กรมสรรพากร – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Fri, 07 Jan 2022 00:53:02 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 สรุปดราม่า “ภาษีคริปโต” จ่ายเฉพาะส่วนกำไร แม้ผลรวมทั้งปีจะขาดทุนก็ตาม https://positioningmag.com/1369710 Thu, 06 Jan 2022 15:02:35 +0000 https://positioningmag.com/?p=1369710 ดราม่าภาษีคริปโตที่สร้างความวิตกกังวลต่อนักลงทุนอย่างมาก โดยเฉพาะนักลงทุนรุ่นใหม่ที่นิยมเข้าเทรดเหรียญคริปโตในกระดานเทรดทั้งไทย และต่างประเทศ ซึ่งเป็นกระแสที่ร้อนแรงในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โดยล่าสุดทางกรมสรรพากรได้ประกาศเรียกเก็บภาษีคริปโตตั้งแต่เดือนมีนาคม 2565 นี้เป็นต้นไป ซึ่งจากการประกาศออกมาดังกล่าว ก่อให้เกิดข้อถกเถียงของนักลงทุนเหรียญคริปโตในโซเชียลมีเดียหลายแพลตฟอร์มต่อมาตรการ “ภาษีคริปโต 15%” ที่เกิดขึ้นอย่างเผ็ดร้อน

ล่าสุด สมหมาย ศิริอุดมเศรษฐ ที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์การจัดเก็บภาษี และโฆษกกรมสรรพากร เปิดเผยมาตรการภาษีคริปโตผ่านทางรายการ The Morning Wealth ถึงแนวทางการจัดเก็บภาษีที่ได้จากการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล หรือ คริปโต รวมไปถึง NFT และอื่นๆ

โดยระบุว่าการคิดคำนวณ และจัดเก็บภาษีนั้น เป็นการคิดจากฐานของภาษีเงินได้ ในการนำไปซื้อขาย หรือทำธุรกรรมคริปโตในทุกรายการ (transactions) ที่มีกำไรเป็นเงินสด เช่น ผู้เสียภาษีทำการแลกเปลี่ยนบนแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยน 10 รายการในปีนั้น โดยขายเหรียญได้กำไรเป็นเงินสด (THB) 5 รายการ รวม 2 แสนบาท แต่อีก 5 รายการ ขายเหรียญแล้วขาดทุน 5 แสนบาท

รวมทั้งปีผู้เสียภาษีขาดทุนจากการแลกเปลี่ยนรวม 3 แสนบาท ภาษี 15% นั้นก็จะต้องระบุเงินได้เพื่อเสียภาษีจากกำไร 2 แสนบาทอยู่ดี แม้ยอดรวมทั้งปีจะขาดทุน หรือแม้จะยังไม่ได้ถอนเงินบาทออกมาจากกระดานเทรดบนแพลตฟอร์มการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลนั้นก็ตาม เนื่องจากสรรพากรถือว่าการซื้อขายและกำไรเกิดขึ้นแล้ว แม้ว่านักลงทุนเจ้าของบัญชีเทรดนั้นจะยังไม่ได้ถอนเงินออกมาก็ตาม

Photo : Shutterstock

การที่กรมสรรพากรเตรียมที่จะนำ Big Data และ Data Analytic มาใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลเส้นทางการเงิน และการลงทุนของนักลงทุน โดยหากผู้เสียภาษีอยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่จะเสียภาษีไม่ถูกต้อง ผู้เสียภาษีจะต้องยื่นเอกสารหลักฐานเพื่อพิสูจน์ว่าการยื่นแบบเสียภาษี ถูกต้องตามความเป็นจริง หรือแสดงเงินได้น้อยกว่าความเป็นจริงหรือไม่

โดยหากจำนวนรายได้กำไรที่เกิดขึ้นจริงมากกว่าหรือที่เกิดขึ้นต่ำกว่า ก็ต้องชำระส่วนต่างที่เกิดขึ้นจากส่วนที่ขาดตกบกพร่องไป นอกจากนี้อาจต้องเสียดอกเบี้ยอีก 1.5% ต่อเดือน ในส่วนที่ยื่นขาด ซึ่งขณะนี้ทางสรรพากรกำลังประสานงานร่วมกับกระดานเทรดต่างๆ ในการแลกเปลี่ยนข้อมูลการซื้อขาย รายได้ และกำไรของนักลงทุน เพื่ออำนวยความสะดวกในการนำส่งข้อมูลภาษีของผู้ซื้อและผู้ขายให้กับกรมสรรพากร

การที่กรมสรรพากรเดินหน้าเรียกเก็บภาษี Capital Gain จาก “คริปโตเคอร์เรนซี” กรณีซื้อขาย-แลกเปลี่ยน รวมทั้งชำระค่าสินค้า-บริการ โดยกำหนดให้มีการเสียภาษีโดย หัก ณ ที่จ่ายจำนวน 15% ขณะเดียวกันผู้ที่ได้รับรางวัลจากการชิงโชคก็จะต้องเสียภาษีในส่วนนี้ด้วยในจำนวน 5%

นอกจากนี้ หากนักลงทุนมีการฝากเหรียญเพื่อกินดอกเบี้ยก็จะต้องมีการจ่ายภาษีจำนวน 15% อีกด้วยเช่นกัน และหากมีการรับมรดกยกเว้นภาษี ด้านนิติบุคคล ก็จะต้องยื่นจ่ายภาษีนี้ด้วย โดยผู้มีเงินได้มีหน้าที่ต้องยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษี ได้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565 ถึง วันที่ 31 มีนาคม 2565 โดยล่าสุดกรมสรรพากรได้สรุปแนวทางการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่เกี่ยวกับคริปโตเคอร์เรนซี ไว้ดังนี้

