พูดถึงละคร ช่อง 8 ภาพจำของคนดูน่าจะเป็นละครชิงรักหักสวาท เกี่ยวข้องกับวิญญาณและความเชื่อ มีความเปรี้ยว แรง และแซบ แต่ภาพจำนั้นกำลังจะเปลี่ยนไปเมื่อช่อง 8 หันมาบุกคนดูกลุ่มใหม่บนโลกออนไลน์ ผ่านการจับมือกับ OTT หน้าใหม่ในไทยแต่เป็นรายใหญ่จากเมืองจีนคือ “iQIYI” (อ้ายฉีอี้) ร่วมทุนกันสร้างซีรีส์ “โลกทั้งใบให้นายคนเดียว เดอะซีรีส์” ซีรีส์ยาวไม่ต่ำกว่า 12 ตอนที่สร้างจากภาพยนตร์ชื่อดังในยุค 90s
โลกทั้งใบให้นายคนเดียว เดอะซีรีส์ จะดึงเอานักแสดงวัยรุ่นชื่อดัง 3 คนมาเป็นแม่เหล็ก ทั้ง “โอห์ม-ฐิติวัฒน์ ฤทธิ์ประเสริฐ” “สิงโต-ปราชญา เรืองโรจน์” และ “น้ำตาล-ทิพย์นารี วีรวัฒโนดม” มาสวมบทเป็น ไม้-เม่น-ป้อน และยังมีนักแสดงชุดเดิมคือ “เต๋า-สมชาย เข็มกลัด” “โมทย์-ปราโมทย์ แสงศร” และ “นุ๊ก-สุทธิดา เกษมสันต์ ณ อยุธยา” ร่วมแสดงประกบอยู่ด้วย โดยเนื้อเรื่องจะยังเคารพบทต้นฉบับ แต่ตีความตัวละครได้ลึกขึ้น บนสภาพแวดล้อมยุคปัจจุบัน
ซีรีส์เรื่องนี้จะออกอากาศตอนแรกวันที่ 12 ธันวาคม 2563 ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 21.40 น. และเป็นการออกอากาศพร้อมกันทั้งในช่อง 8 และแพลตฟอร์ม iQIYI ซึ่งจะออนแอร์ไม่ใช่แค่ในไทย แต่ส่งไป 20 ประเทศทั่วโลก นับเป็นครั้งแรกที่ช่อง 8 มีการผลิต Original Content ที่มองหาผู้ชมกลุ่มใหม่ทั้งในไทยและสากล รวมถึงออนแอร์พร้อมกันกับ OTT จากปกติจะมีการส่งคอนเทนต์ไปรีรันบน OTT หลังจากฉายบนช่องโทรทัศน์ไปแล้ว
เห็นได้ชัดว่าช่อง 8 กำลังพลิกกลยุทธ์ใหม่ ผลิตซีรีส์เอาใจวัยรุ่นโดยยังไม่ทิ้งลูกค้ากลุ่มเดิม และยกระดับความร่วมมือกับแพลตฟอร์มออนไลน์อย่างใกล้ชิด
“นงลักษณ์ งามโรจน์” หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหาร สถานีโทรทัศน์ช่อง 8 ในเครืออาร์เอส กรุ๊ป เปิดเผยว่า ความร่วมมือกับ iQIYI ครั้งนี้เกิดขึ้นจากทิศทางบริษัทที่ต้องการจะบุกออนไลน์ โดยเชื่อว่าช่วงนี้คือจังหวะที่เหมาะสม
