กัมพูชา – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Wed, 01 Oct 2025 08:01:41 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ไทยเบฟฯ ลุยตั้งโรงงานกัมพูชา 2 พันล้าน รับคนกัมพูชาดื่มหนักสุดในอาเซียน-ย้ำไม่หวั่นยักษ์เบียร์จีนบุกไทย https://positioningmag.com/1540275 Tue, 30 Sep 2025 16:05:05 +0000 https://positioningmag.com/?p=1540275 ไมเคิล ไชน์ ฮิน ฟา ผู้บริหารสูงสุด กลุ่มธุรกิจเบียร์ บมจ. ไทยเบฟเวอเรจ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เบียร์โค ลิมิเต็ด กล่าวว่า ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568 ธุรกิจเบียร์ของไทยเบฟฯ มีรายได้ 96,497 ล้านบาท ลดลง 0.3% เมื่อเทียบกับปีก่อน (YoY) และมี EBITDA 12,573 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% (YoY)

โดยความท้าทายหลัก มาจากกำลังซื้อตลาดเวียดนาม ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ประสบภาวะชะลอตัวลง สวนทางตลาดกัมพูชาที่เติบโตขึ้น ท่ามกลางความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา

กัมพูชาดื่มเบียร์สูงสุดอาเซียน ดันตลาดโต สวนทางกระแสขัดแย้งชายแดน

ตลาดเบียร์กัมพูชาแม้จะยังเป็นพอร์ตฯ เล็กของกลุ่ม แต่พบการเติบโตที่น่าสนใจ จากอัตราการดื่มเบียร์สูงสุดในอาเซียน (เชิงปริมาณ) ราว 50 ลิตร/คน/ปี

ทำให้บริษัทฯ ได้ลงทุน 2,000 ล้านบาท (งบต่อเนื่อง ปี 2567 – 2568) ตั้งโรงงานผลิตเบียร์ในจังหวัดกันดาล ประเทศกัมพูชา มีกำลังผลิต 50 ล้านลิตร/ปี คาดแล้วเสร็จในอีก 2 เดือนข้างหน้า

เมื่อสร้างเสร็จแล้ว ต้นทุนราคาเบียร์ในกัมพูชาจะลดลง คาดหนุนการเติบโตในตลาดเบียร์กัมพูชามากขึ้น ปัจจุบันบริษัทฯ อยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะผลิตเบียร์แบรนด์ใดในโรงงานใหม่แห่งนี้

ความขัดแย้งชายแดนไทยกับกัมพูชา สร้างความตึงเครียดในแง่การเมืองจริง แต่ผลกระทบต่อการบริโภคเบียร์ในกัมพูชาแทบไม่เห็น อาจด้วยเราไปในนามเบียร์โค (จดทะเบียนในสิงคโปร์) รวมถึงเบียร์ไซง่อนเวียดนาม

ไมเคิล ไชน์ ฮิน ฟา ผู้บริหารสูงสุด กลุ่มธุรกิจเบียร์ บมจ. ไทยเบฟเวอเรจ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เบียร์โค ลิมิเต็ด

เวียดนามกำลังซื้อชะลอตัว Gen Z ดื่มแอลฯ น้อยลง

เลสเตอร์ ตัน เต็ก ชวน กรรมการผู้จัดการซาเบโก้ กล่าวว่า แม้ตลาดเบียร์เวียดนามจะมีปัจจัยลบ จากการบริโภคชะลอตัว แต่เบียร์ไซง่อนยังครองเบอร์ 1 ของตลาด และแผนการขับเคลื่อนหลัก คือ การขยายฐานนักดื่มหน้าใหม่

อย่างไรก็ดี เราพบว่า พฤติกรรมการบริโภคเบียร์ของคนเวียดนามเปลี่ยนแปลงไป อาทิ

  • คน Gen Y ดื่มเบียร์น้อยลง
  • Gen Z มีแนวโน้มดื่มเบียร์ที่มีเปอร์เซ็นต์แอลกอฮอล์น้อยลง 

ส่งผลให้บริษัทฯ ปรับตัวให้ทันอินไซต์ผู้บริโภค โดยได้ลอนช์โปรดักส์ เบียร์ที่มีแอลกอฮอล์น้อยเพียง 4.3% และลดปริมาณสุทธิลง เพื่อรับอินไซต์ผู้บริโภคยุคใหม่

ขณะเดียวกัน ได้เร่งรุกการขยายเครือข่ายร้านค้าจัดจำหน่าย เน้นเจาะช่องทางค้าปลีกสมัยใหม่ (Modern Trade) เพื่อเข้าถึงลูกค้าวงกว้างขึ้น

อย่างไรก็ดี ยังต้องจับตาผลกระทบจากกรณีรัฐสภาเวียดนาม อนุมัติร่างกฎหมายเพิ่มภาษีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ขึ้นเป็น 70% ในปี 2570 และขึ้นอัตราสูงสุดที่ 90% ในปี 2573 จากปัจจุบันมีอัตราภาษี 65%

ไทยเบฟ ขึ้นเบอร์ 1 ตลาดเบียร์ไทย 8 เดือนติด

นงนุช บูรณะเศรษฐกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ และผู้บริหารสูงสุด สายธุรกิจเบียร์ประเทศไทย กล่าวว่า ตลาดเบียร์ในไทย ปี 2568 มีผลงานน่าพอใจ

โดยปัจจุบันแบรนด์เบียร์ของไทยเบฟฯ (รวมช้าง, อาชา, เฟเดอร์บรอย) มีมาร์เก็ตแชร์กว่า 40% ขึ้นเป็นเบอร์ 1 ของตลาดเบียร์ไทย ประมาณ 8 เดือนติดแล้ว โดยทิ้งห่างจากผู้เล่นเบอร์ 2 ราว 2%

ซึ่งเป็นผลมาจากการทำการตลาด 2 ช่องทางหลัก ได้แก่

1.การตลาดผ่านกิจกรรมต่าง ๆ อาทิ ดนตรี กีฬา และอาหาร เพื่อเข้าถึงไลฟ์สไตล์ของกลุ่มผู้บริโภค ทำให้ขยายฐานลูกค้าได้ดีขึ้น

2.การขยายเครือข่ายอย่างแข็งแกร่ง ทั้งในช่องทางออนเทรด (On-trade) อาทิ ร้านอาหาร ผับ บาร์ และช่องทางออฟเทรด (Off-trade) เช่น ร้านสะดวกซื้อ โชห่วย ห้าง เป็นต้น