Photo : Shutterstock

1. กรณีกำไรจากการขาย หรือแลกเปลี่ยนคริปโตเคอร์เรนซี (Capital Gain) ถือเป็นเงินได้ตามมาตรา 40 (4) (ฌ) ผู้ขายมีหน้าที่ยื่นแบบ ภ.ง.ด.90 ขณะที่ผู้ซื้อมีหน้าที่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย 15%

2. กรณีนำคริปโตเคอร์เรนซี ไปชำระค่าสินค้าหรือบริการ โดยมูลค่ามากกว่าตอนที่ได้มา ถือเป็นเงินได้ตาม 40 (4) (ฌ) ผู้ที่ชำระค่าสินค้า หรือบริการด้วยคริปโตเคอร์เรนซี มีหน้าที่ต้องยื่นแบบ ภ.ง.ด.90 ขณะที่ผู้รับชำระค่าสินค้าหรือบริการด้วยคริปโตเคอร์เรนซี มีหน้าที่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย 15%

3. กรณีได้รับจากการให้โดยไม่มีค่าตอบแทน ถือเป็นเงินได้ตาม 40 (8) แบ่งเป็น กรณีทั่วไปผู้ได้รับต้องยื่นแบบ ภ.ง.ด.90 และแบบ ภ.ง.ด.94 สำหรับกรณีนี้ผู้ให้ไม่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย ขณะที่บางกรณีเป็นเงินได้ที่ถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายไว้แล้ว หรือ Final withholding tax และ กรณีได้รับยกเว้นภาษีไม่ต้องยื่นแบบ แต่ตอนขายต้องยื่นแบบ ภ.ง.ด.90 ขณะที่ผู้ที่จ่ายรางวัลชิงโชคเป็นคริปโตเคอร์เรนซี 1,000 บาท ขึ้นไป มีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่าย 5%

4. กรณีได้รับทางมรดก ถือเป็นเงินได้ตาม 40 (8) ตอนได้รับมรดก และตอนขาย ได้รับการยกเว้นภาษี ไม่ต้องยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษี

5. กรณีได้รับจากการทำงาน ถือเป็นเงินได้ทุกประเภท ผู้ได้รับมีหน้าที่ต้องยื่นแบบ ภ.ง.ด.90 และ ถ้ามีเงินได้ตามมาตรา 40 (5)-(8) ต้องยื่นแบบ ภ.ง.ด.94 กรณีนี้อาจต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย

6. กรณีขุดเหรียญ (Mining) ถือเป็นเงินได้ตาม 40 (8) ผู้ขุดชนะ มีหน้าที่ต้องยื่นแบบ ภ.ง.ด.90 และ แบบ ภ.ง.ด.94

7. กรณีการฝากเหรียญเอาดอกเบี้ย (Staking) ถือเป็นเงินได้ตาม 40 (4) (ช) ผู้ฝากมีหน้าที่ต้องยื่น แบบ ภ.ง.ด.90 ตัวกลางรับแลกเปลี่ยน หรือ Exchange มีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่าย 15%

Photo : Shutterstock

การจัดเก็บภาษีเงินได้จากกำไรจากการขายคริปโตเคอร์เรนซี ในส่วนของบุคคลธรรมดา จะแบ่งเป็น

1. เก็บตามแหล่งเงินได้ในประเทศ โดยการขายคริปโตฯ ในประเทศทุกรายการถ้ามีกำไร จะต้องเสียภาษี ตามมาตรา 40 (4) (ฌ)

2. เก็บตามแหล่งถิ่นที่อยู่อาศัย กรณีที่ขายคริปโตฯ ในต่างประเทศ และมีกำไร แล้วนำเงินกลับเข้ามาในประเทศ ในปีภาษีนั้นๆ ก็ต้องเสียภาษีเช่นกัน ถ้าอยู่เกิน 180 วัน และนิติบุคคลต้องเสียภาษีจากกำไรจากการขายคริปโตเคอร์เรนซีด้วย โดยสามารถนำไปคำนวณเป็นรายได้ รวมกับรายได้อื่น ๆ ถ้าหากมีกำไรก็ต้องเสียภาษี ในอัตราของนิติบุคคล

ขณะที่เหรียญคริปโตเคอร์เรนซีที่มีความร้อนแรงและกำลังเป็นที่จับตาจากทั้งนักลงทุนและ สำนักงาน ก.ล.ต. จากปริมาณการซื้อขายที่มีมากผิดปกติ และราคาที่พุ่งขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ อีกทั้ง ส่วนของการซื้อขายเหรียญคริปโตแม้ว่าจะอยู่ภายใต้การบังคับใช้กฏหมาย ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ แต่ก็ไม่มีข้อบังคับในส่วนของ insider trading เหมือนเช่นกรณีที่เกิดกับการซื้อขายหุ้น

โดยเฉพาะ 3 เหรียญดังที่ปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรงในปี 2564 ที่ผ่านมา โดยอันดับได้แก่

1. JFIN ราคาปรับเพิ่มขึ้นมากกว่า 7,092% นับจากวันที่ 1 ม.ค. 2564 ถึง 31 ธ.ค. 2564

2. KUB ราคาปรับขึ้น 1,312% นับจากวันที่ 21 พ.ค. 2564 ถึง วันที่ 31 ธ.ค. 2564

3. SIX ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3,500% นับจาก 1 ม.ค. 2564 ถึง 31 ธ.ค. 2564 โดยกำไรจากการขายจะต้องนำไปยื่นแบบเสียภาษีเงินได้ และต้องถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 15%

