ค้าปลีก – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Tue, 03 Sep 2024 05:41:47 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 “สยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต” รุกขยายโครงการใหม่ ปักธงใจกลางภูเก็ต สร้างโกลบอลเดสติเนชั่นแห่งใหม่ พร้อมเปิดให้บริการปี 2569 https://positioningmag.com/1488368 Mon, 02 Sep 2024 20:28:14 +0000 https://positioningmag.com/?p=1488368

บริษัท สยามพิวรรธน์ ไซม่อน จำกัด บริษัทร่วมทุนระหว่างสองผู้นำแห่งวงการค้าปลีกระดับโลก ได้แก่ สยามพิวรรธน์ เจ้าของและผู้บริหารโกลบอลเดสติเนชั่นชั้นนำของไทย กับ ไซม่อน บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เจ้าของโครงการระดับโลกที่เป็นจุดหมายปลายทางแห่งการช้อปปิ้ง ไดน์นิ่ง ความบันเทิง และโครงการมิกซ์ยูส จากสหรัฐอเมริกา ประกาศแผนการลงทุนขยาย “สยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต”  แห่งที่ 2 ของประเทศไทย โดยปักธงใจกลางจังหวัดภูเก็ตเมืองแห่งท่องเที่ยวสำคัญระดับโลก เพื่อสร้างจุดหมายปลายทางของการช้อปปิ้งและการท่องเที่ยวแห่งใหม่แก่ชาวไทยและชาวต่างชาติ  ช่วยส่งเสริมและเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวไทย  โดยตั้งเป้าเปิด “สยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต ภูเก็ต” ภายในปี 2569

บริษัท สยามพิวรรธน์ ไซม่อน ประสบความสำเร็จอย่างสูงจากการเปิด “สยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต กรุงเทพ” แห่งแรกในประเทศไทยเมื่อปี 2563  ซึ่งตั้งอยู่ริมถนนกรุงเทพ-ชลุบรีสายใหม่ (ทางหลวงหมายเลข 7) ใกล้กับสนามบินสุวรรณภูมิ  โดยเป็นการนำประสบการณ์พรีเมี่ยม เอาท์เล็ตอย่างแท้จริงสู่ประเทศไทยเป็นครั้งแรกและแห่งเดียวเท่านั้น ประกอบด้วยร้านค้าที่นำเสนอแบรนด์มากกว่า 300 แบรนด์ ทั้งร้านค้าลักชัวรี่แบรนด์ แบรนด์ของดีไซเนอร์ที่เป็นที่ชื่นชอบและได้รับความนิยมสูงสุด รวมถึงแบรนด์ระดับอินเตอร์เนชั่นแนล และแบรนด์ไทยต่างๆ  โดยมีไฮไลท์แบรนด์ที่มีเฉพาะที่นี่แห่งเดียวเท่านั้น อาทิ Balenciaga, Burberry, Versace, Marc Jacobs, Karl Lagerfeld, Rebecca Minkoff, Longchamp, Boss, Montblanc, Swiss Watch Gallery, Fred Perry, Nike United SPO, Pomelo, Siam Takashimaya เป็นต้น   นับเป็นสุดยอดจุดหมายปลายทางแห่งการช้อปปิ้งที่สำคัญอีกแห่งของประเทศไทย ได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้าทั้งคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง

โดยผลประกอบการของ “สยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต กรุงเทพ” ในปี 2566 ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา อีกทั้งมีจำนวนผู้เข้าใช้บริการเติบโตสูงอย่างต่อเนื่องโดยตลอด และปัจจุบันอัตราการเช่าพื้นที่ของโครงการเต็ม 100%

จากความสำเร็จอย่างสูงและการมีวิสัยทัศน์เดียวกันของสยามพิวรรธน์และไซม่อน บริษัทฯ จึงมองเห็นโอกาสในการขยายธุรกิจในการพัฒนาโครงการจุดหมายปลายทางที่สำคัญระดับโลก จึงตัดสินใจเดินหน้าขยายการลงทุนเปิดโครงการ “สยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต” แห่งใหม่ที่จังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นเมืองยอดนิยมของทัวร์ริสต์อันดับที่ 2 รองจากกรุงเทพฯ และเป็นหนึ่งใน Global Destination ของนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติจากทั่วโลก  และเป็น location จุดหมายสำคัญที่กลุ่มผู้ประกอบการทั้งผู้เช่าเดิมในโครงการ “สยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต กรุงเทพ”  และผู้เช่าใหม่จำนวนมากต่างแสดงความต้องการและให้ข้อเสนอแนะให้บริษัทฯ ลงทุนขยายโครงการใหม่

โดยโครงการ “สยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต ภูเก็ต” จะถูกรังสรรค์ภายใต้คอนเซ็ปต์พิเศษที่พัฒนาขึ้นโดยเฉพาะสําหรับพื้นที่จังหวัดภูเก็ต  โดยคํานึงถึงการตอบสนองความต้องการในปัจจุบันและรองรับการเติบโตของภูเก็ตในอนาคตอีกสิบปีข้างหน้า

สำหรับโลเคชั่นของ โครงการ “สยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต” แห่งใหม่นี้ตั้งอยู่ใจกลางจังหวัดภูเก็ต  มุ่งรองรับการเติบโตของเมืองที่มีการขยายตัวทุกทิศทาง โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าสู่จังหวัดภูเก็ตต่อปีไม่ต่ำกว่า 15 ล้านคน รวมถึงคนไทยในพื้นที่และชาวต่างชาติที่มาพำนักอยู่เป็นระยะเวลานาน (Expat) มีกำลังซื้อสูง โดยพบว่าค่าใช้จ่ายต่อหัวของนักท่องเที่ยวในภูเก็ตอยู่ในระดับค่อนข้างสูงคือ 8,355 บาทต่อคนต่อวัน

สำหรับศักยภาพความพร้อมด้านกำลังซื้อของจังหวัดภูเก็ต สามารถสะท้อนจากจำนวนห้างค้าปลีกที่มีมากถึง 14 แห่ง และไฮเปอร์มาร์เก็ตอีก 19 แห่ง รวมถึงโรงเรียนนานาชาติที่มีมากถึง 15 แห่ง นอกจากนี้ภูเก็ตยังมีจุดแข็งในด้านความสะดวกสบายในการเดินทางทั้งรถสาธารณะที่หลากหลายพร้อมให้บริการ รวมถึงถนน และทางหลวงที่เชื่อมต่อไปยังสถานที่ต่างๆ ได้อย่างสะดวกสบาย อีกทั้งยังมีสนามบินที่สามารถรองรับผู้โดยสารทั้งได้ถึง 20 ล้านคนต่อปี และโครงการสนามบินนานาชาติอันดามัน จ.พังงา ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ส่งผลให้วันนี้จังหวัดภูเก็ตมีศักยภาพเต็มที่ในการรองรับการลงทุนใหม่ๆ และนักท่องเที่ยวที่จะหลั่งไหลเข้ามาจากทั่วทุกมุมโลก