ไม่กังวลเบียร์ชิงเต่าตีตลาดไทย-คงเป้านำ BeerCo เข้า IPO สิงคโปร์

เมื่อถามถึงกรณี การเข้ามาของเบียร์ชิงเต่าจากจีน ไมเคิล ให้ความเห็นว่า การบุกตลาดเบียร์ในไทยไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด จะเห็นว่าที่ผ่านมามีผู้เล่นหลายรายพยายามเข้าชิงเค้กตลาดเบียร์ที่มีมูลค่าสูงหลักแสนล้านบาท แต่ยังไม่มีใครตีตลาดได้สำเร็จ

อย่างไรก็ดี เป้าหมายใหญ่ของไทยเบฟ คือ แม้จะมีปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัว แต่เราพยายามผลักดันการเติบโตของธุรกิจเบียร์ ทั้งในแง่วอลลุ่ม และกำไร หากทุกอย่างเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ เราก็พร้อมจะเดินหน้าแผน IPO บริษัท BeerCo

]]>
1540275
“เศรษฐกิจสีดำ” อาชญากรรมไซเบอร์ เบื้องหลัง GDP เกือบครึ่งของกัมพูชา https://positioningmag.com/1527086 Mon, 23 Jun 2025 12:27:55 +0000 https://positioningmag.com/?p=1527086 ประเด็น ชายแดนไทย-กัมพูชา ยังคงร้อนระอุต่อเนื่อง โดยวันที่ 23 มิ.ย. 68 แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทย ได้ประกาศสกัดอาชญากรรมไซเบอร์จากกัมพูชา ผ่านการตัดอินเทอร์เน็ต ไฟฟ้า และระงับการค้าน้ำมัน

โดยประมาณการเบื้องต้นว่า ธุรกิจสีดำบริเวณชายแดน ขณะนี้ได้รับความเสียหายไม่ต่ำกว่า 30,000 ล้านบาท

[แล้วที่ผ่านมา “เศรษฐกิจสีดำกัมพูชา” มีขนาดใหญ่แค่ไหน ?]

ตามการรายงานของ สหประชาชาติ (UNODC – United Nations Office on Drugs and Crime) ระบุว่า กัมพูชา เป็นศูนย์กลางของอาชญากรรมไซเบอร์ โดยเฉพาะการหลอกลวงผ่านคอลเซ็นเตอร์ สแกมเมอร์หลอกให้รักแล้วดูดเงินจากผู้เสียหาย

โดยอุตสาหกรรมการหลอกลวงของกัมพูชา ทำเงินได้มากกว่า 12,500 – 19,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ/ปี หรือประมาณ 412,500 – 627,000 ล้านบาท/ปี คิดเป็น 40-60% ของ GDP กัมพูชา

ซึ่งมูลค่าอุตสาหกรรมหลอกลวงของกัมพูชา มีมูลค่าสูงกว่าอุตสาหกรรมสิ่งทอและเสื้อผ้าที่ทำรายได้ 9,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เดิมเป็นอุตฯ หลักของประเทศเสียอีก

“ความเสียหายจากอาชญากรรมไซเบอร์โดยกลุ่มอาชญากรในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สร้างความเสียหายทั่วโลก 18,000 – 37,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (5.94 แสนล้านบาท – 1.12 ล้านล้านบาท) ในปี 2023“

หลอกลวงคอลเซ็นเตอร์

[แพลตฟอร์มมืด ค้าสิ่งผิดกฎหมายใต้ดิน ซุกตัวกลางพนมเปญ]

ขณะเดียวกัน แพลตฟอร์มอย่าง Huione Guarantee (Haowang) ในพนมเปญ ถูกระบุว่า เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์ม dark web ที่ใหญ่ที่สุดระดับโลก

ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางเทคโนโลยี และทรัพยากรสำหรับอาชญากรไซเบอร์ อาทิ ซอฟต์แวร์ฟิชชิ่ง, ระบบส่งข้อความจำนวนมาก, ขายข้อมูลส่วนบุคคลที่ถูกขโมยมา

โดยแพลตฟอร์มนี้ มีผู้ใช้งานกว่า 970,000 ราย และมีการประมวลผลธุรกรรมคริปโตเคอร์เรนซีมูลค่านับหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ตั้งแต่ปี 2021 โดยคาดว่ามีเงินไหลเข้ากระเป๋าเงินดิจิทัลที่เชื่อมโยงกับแพลตฟอร์มนี้อย่างน้อย 24,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา

สแกมเมอร์, อาชญากรรมไซเบอร์
ที่มาภาพ shutterstock

[กำเนิดเมืองอาชญากรรมตามชายแดนกัมพูชา โยงทุนจีนเทา]

ความซับซ้อนของอุตสาหกรรมสีดำกัมพูชา ยังหยั่งรากลึก จนเกิดเป็นเมืองอาชญากรรม มีฐานปฏิบัติการหลายพื้นที่ ส่วนใหญ่อยู่พื้นที่ชายแดน ที่มีการลงทุนมหาศาลโดยเฉพาะจากทุนจีน เช่น สีหนุวิลล์, ปอยเปต, บาเว็ต, พนมสารคาม และตะบองคมุม (2 เมืองหลังสุด พบการขยายตัวของอาคาร และสิ่งก่อสร้างอย่างรวดเร็ว เชื่อมโยงอาชญากรรมไซเบอร์

ทั้งนี้ สิ่งที่มักพบคล้ายกันของพื้นที่เมืองอาชญากรรม คือ การทำสิ่งปลูกสร้างในลักษณะ “เมืองย่อม ๆ” หรือ “คอมปาวด์“

กล่าวคือ เป็นกลุ่มอาคารหรือพื้นที่ขนาดใหญ่ที่มีรั้วรอบขอบชิด มีการรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนา และมักจะถูกใช้เป็นฐานปฏิบัติการหลักของแก๊งอาชญากรรมไซเบอร์

ภายในจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบวงจร ทั้งอาคารสำนักงานให้พนักงาน (ทั้งถูกบังคับ/เต็มใจทำ) นั่งหลอกคนอื่น, ที่พักอาศัยสำหรับพนักงานและบางครั้งใช้เป็นที่กักขังเหยื่อค้ามนุษย์อีกด้วย รวมถึงมีการรักษาความปลอดภัยแน่นหนา บางครั้งมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยแบบติดอาวุธ

กัมพูชา เขมร
ที่มาภาพ pixabay

[เชื่อมโยงกลุ่มมีอำนาจในกัมพูชา]

นอกจากนี้ รายงานของ UNODC ชี้ให้เห็นว่า กำไรจากกิจกรรมผิดกฎหมายเหล่านี้ มีความเชื่อมโยงกับบุคคลที่ใกล้ชิดกับชนชั้นนำทางการเมืองของกัมพูชา

แม้จะมีความพยายามในการบังคับใช้กฎหมายจากรัฐบาลกัมพูชา แต่ในทางปฏิบัติการยังไม่สอดคล้องมากนัก และเครือข่ายอาชญากรรมเหล่านี้ยังไม่ถูกทำลายอย่างสมบูรณ์