ทั้งนี้ การที่กรมสรรพากรกำหนดให้แจ้งเงินได้จากกำไรจากการขายคริปโตเคอร์เรนซี และสินทรัพย์ดิจิทัลต่าง ๆ ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 ระบุให้เก็บภาษีจากกำไรจากการขายสินทรัพย์ดิจิทัล แต่ที่ผ่านมารูปแบบการยื่นภาษีออนไลน์ยังไม่มีความชัดเจน จึงได้มีการปรับรูปแบบใหม่ให้เห็นชัดเจนมากขึ้น เนื่องจากปัจจุบันผู้เสียภาษีจำนวนมากมีเงินได้และกำไรจากการขายสินทรัพย์ดิจิทัลดังกล่าวเพิ่มขึ้น

สำหรับการตรวจสอบการเสียภาษีเงินได้ที่มาจากกำไรจากการขายคริปโตเคอร์เรนซี หรือสินทรัพย์ดิจิทัล เป็นไปตามหลักปฏิบัติปกติของกรมสรรพากร ซึ่งผู้เสียภาษีมีหน้าที่ประเมินตัวเอง และต้องแจ้งข้อมูลรายได้ตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นว่ามีเงินได้จากทางไหนบ้างให้ครบถ้วน

Source

]]>
1369710
กรมสรรพากรเตรียมลดภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย จาก 3% เหลือ 1.5% เยียวยา COVID-19 https://positioningmag.com/1268397 Mon, 16 Mar 2020 15:09:09 +0000 https://positioningmag.com/?p=1268397 กรมสรรพากรลดอัตราภาษีเงินได้หัก ที่จ่ายอัตรา 3% เหลืออัตรา 1.5% ตามมาตรการเยียวยาผลกระทบจาก COVID-19 สำหรับการจ่ายเงินได้พึงประเมินตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. ถึง 30 ก.ย. 2563

คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบเรื่อง มาตรการดูแล และเยียวยาผลกระทบจาก COVID-19 ต่อเศรษฐกิจไทยทั้งทางตรง และทางอ้อม ระยะที่ 1 ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ซึ่งมาตรการลดอัตราภาษี ณ ที่จ่าย ก็เป็นหนึ่งในมาตรที่กำหนด ทั้งนี้มาตรการภาษี ประกอบด้วย 4 มาตรการ คือ

1. มาตรการคืนสภาพคล่องให้แก่ผู้ประกอบการในประเทศ โดยลดอัตราภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายอัตรา 3% เหลืออัตรา 1.5% สำหรับการจ่ายเงินได้พึงประเมินตั้งแต่วันที่ 1 เม.. ถึง 30 .. 2563 และลดเหลือ 2% สำหรับการจ่ายเงินได้พึงประเมินตามข้อกำหนดตั้งแต่วันที่ 1 .. 2563 ถึง 1 .. 2564 เฉพาะที่จ่ายผ่านระบบการหักภาษี ณ ที่จ่ายทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Withholding Tax)

2. มาตรการภาษีเพื่อลดภาระดอกเบี้ยจ่ายของผู้ประกอบการ โดยผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อมที่เข้าร่วมมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบทั้งทางตรง และทางอ้อมจากการระบาดของเชื้อไวรัส และมีการจัดทำบัญชีเดียว สามารถหักรายจ่ายได้ 1.5 เท่า สำหรับรายจ่ายดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นระหว่างวันที่ 1 เม.. ถึง 31 .. 2563

3. มาตรการส่งเสริมเสถียรภาพของการจ้างงานในสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสฯ โดยให้ผู้ประกอบการ SMEs สามารถหักรายจ่ายได้ 3 เท่า สำหรับรายจ่ายที่ได้จ่ายไปเป็นค่าจ้างของเดือน เมษายน 2563 ถึงเดือนกรกฎาคม 2563 ให้แก่ลูกจ้างที่เป็นผู้ประกันตนตามกฎหมายว่าด้วยประกันสังคม และได้รับค่าจ้างไม่เกิน 15,000 บาทต่อคนต่อเดือน โดยต้องคงการจ้างงานในช่วงดังกล่าวไว้ไม่น้อยกว่า จำนวนลูกจ้างที่เป็นผู้ประกันตน ณ วันสุดท้ายของเดือนธันวาคม 2562

4. มาตรการเร่งคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้ประกอบการภายในประเทศ โดยพิจารณาคืนเงินภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้ประกอบการส่งออกที่ดี กรณียื่นแบบ ภ..30 ทางอินเทอร์เน็ตจะได้รับคืนภายใน 15 วัน และกรณียื่นแบบ ภ.. 30 ที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขาจะได้รับคืนภายใน 45 วัน

Source

]]>
1268397
สมาคมค้าปลีกไทย ยื่นอุทธรณ์ กรมสรรพากร ทำไมบิ๊กศูนย์การค้าไม่ได้อนุมัติ “แวต รีฟันด์ ฟอร์ ทัวริสต์” https://positioningmag.com/1191058 Wed, 03 Oct 2018 10:30:25 +0000 https://positioningmag.com/?p=1191058 เรื่อง : Thanatkit

กำลังเป็นประเด็นร้อนแรงอย่างมากในวงการค้าปลีก สำหรับกรณีที่กรมสรรพากรประกาศให้บริษัท เคาน์เตอร์เซอร์วิส จำกัดของซีพีออลล์ เป็นผู้ได้รับอนุมัติให้เป็นตัวแทนคืนแวตเพียงรายเดียว ภายใต้ทดลองการคืนแวต รีฟันด์ในเมืองให้นักท่องเที่ยว

ทำให้บริษัท แวต รีฟันด์ เซ็นเตอร์ (ไทยแลนด์) จำกัดเกิดจากการร่วมทุนระหว่าง กลุ่มเซ็นทรัล เดอะมอลล์ โรบินสัน สยามพิวรรธน์ และมีสมาคมผู้ค้าปลีกไทยเป็นตัวตั้งตัวตีในการจัดตั้ง ต้องพลาดหวังไม่ได้รับอนุมัติ