บริษัท สยามพิวรรธน์ ไซม่อน จำกัด เป็นการผนึกกำลังระหว่างสองผู้นำแห่งวงการค้าปลีก  ที่จะสามารถนำประสบการณ์และความเชี่ยวชาญระดับโลก สร้างปรากฏการณ์ครั้งใหม่อันน่าตื่นเต้นเร้าใจให้กับวงการค้าปลีกภูเก็ตอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน   และสร้างจุดหมายปลายทางของการช้อปปิ้งและการท่องเที่ยวแห่งใหม่ของประเทศไทยอีกด้วย

]]>
1488368
สยามพิวรรธน์ ย้ำตำแหน่งผู้นำลักซ์ซูรี่ แห่งวงการค้าปลีก มอบประสบการณ์แรกเหนือความคาดหมาย https://positioningmag.com/1486978 Tue, 20 Aug 2024 12:15:02 +0000 https://positioningmag.com/?p=1486978

หากพูดถึงจุดหมายปลายทางแบบลักซ์ซูรี่ที่ดีที่สุดในเอเชีย กลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์  ได้รับการกล่าวถึงในฐานะผู้พัฒนา Luxury destination ที่มีชื่อเสียงระดับโลก อาทิ สยามพารากอน และไอคอนสยาม ซึ่งได้รับการยอมรับนับถือว่าเป็นหนึ่งในโครงการระดับ Global Destination ที่มีความโดดเด่นเป็นหมุดหมายของลักซ์ซูรี่แบรนด์ชั้นนำที่ครบครันและสมบูรณ์แบบที่สุดแห่งหนึ่งของโลก


NO.1 Luxury Destination ที่แบรนด์หรูระดับโลกให้ความไว้วางใจมากที่สุด เปิดแฟล็กชิพสโตร์ คอนเซ็ปต์สโตร์ หรือคอลเลคชั่นใหม่เป็นครั้งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชีย

สยามพารากอนและไอคอนสยาม ได้รับการยอมรับและไว้วางใจจากแบรนด์ดังระดับโลก ต่างทยอยเปิดแฟล็กชิพสโตร์ คอนเซ็ปต์สโตร์ หรือคอลเลคชั่นใหม่เป็นครั้งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชีย โดยในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2567 หลายแบรนด์ได้เลือกเปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทยและมีแบรนด์ที่ Exclusive เฉพาะที่สยามพารากอนและไอคอนสยามเท่านั้น

สยามพารากอน

  • ที่สุดแห่งอัครยนตรกรรม โรลส์-รอยซ์ เปิดบูทีคอัตลักษณ์ใหม่ภายใต้คอนเซปต์ ‘Galleria’ ภายในศูนย์การค้าซึ่งนับเป็นครั้งแรกในเอเชียแปซิฟิก โดยบูทีคแห่งใหม่นี้เปิดโอกาสให้ลูกค้าได้มีพื้นที่ส่วนตัวเพื่อสัมผัสถึงความรื่นรมย์และสุนทรีย์ของแบรนด์ โรลส์-รอยซ์ และสั่งทำยนตรกรรมคันโปรดแบบ Bespoke ได้จากศูนย์รวมความลักซ์ซูรี่ระดับแนวหน้าของประเทศไทย

  • พบกับการปรับโฉมใหม่ของ BVLGARI ลักซ์ซูรี่แบรนด์สุดไอคอนิก ที่สร้างความตื่นตะลึงกับ       ชอปดูเพล็กซ์แห่งแรกและใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
  • DOLCE&GABBANA โฉมใหม่ที่มีการออกแบบที่เรียบง่ายแต่หรูหรา มาพร้อมการออกแบบที่เรียบง่ายแต่หรูหรา โดดเด่นด้วยสไตล์อันเป็นเอกลักษณ์ตามแบบฉบับอิตาลี
  • GUCCI ภายใต้คอนเซ็ปต์ใหม่ของแบรนด์ ซึ่งมีความแตกต่างจากที่เคยมีมา ขยายประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟด้วยโฉมใหม่ล่าสุดที่รวบรวมคอลเลคชั่นสําหรับสุภาพสตรีไว้ได้อย่างครบครัน ทั้งเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า แอคเซสเซอรี่ และเครื่องประดับ
  • LOEWE กับ LOEWE Store แห่งแรกที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ด้วยคอนเซ็ปต์ใหม่ล่าสุด ภายใต้แนวคิด และแรงบันดาลใจที่ได้รับการออกแบบโดย ครีเอทีฟไดเรคเตอร์ โจนาธาน แอนเดอร์สัน พร้อมให้ค้นพบเครื่องหนัง กระเป๋า กระเป๋าสตางค์ ของแต่งบ้าน และเทียนหอม จากโฮม คอลเลคชั่น พร้อมเสื้อผ้า และเครื่องหนังทั้งสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีจากคอลเลคชั่นล่าสุด
  • CASABLANCA แบรนด์เสื้อผ้าลักซ์ซูรี่จากกรุงปารีสเปิดตัวช้อปปิ้งสเปซแห่งแรกของโลก
  • เตรียมพบกับ MONTBLANC กับคอนเซ็ปต์ดีไซน์ใหม่ และบูติกสำหรับสุภาพสตรีโฉมใหม่ของ PRADA เร็วๆ นี้

ไอคอนสยาม

  • VAN CLEEF & ARPELS แบรนด์เครื่องประดับและนาฬิกาชั้นสูงจากฝรั่งเศส ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 100 ปี ได้เปิดบูติกแห่งใหม่ที่โดดเด่นด้วยการออกแบบที่ผสมผสานความคลาสสิกและความทันสมัย สะท้อนถึงเอกลักษณ์ของแบรนด์ที่ให้ความสำคัญกับความประณีตและความงดงามในทุกรายละเอียด
  • CHAUMET แบรนด์เครื่องประดับสุดหรูหราสัญชาติฝรั่งเศส ร้านแรกในประเทศไทย กับคอลเลคชั่นใหม่ที่นำเสนอเครื่องประดับไฮจิวเวลรี่และอัญมณีผ่านศิลปะหลากหลายแขนงเข้าไว้ด้วยกัน

ปรากฏการณ์เปิดตัวเวิลด์คลาสอีเวนต์ยิ่งใหญ่ และ “Pop-up Store” มอบประสบการณ์แรกเหนือความคาดหมายอย่างต่อเนื่อง