เนื่องจากพบว่า ฐานผู้ชมออนไลน์ทั่วประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันผู้ชมคอนเทนต์ออนไลน์อยู่ที่ 1.3 ล้านคน เพิ่มขึ้น 18.8% จากปี 2561 และคาดการณ์ว่าจะเพิ่มเป็น 2.1 ล้านรายภายในปี 2566 ขณะที่ผู้ติดตามของช่อง 8 บนโซเชียลมีเดียทุกช่องทางรวมกันมีมากกว่า 30 ล้านคน และเชื่อว่าจะเพิ่มเป็น 40 ล้านคนภายในสิ้นปี 2564
“ถามว่า OTT เข้ามาดิสรัปต์ฐานคนดูเดิมของเราไหม ต้องตอบว่า ‘ไม่’ เพราะฐานคนดูตลาดแมสเรายังอยู่กับหน้าจอทีวี เรามีคนดูในต่างจังหวัดสูงมาก ทำให้ในอดีตเรายังไม่ขยับเพราะจังหวะยังไม่ใช่ แต่วันนี้เรามีผู้ติดตามบนออนไลน์มากถึง 30 ล้านคนแล้ว ทำให้เราเห็นว่าเป็นจังหวะที่ใช่ในการไปออนไลน์” นงลักษณ์กล่าว
ปกติในแต่ละปีช่อง 8 จะมีละครลงจอทีวี 10-12 เรื่องเป็นมาตรฐาน ส่วนการผลิตคอนเทนต์ที่เน้นออนไลน์กับพาร์ตเนอร์ OTT จะเป็นคอนเทนต์ใหม่ที่เสริมเข้ามา โดยนงลักษณ์กล่าวว่า ไม่ได้วางเป้าหมายจำนวนเรื่องต่อปี จะขึ้นอยู่กับโอกาส แต่จะเพิ่มให้มากที่สุด โดยการรีเมคภาพยนตร์เก่าอื่นๆ เป็นซีรีส์นั้นมีความเป็นไปได้ กำลังอยู่ระหว่างพิจารณา
การผลิตคอนเทนต์เพื่อตีตลาดออนไลน์จะมีความแตกต่าง ยกตัวอย่าง โลกทั้งใบให้นายคนเดียว เดอะซีรีส์ วิธีคิดจะมองแบบสากลมากขึ้น ทำให้เชิญ ดร.องอาจ สิงห์ลำพอง มาเป็นผู้กำกับ เพื่อให้ได้กลิ่นอายความเป็นภาพยนตร์ เพลงประกอบก็มีการผลิตใหม่ให้เข้ากับรสนิยมคนจีนและเกาหลีใต้มากขึ้น รวมถึงนักแสดงก็เลือกให้เหมาะกับรสนิยมคนรุ่นใหม่
นอกจากนี้ แนวทางใหม่ของอาร์เอสและช่อง 8 ยังเปิดกว้างมากขึ้นภายใต้การแข่งขันยุคใหม่ ยกตัวอย่างเช่น นักแสดงนำในเรื่องโลกทั้งใบฯ 2 คนคือ สิงโต-ปราชญา กับ น้ำตาล-ทิพย์นารี เป็นดาราต่างสังกัดจากจีเอ็มเอ็มทีวี ก็มาร่วมงานในโปรเจกต์ของช่องได้ และโอห์ม-ฐิติวัฒน์ ซึ่งอยู่ในค่ายอาร์เอส ก็ไปร่วมแสดงละครกับค่ายอื่นได้
“ถ้าเรามองว่าเป็นการแข่งขัน การทำงานกับพาร์ตเนอร์จะไม่สนุก แต่ถ้ามองว่าเป็นการเสริมกัน เป็นสปริงบอร์ดให้กัน มันจะเปลี่ยนวิธีคิดทั้งหมด อย่างเรื่องโลกทั้งใบให้นายคนเดียว เดอะซีรีส์ ตลาดแมสก็สามารถดูได้ที่ช่อง 8 ส่วนคนรุ่นใหม่ก็ดูได้ที่ iQIYI” นงลักษณ์กล่าว “การผลิตเราก็สามารถรับดารา ผู้กำกับ ผู้จัดละคร ฯลฯ จากนอกค่ายมาทำงานด้วยกันได้ มันไม่ใช่ปัญหาแล้ว แต่นี่คือโอกาส”