โดยกรมสรรพากรให้เหตุผลว่า ผิดข้อกำหนดในการยื่นเอกสาร และผิดเงื่อนไขเสนอมา 5 จุด จากข้อกำหนดที่ให้แค่ 3 จุด

สมาคมผู้ค้าปลีกไทย”  จึงออกมาชี้แจ้ง 9 ข้อต่อกรณีที่เกิดขึ้น ดังนี้

1. หนึ่งในข้อกำหนดคือบริษัทที่มายื่นต้องเป็นนิติบุคคล มีทุนจดทะเบียนไม่น้อยกว่า 25 ล้านบาท และที่สำคัญต้องมีวัตถุประสงค์เป็นตัวแทนคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่นักท่องเที่ยวซึ่งบริษัทร่วมทุนไม่ได้จดแบบนั้นตั้งแต่แรก และไม่มีบริษัทไหนในเมืองไทยที่จดแบบนั้น แม้แต่ในบริษัทลูกของ 4 บริษัทที่มีกว่า 100 แห่ง ถ้าจะจดบริษัทใหม่ต้องใช้เวลาราว 15 วัน ซึ่งจะเลยวันที่รับสมัคร ถ้าไม่เตรียมตัวตั้งแต่แรก

2. ตามกำหนดการจะแจ้งผลในวันศุกร์ที่ 28 กันยายน 2018 แต่ความเป็นจริงแจ้งวันอาทิตย์ที่ 30 กันยายน 2018 แล้วต้องเริ่มทำทดลองเลยเป็นระยะเวลา 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2018 – 31 มีนาคม 2019 ผู้ร่างมีความเชื่อมั่นได้อย่างไร ว่าหลังจากแจ้งผลวันรุ่งขึ้น จะสามารถดำเนินการได้ทันที

3. ตั้งแต่แรกที่คุยกันได้เสนอ 17 จุด แต่หลังจากพูดคุยกันก็เหลือ 5 จุด ได้แก่ ห้างเซน ในศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์, ห้างเซ็นทรัล ชิดลม, ดิเอ็มโพเรียม, โรบินสัน สุขุมวิท และ สยามพารากอน แต่ที่สุดแล้วในข้อกำหนดส่งได้แค่ 3 จุดเท่านั้น

4. ทำไมต้องทำแค่ 3 จุด เนื่องจากมองว่า การมีจุดยิ่งเยอะยิ่งจะทำให้ข้อมูลในการทดลองมีมากขึ้น อีกทั้งฝั่งรัฐได้ประโยชน์อย่างเดียว ไม่มีเสียเลย ฝั่งเอกชนเป็นผู้ลงทุนเองทั้งหมด เหตุใดถึงกำหนดจุดให้น้อย

5. จริงๆ แล้วทางสมาคมทราบตั้งแต่ข้อกำหนดคุณสมบัติแล้วว่า ให้เลือกเพียง 3 จุดเท่านั้น แต่ก็ยืนยันที่จะส่งรายชื่อ 5 จุดอยู่ดี

6. ปรกติแล้วการเปิดทดลอง VAT Refund จะเริ่มกับศูนย์การค้าขนาดใหญ่ก่อน เพราะถึอเป็นจุดที่มีนักท่องเที่ยวมาเป็นจำนวนมาก อย่าง 5 จุดที่ว่ามา มีจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศกว่า 300,000 คนต่อวัน 

7. ในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวยื่นแบบคําร้องขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มสําหรับนักท่องเที่ยว (.. 10) มากกว่า 900,000 ใบต่อปี คิดเป็น 60% ของปริมาณการขอใบ .. 10 ทั่วประเทศ เมื่อรวมภาษีที่ต้องคืนแก่นักท่องเที่ยวเป็นเม็ดเงิน 1,900 ล้านบาทคิดเป็นสัดส่วน 5% จากมูลค่าที่นักท่องเที่ยวใช้จ่าย 38,000 ล้านบาท

8. ไม่ติดใจถึงเหตุผลที่เลือกร้านสะดวกซื้อมาเป็นตัวแทน แต่แปลกใจที่ทำไม่ไม่เลือกศูนย์การค้าขนาดใหญ่ เพราะยิ่งมีจุดมากยิ่งดีต่อผลการทดลอง อีกทั้งค่าใช้จ่ายเอกชนเป็นผู้เสีย รัฐไม่เสียเลยสักบาท

9. ระหว่างนี้ สมาคมฯ อยู่ระหว่างรอเอกสารอย่างเป็นทางการ ถึงเหตุผลที่ไม่ผ่านการอนุมัติ ก่อนที่จะยื่นอุทธรณ์ต่อไป

วรวุฒิ อุ่นใจ ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย กล่าวว่า

ข้อบกพร่องเดียวของเราคือยื่น 5 จุด ที่ออกมาวันนี้ไม่ได้ต้องการมีปัญหากับกรมสรรพากร แต่การให้ทางกรมฯ มีเมตตาและพิจารณาเสียใหม่ ตอนนี้ก็ยังยืนยันที่จะส่ง 5 จุดเหมือนเดิม แต่ถ้าที่สุดแล้วต้องให้ทำเพียง 3 จุด ก็พร้อมที่จะปรับเป็นตามที่กรมสรรพากรต้องการได้ ขอร้องให้โอกาส เพราะเรามีความพร้อมที่ทำได้


อ่านข่าวเกี่ยวเนื่อง

• แวต รีฟันด์ สะท้านห้างดัง สรรพากรยันเลือกเซเว่นฯ โปร่งใส

]]>
1191058
แวต รีฟันด์ สะท้านห้างดัง สรรพากรยันเลือกเซเว่นฯ โปร่งใส https://positioningmag.com/1190827 Tue, 02 Oct 2018 12:18:01 +0000 https://positioningmag.com/?p=1190827 หลังจากกรมสรรพากรได้คัดเลือกให้ “เคาน์เตอร์เซอร์วิส” ในเครือซีพี เป็นตัวแทนคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาไทย เฉือนเอาชนะห้างสรรพสินค้าชื่อดังที่รวมตัวกันเสนอตัวแต่ไม่ผ่านการคัดเลือก