คงต้องจับตากันต่อไปว่า เมื่อปัจจุบันประเทศไทยได้หันมาร่วมปฏิบัติการเชิงลึก จะช่วยลดอาชญากรรมไซเบอร์ที่ส่งผลกระทบต่อคนไทยน้อยลงหรือไม่อย่างไร…

]]>
1527086
“ไทยเบฟ” เปิดงบลงทุน 18,000 ล้านบาทปี 2568 พร้อมวิสัยทัศน์ “PASSION 2030” ผู้นำ F&B แห่งอาเซียน https://positioningmag.com/1492388 Tue, 01 Oct 2024 11:24:33 +0000 https://positioningmag.com/?p=1492388
  • เปิดงบลงทุน 18,000 ล้านบาทของ “ไทยเบฟ” ปี 2568 ไฮไลต์โครงการ “AgriValley” ฟาร์มโคนม  20,000 ตัวในมาเลเซีย โรงงานผลิตนม ชาเขียว และเบียร์ในกัมพูชา รวมถึงการขยายกลุ่มร้านอาหารอีก 69 สาขา
  • เจาะวิสัยทัศน์ “PASSION 2030” รักษาตำแหน่งบริษัทผู้นำในธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มแห่งอาเซียน
  • “ฐาปน สิริวัฒนภักดี” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) นำทีมผู้บริหารเปิดแถลงข่าวแผนธุรกิจการลงทุนในปี 2568

    โดย “ประภากร ทองเทพไพโรจน์” กรรมการผู้อำนวยการใหญ่และผู้บริหารสูงสุดปฏิบัติการต่างประเทศ ผู้บริหารสูงสุดกลุ่มธุรกิจสุรา และผู้บริหารสูงสุดการเงินและบัญชีกลุ่ม เปิดเผยว่า ไทยเบฟมีการวางงบการลงทุนในปี 2568 ไว้ที่ 18,000 ล้านบาท

    มีไฮไลต์สำคัญในงบการลงทุนก้อนนี้คือ โครงการ “AgriValley” ซึ่งได้มาจากการแลกหุ้นนำธุรกิจเฟรเซอร์ แอนด์ นีฟ (F&N) เข้ามาอยู่ในพอร์ตของไทยเบฟ โครงการดังกล่าวเป็นโครงการ “ฟาร์มโคนม” ในมาเลเซีย ซึ่งจะมีการเลี้ยงโคนมถึง 20,000 ตัว บนพื้นที่ 2,726 เฮกตาร์ (ประมาณกว่า 17,000 ไร่) คาดจะผลิตน้ำนมได้ 200 ล้านลิตรต่อปี

    “โครงการนี้เกิดจากรัฐบาลมาเลเซียต้องการจะสร้างความมั่นคงทางอาหารของตนเอง เพราะเห็นตั้งแต่ช่วงโควิด-19 แล้วว่าถ้าไม่มีเรื่องนี้อาจจะเป็นปัญหาต่อประเทศได้ ทางบริษัท F&N ที่มาเลย์ก็มีการทำงานใกล้ชิดกับรัฐบาล ทำให้เรารู้ว่าเขาต้องการวางกลยุทธ์ของประเทศในแบบนี้ จึงมีการสร้างโครงการนี้ขึ้น และตัวเราเองก็มองยาวว่าเราสามารถสร้างมาเลเซียเป็น ‘Hub of Halal’ ได้เลย คือสามารถส่งสินค้าฮาลาลจากมาเลย์ไปประเทศที่รับประทานอาหารฮาลาลอื่นๆ ได้อีก” ฐาปนกล่าว

    ไทยเบฟ

    ประภากรกล่าวต่อว่า อีกไฮไลต์หนึ่งในการลงทุนปีหน้าคือการก่อสร้างโรงงานใน “กัมพูชา” ต่อเนื่อง โดยจะใช้งบประมาณอีก 2,500 ล้านบาท สร้างโรงงานครบวงจรที่ผลิตสินค้า 3 ประเภท ได้แก่ “นมข้นหวาน” ตราทีพอท, “ชาเขียว” โออิชิ และ “เบียร์” ช้าง โดยเฉพาะสายการผลิตเบียร์นี้คาดว่าจะมีกำลังการผลิตเริ่มต้นที่ 50 ล้านลิตรเมื่อเปิดดำเนินการ คาดเริ่มเดินเครื่องผลิตได้ต้นปี 2569

    ด้าน “โสภณ ราชรักษา” ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุดกลุ่มงานทรัพยากรบุคคลและสมรรถนะองค์กร ผู้บริหารสูงสุดสายธุรกิจอาหารประเทศไทย และผู้บริหารสูงสุดสายธุรกิจโลจิสติกส์ เปิดเผยว่างบลงทุนปีหน้าของกลุ่มอาหารจะอยู่ที่ 1,300 ล้านบาท ซึ่งเป็นงบรวมทั้งการเปิดร้านอาหารสาขาใหม่และรีโนเวตสาขาเดิม

    โดยการเปิดสาขาใหม่จะเปิดรวมทั้งหมด 69 สาขา แบ่งเป็นร้านเคเอฟซี (KFC) ทั้งหมด 45 สาขา ส่วนที่เหลือ 24 สาขาจะเป็นแบรนด์อื่นๆ ในเครือ ซึ่งหลังจากเปิดครบทั้งหมดตามเป้าแล้ว จะทำให้สิ้นปี 2568 ไทยเบฟจะมีร้านอาหารรวม 888 สาขา

     

    “PASSION 2030” ของ “ไทยเบฟ”

    บนเวทีวันนี้ (1 ตุลาคม 2567) เจ้าสัว “ฐาปน” ยังแสดงวิสัยทัศน์ใหม่ไทยเบฟ “PASSION 2030” หรืออีก 6 ปีข้างหน้า เป้าหมายคือต้องการจะยึดตำแหน่งผู้นำในธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มแห่งอาเซียนไว้ให้ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน

    ฐาปนฉายภาพว่า วิธีการไปสู่เป้าหมายจะแบ่งออกเป็น 2 แกนหลักคือ “Reach Competitively” และ “Digital for Growth”

    ไทยเบฟ

    แกนกลยุทธ์ Reach Competitively หมายถึงการสร้างประสิทธิภาพในการแข่งขันและบริการเพื่อตอบสนองลูกค้า เช่น การเข้าถึงทุกพื้นที่ ไปให้ถึงลูกค้าทุกคน ไม่ใช่แค่ในไทยแต่ไปทั่วอาเซียน