ด้าน “ผ่านศึก ธงรบ” ผู้อำนวยการฝ่ายเนื้อหา สำนักธุรกิจระหว่างประเทศ iQIYI ประเทศไทย เปิดเผยถึงแพลตฟอร์ม iQIYI ว่า เป็นน้องใหม่ในไทย แต่เป็นพี่ใหญ่ของประเทศจีน อยู่ภายใต้เครือเดียวกับ Baidu เสิร์ชเอนจิ้นที่ใหญ่ที่สุดของแดนมังกร โดย iQIYI มีฐานผู้ชมกว่า 600 ล้านคน
แน่นอนว่ามาจากจีน คอนเทนต์สำคัญที่อยู่ในแพลตฟอร์มขณะนี้จึงเป็นซีรีส์และรายการวาไรตี้จีน แต่ iQIYI ต้องการจะสร้างสรรค์ Original Content ไทยให้ติดตลาด ตามกลยุทธ์เดียวกับในจีนที่ iQIYI จะเป็นผู้ผลิตคอนเทนต์เองจำนวนมาก โดยปีนี้แพลตฟอร์มมีคอนเทนต์ไทยลงแล้ว 3 เรื่อง คือ 3 หนุ่ม 3 มุม x 2 ซึ่งร่วมกับช่องวัน, Gen Y The Series ผลิตโดย Star Hunter Entertainment และ โลกทั้งใบให้นายคนเดียว เดอะซีรีส์ กับช่อง 8
นอกจากจะมี Original Content แล้ว ยังดึงคอนเทนต์ที่น่าสนใจลงสตรีมมิ่งอีกเพียบ โดยเฉพาะความร่วมมือกับอาร์เอส จะมีการนำภาพยนตร์เก่าชื่อดัง 11 เรื่องมาปรับปรุงคุณภาพงานภาพและเสียงเพื่อเข้าแพลตฟอร์ม iQIYI เช่น โลกทั้งใบให้นายคนเดียว (เวอร์ชันต้นฉบับ), Sex Phone คลื่นเหงาสาวข้างบ้าน, แสบสนิท ศิษย์สายหน้า, มือปืน/โลก/พระ/จัน, ล่องจุ๊น ขอหมอนใบนั้นที่เธอฝันยามหนุน, เกิดอีกทีต้องมีเธอ เป็นต้น
ปัจจุบัน iQIYI ไทยให้บริการแบบ ฟรีเมียม คือดูฟรีแต่มีโฆษณาคั่น แต่สามารถสมัครสมาชิกได้ในราคา 119 บาทต่อเดือน พร้อมโปรโมชันพิเศษเดือนแรกจ่ายเพียง 15 บาท เพื่อปิดโฆษณาและได้สิทธิดูคอนเทนต์ล่วงหน้าได้ ไม่ต้องรอทยอยออกตอนใหม่ทุกสัปดาห์
เมื่ออาร์เอส-ช่อง 8 กระโดดร่วมวง วางตัวเองเป็นทั้งเจ้าของแพลตฟอร์มและผู้ผลิตคอนเทนต์ รวมถึง iQIYI สตรีมมิ่งแพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่จากจีนที่บุกเข้ามาแย่งผู้ชม นับตั้งแต่นี้ การแข่งขันตลาดคอนเทนต์บันเทิงจะยิ่งร้อนแรงขึ้นอย่างแน่นอน!