กรมสรรพากรต้องการเพิ่มจุดให้บริการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้กับนักท่องเที่ยว เพื่อให้นักท่องเที่ยวนำเงินที่ได้คืนไปซื้อสินค้าและบริการต่อ ไม่ต้องไปขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มที่สนามบิน ซึ่งต้องใช้เวลานานและแออัดมาก และเป็นการช่วยผู้ประกอบการและกระตุ้นเศรษฐกิจไปในตัว

จากนั้นได้ประกาศเปิดรับสมัครตัวแทนเพื่อขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่นักท่องเที่ยวในเมือง ตั้งแต่วันที่ 7 – 17 กันยายน 2561 โดยมีผู้ยื่นสมัครทั้งหมด 3 ราย 1.เคาน์เตอร์เซอร์วิสในเครือซีพี 2.บริษัทร่วมทุน แวต รีฟันด์ เซ็นเตอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด เกิดจากการร่วมทุนกันของศูนย์การค้าดังของไทย คือ กลุ่มเซ็นทรัล เดอะมอลล์ โรบินสัน และสยามพิวรรธน์ และผู้ประกอบการร้านจิวเวลรี  

ล่าสุด กรมสรรพากรได้ออกมาชี้แจงว่า การพิจารณาจะมาจาก 2 ส่วน คือ 1.คุณสมบัติของผู้สมัคร และ 2.ความเหมาะสมในการเป็นผู้ให้บริการเป็นตัวแทนฯ ได้แก่ บริเวณที่ตั้งของสถานที่ให้บริการ การคมนาคมสะดวก ความปลอดภัย อัตราค่าบริการที่เรียกเก็บจากนักท่องเที่ยว ความพร้อมด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ฯลฯ โดยผู้สมัครต้องได้คะแนนไม่น้อยกว่าร้อยละ 60 จึงจะถือว่าผ่าน

โดยคาน์เตอร์เซอร์วิสเพียงรายเดียว เพราะข้าข่ายตามข้อกำหนดพื้นฐานตามที่ประกาศ

ส่วนเอกชนรายอื่นไม่ผ่านคุณสมบัติ เอกสารไม่ครบถ้วนและไม่ถูกต้อง รวมทั้งเสนอจุดคืนภาษีเกิน 5 จุด ขณะที่กรมสรรพากรกำหนดให้ไม่เกิน 3 จุด คือ ในเมืองกรุงเทพฯ และจังหวัดใกล้เคียง

อย่างไรก็ตาม เคาน์เตอร์เซอร์วิสจะทดลองเพียง 6 เดือนเท่านั้น เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 61 – 31 มี.ค. 62 โดยมีจุดให้บริการเริ่มต้น 3 จุด ได้แก่ เซเว่นอีเลฟเว่น สาขาลิโด้, สาขาแบงค็อกไนท์บาร์ซาร์ และสาขาเยาวราช

หลังจากนั้นจะประเมินผลความสำเร็จอีกทีว่าปริมาณการคืนภาษีมีมากน้อยแค่ไหน

ทั้งนี้ ในวันพรุ่งนี้ (3 ต.ค.) สมาคมผู้ค้าปลีกไทย และบริษัทร่วมทุน แวต รีฟันด์ เซ็นเตอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด ได้จัดงานแถลงข่าวชี้แจงกรณีดาวน์ทาวน์ แวต รีฟันด์ ฟอร์ ทัวร์ริสต์ขึ้น.

]]>
1190827
ปิด RD Camp Seasons 3 ด้วยรอยยิ้ม https://positioningmag.com/49802 Tue, 27 Oct 2009 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=49802

21 ตุลาคม 2552 นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานในพิธีปิดโครงการ RD Camp Seasons 3 : The Reality พร้อมมอบทุนการศึกษาและโล่ประกาศเกียรติคุณให้แก่นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ทั่วประเทศที่เข้าค่าย RD Camp และได้ร่วมกันส่งผลงานภาพยนตร์โฆษณาประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจที่ดี ระหว่างผู้เสียภาษีกับกรมสรรพากรเข้าร่วมแข่งขัน โดยมีนายวินัย วิทวัสการเวช อธิบดีกรมสรรพากร พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงจากกรมสรรพากร และแขกผู้มีเกียรติจำนวนมากให้การต้อนรับและให้ความสนใจเข้าร่วมชมการแข่งขันดังกล่าว ณ ห้องประชุม อาคารกรมสรรพากร

นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า “ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับเกียรติมาเป็นประธานในพิธีมอบทุนการศึกษาและปิดค่ายกิจกรรม RD Camp Seasons 3 ค่ายภาษีสนุกสำหรับคนรุ่นใหม่ และขอขอบคุณทุกท่านที่ให้ความสนใจ รวมทั้ง ให้การสนับสนุนการจัดกิจกรรม จากวันแรกจนถึงวันสุดท้ายของการอยู่ร่วมกันในค่ายนี้ ผมเชื่อมั่นว่า น้อง ๆ เยาวชนจะได้เรียนรู้และเห็นถึงความสำคัญของภาษีอากรอย่างถูกต้อง ได้เรียนรู้ทั้งด้านวิชาการ และได้รับประสบการณ์ที่ดี ที่ไม่สามารถหาได้ในห้องเรียน จึงอยากให้จดจำสิ่งดี ๆ เหล่านี้ และนำไปใช้เป็นแนวทางในการวางแผนการเรียนหรือการทำงานต่อไปในอนาคตรางวัลและเกียรติบัตรที่ได้รับในวันนี้ จะเป็นเสมือนเครื่องเตือนใจและเป็นสายสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนร่วมค่ายกับ กรมสรรพากร และขอให้น้อง ๆ เยาวชนเติบโตขึ้นเป็น “ต้นกล้า” ที่แข็งแกร่งร่วมเป็นพลังในการสร้างสรรค์สังคมที่ดี ในการพัฒนาประเทศต่อไป”