    “ลูกค้าวันนี้ให้เวลาแค่ 30 วินาทีในการรอคอยการบริการที่ประทับใจกับตัวเขา ราคาต้องดี สินค้าต้องดี ทุกอย่างครบ” ฐาปนกล่าว

    ส่วนแกนกลยุทธ์ Digital for Growth คือ การนำระบบดิจิทัลมาใช้ในทุกส่วนทุกขั้นตอนขององค์กร เช่น การ upskill บุคลากรให้สามารถใช้งานดิจิทัลในการทำงานได้อย่างคล่องตัวและรวดเร็ว การนำดาต้าที่เก็บมามาใช้ในการทำงานและตัดสินใจทางการบริหารได้จริง

    ในประเด็นนี้ “โฆษิต สุขสิงห์” กรรมการผู้อำนวยการใหญ่และผู้บริหารสูงสุดปฏิบัติการประเทศไทย ผู้บริหารสูงสุด กลุ่มธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ และผู้บริหารสูงสุด กลุ่มงานดิจิทัลและเทคโนโลยี กล่าวเสริมด้วยว่า การนำดิจิทัลมาใช้จะรวมถึงพันธมิตรธุรกิจของไทยเบฟด้วย จากจุดขายของบริษัทในไทยที่มีถึง 8 แสนจุด ในเวียดนามอีก 8-9 แสนจุด จะมีการนำดิจิทัลมาเพื่อใช้เชื่อมโยงเข้าด้วยกันทั้งหมด โดยมีการใช้ Deep Tech จากสตาร์ทอัพมาเสริมแกร่งให้กับองค์กร

    ฐาปนกล่าวปิดท้ายว่า ด้วยความมุ่งมั่นที่จะ “สร้างสรรค์และแบ่งปันคุณค่าจากการเติบโต” ตามพันธกิจขององค์กร ไทยเบฟจะต่อยอดความสำเร็จจากแผน PASSION 2025 ด้วยการเดินหน้าขับเคลื่อนการเติบโตที่ยั่งยืนสู่ PASSION 2030 ซึ่งเป็นแผนการดำเนินงานของกลุ่มเพื่อมุ่งสู่การสู่เติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงห้าปีข้างหน้า

    ]]>
    1492388
    เช็คลิสต์ “5 ประเทศอาเซียน” พร้อมเปิดประเทศให้เที่ยวได้แบบไม่ต้องกักตัว https://positioningmag.com/1379135 Fri, 25 Mar 2022 04:00:21 +0000 https://positioningmag.com/?p=1379135 ช่วงนี้สถานการณ์ COVID-19 ในหลายๆ ประเทศเริ่มมีแนวโน้มที่ดีขึ้น การเดินทางระหว่างประเทศก็เริ่มผ่อนคลายมาตรการลง หลายๆ แห่งที่ปิดประเทศไม่รับนักท่องเที่ยวมาเป็นเวลานาน ก็เริ่มออกมาประกาศว่าจะเปิดรับนักท่องเที่ยวให้เข้ามาเที่ยวได้แบบไม่ต้องกักตัว ทำให้แนวโน้มการเดินทางท่องเที่ยวในต่างประเทศเริ่มคึกคักมากขึ้น

    สำหรับประเทศในแถบอาเซียนใกล้ๆ บ้านเรา ก็มีหลายแห่งที่กำลังจะเปิดรับนักท่องเที่ยวอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ลองมาสำรวจกันว่ามีประเทศไหนบ้าง

    มาเลเซีย

    Photo : Shutterstock

    ประเทศเพื่อนบ้านของเราที่ประกาศจะเปิดพรมแดนใหม่อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 65 เป็นต้นไป ภายหลังจากปิดพรมแดนมาเกือบ 2 ปี เนื่องจากมีการระบาดใหญ่ของ COVID-19

    สำหรับนักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนครบโดส (หรือ ฉีดบูสเตอร์โดสแล้ว) ไม่ต้องกักตัวเมื่อเดินทางเข้าประเทศมาเลเซีย แต่ต้องปฏิบัติตามมาตรการที่จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 เม.ย. 65 ดังนี้ (ทั้งการเดินทางเข้าทางอากาศและทางด่าน)

    • ดาวน์โหลดและลงทะเบียนแอป MySejahtera
    • หลังลงทะเบียนเสร็จ กรอกข้อมูล Traveller ในแอปให้เรียบร้อย
    • ต้องมีผลตรวจ RT-PCR ไม่ต่ำกว่า 48 ชั่วโมงก่อนเดินทาง
    • ผู้ที่เคยได้รับเชื้อ COVID-19 มาแล้ว สามารถใช้ผลตรวจ RTK-Ag ที่ไม่ต่ำกว่า 48 ชั่วโมงได้ แต่ต้องมีใบรับรองจากโรงพยาบาล ว่าหายขาดหรือไม่สามารถแพร่เชื้อได้แนบมาด้วย
    • ประกันการเดินทางครอบคลุมการรักษาโควิด-19 ไม่ต่ำกว่า 50,000 USD
    • ต้องทำการตรวจ RTK-Ag อีกครั้ง ภายใน 24 ชั่วโมงหลังเดินทางถึงมาเลเซีย

    ส่วนผู้เดินทางระหว่างประเทศที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีนครบโดส จะต้องผ่านการกักตัว เป็นเวลา 5 วันเมื่อเดินทางมาถึงมาเลเซีย ในขณะเดียวกันเด็กที่มีอายุ 12-17 ปี ได้รับอนุญาตให้เข้าประเทศ โดยปลอดการกักตัว และจำเป็นต้องได้รับการตรวจ RTK-Ag ภายใน 24 ชั่วโมง เมื่อเดินทางมาถึงมาเลเซีย

    สิงคโปร์

    ภายหลังจากเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวภายใต้เงื่อนไข Vaccinated Travel Lane (VTL) มาพักใหญ่ๆ โดยต้องเป็นนักท่องเที่ยวที่ได้รับวัคซีนครบโดส เดินทางด้วยเที่ยวบินแบบ VTL ตามที่รัฐกำหนด รวมถึงปฏิบัติตามข้อกำหนดอื่นๆ

    ล่าสุด รัฐบาลสิงคโปร์เตรียมผ่อนคลายมาตรการคุมการระบาดของ COVID-19 ผ่านการข้ามแดน โดยอนุญาตให้นักเดินทางจากทุกชาติที่ฉีดวัคซีนครบโดส สามารถเดินทางเข้าประเทศได้โดยไม่ต้องกักตัวเมื่อเดินทางมาถึงสิงคโปร์ ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 65 เป็นต้นไป (รวมถึงเด็กที่มีอายุเท่ากับหรือต่ำกว่า 12 ปี)