สยามพารากอน และไอคอนสยาม ได้รับเกียรติจากแบรนด์ดังระดับโลก สร้างปรากฏการณ์เปิดตัวเวิลด์คลาสอีเวนต์ยิ่งใหญ่ และเปิด Pop-up Store จัดโชว์เคสพิเศษและนำเสนอสินค้าลิมิเต็ดคอลเลคชั่นพิเศษอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2567 มีการเปิด Pop-up Store จากแบรนด์ต่างๆ ที่หมุนเวียนกันมาสร้างความตื่นตาตื่นใจตอบโจทย์ประสบการณ์แรกเหนือความคาดหมายให้กับลูกค้า

สยามพารากอน

  • แบรนด์หรูอย่าง CELINE ได้เลือกเนรมิต CELINE SIAM PARAGON PLEIN SOLEIL POP UP STORE ขึ้น ซึ่งมีเพียง 1 ใน 7 แห่งของโลกเท่านั้น
  • PRADA เปิดตัวป็อปอัพสโตร์แห่งใหม่เนรมิตพื้นที่ทั้งหมดด้วยลายทางสลับสีขาวแดงสะดุดตา นำเสนอเครื่องแต่งกายสำหรับบุรุษและสตรี กระเป๋า รองเท้า และเครื่องประดับที่คัดสรรเป็นพิเศษจากคอลเลคชั่นใหม่จากแรงบันดาลใจจากบรรยากาศของฤดูร้อนและสีสันแห่งการท่องเที่ยว

  • LORO PIANA เปิดตัวป๊อบอัพสโตร์แห่งใหม่ เพื่อนำเสนอคอลเลคชั่น Summer Resort 2024
  • GUCCI ได้เปิดตัว Gucci Ancora Pop Up พร้อมเผยโฉมคอลเลคชั่น SPRING SUMMER 2024 จากผลงานการออกแบบโดย Sabato De Sarno

  • COACH เนรมิต Parc Paragon ให้กลายเป็น The Coach Tabby Shop ป๊อปอัพสุดคิ้วท์รูปทรงกระเป๋า Tabby ไอเท็มรุ่นไอคอนิกของ Coach ในเฉดสีเหลืองใบยักษ์ ตั้งสดใสสะท้านแดดใจกลาง พาร์ค พารากอน

  • GENTLE MONSTER ได้เปิดตัว “Jentle Salon Pop-Up” เป็นครั้งแรกในประเทศไทยของป๊อปอัป สโตร์ไอคอนิคสุดคิวท์สไตล์ “เจนนี่ BLACKPINK” ส่งตรงจากเกาหลี ที่สยามพารากอน เท่านั้น
  • แบรนด์นาฬิกาชั้นนำระดับโลก เปิดตัวคอลเลคชั่นใหม่ล่าสุดเป็นครั้งแรกในประเทศไทย รวมทั้งรุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่นหายาก อาทิ แบรนด์ HUBLOT ฉลองบทบาทสำคัญในฐานะ Official Watch การแข่งขันฟุตบอล UEFA EURO 2024™ เนรมิตป๊อปอัพสโตร์ “Hublot Loves Football UEFA EURO 2024” สุดอลังการ, Jaeger-LeCoultre (เจเกอร์-เลอคูลทร์) เปิดประสบการณ์ครั้งสำคัญผ่านเรื่องราวกว่า 90 ปีกับ Reverso Stories Travelling Collection เนรมิตงานตกแต่งอันเป็นเอกลักษณ์ของผู้ผลิตนาฬิกาชั้นสูง, Lange & Söhne (อา. ลังเงอ แอนด์ โซเนอ) จัดนิทรรศการเอ็กซ์คลูซีฟ “Precision in Motion” แสดงศิลปะการแกะสลักที่ขาดไม่ได้ในประเพณีการผลิตนาฬิกาของ Lange & Söhne นับเป็นโอกาสที่หาได้ยากยิ่ง

ไอคอนสยาม

  • LOEWE ได้เปิด LOEWE POP-UP STORE นำเสนอคอลเลคชั่นซัมเมอร์แห่งปี Paula’s Ibiza 2024 ที่เปี่ยมไปด้วยแรงบันดาลใจจาก พอลล่าส์ บูทีค (Paula’s Boutique) อันเป็นเอกลักษณ์ บนเกาะอิบิซ่า ซึ่งกลายมาเป็นสัญลักษณ์แห่งวัฒนธรรม ฮิปปี้ในปี 1970
  • MCM กับการเข้าสู่ MCM Celebrate the New Era ได้เปิดตัว MCM Lauretos Pop up Store พร้อมขนขบวนกระเป๋าใน SS24 Collection บนลวดลาย Lauretos ซึ่งเป็นไอคอนิกโมโนแกรมลายใหม่ประจำซีซั่นถ่ายทอดลงบนไอคอนิคไอเทม

สยามพิวรรธน์ พร้อมเดินหน้าบุกเบิกนิยามใหม่ New World Luxury เพื่อสร้างสรรค์ปรากฏการณ์ใหม่ๆ และเติมเต็มประสบการณ์ลักซ์ซูรี่ที่เหนือความคาดหมายและสมบูรณ์แบบที่สุดให้กับทุกคน ยกระดับประเทศไทยเป็นหมุดหมายตลาดลักซ์ซูรี่ ที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

]]>
1486978
กลุ่มสยามพิวรรธน์ คว้า 3 รางวัลระดับนานาชาติ จาก Real Estate Asia Awards 2024 ตอกย้ำผู้นำโกลบอลเดสติเนชั่น ที่มีอิทธิพลต่อการพัฒนาภูมิทัศน์เมือง https://positioningmag.com/1478494 Tue, 18 Jun 2024 09:40:17 +0000 https://positioningmag.com/?p=1478494

กลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และค้าปลีกชั้นนำ เจ้าของและผู้บริหารโครงการที่มีชื่อเสียงระดับโลก อาทิ สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์  สยามดิสคัฟเวอรี่ ไอคอนสยาม และสยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต กรุงเทพ คว้า 3 รางวัลอันทรงเกียรติ ระดับนานาชาติ จากเวที Real Estate Asia Awards 2024 ประเทศสิงคโปร์ นำโดยสยามพิวรรธน์ได้รับรางวัล Developer of the Year – Thailand, ไอคอนสยาม ได้รับรางวัล Mixed-use development of the Year – Thailand และสยามพารากอน ได้รับรางวัล Innovation Hub Development of the Year – Thailand  ตอกย้ำความสำเร็จของผู้นำในการพัฒนาจุดหมายปลายทางระดับโลก ที่มีอิทธิพลต่อการพัฒนาภูมิทัศน์เมืองในกรุงเทพมหานคร มีส่วนร่วมสร้างสรรค์อัตลักษณ์เมืองที่ดึงดูดผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกให้เดินทางมาเยือน  