นายวินัย วิทวัสการเวช อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า “โครงการ “RD Camp season 3 ค่ายภาษีสนุกสำหรับคนรุ่นใหม่” มีแนวความคิดในการดำเนินโครงการภายใต้กรอบของการส่งเสริมและขยายผลความรู้ด้านภาษีอากรที่ถูกต้องให้แก่ผู้ที่เข้าร่วมกิจกรรม โดยมีนัยสำคัญ ในการเป็นเวทีสำหรับเยาวชนคนรุ่นใหม่ ที่จะมาร่วมกันทำกิจกรรมสร้างสรรค์เพื่อสังคม ด้วยวิธีการสอดแทรกแนวคิดของคุณประโยชน์ และความจำเป็นของระบบภาษีอากรต่อการพัฒนาประเทศ ตลอดจนการเสริมสร้างพัฒนาการ ทัศนคติในด้านต่าง ๆ ผ่านกิจกรรมตามพันธกิจสู่ความสำเร็จเพื่อพัฒนเยาวชน พร้อมสร้าง “ต้นแบบ” ของเยาวชนคนรุ่นใหม่ ที่มีทัศนคติเชิงบวกต่อการใช้ชีวิตบนโลกแห่งความเป็นจริง กล้าคิด กล้าแสดงออก และเผชิญความจริงด้วยพื้นฐานของระบบคุณธรรมซึ่งเป็นกลไกหลักของการสร้างความสมัครใจในการเสียภาษีอากรอย่างถูกต้องเหมาะสม”

สำหรับโครงการ RD Camp Seasons 3 : The Reality มีนิสิต นักศึกษา ที่ผ่านการเข้าค่ายอบรมRD Camp สัญจร จากทุกภาคของประเทศ เข้าร่วมค่ายกิจกรรม เมื่อวันที่ 12 – 21 ตุลาคม 2552 ที่ผ่านมาณ ชลพฤกษ์ รีสอร์ท จังหวัดนครนายก โดยตลอดระยะเวลา 9 คืน 10 วัน นักศึกษาจำนวน 60 คน ดังกล่าวแบ่งออกเป็น 12 ทีม (ทีม RD 1 – ทีม RD 12 ทีมละ 5 คน) ได้ผ่านการเรียนรู้เกี่ยวกับบทบาทภารกิจของกรมสรรพากร ความคิดสร้างสรรค์ และเทคนิคการสื่อสารการให้บริการ การวางแผนทางการตลาด (IMCStrategy Contest) จากวิทยากรที่มีชื่อเสียง ได้แก่ นายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี นายอภิรักษ์ โกษะโยธินนายโชค บูลกุล นายเกรียงไกร กาญจนะโภคิน เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังได้เรียนรู้การทำงานเป็นทีม และการทำกิจกรรมเพื่อสร้างสรรค์สังคมร่วมกันอีกด้วยและสำหรับวันที่ 21 ตุลาคม 2552 วันสุดท้ายของการเข้าค่ายกิจกรรม “RD Camp Season 3 : The Reality” ของนิสิตนักศึกษา ทั้ง 12 ทีม ได้เปิดเวทีการแข่งขันนำเสนอการวางแผนทางการตลาด (IMC Strategy Contest) และสร้างสรรค์ชิ้นงานโฆษณาในรูปแบบภาพยนตร์โฆษณประชาสัมพันธ์ เพื่อสร้างความเข้าใจที่ดีระหว่างผู้เสียภาษีกับกรมสรรพากร ความยาว 30 วินาที จำนวน 1 เรื่องนำเสนอต่อคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ได้แก่นายอัษฎางค์ ศรีศุภรพันธ์ รองอธิบดีกรมสรรพากรนางชนาทิพย์ วีระสืบพงศ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารกลางกรมสรรพากร ดร.เสรี วงศ์มณฑา คุณเอริช์ สายสว่าง คุณสุรพล โอภาสเสถียร ดร.บุริม โอทกานนท์ และ คุณรัชนีวรรณ ฤทธิธรรม เพื่อหาทีมที่ชนะเลิศเข้ารับรางวัลต่อไป โดยมีรางวัลดังนี้

รางวัลชนะเลิศ ทีม RD 6 ได้รับทุนการศึกษา 100,000 บาท พร้อมโล่ประกาศเกียรติคุณ
สมาชิกทีมประกอบด้วย นาย ณัฏฐภัทร ราภิยะ , นายภาเฮโร อารง , น.ส วาสนา จันทร์ตา , น.ส อัญชลี อินทร์เพ็ชร และ น.ส. มณีรัตน์ พระไตรยะ

รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 ได้รับทุนการศึกษา 50,000 บาท พร้อมโล่ประกาศเกียรติคุณ
สมาชิกทีมประกอบด้วย นายวีระชัย บุบผาวาสน์ , นายพงศ์ศักดิ์ วอทอง , น.ส. อันธิกา บุญเทพ, น.ส. สุขนิสา วรประยูร และ น.ส. รัฐวดี โสมทัพมอญ

รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 ได้รับทุนการศึกษา 25,000 บาท พร้อมโล่ประกาศเกียรติคุณ
สมาชิกทีมประกอบด้วย นาย ชายธวัช ชิงนวรรณ์ , นายฉัตรชัย เสาวคนธ์ , น.ส. วริยา ทวีกิจเกษม , น.ส. นิภาภรณ์ อินทร์เกษษ และ น.ส. ปรัชญา บุรีย์