]]>ล่าสุด ช่อง 7 ได้ออกมาระบุถึงการนำคอนเทนต์วาไรตี้–บันเทิง โดยชูจุดแข็งรายการ อาหาร รายการเพลง และเกมโชว์/วาไรตี้ ทั้งที่เป็นรายการดังจากต่างประเทศ และรายการฮิตในเมืองไทย
ในก่อนหน้านี้ ช่องจะมีรายการประเภท รายการอาหาร ด้วยฟอร์แมตระดับโลก กับ “The Next Iron Chef” สุดยอดเรียลลิตี้แข่งขันทำอาหาร เพื่อค้นหาสุดยอดเชฟมืออาชีพ ของประเทศไทย เพื่อก้าวขึ้นสู่ตำแหน่ง “เชฟกระทะเหล็ก” คนต่อไป
ตามด้วยรายการ “มาสเตอร์เชฟ ประเทศไทย (MasterChef Thailand)” รายการเรียลลิตี้แข่งขันทำอาหารระดับโลกที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย และต่อยอดไปเป็น “มาสเตอร์เชฟ จูเนียร์ ประเทศไทย MasterChef Junior Thailand” ที่ล่าสุดครองเรตติ้งในช่วงเย็นวันหยุดอีกด้วย
ในหมวดรายการเพลง เพิ่มรายการใหม่ “WORLDSTAR…ดาวคู่ดาว” การแข่งขันประกวดร้องเพลงของศิลปินดูโอ้ที่ดาราจับคู่กับเด็ก เพื่อชิงความเป็นที่หนึ่ง คู่ที่ชนะจะได้ทำผลงานเพลงระดับนานาชาติกับค่าย Avex และรางวัลอื่นๆ
รายการ “ลูกทุ่งไอดอล” เพื่อเฟ้นหาไอดอลลูกทุ่งคนใหม่ ที่ต้องทั้งร้อง เต้น และมีไหวพริบดี ทนต่อแรงกดดัน ถึงจะผ่านการแข่งขันสุดเข้มข้น แบบ Survival Reality ผู้เป็นสุดยอดไอดอลลูกทุ่งจะได้เดบิวต์เป็นศิลปินตัวจริง และถ้วยพระราชทาน พร้อมเงินรางวัล
นอกจากนี้ยังนำรายการ “THE PRODUCER นักปั้นมือทอง” กลับมาอีกครั้ง เรียลลิตี้แข่งขันทำดนตรีของ 4 โปรดิวเซอร์เพื่อเป็นนักปั้นมือทอง
รายการ “เปลี่ยนหน้าท้าโชว์ Sing Your Face Off Season 4” นำศิลปินซูเปอร์สตาร์ของวงการบันเทิง มาเปลี่ยนหน้าแปลงโฉมเป็น ท็อปสตาร์ทั้งไทยและต่างประเทศ
รายการ “ร้องแลกแจกเงิน” สุดยอด Singing Game Show บนเวทีรางเลื่อนไฮเทค ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย ร้องง่าย ได้เงินง่าย ยิ่งถูกใจนานมากเท่าไหร่ รับเงินมากขึ้นเท่านั้น
รายการ “หลงเสียงเธอ” (MY WIFE IS A SINGER), รายการ “ชุมทางดาวทอง”, รายการ “ร้อง เล่น เต้น ยกครัว”, รายการ “ดวลเพลงดัง”
หมวดรายการเกมโชว์ และวาไรตี้โชว์ นำรายการใหม่ “SHARK TANK THAILAND” รายการดังทางช่อง ABC จากสหรัฐอเมริกา ถูกนำไปผลิตแล้วรวม 40 ประเทศ (ประเทศไทยเป็นประเทศที่ 36) ซึ่งเป็นรายการที่เปิดโอกาสให้กับผู้ประกอบการมาเสนอแผนธุรกิจ เพื่อระดมทุนจากนักลงทุน โดยมีนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ หรือ “ชาร์ค” ประจำรายการ ได้แก่ เฉลิมชัย มหากิจศิริ, กฤษน์ ศรีวาลา, ชาริณี กัลยาณมิตร, ธวิศ หาญอุตสาหะ, นิชิต้า ชาร์ และ ณัฐวุฒิ พึงเจริญพงศ์ มานั่งฟังผู้ประกอบการเล่าถึงฝันและการนำเสนอให้เห็นถึงศักยภาพและเกิดความสนใจที่จะมาเป็นผู้ร่วมลงทุนเพื่อสร้างธุรกิจให้ประสบความสำเร็จออนแอร์เร็วๆ นี้
ถัดมาเป็นรายการ “ภาพลับนับแบงค์” เกมโชว์ใหม่ล่าสุดชวนดาราและคนทางบ้านมาแข่งขันทายภาพลับของคนดังทุกสาขาอาชีพทั้งไทยและเทศ ยิ่งทายถูกยิ่งรับเงินรางวัลมาก โดยมี กนิษฐ์ สารสิน เป็นพิธีกร
รายการ “ฮัลโหล ซุปตาร์” โฉมใหม่ วาไรตี้บันเทิง ทอล์กโชว์ ทำให้รู้จักตัวตนของเหล่าซุปตาร์มากขึ้น โดยจะมีสองพิธีกร ตั๊ก–บริบูรณ์ และ ซอ จียอน จะพาไปรู้ทั้งเรื่องลับของเหล่าซุปตาร์ และตามติดดูชีวิตซุปตาร์ทั้งการกิน การช้อป รวมถึงการเซอร์ไพรส์ซุปตาร์.