สยามพิวรรธน์ – Developer of the Year – Thailand รางวัลสะท้อนความเป็นที่สุดของผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทย ที่นำความคิดสร้างสรรค์มาพัฒนาจุดหมายปลายทางระดับโลก จนทำให้เกิดการพัฒนาด้านภูมิทัศน์ของวงการค้าปลีกในประเทศไทย ส่งเสริมวัฒนธรรมและภาคการท่องเที่ยวไทยให้โดดเด่นบนเวทีโลก อีกทั้งการนำนวัตกรรมและการบริหารงานที่ยอดเยี่ยมทำให้สยามพิวรรธน์เป็นผู้บุกเบิกการสร้างประสบการณ์เหนือความคาดหมายที่พิเศษและแตกต่าง สร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้มาเยือนจากทั่วโลก

ไอคอนสยาม – Mixed-use development of the Year – Thailand รางวัลสะท้อนความยอดเยี่ยมของการพัฒนาโครงการมิกซ์ยูส ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่เป็นอภิมหาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้าปลีกและโครงการที่พักอาศัยระดับเวิล์ดคลาส  ไอคอนสยามนำเสนออัตลักษณ์ของความเป็นไทย นำสิ่งที่ดีที่สุดของไทยบรรจบกับสิ่งที่ดีที่สุดของโลก จนเป็นแลนด์มาร์กของประเทศไทยที่ได้รับการยอมรับให้เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางห้ามพลาดของนักเดินทางจากทั่วโลก

สยามพารากอน Innovation Hub Development of the Year – Thailand  รางวัลสุดยอดผู้พัฒนาศูนย์นวัตกรรมแห่งปี จากความร่วมมือกับพันธมิตร SCBX พัฒนาพื้นที่ Next Tech  เทคคอมมูนิตี้เพื่อการเรียนรู้แห่งโลกอนาคต เปิดพื้นที่ให้คนรุ่นใหม่ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นในด้านเทคโนโลยี และนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อการพัฒนาศักยภาพของตัวเอง ตั้งแต่เปิดดำเนินการในเดือนตุลาคม 2022  Next Tech กลายเป็นเทคคอมมูนิตี้ ที่มีการจัดงานเสวนาให้ความรู้ในหัวข้อต่างๆ แทบทุกวันตลอดปี

 

ทั้ง 3 รางวัลดังกล่าว จึงเป็นบทพิสูจน์ศักยภาพของกลุ่มสยามพิวรรธน์ ที่มุ่งขับเคลื่อนกลยุทธ์ร่วมกันสร้างสรรค์ (Co-creation) และการสร้างคุณค่าร่วมกัน พัฒนาโครงการจุดหมายปลายทางระดับโลกที่ส่งผลกระทบเชิงบวกต่อการพัฒนาเมืองและนวัตกรรมใหม่ๆ ในประเทศไทย

]]>
1478494
‘โลตัส’ ชูจุดแข็งช่องทางออนไลน์ ส่งฟรี ส่งของสดภายใน 1-3 ชั่วโมง จูงใจลูกค้า ตั้งเป้าปีนี้โต 30% https://positioningmag.com/1466486 Fri, 15 Mar 2024 10:26:07 +0000 https://positioningmag.com/?p=1466486 โลตัส (Lotus’s) ชูจุดแข็งช่องทางออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นการจัดส่งสินค้าฟรีไม่มีขั้นต่ำ ส่งของสดภายใน 1-3 ชั่วโมง เพื่อที่จะจูงใจลูกค้า โดยตั้งเป้าปีนี้โต 30% ขณะเดียวกันก็ยังมีการปรับเปลี่ยนโปรแกรม My Lotus’s ให้ตรงใจลูกค้ามากขึ้นผ่านการใช้เทคโนโลยี AI และ Big Data

ธรินทร์ ธนียวัน กรรมการผู้จัดการใหญ่ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ โลตัส ได้กล่าวถึงแอปพลิเคชัน Lotus’s ในปี 2023 ที่ผ่านมานั้นมียอดดาวน์โหลดแอปฯ รวมมากถึง 10 ล้านดาวน์โหลดแล้ว ซึ่งเขาชี้ว่าตัวเลขจำนวนการสั่งซื้อรวมแตะระดับ 1 ล้านครั้ง และเป็นครั้งแรกนั้นยากเสมอ บริษัทต้องใช้เวลาถึง 7 เดือนหลังจากบริษัทได้เปิดตัวแอปฯ ในปี 2022

ขณะที่จำนวนการสั่งซื้อรวมแตะระดับ 1.5 ล้านครั้งภายในเดือนมกราคมปี 2024 ที่ผ่านมา และในปี 2023 มียอดสั่งซื้อรวมกันมากถึง 1 หมื่นล้านบาทแล้ว

กรรมการผู้จัดการใหญ่ธุรกิจอีคอมเมิร์ซของโลตัส ยังกล่าวว่า บริษัทเป็นค้าปลีกรายแรกของไทยที่พร้อมจัดส่งสินค้าภายใน 1 ชั่วโมงหากเป็นการจัดส่งจากสาขาของโลตัสโกเฟรช และภายใน 3 ชั่วโมงหากเป็นการจัดส่งจากสาขาใหญ่ ส่วนถ้าเป็นสินค้าชิ้นใหญ่ จะจัดส่งภายในวันถัดไป หรือแม้แต่การรับสินค้าที่สาขา นอกจากนี้ยังมีค่าส่งที่ฟรีไม่มีจำกัดการสั่งซื้อขั้นต่ำ ซึ่งปัจจัยดังกล่าวได้เป็นตัวเร่งให้ลูกค้าใช้บริการผ่านช่องทางออนไลน์เพิ่มมากขึ้น

เขายังชี้ว่าจุดแข็งที่โลตัสสามารถพร้อมส่งสินค้าได้ เนื่องจากบริษัทมีสาขาเล็กและสาขาใหญ่รวมกันกว่า 2,100 สาขาทั่วประเทศ และยังมีสินค้าถึง 30,000 รายการ ไม่ว่าจะเป็นสินค้าอาหารสด สินค้าอุปโภคบริโภค สินค้าเสริมความงาม และสินค้าสำหรับแม่และเด็ก เป็นต้น

ธรินทร์ ธนียวัน – กรรมการผู้จัดการใหญ่ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ โลตัส / ภาพจากบริษัท

ออกแคมเปญใหม่

ขณะเดียวกันภายในเดือนมีนาคมนี้ Lotus’s ได้ออกแคมเปญมีโปรโมชั่น ให้ทุกคนที่เข้ามาสั่งสินค้านั้นมีความสุข ผ่านดีลพิเศษทุกวัน เช่น วันจันทร์ถ้าหากสั่งน้ำดื่ม มีแคมเปญซื้อน้ำแพ็คทุกวันอาทิตย์หรือทุกวันจันทร์  วันอังคารมีโปรโมชั่นอาหารสดถ้าหากสั่งถึงจำนวนหนึ่ง หรือถ้าสั่งเกินจะมีคูปองออนท็อปด้วย เป็นต้น