    นอกจากนี้ ยังยกเลิกการตรวจหาเชื้อไวรัส COVID-19 ด้วยวิธี ART เมื่อเดินทางถึงสิงคโปร์ภายใน 24 ชั่วโมง (แต่ยังคงต้องตรวจ PCR หรือ ATK ก่อนเดินทางเข้าสิงคโปร์ ภายใน 48 ชั่วโมง) และไม่ต้อวเดินทางด้วยเที่ยวบิน VTL แต่จะเปลี่ยนเป็นการเดินทางภายใต้โครงการ Vaccinated Travel Framework แทน (รายละเอียดโครงการต้องรอติดตามต่อไป) และยังเตรียมยกเลิกข้อกำหนดให้สวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่นอกอาคารอีกด้วย

    กัมพูชา

    Photo : Shutterstock

    เมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว กัมพูชาเปิดให้นักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว ไม่ต้องกักตัวเมื่อเดินทางเข้าประเทศ แต่ต้องมีผลตรวจโควิดเป็นลบ 72 ชั่วโมงก่อนการเดินทาง

    ส่วนประกาศล่าสุด ตั้งแต่วันที่ 17 มี.ค. 65 เป็นต้นไป กัมพูชาเปิดให้นักท่องเที่ยวที่รับวัคซีนครบโดสแล้ว ไม่ต้องกักตัวเมือเดินทางเข้าประเทศ และยังยกเลิกข้อกำหนดให้แสดงผลตรวจ PCR ของ COVID-19 เพื่อเดินทางเข้าประเทศกัมพูชา ยกเลิกข้อกำหนดในการตรวจโควิดเร่งด่วน (ATK) เมื่อเดินทางถึง และเปิดให้ขอ Visa on Arrival สำหรับผู้เดินทางต่างชาติทุกคน ทั้งผู้เดินทางทางอากาศ ทางบก และทางน้ำ

    นอกจากนี้ ผู้เดินทางทุกคนต้องแสดงบัตรหรือใบรับรองการฉีดวัคซีน COVID-19 ครบโดส เมื่อเดินทางมาถึงกัมพูชา (สำหรับผู้เดินทางที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนครบโดส จะต้องกักตัว 14 วัน ณ สถานที่ที่กำหนดโดยกระทรวงสาธารณสุข) และแนะนำให้ผู้เดินทางทุกคนควรตรวจ ATK ด้วยตัวเองก่อนเดินทาง

    เวียดนาม

    Photo : Shutterstock

    เปิดรับนักท่องเที่ยวอย่างเต็มรูปแบบ ตั้งแต่วันที่ 15 มี.ค. 65 เป็นต้นไป โดยยกเลิกข้อจำกัดการเดินทางเกือบทั้งหมด ซึ่งมีเงื่อนไขคือ นักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนครบโดส ไม่ต้องกักตัวเมื่อเดินทางเข้าประเทศ เพียงแสดงเอกสาร

    • เอกสารแสดงผลตรวจหาเชื้อไวรัส COVID-19 เป็นลบ โดยสามารถใช้ได้ทั้งผลการตรวจหาเชื้อไวรัสแบบ RT-PCR ภายใน 72 ชั่วโมง หรือผลการตรวจหาเชื้อแบบเร่งด่วน (Antigen Rapid Test) จากห้องปฏิบัติการที่ได้รับการรับรอง ภายใน 24 ชั่วโมงก่อนเดินทาง
    • ประกันสุขภาพหรือประกันเดินทางต่างประเทศที่ครอบคลุมการรักษาโรคไวรัส COVID-19 วงเงินประกันไม่ต่ำกว่า 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 332,835 บาท)
    • ข้อมูลสุขภาพผู้เดินทาง โดยลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ tokhaiyte.vn ก่อนหรือเมื่อเดินทางถึงประเทศเวียดนาม
    • ติดตั้งแอปพลิเคชัน PC-Covid เมื่อเดินทางถึงประเทศเวียดนาม

    ทั้งนี้ ผู้เดินทางไม่จำเป็นต้องแสดงเอกสารแสดงประวัติการรับวัคซีน COVID-19 และไม่จำเป็นต้องตรวจหาเชื้อเมื่อเดินทางถึงประเทศเวียดนาม

    อินโดนีเซีย

    Photo : Shutterstock

    ประเทศอินโดนีเซีย ทดลองเปิด “เกาะบาหลี” ต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติแบบไม่ต้องกักตัว ตั้งแต่วันที่ 7 มี.ค. 65 เป็นต้นไป โดยชาวต่างชาติที่ต้องการเดินทางเข้าบาหลีแบบไม่ต้องกักตัวต้องแสดงหลักฐานด้านสุขภาพดังต่อไปนี้

    • หลักฐานการฉีดวัคซีนครบโดส/วัคซีนเข็มกระตุ้น
    • มีผลตรวจ COVID-19 แบบ PCR เป็นลบก่อนเดินทางจากประเทศต้นทาง
    • เอกสารการจองโรงแรมและชำระเงินเต็มจำนวนอย่างน้อย 4 วันในจังหวัดบาหลี
    • รับการตรวจ COVID-19 แบบ PCR เมื่อเดินทางถึงจังหวัดบาหลี ซึ่งหากมีผลตรวจเป็นลบ ก็สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ทั่วบาหลี แต่หากมีผลตรวจเป็นบวก จะต้องแยกกักตัวในโรงแรมตามที่ทางการบาหลีกำหนด

    ส่วนผู้สูงอายุต่างชาติที่มีผลตรวจเป็นบวกและมีอาการป่วยโรคอื่นร่วมด้วยจะต้องรักษาตัวในโรงพยาบาล นอกจากนี้ ในวันที่ 3 ที่เดินทางถึงบาหลี นักเดินทางต่างชาติต้องตรวจ COVID-19 อีกครั้ง หากผลเป็นลบจะสามารถเดินทางไปพื้นที่อื่นๆ นอกบาหลีในวันที่ 4 เป็นต้นไป ทั้งนี้ ชาวต่างชาติจะต้องทำประกันสุขภาพที่ครอบคลุมการรักษา COVID-19 ด้วย

    ขณะเดียวกัน จะมีการออก Visa on Arrival ให้นักเดินทางต่างชาติจาก 23 ประเทศ ได้แก่ ไทย, ออสเตรเลีย, สหรัฐอเมริกา, สหราชอาณาจักร, เยอรมนี, เนเธอร์แลนด์, ฝรั่งเศส, กาตาร์, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, แคนาดา, อิตาลี, นิวซีแลนด์, ตุรกี, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, มาเลเซีย, สิงคโปร์, บรูไน, เวียดนาม, ลาว, เมียนมา, กัมพูชา และฟิลิปปินส์ โดยมีค่าธรรมเนียม Visa on Arrival คิดเป็นเงินไทยประมาณ 1,520 บาท

