร่วมกันเปิดตัว “METALAB Creative Solution” พร้อมเขย่าวงการครีเอทีฟเมืองไทยด้วยบริการสุดล้ำที่จะสร้างปรากฏการณ์ใหม่ในการทำแคมเปญสื่อสารในโลกเสมือนได้แบบ 360 องศา ที่จะทำให้ผู้บริโภคได้รับประสบการณ์ที่ฉีกไปจากเดิมไปอย่างสิ้นเชิง
นายอรรถวุฒิ เวศรานุรักษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อะแด็ปเตอร์ ดิจิตอล จำกัด อธิบายว่า “การเกิดขึ้นของโลกเสมือนหรือ Metaverse มีแรงขับมาจากเทคโนโลยีหลายๆ ส่วน ไม่ว่าจะเป็น Virtual Technology ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก, Simulating Reality ที่เสมือนจริงมากขึ้น, ประสิทธิภาพที่สูงขึ้นของ Machine Intelligence, การเข้าสู่ยุคของ Web 3.0 อย่างเต็มตัว, และการประยุกต์ใช้ Blockchain ในหลากหลายรูปแบบ ซึ่งทำให้หลายๆ Digital Platform และ Digital Asset ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากทั้งในต่างประเทศและเมืองไทย เช่น Platform The Sandbox ซึ่งใช้ SAND เป็น Cryptocurrency ในการซื้อขาย หรือ Platform Roblox ที่เปิดโอกาสให้มีการสร้าง Digital asset ต่างๆ เป็นต้น
รวมถึง Lifestyle ของผู้บริโภคยุคนี้ที่ใช้เทคโนโลยีเป็นตัวเชื่อมเข้าสู่อีกโลกหนึ่งด้วยเทคโนโลยี AR ซึ่งเป็น Hybrid Reality ผ่านหน้าจอโทรศัพท์มือถือในช่วงที่ผ่านมา ตัวอย่างเช่น การเลือกซื้อหรือทดลองสินค้าเสมือนจริง (Virtual Shopping/ Try...
บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด เจ้าของและผู้บริหาร ศูนย์การค้าสยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ หนึ่งในพันธมิตรเจ้าของไอคอนสยาม และสยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต กรุงเทพ เสริมทัพดิจิทัล ส่ง “ปานเทพย์ นิลสินธพ” ร่วมขับเคลื่อนการบริหารงานใหม่ล่าสุด Customer Experience ในตำแหน่งประธานบริหารสายงานประสบการณ์ลูกค้า (Chief Customer Officer) เพื่อเป็นผู้นำทัพเข้าสู่ยุคดิจิทัลเต็มรูปแบบ โดยจะทำงานร่วมกับนายอริยะ พนมยงค์ ประธานบริหารด้านนวัตกรรม และนายอักเซล วินเทอร์ ประธานบริหารสายงานดิจิทัล เพื่อเชื่อมโลกออฟไลน์และออนไลน์ในทุกมิติ สร้างสัมพันธ์แบบบูรณาการและมอบประสบการณ์ที่คัดสรรมาเฉพาะให้กับลูกค้า
การเสริมทัพดิจิทัลในครั้งนี้ สอดคล้องกับกลยุทธ์การขับเคลื่อนธุรกิจของสยามพิวรรธน์ ที่มุ่งเชื่อมโลกแห่งการค้าในทุกมิติเพื่อมอบประสบการณ์ที่เหนือความคาดหมายให้กับลูกค้าทั้งในประเทศและที่เคยเดินทางมาเยี่ยมเยือนโครงการของสยามพิวรรธน์จากทั่วโลก (Global Citizen) ซึ่งในปัจจุบัน ออนไลน์เป็นช่องทางที่ผู้คนจากทั่วโลกจะสามารถเข้าถึงกิจกรรมและประสบการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในธุรกิจของกลุ่มสยามพิวรรธน์ได้ตลอดเวลา ดังนั้นสยามพิวรรธน์จึงพร้อมตอบไลฟ์สไตล์ของลูกค้าในยุคดิจิทัลนี้ ด้วยนวัตกรรม และแพลตฟอร์มใหม่ๆ ที่ได้พัฒนาขึ้น เพื่อเชื่อมโยงธุรกิจค้าปลีกในศูนย์การค้า...