ผู้บริหารของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ โลตัส ได้กล่าวว่า การที่บริษัทสามารถทำแคมเปญต่างๆ ได้ทุกวันเนื่องจากบริษัทได้เห็นข้อมูลการสั่งสินค้าของลูกค้า เช่น ปริมาณการสั่งน้ำดื่มในวันจันทร์ถือว่าเยอะเป็นพิเศษ ทำให้โลตัสได้ออกแคมเปญดังกล่าวออกมา

มองว่าเทรนด์ของผู้บริโภคจะมาช่องทางออนไลน์แน่นอน

ธรินทร์ ยังชี้ว่าปัจจุบันยอดขายผ่านช่องทางออนไลน์ตั้งแต่เปิดตัวแอปฯ ในปี 2022 มีสัดส่วน 1% แต่ปัจจุบันสัดส่วนดังกล่าวกำลังจะแตะเลข 2 หลักในเร็วๆ นี้แล้ว และเขามองว่าเทรนด์การซื้อสินค้าของคนไทยจะคล้ายกับประเทศจีนที่มีการสั่งซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น และการไปซื้อสินค้าแบบปกตินั้นเหมือนมาซื้อสินค้าให้สนุก

นอกจากนี้ ธรินทร์ ได้ชี้ถึงว่า ในการสั่งสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์นั้นมีดีลส่วนลดพิเศษให้กับลูกค้า ซึ่งแตกต่างกับการไปซื้อที่สาขาที่จะไม่มีส่วนลด และโลตัสเตรียมนำสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านและสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ให้    ผู้บริโภคสามารถสั่งซื้อภายในแอปฯ ได้ด้วย โดยถ้าเป็นสินค้าใหญ่ๆ จะใช้เวลาจัดส่งไม่เกิน 7 วัน

วรวรรณ เพียรลิขิตวงศ์ – ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายการตลาด โลตัส / ภาพจากบริษัท

ปรับสิทธิประโยชน์ Lotus’s Reward Program ใหม่

วรวรรณ เพียรลิขิตวงศ์ ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายการตลาด โลตัส กล่าวว่า นอกเหนือจากความสะดวกสบายที่เพิ่มมากขึ้นในการจับจ่ายผ่านช่องทางออนไลน์แล้ว โลตัสยังมอบสิทธิประโยชน์ที่ดียิ่งกว่า ด้วยรีวอร์ดโปรแกรมมายโลตัส (My Lotus’s) ที่เปลี่ยนจากการเป็นเพียงบัตรสะสมคะแนน สู่ไลฟ์สไตล์แพลตฟอร์มแบบปัจเจกบุคคล

เธอชี้ว่าโปรแกรม My Lotus’s พัฒนามาจาก Club Card สมัยที่ยังเป็น Tesco Lotus ซึ่งมีการสะสมแต้ม แต่ต้องรอคูปองนานถึง 3 เดือน ซึ่งโปรแกรมใหม่นั้นสามารถที่จะสะสมแต้มได้สะดวกมากกว่าเดิม

ตัวเลขในปี 2023 ที่ผ่านมาโปรแกรม My Lotus’s มีลูกค้ามากถึง 17 ล้านคน มีการแจก Coin ไปแล้วมากกว่า 1,600 ล้าน Coin นอกจากนี้ วรวรรณ ยังได้กล่าวเสริมว่าลูกค้าโปรแกรมดังกล่าวนั้นมีการใช้จ่าย 3 เท่าเยอะกว่าคนไม่ได้เป็นสมาชิกโปรแกรมดังกล่าวอีกด้วย

โปรแกรม My Lotus’s เองยังมีการทำโปรโมชั่นส่วนบุคคล ผ่านเทคโนโลยี AI และ Big Data และมีการทำโปรโมชั่นไปแล้วกว่า 150 ล้านโปรโมชั่น เช่น ในวันเกิดของสมาชิก ฯลฯ และการสั่งสินค้าผ่านแอปฯ Lotus’s ยังมีสิทธิพิเศษคือได้ Coin เพิ่มมากขึ้น ซึ่งสามารถนำไปแลกในภายหลังได้

โดย Lotus’s ตั้งเป้าที่จะมีการเติบโตของยอดขายผ่านช่องทางออนไลน์เพิ่มขึ้นมากกว่า 30% ในปีนี้

]]>
1466486
Walmart กำลังเจรจาซื้อกิจการ Vizio ผู้ผลิตสมาร์ททีวีในสหรัฐอเมริกา สื่อนอกชี้เป็นอีกช่องทางในการหารายได้จากธุรกิจโฆษณา https://positioningmag.com/1462617 Wed, 14 Feb 2024 05:01:29 +0000 https://positioningmag.com/?p=1462617 วอลมาร์ท (Walmart) กำลังเจรจาซื้อกิจการ Vizio ผู้ผลิตสมาร์ททีวีในสหรัฐอเมริกา โดยคาดว่าจะใช้เม็ดเงินไม่น้อยกว่า 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นเงินไทยไม่น้อยกว่า 72,000 ล้านบาท ซึ่งยักษ์ใหญ่ค้าปลีกจะได้ทั้งการขายสมาร์ททีวี และรายได้จากค่าโฆษณา รวมถึงยังเป็นช่องทางโฆษณาให้กับลูกค้าด้วย

Wall Street Journal รายงานข่าว โดยอ้างอิงแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องว่า Walmart ค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐอเมริกากำลังอยู่ในขั้นตอนการเจรจาซื้อกิจการ Vizio ผู้ผลิตสมาร์ททีวีในสหรัฐอเมริกา โดยคาดว่าจะต้องใช้เงินไม่น้อยกว่า 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยมากกว่า 72,000 ล้านบาท

สาเหตุสำคัญที่ทำให้ Walmart ต้องซื้อกิจการของ Vizio เนื่องจากต้องการขยายตลาดในการขายสมาร์ททีวีราคาถูกให้ลูกค้า เนื่องจากคู่แข่งอย่าง Amazon หรือแม้แต่ Roku ได้ลงมาขายสมาร์ททีวีในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งเป็นแรงกดดันให้กับค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐฯ ต้องลงมาเล่นเกมดังกล่าวด้วย

ขณะเดียวกัน Vizio เองมีข้อมูลลูกค้าจำนวนมากถึง 18 ล้านราย ทำให้ Walmart สามารถเข้าถึงลูกค้าได้จำนวนมากกว่าเดิม และยังรวมถึงรายได้จากโฆษณาที่ได้จากการเผยแพร่บนสมาร์ททีวี

ในปีที่ผ่านมา Insider Intelligence คาดว่ารายได้จากธุรกิจโฆษณาของ Walmart จะมีมากถึง 3,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หลังจากที่บริษัทได้ตั้งธุรกิจด้านโฆษณาขึ้นมาในปี 2021 เพื่อที่จะดำเนินธุรกิจดังกล่าวภายใต้ชื่อ Walmart Connect