    โดยรัฐบาลอินโดนีเซียจะขยายการบังคับใช้นโยบายไม่กักตัวทั่วประเทศในวันที่ 1 เม.ย. หรือเร็วกว่านั้น หากการทดลองในบาหลีประสบผลสำเร็จ

    ทั้งนี้ มาตรการการเดินทางเข้าไปยังประเทศต่างๆ อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ก่อนการเดินทางหรือจองตั๋วเครื่องบิน แนะนำให้ตรวจสอบข้อมูลของประเทศนั้นๆ อีกครั้ง

    Source

    ]]>
    1379135
    ไม่น้อยหน้า! BJC เดินหน้าเปิด “มินิบิ๊กซี” สาขาแรกในกัมพูชา https://positioningmag.com/1351573 Mon, 13 Sep 2021 09:05:59 +0000 https://positioningmag.com/?p=1351573 บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ห้างค้าปลีกในกลุ่มบีเจซี เดินหน้าเปิดสาขา “มินิ บิ๊กซี” สาขาแรกในกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา เนื่องจากเห็นโอกาสการเติบโตทางการค้าของประเทศกัมพูชา โดยนับเป็นประเทศที่สามที่บิ๊กซีเดินหน้าขยายสาขา รองจากประเทศไทย และลาว 

    แกรี่ ฮาร์ดี้ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ ฝ่ายธุรกิจค้าปลีกบริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ห้างค้าปลีกในกลุ่มบริษัทบีเจซี เปิดเผยว่า

    “บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ สาขาปอยเปต ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ เดินหน้าขยายตลาดค้าปลีกในประเทศอาเซียน ล่าสุดเปิด “มินิบิ๊กซี สาขาตลาดเดโป” ร้านสะดวกซื้อสาขาแรกในกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา เนื่องจากมองเห็นโอกาสกำลังซื้อสูงจากการขยายตัว และการขยายตัวของธุรกิจท่องเที่ยว ในประเทศกัมพูชามีแนวโน้มเติบโต”

    สำหรับ มินิบิ๊กซี สาขาตลาดเดโป ตั้งอยู่ใจกลางเมืองหลวง ถนนชวาหระลาล เนห์รู บูเลอวาร์ด มีการช้อปปิ้งแบบ omni-channel นำเข้าสินค้าจากประเทศไทยทั้งอาหารสด และอาหารแห้ง เพื่อรองรับความต้องการประชาชนกัมพูชาในแหล่งชุมชน และพื้นที่ใกล้เคียงได้สัมผัสสินค้าไทย

    บิ๊กซี สนับสนุนผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นในประเทศกัมพูชาเข้ามาจัดจำหน่ายในมินิบิ๊กซีประมาณ 20% และยังคงจัดหาเพิ่มเติม ตลอดจนวางแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ร่วมกัน

    บิ๊กซี วางแผนขยายอย่างต่อเนื่องในอนาคต โดยตั้งเป้าหมายหลักที่กรุงพนมเปญ เนื่องจากเป็นเมืองศูนย์กลางการค้ามีประชากรจำนวน 2 ล้านคน จากประชากร 15.2 ล้านคนในประเทศ ทั้งนี้ยังมีปัจจัยด้านวัฒนธรรมตลอดจนความคล้ายคลึงกันในรสนิยมระหว่างกัมพูชาและไทย โอกาสของสินค้าไทย รวมถึงผลิตภัณฑ์ของบิ๊กซี อาทิ บิ๊กซี แบรนด์, แฮปปี้ ไพร์ส และเบสิโค ที่นักท่องเที่ยวต่างชอบและนิยมซื้อกลับไปเป็นของฝาก

    ]]>
    1351573
    “กัมพูชา” ปรับศูนย์ประชุม/ฮอลล์จัดเลี้ยงงานแต่งงานเป็นรพ.สนาม รองรับผู้ป่วย COVID-19 https://positioningmag.com/1328182 Mon, 19 Apr 2021 06:26:27 +0000 https://positioningmag.com/?p=1328182 สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า กัมพูชาเริ่มติดตั้งเตียงผู้ป่วยหลายพันเตียงในสถานที่จัดเลี้ยงงานแต่งงาน 2 แห่งในวันที่ 18 เม.ย. เพื่อรับมือกับการไหลบ่าของผู้ป่วยติดเชื้อ COVID-19 ในประเทศ

    กัมพูชารายงานพบผู้ป่วยติดเชื้อ COVID-19 รายใหม่ 618 คนในวันที่ 18 เม.ย. ในการติดเชื้อที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วนับตั้งแต่พบการระบาดครั้งแรกเมื่อปลายเดือน ก.พ.

    ตัวเลขใหม่นี้ทำให้ยอดผู้ป่วยติดเชื้อยืนยันสะสมในกัมพูชาอยู่ที่ 6,389 คน หลังจากเมื่อไม่นานนี้กัมพูชาเป็นหนึ่งในประเทศที่มีจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อต่ำที่สุดของโลก ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 43 คน ซึ่งทั้งหมดเสียชีวิตในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา

    “กระทรวงสาธารณสุขตัดสินใจที่จะใช้พรีเมียร์ เซ็นเตอร์ เซน โสก เตรียมการเป็นศูนย์รักษา COVID-19 ที่สามารถรองรับผู้ป่วยติดเชื้อได้มากกว่า 1,500 คน” สถานีโทรทัศน์ TVK รายงานอ้างเจ้าหน้าที่สาธารณสุข

    ออร์ แวนดิน โฆษกกระทรวงสาธารณสุขกล่าวว่า เธอกำลังยุ่งอยู่กับการประชุม และไม่มีความเห็นต่อคำถามของรอยเตอร์ ส่วนมัม บุนเฮง รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข รอยเตอร์ไม่สามารถติดต่อเพื่อขอความเห็นได้

    จากภาพถ่ายของสื่อท้องถิ่นเผยให้เห็น มัม บุนเฮง เดินทางไปเยี่ยมสถานที่สำหรับจัดงานแต่งงานแห่งหนึ่งที่ชื่อ วิมาน พิภพ ทะไม เซน โสก ขณะที่ตำรวจติดตั้งเตียงผู้ป่วย แต่ช่างภาพของรอยเตอร์ถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าไปด้านใน และได้รับการบอกกล่าวให้กลับมาในสัปดาห์หน้า

    เมื่อต้นสัปดาห์ รัฐบาลได้เปลี่ยนศูนย์การประชุมและจัดแสดงเกาะพิช ให้เป็นโรงพยาบาลสนามที่สามารถรองรับเตียงผู้ป่วยได้ราว 1,800 เตียง