The 1 (เดอะ วัน) ผู้นำดิจิทัลไลฟ์สไตล์และลอยัลตี้แพลตฟอร์มอันดับ 1 ของไทย ภายใต้กลุ่มเซ็นทรัล ย้ำเตือน “สิทธิ์” การเป็นสมาชิก The 1 ผ่านแคมเปญโฆษณา “เดอะ วันฝึกงาน” ในรูปแบบน่ารัก-เข้าใจง่าย สนับสนุนให้สมาชิกใช้สิทธิ์ของตัวเอง 3 ด้านหลัก ได้แก่ 1. สิทธิ์เลือกดีลในแบบคุณ 2. เช็กสิทธิ์สะดวก และ 3. ให้สิทธิ์คุณเป็นของคุณ โดยสมาชิกทุกคนสามารถเลือกใช้สิทธิ์ของตัวเองได้ผ่านแอปพลิเคชั่น The 1 แบบรวมครบจบในที่เดียว
นางสาวหรรษา วงศ์สิริพิทักษ์ Head of Marketing – The 1 กล่าวว่า “The 1 มุ่งมั่นพัฒนาข้อเสนอและบริการที่ดีที่สุดให้กับสมาชิกอย่างต่อเนื่องตลอด 15 ปีที่ผ่านมา เพื่อให้สมาชิกได้รับสิทธิ์ที่คุ้มค่าและตรงใจมากที่สุด ทั้งข้อเสนอที่หลากหลายจากทุกห้างร้านในเครือเซ็นทรัลทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงพาร์ทเนอร์ใน ecosystem กว่า 2,000 แบรนด์ และอำนวยความสะดวกให้สมาชิกใช้สิทธิ์ของตัวเองได้สะดวกทุกที่ทุกเวลาผ่านแอป The 1 ด้วยรูปแบบประสบการณ์ Personalization และประสบการณ์ใหม่ๆ ที่มากกว่าลอยัลตี้ตามแนวคิด Your Everyday Lifestyle Platform”
“ปัจจุบัน The 1 มีสมาชิกรวมกว่า 19 ล้านคน โดยทุกๆ...
บริษัท เดอะ แบ็กยาร์ด จำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ “สไตล์โมเดิร์น กรีน ลิฟวิ่ง” มองเทรนด์อสังหาฯ ยุคนิวนอร์มอล (New Normal) พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยน หนุนดีมานด์บ้านเดี่ยวหลังใหญ่เติบโต ล่าสุด เปิดตัวโครงการ “Le Parc Next (เลอ พาร์ค เน็กซ์) ทวีวัฒนา” มูลค่า 1,200 ล้านบาท บ้านเดี่ยวหลังใหญ่สไตล์โมเดิร์น ขนาด 100 ตร.ว.ขึ้นไป สำหรับครอบครัวอนาคต บนทำเลสะดวกน่าอยู่อาศัยย่านทวีวัฒนา พร้อมด้วย “นวัตกรรมอนุรักษ์พลังงาน”
นายชวลิต กิจรุ่งรัตนกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เดอะ แบ็กยาร์ด จำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ “Modern Green Living” ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ ภายใต้แบรนด์ “เลอ...
โลตัส ได้รับคะแนนอันดับหนึ่งจากผู้ประกอบการซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำทั้ง 8 รายของไทย ในการประเมินนโยบายและแนวทางปฏิบัติที่เปิดเผยต่อสาธารณะประจำปี2564 ภายใต้แคมเปญผู้บริโภคที่รัก จัดทำโดยมูลนิธิชีววิถี มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค และ Oxfam (อ็อกแฟม) ประเทศไทย ซึ่งในปี 2564 โลตัส ได้คะแนนรวม 35.83 คะแนน จากการประเมินในทั้ง 7 มิติ ครอบคลุมทั้งห่วงโซ่คุณค่า โดยให้ความสำคัญกับผู้บริโภค ชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม
จากการเปิดเผยคะแนน “รายงานการประเมินนโยบายและแนวทางปฏิบัติของห้างค้าปลีกที่เปิดเผยต่อสาธารณะ” ประจำปี 2564 ซึ่งถูกจัดทำขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 โลตัส เป็นผุ้ประกอบการห้างค้าปลีกที่ได้รับคะแนนการประเมินรวมสูงที่สุดเป็นอันดับหนึ่งถึง 35.83 คะแนน โดยหลักเกณฑ์การประเมินในปี 2564 แบ่งออกเป็น 7 ตัวชี้วัดหลัก ได้แก่ นโยบายด้านความโปร่งใสและความรับผิดชอบ, นโยบายแรงงาน, นโยบายด้านผู้ผลิตรายย่อย, นโยบายด้านความเท่าเทียมทางเพศ, นโยบายด้านสิ่งแวดล้อม, นโยบายด้านความปลอดภัยทางอาหาร และนโยบายที่เกี่ยวข้องกับผู้บริโภค จากทั้ง 7 ตัวชี้วัดหลักดังกล่าว โลตัส ได้คะแนนเป็นอันดับหนึ่งในถึง 5 ตัวชี้วัด
นางสาวสลิลลา สีหพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านความยั่งยืนและกฎหมาย ธุรกิจโลตัส ประเทศไทย กล่าวว่า “โลตัส มีความยินดีและภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้รับคะแนนสูงสุดจากการประเมิน Supermarket Scorecard ในปีนี้ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราในการดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อลูกค้า เพื่อนพนักงาน คู่ค้า ชุมชนรอบข้าง สังคม และสิ่งแวดล้อม ตามค่านิยม 3 ประโยชน์ของเครือเจริญโภคภัณฑ์ นอกเหนือจากการดำเนินธุรกิจด้วยความยั่งยืนและคำนึงถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียตลอดห่วงโซ่คุณค่าแล้ว การเปิดเผยนโยบายและข้อปฏิบัติให้เป็นสาธารณะ...