]]>พีรธน เกษมศรี ณ อยุธยา หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านคอนเทนต์และมีเดีย กลุ่มทรู กล่าวว่า กลุ่มทรูได้ทำแผน 3 ปี เพื่อก้าวไปเป็นผู้ผลิตคอนเทนต์ในประเทศ ใน 3 ช่องทาง ฟรีทีวีทางทรูโฟร์ยู, เพย์ทีวีทางทรูวิชั่นส์ และช่องทางออนไลน์ทางทรูไอดี
ทรูมองว่า แนวโน้มของผู้ชมคอนเทนต์ จะไม่ติดอยู่เฉพาะช่องทางทีวีเท่านั้น แต่ไปช่องทางออนไลน์มากขึ้น ดังนั้นการผลิตคอนเทนต์จึงต้องตอบรับทุกช่องทาง
สัดส่วนของคอนเทนต์นั้น จะมีสัดส่วนรายการกีฬาประมาณ 30% ซึ่งเวลาทรูโฟร์ยู ถ่ายทอดสดรายการกีฬาหลายอย่าง ที่เด่นที่สุดตอนนี้คือ การถ่ายทอดลิขสิทธิ์ฟุตบอลไทยลีก และที่เหลือ 60-70% เป็นสัดส่วนของคอนเทนต์บันเทิง ทั้งจากรายการวาไรตี้ และซีรีส์
สำหรับคอนเทนต์บันเทิงนั้น ถือเป็นเรื่องใหม่สำหรับทรู จึงได้เรียนทางลัด โดยอาศัยประสบการณ์ของพาร์ตเนอร์หลัก อย่าง “ซีเจเอ็นเอ็ม” ธุรกิจบันเทิงและอีคอมเมิร์ซของเกาหลี ซึ่งเกือบ 2 ปีที่แล้ว ทรูและซีเจเอ็นเอ็มได้จัดตั้งบริษัทร่วมทุน บริษัท ทรูซีเจ ครีเอชั่น จำกัด ได้ผลิตรายการบันเทิง เช่น รายการวาไรตี้เพลงแนวแรป Show Me The Money (SMTM) ที่ออนแอร์ไปแล้ว และซีรีส์ Oh My Ghost ที่กำลังจะออนแอร์ภายในปีนี้
พีรธน บอกว่า ปัญหาของทรู คือคอนเทนต์ยังผลิตออกมาไม่ทันกับแผนที่วางไว้ ต้องรอถึงปี 2019 จึงมีความพร้อม ดังนั้นจึงวางแผนไว้ 3 ปี ระหว่าง 2019-2021 เพื่อผลักทีวีดิจิทัล คาดหวังว่าจะสามารถขึ้นไปติดอันดับ 6 ในแง่เรตติ้งได้
คอนเทนต์บันเทิงที่อยู่ในแผนตอนนี้ มี 2 หมวด รายการประเภท Music Variety และ ซีรีส์
Music Variety ที่อยู่ในแผนการผลิตเตรียมออกอากาศ เช่น รายการ Melody to Masterpiece และ High School Idol ซึ่งเป็นสองรายการดังของค่าย CJ ที่เกาหลี ที่ประสบความสำเร็จมาแล้ว
โดย Melody to Masterpiece เป็นรายการที่เลือกนักแต่งเพลงของ 4 ค่ายดังมาแต่งเพลงให้ศิลปินที่มาร่วมรายการ รายการนี้มีแผนการออนแอร์ประมาณเดือนพฤศจิกายนปีนี้