รางวัลชมเชย จำนวน 9 รางวัล ได้รับทุนการศึกษารางวัลละ 5,000 บาท

]]>
49802
กรมสรรพากรเปิดโครงการ RD Camp Season 3 : The Reality https://positioningmag.com/49680 Tue, 13 Oct 2009 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=49680

วันนี้ (12 ตุลาคม 2552) นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานเปิดโครงการ RD Camp Season 3 ณ บริเวณหน้าอาคารเทคโนโลยีสารสนเทศ กรมสรรพากร

โครงการ RD Camp มีเป้าหมายสำคัญเพื่อปลุกจิตสำนึกและเสริมสร้างทัศนคติที่ดีในการเสียภาษี ให้แก่คนรุ่นใหม่ ที่จะเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ รวมทั้งเป็นการเตรียมความพร้อมก่อนเข้าสู่วัยทำงาน ซึ่งมีนิสิต นักศึกษา ที่ผ่านการเข้าค่ายอบรม RD Camp สัญจร จากทุกภาคของประเทศ จำนวน 60 คน เข้าร่วมค่ายกิจกรรม RD Camp Season 3 ระหว่างวันที่ 12 – 21 ตุลาคม 2552 ณ ชลพฤกษ์ รีสอร์ท จังหวัดนครนายก

ตลอดระยะเวลา 9 คืน 10 วัน นิสิต นักศึกษา โครงการ RD Camp Season 3 ทั้ง 60 คน จะได้เรียนรู้เกี่ยวกับกรมสรรพากร ความคิดสร้างสรรค์ เทคนิคการสื่อสารการให้บริการ การวางแผนการเงิน จากวิทยากรที่มีชื่อเสียง นอกจากนี้ ยังได้เรียนรู้การทำงานเป็นทีม การทำกิจกรรมสร้างสรรค์สังคม และในวันสุดท้ายของกิจกรรมในงาน “RD Camp Season 3 : The Reality” ของนิสิตนักศึกษา ทั้ง 12 ทีม ซึ่งประกอบด้วย ทีม RD 1 ตามลำดับจนถึง RD 12 จะเปิดเวทีการแข่งขันนำเสนอการวางแผนทางการตลาด (IMC Strategy Contest) และสร้างสรรค์ชิ้นงานโฆษณาในรูปแบบภาพยนตร์โฆษณา ต่อคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากผู้มีชื่อเสียงในสังคม โดยทีมที่ชนะเลิศจะได้รับทุนการศึกษา 100,000 บาท พร้อมโล่ประกาศเกียรติคุณ รองชนะเลิศอันดับที่ 1 ได้รับทุนการศึกษา 50,000 บาท พร้อมโล่ประกาศเกียรติคุณ รองชนะเลิศอันดับที่ 2 ได้รับทุนการศึกษา 25,000 บาท พร้อมโล่ประกาศเกียรติคุณ และรางวัลชมเชยได้รับทุนการศึกษา 5,000 บาท

นายวินัย วิทวัสการเวช อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า “กรมสรรพากรให้ความสำคัญกับเยาวชน โดยโครงการRD Camp จัดขึ้นเพื่อเป็นเวทีให้น้อง ๆ นิสิต นักศึกษา ได้แสดงความสามารถของการเป็นทั้งคนดีและคนเก่งของสังคม และถือว่าน้อง ๆ นิสิต นักศึกษา ทุกคนที่ผ่านการเข้าค่ายโครงการ RD Camp เป็นตัวแทนของกรมสรรพากร ที่เป็นเยาวชนคนรุ่นใหม่ ซึ่งจะเป็นกำลังสำคัญสำหรับประเทศของเราในอนาคตอันใกล้นี้”

]]>
49680
รมช.คลัง ประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ ฝากกรมสรรพากรช่วย สานต่อโครงการ RD Camp สู่ภูมิภาค https://positioningmag.com/44294 Mon, 27 Oct 2008 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=44294

นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังเป็นประธานปิดโครงการ RD Camp Season 2 ว่า โครงการ RD Camp เป็นโครงการที่ช่วยเสริมให้เยาวชนจากต่างสถาบัน ได้มาใช้ชีวิตร่วมกันและเป็นสิ่งที่น่าจะเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเยาวชนที่จะเข้าร่วมโครงการรุ่นต่อไป เพราะทำให้ผู้ที่เข้าร่วมโครงการได้รับความรู้สึกถึงความสามัคคี การทำงานร่วมเป็นทีม การเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ซึ่งกันและกัน ซึ่งสังคมปัจจุบันเริ่มหดหายไป

ทั้งนี้กิจกรรมที่กรมสรรพากรดำเนินมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 2 ปีแล้วนั้น ในส่วนของรัฐบาลเล็งเห็นถึงสิ่งที่ดี และเห็นควรสนับสนุนให้มีการขยายเครือข่ายอย่างต่อเนื่องทุกปี ถ้าเป็นไปได้ตั้งเป้าให้มีการขยายโครงการออกสู่ภาคต่าง ๆ ของประเทศไทย เพื่อเยาวชนได้มีส่วนร่วมอย่างทั่วถึง เช่น อาจมีการขยายออกสู่ภาคเหนือ ภาคใต้ และภาคอีสาน เป็นลำดับ ในส่วนนี้อยากฝากไปยังผู้มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงของ กรมสรรพากรช่วยสานต่อเจตนารมณ์ต่อไป

นายประดิษฐ์ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันการเสียภาษีไม่ยุ่งยากอีกต่อไป และอยากให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจได้ว่า การเสียภาษีเป็นหน้าที่ของคนไทยที่จะเป็นส่วนหนึ่งของการช่วยชาติ และการที่กรมฯ จัดให้มีโครงการ RD Camp ขึ้นมาอย่างต่อเนื่องก็ถือว่า เป็นส่วนหนึ่งของการช่วยปลูกจิตสำนึกให้เกิดกับเยาวชนตั้งแต่วัยเรียน เพื่อที่เติบโตเป็นผู้ใหญ่จะได้รู้สึกว่า การเสียภาษีคือหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติได้ด้วยตัวเอง โดยไม่รู้สึกว่าถูกบังคับให้จ่ายอีกต่อไป