ปัจจุบัน Walmart Connect มีลูกค้าที่เป็นบริษัทขายผลิตภัณฑ์ต่างๆ บางรายได้ใช้ช่องทางดังกล่าวแทนที่จะลงโฆษณากับบริษัทเทคโนโลยีอย่าง Apple หรือแม้แต่ Google

อย่างไรก็ดี ดีลดังกล่าว Wall Street Journal ได้รายงานว่ากำลังอยู่ในช่วงการเจรจาเท่านั้น และอาจมีสิทธิ์ที่ดีลดังกล่าวอาจไม่เกิดขึ้นก็ได้

ที่มา – Reuters, The Verge

]]>
1462617
“โลตัส” สร้างตำนานบทใหม่กับแคมเปญระดับชาติ “โรลแบ็ค ลดหนัก ประหยัดจริง” ช่วยคนไทยลดค่าพี่วินมอไซค์ครึ่งหนึ่ง! https://positioningmag.com/1459602 Mon, 22 Jan 2024 09:51:58 +0000 https://positioningmag.com/?p=1459602

“โลตัส” ตอกย้ำตำแหน่งผู้นำค้าปลีกสินค้าแบรนด์ดังคุณภาพสูงในราคาสุดคุ้มค่า ต้อนรับศักราชใหม่ด้วยแคมเปญใหญ่แห่งปีโรลแบ็ค ลดหนัก ประหยัดจริง ลดราคาสินค้าจำเป็นกว่า 500 รายการตลอดปี 2567 เพื่อลดค่าครองชีพให้แก่ผู้บริโภค ที่โลตัสทุกสาขา และช่องทางออนไลน์ผ่าน Lotus’s SMART App ปีนี้ได้จัดเต็มด้วยกิมมิกสุดพิเศษ โลตัสช่วยคนไทยประหยัดค่าพี่วินมอเตอร์ไซค์ลงครึ่งราคา เพียงแค่ทำท่าหมุนมือ “โรลแบ็ค” ตอกย้ำสัญลักษณ์ Symbolic ประจำแคมเปญ

แคมเปญ “โรลแบ็ค” ขึ้นชื่อว่าเป็นแคมเปญคู่บุญของโลตัสมายาวนานถึง 20 ปี ที่เริ่มคิ๊กอ๊อฟตั้งแต่ปี พ.ศ. 2546 ช่วยให้คนไทยได้ช้อปสินค้าราคาประหยัดจริงๆ ในแต่ละปีจะมีความพิเศษที่แตกต่างกันออกไป

ในปีนี้โลตัสได้สร้างปรากฎการณ์ใหม่ เรียกได้ว่าเป็นไวรัลบนโลกออนไลน์เลยทีเดียว ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาหลายคนที่สัญจรไปมาแถวย่านอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ, สยาม รวมไปถึงสีลม อาจจะได้เห็นผู้คนจำนวนมากทำท่ากำมือทั้ง 2 ข้าง และหมุนมือเป็นสัญลักษณ์บางอย่าง จากนั้นก็ขึ้นวิมอเตอร์ไซต์รับจ้างไปในทันที

หลายคนอาจจะตั้งคำถามว่านี่เป็นเบื้องหลังของแคมเปญอะไรหรือไม่ จนได้คำตอบที่ว่า ที่แท้จริงนั้นคือส่วนหนึ่งของแคมเปญโรลแบ็คของโลตัสนี่เอง โดยที่กิมมิกของแคมเปญนี้อยู่ที่ว่า  หากใครที่ทำท่าหมุนมือนี้ จะได้รับส่วนลดครึ่งราคาในการเดินทางไปกับวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างไปเลยทันที โดยราคาอีกครึ่งที่เหลือ ทางโลตัสจะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายให้เอง เพื่อเป็นการช่วยช่วยคนไทยในการประหยัดค่าครองชีพนั่นเอง

โดยปกติแล้วแคมเปญโรลแบ็คจะอยู่แค่ในสโตร์เพียงอย่างเดียวเท่านั้น จะเป็นการลดราคาสินค้า แต่ในปีนี้โลตัสได้นำเอาสัญลักษณ์การหมุนมือออกมานอกสโตร์ เปรียบเหมือนการลดราคาลง ออกมาใช้เพื่อสร้างการรับรู้ในวงกว้างมากขึ้น

ไม่ใช่แค่ทำท่าหมุนมือเพียงอย่างเดียว แต่เชื่อมโยงกับวิถีชีวิตของคนไทยในการเดินทาง ยิ่งในยุคปัจจุบันที่ค่าครองชีพในเมืองกรุงพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ โลตัสจึงทำการโรลแบ็คไปกับวินมอเตอร์ไซต์รับจ้าง ในการลดครึ่งราคากันเลยทีเดียว เป็นการจุดกระแสสร้างการรับรู้แก่คนที่สัญจรไปมาใน 3 โลเคชั่นหลักอย่างอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ, สยาม และสีลม ซึ่งเป็นย่านเศรษฐกิจที่มีคนพลุกพร่านตลอดทั้งวัน


สำหรับแคมเปญ “โรลแบ็ค ลดหนัก ประหยัดจริง” ในปีนี้ ได้จัดเต็มในการลดราคาสินค้ากว่า 500 รายการ อาทิ ข้าวสาร น้ำยาล้างจาน กางเกงผ้าอ้อมเด็กสำเร็จรูป ของใช้ในชีวิตประจำวันจากแบรนด์ชั้นนำนำมาจัดโปรโมชั่นราคาโรลแบ็ค ลดแบบจัดหนัก เพื่อช่วยคนไทยประหยัดเพิ่มความคุ้มค่า และมอบความรู้สึกดีดีทุกวันให้ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ ยังสอดรับกับมาตรการลดหย่อนภาษีของภาครัฐ เพื่อให้ประชาชนช้อปลดหย่อนภาษีที่คุ้มขึ้นอีกขั้นและลูกค้าสามารถขอรับใบกำกับภาษีแบบ e-Tax Invoice ผ่านการจับจ่ายที่สาขาและแอปพลิเคชั่น Lotus’s SMART App โดยโปรโมชั่นราคาโรลแบ็คจะประเดิมจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 4 มกราคม ถึงวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2567 และมีแผนจะจัดราคาโรลแบ็คต่อเนื่องตลอดทั้งปีซึ่งจะสลับหมุนเวียนสินค้าจำเป็นที่ครอบคลุมต่อการดำรงชีวิตประจำวันของประชาชน นอกจากนี้ ลูกค้ายังสามารถสะสมแต้มสมาชิกมายโลตัส เพื่อรับสิทธิประโยชน์และส่วนลดพิเศษอื่นๆ เพิ่มเติมได้อีกด้วย