    กรุงพนมเปญ และเมืองตาเขมา อยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์เป็นเวลา 2 สัปดาห์ตั้งแต่วันพฤหัสฯ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของ COVID-19

    Source

    ]]>
    1328182
    “กัมพูชา” จ่อออกกฎหมายปรับเงินหญิงนุ่งสั้น-ใส่ชุดซีทรู หวังอนุรักษ์วัฒนธรรม https://positioningmag.com/1290534 Sat, 01 Aug 2020 14:00:30 +0000 https://positioningmag.com/?p=1290534 กัมพูชากำลังเสนอร่างกฎหมายที่จะทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถปรับเงินกับผู้ที่ถูกมองว่าแต่งกายไม่เหมาะสมได้ กฎหมายที่นักรณรงค์ด้านสิทธิมนุษยชนมองว่าอาจถูกใช้ลดทอนเสรีภาพของผู้หญิง และส่งเสริมวัฒนธรรมการยกเว้นโทษในเรื่องความรุนแรงทางเพศ

    ร่างกฎหมายที่จะมีผลบังคับใช้ในปีหน้าหากได้รับการอนุมัติจากกระทรวงต่างๆ และรัฐสภา จะกำหนดห้ามผู้ชายเปลือยท่อนบนเมื่ออยู่ในที่สาธารณะ และห้ามผู้หญิงสวมใส่สิ่งที่สั้นเกินไปหรือชุดซีทรู

    ขณะที่ร่างกฎหมายของรัฐบาลฉบับนี้ถูกระบุว่า เป็นหนทางที่จะรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีดั้งเดิมของชาติ แต่นักวิจารณ์วิตกว่ากฎหมายนี้จะถูกใช้เป็นเครื่องมือในการควบคุมและกดขี่ผู้หญิงในประเทศ

    ในช่วงหลายเดือนมานี้ เราได้เห็นการกำกับควบคุมร่างกายและเครื่องแต่งกายของผู้หญิงจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาล ที่ลดทอนสิทธิของผู้หญิงในการตัดสินใจเกี่ยวกับร่างกายของตนและการแสดงออก และกล่าวโทษผู้หญิงสำหรับความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับพวกเขา เรากังวลว่าสิ่งนี้จะถูกนำไปใช้อย่างไม่เหมาะสมกับผู้หญิงที่ใช้เสรีภาพขั้นพื้นฐานของพวกเขาเองจัก สุเพียบ ผู้อำนวยการศูนย์สิทธิมนุษยชนกัมพูชา กล่าว

    แต่รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยที่เป็นผู้นำกระบวนการร่างกฎหมาย กล่าวว่า กฎหมายดังกล่าวเป็นสิ่งจำเป็นต่อการอนุรักษ์วัฒนธรรมดั้งเดิม

    มันเป็นเรื่องดีที่จะสวมใส่สิ่งที่ไม่สั้นมากไปกว่าครึ่งต้นขา มันไม่ใช่เรื่องของความสงบเรียบร้อย แต่เป็นเรื่องของขนบธรรมเนียมประเพณี เจ้าหน้าที่รัฐ กล่าว

    เมื่อต้นปี มีผู้หญิงคนหนึ่งถูกตัดสินจำคุกเป็นเวลา 6 เดือน ในข้อหาการแสดงลามกอนาจารหลังปฏิเสธคำเตือนของเจ้าหน้าที่ที่ให้สวมชุดที่ไม่เปิดเผยเนื้อตัวมากเกินไปขณะขายเสื้อผ้าและเครื่องสำอางผ่านไลฟ์เฟซบุ๊ก

    การจับกุมหญิงคนดังกล่าวเกิดขึ้นหลังนายกรัฐมนตรีฮุนเซนเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตามจับผู้หญิงที่ใช้รูปแบบการขายในลักษณะยั่วยวน ที่ผู้นำเขมรกล่าวว่า สร้างความเสื่อมเสียต่อวัฒนธรรมกัมพูชาและส่งเสริมให้เกิดการล่วงละเมิดทางเพศ

    กลุ่มสิทธิมนุษยชนกล่าวตำหนิการปราบปรามดังกล่าว และเตือนว่ากฎหมายใหม่สามารถทำให้ผู้หญิงตกอยู่ในความเสี่ยงของการถูกคุกคามและความรุนแรงทางเพศได้มากยิ่งขึ้นจากการส่งเสริมวัฒนธรรมการกล่าวโทษเหยื่อ

    การตำหนิติเตียนผู้หญิงจากการเลือกเสื้อผ้าของพวกเธอนั้นเป็นการตอกย้ำความคิดที่ว่าผู้หญิงต้องถูกกล่าวโทษสำหรับความรุนแรงทางเพศที่พวกเธอต้องทนทุกข์ และยังปกป้องวัฒนธรรมของการไม่ต้องรับโทษที่มีอยู่รองผู้อำนวยการองค์การนิรโทษกรรมสากลภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าว

    ชาวกัมพูชาจำนวนมากยังคงคาดหวังว่าผู้หญิงต้องเป็นฝ่ายยอมจำนนและเงียบสงบ ตามบทกวี Chbap Srey ที่เป็นแนวทางปฏิบัติสำหรับสตรีที่บรรจุอยู่ในหลักสูตรการเรียน ซึ่งสหประชาชาติกล่าวเมื่อปีก่อนว่าควรถูกกำจัดออกให้หมดไปจากโรงเรียน และยังระบุว่าเป็นสาเหตุของความเสียเปรียบของผู้หญิง

    Source

    ]]>
    1290534
    “ฮุนเซน” ไฟเขียวคลับบาร์คาราโอเกะในกัมพูชา ปรับเป็นร้านอาหาร สร้างรายได้ช่วง COVID-19 https://positioningmag.com/1287233 Fri, 10 Jul 2020 02:07:13 +0000 https://positioningmag.com/?p=1287233 กัมพูชาอนุญาตให้สถานบันเทิง และร้านคาราโอเกะทุกแห่งทั่วประเทศปรับเปลี่ยนเป็นร้านอาหาร หลังต้องปิดกิจการลงชั่วคราวตั้งแต่กลางเดือน มี.ค. เนื่องจากการแพร่ระบาดของ COVID-19

    “เพื่อมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางเศรษฐกิจและมีงานทำสร้างรายได้ เทศบาลเมืองพนมเปญอนุญาตให้เจ้าของกิจการสถานบันเทิงและร้านคาราโอเกะเปิดกิจการได้ แต่พวกเขาต้องเปลี่ยนสถานที่ให้เป็นร้านอาหาร” ผู้ว่าราชการกรุงพนมเปญ กล่าว