ข่าวใต้ภาพ

นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานมอบเกียรติบัตรและทุนการศึกษาให้กับนิสิต นักศึกษาโครงการ RD Camp Season 2 ณ ห้องประชุม 1 ชั้น 2 กรมสรรพากร โดยมี นายสาธิต รังคสิริ ที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์การจัดเก็บภาษี (กลุ่มธุรกรรมการเงิน การธนาคาร) กรมสรรพการ ร่วมด้วย

กลุ่มนักศึกษาที่เข้าร่วมโครงการและได้รับรางวัล

มีผู้เข้าร่วมโครงการทั้งหมด 12 ทีม ประกอบด้วย ทีม RD 1 – RD 12

กลุ่มที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ ได้แก่ กลุ่ม RD 7 ได้รับทุนการศึกษา 200,000 บาท
กลุ่มที่ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 ได้แก่ กลุ่ม RD 9 ได้รับทุนการศึกษา 100,000 บาท
กลุ่มที่ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอนดับที่ 2 ได้แก่ กลุ่ม RD 12 ได้รับทุนการศึกษา 50,000 บาท
กลุ่มที่ได้รับรางวัลชมเชย ได้แก่ กลุ่ม RD ที่เหลือทั้ง 9 กลุ่ม ได้รับทุนการศึกษา 12,500 บาท

]]>
44294
กรมสรรพากรร่วมมือกับบริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ให้บริการรับชำระภาษีด้วยบัตรเครดิต https://positioningmag.com/34775 Fri, 25 May 2007 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=34775

กรมสรรพากรได้จัดให้มีพิธีลงนามความร่วมมือในการให้บริการรับชำระภาษีด้วยบัตรเครดิต โดยนายศานิต ร่างน้อย อธิบดีกรมสรรพากร ประธานในพิธีร่วมลงนามกับนายพงษ์ศักดิ์ ศรุติปกรณ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานธุรกิจร้านค้า เคทีซี หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบการและผู้เสียภาษี สามารถชำระภาษีได้ทุกประเภทด้วยบัตรเครดิตเคทีซี เริ่มให้บริการตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2550 เป็นต้นไป

นายศานิต ร่างน้อย อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า “การให้บริการครั้งนี้ประสบความสำเร็จเพราะได้รับความร่วมมือจาก “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โดยนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่ทันสมัยของทั้ง 2 หน่วยงาน มาร่วมให้บริการแก่ผู้ประกอบการและประชาชนทั่วไป ทำให้ผู้เสียภาษีได้รับบริการที่ดีมีคุณภาพเกิดความประทับใจ และเกิดความสมัครใจในการทำหน้าที่เสียภาษี ซึ่งจะส่งผลดีต่อการบริหารการจัดเก็บภาษีอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อนำไปพัฒนาสังคมและประเทศชาติต่อไป จึงขอเชิญชวนให้ผู้เสียภาษี ใช้บริการชำระภาษีด้วยบัตรเครดิตเคทีซี ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2550 เป็นต้นไป โดยระยะแรกให้บริการเฉพาะสำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขา 51 แห่ง ในเขตกรุงเทพมหานคร กรมฯ จะพิจารณาขยายการให้บริการด้วยบัตร เครดิตอื่น ๆ เพิ่มขึ้นด้วย”

นายพงษ์ศักดิ์ ศรุติปกรณ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานธุรกิจร้านค้า “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “เคทีซีมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับความไว้วางใจจากกรมสรรพากรให้เป็นผู้บริการรับชำระภาษีผ่านบัตรเครดิตเป็นครั้งแรกในเมืองไทย ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่เพิ่มความสะดวกสบายและประหยัดเวลาให้แก่สมาชิกบัตรเครดิตเคทีซีทั่วประเทศถึงกว่า 1.42 ล้านบัตร โดยสมาชิกจะยังคงได้รับสิทธิประโยชน์ในการสะสมคะแนนตามปกติของการใช้จ่ายผ่านบัตร โดยทุกการใช้จ่าย 25 บาทจะได้รับคะแนนสะสม 1 คะแนน และสมาชิกจะเสียค่าธรรมเนียมรวมภาษีมูลค่าเพิ่มเพียง 2% จากยอดภาษีที่ต้องชำระ และเราหวังว่า การบริการในรูปแบบใหม่นี้จะสามารถตอบสนองความต้องการแก่สมาชิกบัตรเครดิตเคทีซีได้สูงสุด และจะมุ่งมั่นสรรหาบริการที่ดีและมีประโยชน์มานำเสนอให้แก่ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง”

]]>
34775
ไทยพาณิชย์จับมือกรมสรรพากรรับยื่นแบบแสดงรายการภาษีสำหรับผู้เสียภาษี https://positioningmag.com/34698 Wed, 23 May 2007 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=34698

นายศานิต ร่างน้อย อธิบดีกรมสรรพากร (กลางซ้าย) และนายจรัมพร โชติกเสถียร ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ (กลางขวา) ลงนามความร่วมมือเปิดให้บริการรับยื่นแบบแสดงรายการภาษีสำหรับผู้เสียภาษีในพื้นที่ ต.เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นการประสานทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศทั้งของภาครัฐและเอกชนให้เกิดประโยชน์และอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนและผู้ประกอบการ โดยประชาชนและผู้ประกอบการในเกาะเต่าสามารถรับยื่นแบบและชำระภาษีที่ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาเกาะเต่า (สุราษฎร์ธานี) ได้ตั้งแต่มิถุนายนนี้เป็นต้นไป

]]>
34698