นางสาววรวรรณ เพียรลิขิตวงศ์ ผู้อำนวยการอาวุโสสายงานการตลาด โลตัส กล่าวว่า

“โลตัส ในบทบาทผู้นำค้าปลีกที่ยืนหนึ่งเรื่องความคุ้มค่า ขอส่งความสุขให้ประชาชนฉลองการเริ่มต้นปี 2567 อย่างยิ่งใหญ่ ด้วยการนำแคมเปญโด่งดังอย่าง “โรลแบ็ค” ที่เป็นภาพจำของโลตัสตั้งแต่ปี 2546 และอยู่คู่โลตัสมาหลายสิบปีอีกทั้งยังเป็นแคมเปญโดนใจลูกค้าเพราะช่วยลดราคาสินค้าลดภาระค่าครองชีพ พร้อมการันตีความประหยัดที่สุดที่โลตัส ซึ่งครั้งนี้โลตัสได้กลับมาเล่นใหญ่อีกครั้งผ่านการจัดแคมเปญ “โรลแบ็ค ลดหนัก ประหยัดจริง”

ความพิเศษอีกอย่างหนึ่งในปีนี้ โลตัสได้สร้างกิมมิกเล็กๆ ด้วยการ “โรลแบ็ค” นอกสถานที่ ลงพื้นที่ใจกลางกรุงเทพฯอย่างโซนอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ, สยาม และสีลม ทำการช่วยลดค่าโดยสารพี่วินมอเตอร์ไซค์ตั้งครึ่งราคา เพียงแค่แสดงท่าหมุนมือที่เป็นท่าประจำแคมเปญโรลแบ็ค เพื่อเป็นการตอกย้ำไอคอนของแคมเปญที่อยู่คู่คนไทยมายาวนานกว่า 20 ปี”

สำหรับสินค้าที่ร่วมแคมเปญ “โรลแบ็ค ลดหนัก ประหยัดจริง” มีหลากหลายกลุ่มสินค้า ที่ครอบคลุมในชีวิตประจำวัน ยกตัวอย่างเช่น

  • เบญจรงค์ข้าวขาวหอมมะลิ 100% 5 กก. ราคาโรลแบ็ค 167 บาท จากราคาปกติ 198 บาท
  • มามี่โพโคแพ้นท์ แฮปปี้เดย์แอนด์ไนท์บางสบาย, แฮปปี้เดยแอนด์ไนท์ (ทุกไซซ์) ราคาโรลแบ็ค 355 บาท จากราคาปกติ 445 บาท
  • โดฟ แชมพู+แชมพู, แชมพู+ ครีมนวด 380 มล. แพ็กคู่ (สูตรที่ร่วมรายการ) ราคาโรลแบ็ค 198 บาท จากราคาปกติ 249 บาท
  • มาม่าบะหมี่ต้มยำกุ้ง 55 กรัม,เย็นตาโฟต้มยำหม้อไฟ 60 กรัม แพ็ก 10 ห่อ ราคาโรลแบ็ค 62 บาท จากราคาปกติ 65 บาท
  • โลตัส ขนมปังชนิดแผ่น 480 กรัม ราคาโรลแบ็ค 37 บาท จากราคาปกติ 40 บาท

สามารถพบกับ “โรลแบ็ค ลดหนัก ประหยัดจริง” พบสินค้าราคาโปรโมชั่นสุดพิเศษ ที่โลตัสทุกสาขาทั่วประเทศ และช่องทางออนไลน์ผ่าน Lotus’s SMART App ตั้งแต่วันที่ 4 ม.ค. ถึง 21 ก.พ. 2567

]]>
1459602
Walmart เตรียมนำระบบ AI แนะนำลูกค้าเวลาซื้อของผ่านแอป ไปจนถึงช่วยจัดทำเอกสารของพนักงานแต่ละสาขา https://positioningmag.com/1458675 Fri, 12 Jan 2024 11:11:10 +0000 https://positioningmag.com/?p=1458675 แม้แต่แบรนด์ค้าปลีกเองก็ยังนำ AI มาใช้ ล่าสุด วอลมาร์ท (Walmart) ยักษ์ใหญ่ค้าปลีกของสหรัฐอเมริกา ก็เป็นอีกบริษัทที่ได้นำเทคโนโลยีดังกล่าวมาใช้งาน เพื่อเพิ่มความสะดวกแก่ทั้งลูกค้า หรือแม้แต่พนักงานของบริษัท

Walmart ยักษ์ใหญ่ค้าปลีกของสหรัฐอเมริกา ได้ประกาศในงาน CES 2024 ซึ่งเป็นงานแสดงศักยภาพเทคโนโลยีของหลายธุรกิจ ซึ่งบริษัทได้นำเสนอถึงการนำระบบปัญญาประดิษฐ์เข้ามาใช้งานเพื่อช่วยให้ลูกค้าจับจ่ายใช้สอยได้อย่างเพลิดเพลิน ขณะเดียวกันก็ช่วยทำให้พนักงานทำงานเอกสารสะดวกมากขึ้น

Doug McMillon ซึ่งเป็น CEO ของ Walmart ได้กล่าวถึงการนำระบบ AI เข้ามาใช้ ไม่ว่าจะเป็นการช่วยลูกค้าในการหาสินค้าเวลาซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น การพิมพ์ประโยค “ต้องการที่จัดปาร์ตี้ยูนิคอร์นภายในบ้านให้กับลูกสาว ให้ช่วยเลือกสินค้าหน่อย” โดยระบบจะแนะนำสินค้าขึ้นมาให้

หรือแม้แต่ระบบ AI ที่นำมาเรียนรู้พฤติกรรมการซื้อสินค้าของลูกค้าแต่ละราย ไปจนถึงการนำระบบ AI มาจำลองเสื้อผ้าเสมือนจริง ถ้าหากลูกค้าสนใจที่จะซื้อเสื้อผ้า

ภาพจาก Walmart

ในขณะเดียวกัน Walmart เองได้นำเทคโนโลยีดังกล่าวมาช่วยยืนยันว่าลูกค้านั้นจ่ายเงินซื้อสินค้านั้นจริงๆ โดยใช้กล้องถ่ายรถเข็นสินค้า หลังการสแกนใบเสร็จกับระบบ ทดแทนการใช้พนักงานดูใบเสร็จกับสินค้า นอกจากนี้ระบบ AI ที่ Walmart ได้นำมาใช้กับพนักงานของบริษัท เช่น การสรุปรายงาน การจัดทำเอกสารที่เกี่ยวข้องกับสินค้า หรือแม้แต่การช่วยคิดไอเดียทำคอนเทนต์เพื่อขายสินค้า

สำหรับระบบ AI ที่นำมาช่วยเวลาค้นหาสินค้า หรือบริการอื่นๆ ทาง Walmart ได้ใช้ระบบ AI จาก Microsoft 

Suresh Kumar ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพัฒนาของ Walmart ได้กล่าวว่าในขณะที่การค้าปลีกแบบ Omnichannel นั้นถือว่ามีมานานหลายทศวรรษแล้ว แต่การค้าปลีกรูปแบบใหม่นี้ได้ถือว่าปรับเปลี่ยนโดยได้ก้าวไปอีกขั้นหนึ่ง (จากการใช้ AI)