    อย่างไรก็ตาม การปรับเปลี่ยนจากสถานบันเทิงเป็นร้านอาหารนั้นจำเป็นต้องยื่นขอใบอนุญาตจากศาลาว่าการกรุงพนมเปญ และต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกัน COVID-19 อย่างเคร่งครัด

    นายกรัฐมนตรีฮุนเซนเป็นผู้ตัดสินใจเกี่ยวกับมาตรการดังกล่าวระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรีว่า สถานบันเทิง และร้านคาราโอเกะทั่วประเทศสามารถเปิดดำเนินธุรกิจได้อีกครั้งหากสถานที่เหล่านั้นปรับเปลี่ยนเป็นร้านอาหาร

    “แต่พวกเขาต้องปฏิบัติตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัดเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของ COVID-19”

    กัมพูชาประสบความสำเร็จในการควบคุมการแพร่ระบาดของ COVID-19 และข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขระบุว่า จนถึงปัจจุบันกัมพูชามียอดผู้ป่วยติดเชื้อ COVID-19 สะสมอยู่ที่ 141 คน โดยมีผู้ป่วยได้รับการรักษาจนหายแล้ว 131 คน

    Source

    ]]>
    1287233
    “กัมพูชา” แจงข้อกำหนด ชาวต่างชาติที่เข้าประเทศต้องเสียค่าใช้จ่าย COVID-19 เองทั้งหมด https://positioningmag.com/1283240 Sat, 13 Jun 2020 06:32:10 +0000 https://positioningmag.com/?p=1283240 รัฐบาลกัมพูชาตัดสินใจเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจากชาวต่างชาติสำหรับการทดสอบเชื้อไวรัส COVID-19 ในห้องปฏิบัติการ การกักตัวเพื่อสังเกตโรค และบริการรักษาในประเทศ

    กระทรวงเศรษฐกิจและการเงินได้เผยแพร่ประกาศดังกล่าว โดยเน้นย้ำว่าชาวต่างชาติที่เดินทางมาถึงกัมพูชาจะต้องทำให้แน่ใจว่าเงินฝากของพวกเขานั้นครอบคลุมการชำระค่าบริการ ซึ่งในประกาศที่ออกมานั้นมาพร้อมกับรายการค่าธรรมเนียมสำหรับบริการต่างๆ ที่ผู้ที่เกี่ยวข้องต้องปฏิบัติตาม

    สำหรับชาวต่างชาติที่เดินทางถึงกัมพูชา พวกเขาจะถูกส่งตัวจากสนามบินไปยังศูนย์พักรอเพื่อตรวจหาเชื้อไวรัส COVID-19 และต้องรอผลตรวจอยู่ที่ศูนย์นั้น โดยมีค่าใช้จ่าย 30 ดอลลาร์ต่อวัน พร้อมอาหาร 3 มื้อ

    หากผู้โดยสารคนใดมีผลตรวจ COVID-19 เป็นบวก ผู้โดยสารที่เหลือในกลุ่มเดียวกัน จะถูกกักตัวเป็นเวลา 14 วัน และพวกเขาแต่ละคนจะต้องชำระค่าธรรมเนียมจำนวน 100 ดอลลาร์ต่อการตรวจหาเชื้อ 1 ครั้ง และ 84 ดอลลาร์ต่อวัน สำหรับค่าโรงแรมหรือที่พักกักตัวเพื่อเฝ้าสังเกตโรค อาหาร บริการซักรีดและทำความสะอาด แพทย์ และบริการรักษาความปลอดภัย

    ประกาศชี้แจงยังระบุอีกว่า ผู้ป่วยติดเชื้อ COVID-19 แต่ละคน จะต้องจ่ายค่าธรรมเนียม 100 ดอลลาร์ต่อการทดสอบหาเชื้อ 1 ครั้ง (ทดสอบสูงสุดไม่เกิน 4 ครั้ง) และ 225 ดอลลาร์ต่อวัน สำหรับค่าห้องพักผู้ป่วยในโรงพยาบาล บริการรักษาทางการแพทย์ อาหาร และบริการซักรีดและทำความสะอาด

    ในกรณีเสียชีวิตจะมีค่าธรรมเนียมสำหรับบริการเผาศพอยู่ที่ 1,500 ดอลลาร์

    ส่วนการออกใบรับรองสุขภาพสำหรับ COVID-19 ชาวต่างชาติจำเป็นต้องจ่ายค่าธรรมเนียม 100 ดอลลาร์ สำหรับการทดสอบในห้องปฏิบัติการ และ 30 ดอลลาร์สำหรับใบรับรอง

    ปัจจุบันกัมพูชามียอดผู้ป่วยติดเชื้อ COVID-19 สะสมอยู่ที่ 126 คน โดยเป็นผู้ป่วยที่รักษาหายแล้ว 124 คน และยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลอีก 2 คน ตามคำแถลงของกระทรวงสาธารณสุข

    Source

    ]]>
    1283240
    ประเมินการท่องเที่ยว “กัมพูชา” อ่วม พิษ COVID-19 ทำสูญรายได้ราว 3,000 ล้านเหรียญ https://positioningmag.com/1282526 Mon, 08 Jun 2020 05:59:43 +0000 https://positioningmag.com/?p=1282526 กัมพูชาอาจสูญรายได้จากการท่องเที่ยวราว 3,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2563 เนื่องจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเยือนประเทศลดลงอย่างหนักจากผลกระทบของ COVID-19

    การท่องเที่ยวเป็นหนึ่งใน 4 เสาหลักที่สนับสนุนเศรษฐกิจของกัมพูชา โดยในปีที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเยือนถึง 6.6 ล้านคน ทำรายได้รวมทั้งหมด 4,900 ล้านดอลลาร์

    แต่เนื่องจากการระบาดของ COVID-19 ทำให้ในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ มีชาวต่างชาติเดินทางเยือนกัมพูชาเพียงแค่ 1.16 ล้านคน ลดลงถึง 52% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า

    “สำหรับปี 2563 เนื่องจากวิกฤต COVID-19 จำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเยือนกัมพูชาอาจลดลงถึง 70% และนักท่องเที่ยวท้องถิ่นลดลง 50% ซึ่งอาจทำให้สูญรายได้ราว 3,000 ล้านดอลลาร์” ทอง คูน รัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยว กล่าว

    นายทอง คูน ยังระบุว่า จนถึงปัจจุบันมีกิจการที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวไม่ว่าจะเป็นโรงแรม เกสต์เฮาส์ ร้านอาหาร ร้านนวด ร้านคาราโอเกะ ไนต์คลับ และบริษัททัวร์ท่องเที่ยวราว 2,956 แห่ง ต้องระงับการดำเนินงานชั่วคราวหรือปิดกิจการ ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อแรงงานกว่า 45,405 คน

    Source

    ]]>
    1282526