ส่วน High School Idol เป็นรายการประเภท reality show คล้ายๆ AF ที่เคยประสบความสำเร็จสูงสุดมาแล้วจากทรูวิชั่นส์ ซึ่งทรูเชื่อว่ารายการนี้จะประสบความสำเร็จมากในไทย เพราะรูปแบบรายการเป็นการแข่งขันและสนุกสนานตอบโจทย์คนไทยได้ดี
พีรธนกล่าว
ส่วนหมวดรายการดราม่า ที่มีเค้าโครงเรื่องมาจากซีรีส์เกาหลี ออนแอร์ไปแล้ว คือ Oh My Ghost และ Tunnel
โดยช่องทางการออกอากาศของทรูจะมี 3 ช่องทางหลัก ทรูโฟร์ยู ออกอากาศสด, ทรูวิชั่นส์ ทั้งสดและย้อนหลัง และทรูไอดีดูย้อนหลัง ซีรส์แต่ละเรื่องจะออกช่องทางแตกต่างกัน ซึ่งทรูกำลังทดสอบตลาดหลายๆ ทาง และยังมีตลาดต่างประเทศ เป้าหมายหลักด้วย
อย่างเรื่อง Oh My Ghost ทรูได้จับมือ Netflix ออกอากาศหลังจากออนแอร์ในไทยไปแล้ว 1 ชั่วโมง เป็นการเปิดทางในตลาดต่างประเทศทั่วโลกสามารถรับชมได้ ซึ่งจะทำให้ทรูมีรายได้จากการขายลิขสิทธิ์ด้วยอีกทาง
ซีรีส์เรื่องก่อนหน้านี้ My Gril 18 มงกุฎสุดที่รัก ดังนั้นแม้เรตติ้งต่ำมาก ระดับ 0.0xx แต่ด้วยการที่ทรูขายลิขสิทธิ์ไปต่างประเทศเพื่อออกอากาศพร้อมกัน 6 ประเทศ ไทย, จีน, ฮ่องกง, มาเก๊า, มาเลเซีย, อินโดนีเซีย ทำให้ทรูได้ฐานคนดูเพิ่มขึ้นมาก เฉพาะที่จีนประเทศเดียวมากกว่า 160 ล้านคนไปแล้ว ทำให้มีรายได้เพียงพอกับต้นทุนการผลิต
เมื่อกระบวนการผลิตคอนเทนต์เป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ พีรธนบอกว่าภายใน 3 ปี ทรูก็จะสามารถเป็นหนึ่งในผู้ผลิตคอนเทนต์รายสำคัญของตลาดไทย และจะทำให้ทรูโฟร์ยูเข้าสู่ช่องอันดับ 6 ได้ไม่ยาก เพราะอันดับเรตติ้งถือว่าเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา เนื่องจากคนดูไม่ได้ผูกพันกับช่องใดช่องหนึ่ง ขึ้นอยู่กับคอนเทนต์ที่ออกอากาศในช่วงนั้น
แม้ได้เรตติ้งสูงก็ยังไม่ได้การันตีว่าจะได้กำไร ดูจากสถานการณ์บางช่องที่ยังขาดทุนหนัก ดังนั้นรูปแบบของการบริหารช่องทีวีดิจิทัลที่ดีคือ ต้อง Balance ให้ได้ระหว่างเรตติ้ง ความนิยม และรายได้ที่จะต้องชัดเจนมากขึ้นด้วย การวัดจากผลประกอบการ จึงเป็นสิ่งที่ชัดเจนที่สุด.
]]>