ยักษ์ใหญ่ค้าปลีกของสหรัฐฯ​ ถือเป็นอีกบริษัทที่ได้นำเทคโนโลยี AI เข้ามาใช้เพื่อเพิ่มประสบการณ์ในการซื้อสินค้า ขณะเดียวกันพนักงานของบริษัทก็ได้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเพื่อช่วยในการทำงานเช่นกัน ซึ่งมุมมอง Walmart เองนั้นเริ่มไม่ได้มองถึงการตัดขาดระหว่าง E-Commerce กับการซื้อสินค้าในร้านออกจากกันแต่อย่างใด แต่ทั้ง 2 คือเรื่องเดียวกัน

ที่มา – Engadget, NPR, TechCrunch

]]>
1458675
สยามพิวรรธน์ ทรานส์ฟอร์มองค์กรสู่ Future Ready Organization เสริมแกร่งบุคลากร ขับเคลื่อนรับการเปลี่ยนแปลง https://positioningmag.com/1453558 Tue, 28 Nov 2023 09:49:13 +0000 https://positioningmag.com/?p=1453558

ในยุคปัจจุบันภาคธุรกิจเจอความท้าทายรอบด้าน จากทั้งความไม่แน่นอนทางสภาพอากาศ ภาวะเศรษฐกิจ รวมไปถึงโรคระบาดอย่าง COVID-19 ที่สร้างความปั่นป่วนไปทั่วโลก ทำให้แต่ละองค์กรต้องปรับตัวเพื่อรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงได้อย่างทันท่วงที

นอกจากการปรับตัวทางด้านธุรกิจแล้ว การปรับตัวภายในองค์กรก็เป็นสิ่งสำคัญ ทั้งในเรื่องโครงสร้าง บุคลากร และสภาพแวดล้อมการทำงานต่างๆ เพื่อเอื้อต่อการทำงานในรูปแบบใหม่ สำหรับคนรุ่นใหม่มากขึ้น ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ เราจึงได้เห็นหลายองค์กรในไทยตื่นตัวในด้านนี้มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง

สยามพิวรรธน์ ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และค้าปลีกชั้นนำ เจ้าของและผู้บริหารโครงการที่มีชื่อเสียงระดับโลก อาทิ สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ หนึ่งในพันธมิตรเจ้าของไอคอนสยาม และสยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต กรุงเทพ เป็นอีกหนึ่งองค์กรใหญ่ที่ให้ความสำคัญต่อการพัฒนาองค์กรเพื่อรับมือต่อการเปลี่ยนแปลง เดินหน้าเสริมแกร่ง และยกระดับความเป็นเลิศด้านการพัฒนาทรัพยากรบุคคล (Human Resources -HR) ปรับโครงสร้างองค์กรให้มีความคล่องตัว ยืดหยุ่นมากขึ้น  และเปิดโอกาสคนรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพขึ้นเป็นผู้นำร่วมขับเคลื่อนองค์กรยุคใหม่ที่พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง เตรียมขยายธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ มุ่งเป็นแพลตฟอร์มเพื่อการเติบโตที่ดีและมีประสิทธิภาพสำหรับทุกภาคส่วน (Well-growing platform) ที่พร้อมรับมือต่อทุกการเปลี่ยนแปลงสำหรับอนาคต (Future ready organization)

นางอัมพร โชติรัชสกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ สายสนับสนุนธุรกิจ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวว่า

“จากสถานการณ์โควิด-19  สยามพิวรรธน์ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เราก้าวผ่านวิกฤตมาได้ทุกยุคสมัย เพราะสามารถปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลงทุกรูปแบบ โดยช่วง 3 ปีที่ผ่านมานี้ การปรับเปลี่ยนโครงสร้างองค์กรให้มีความคล่องตัว ยืดหยุ่น มี Mindset Skillset ที่สอดคล้องกับกลยุทธ์องค์กรในการขยายธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ เตรียมความพร้อมด้วย Digital Capability และเป็น Data-led organization ตลอดจนการเปิดโอกาสให้บุคลากรที่มีคุณภาพขึ้นมาเป็นผู้นำรุ่นใหม่ ทั้งที่เติบโตจากภายใน และผสมผสานความหลากหลายด้วยบุคลากรภายนอกจากหลากหลายสาขาที่มีความสามารถ และมีความเชี่ยวชาญใหม่ๆ เข้ามาร่วมทีม เพื่อตอบโจทย์การทำธุรกิจรูปแบบใหม่ๆ ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง และสร้างการเติบโตได้สำเร็จ

สยามพิวรรธน์ มุ่งพัฒนาตั้งแต่ระดับผู้บริหารจนถึงพนักงาน มีการออกแบบเส้นทางการเติบโตของ Talent ให้สอดรับกับกลยุทธ์องค์กรในการขยายธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งการพัฒนาศักยภาพด้านการจัดการกลยุทธ์องค์กร (Strategic planning) การบริหารงานบุคคลและทักษะสำคัญที่จำเป็น เพื่อพร้อมสำหรับการแข่งขันในโลกอนาคต (Global Perspective)

ปัจจุบันสยามพิวรรธน์มีพนักงานที่เป็นกลุ่มเจน Y และ เจน Z จำนวน 67% ของพนักงานทั้งหมดกว่า 2,500 คน และในเวลา 5 ปีที่ผ่านมา มีพนักงานเจน Z เพิ่มขึ้นประมาณ 6% และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต ซึ่งเป็นไปตามแนวทางกลยุทธ์องค์กรที่ต้องการสร้างทีมที่มีศักยภาพ และผลักดันผู้บริหารคนรุ่นใหม่ (Middle Management) ให้ได้มีโอกาสก้าวเข้ามาทำโครงการใหญ่ๆ มากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ในปี 2024 สยามพิวรรธน์ได้เตรียมพัฒนาองค์กรสู่การเป็น Future Ready Organization มีการวางรากฐาน และเตรียมความพร้อมขององค์กรในการขยายธุรกิจทั้งระดับโลคอลและโกลบอล โดยมุ่งเน้นที่การพัฒนาระดับความสามารถของพนักงานในทุกระดับ ตั้งแต่ระดับผู้บริหารจนถึงระดับพนักงาน

รวมถึงมีการออกแบบเส้นทางการเติบโตของพนักงานศักยภาพสูงให้เชื่อมโยงกับกลยุทธ์การขยายธุรกิจ โดยเน้นการ Upskill ในเรื่องของ Strategic Planning, Management, People Management ด้วย Global Perspective

สำหรับพนักงานได้มีแผนพัฒนาทักษะให้มี Mixed Skill เชิงกว้าง และเพิ่ม Digital Skill เพื่อเปิดโอกาสด้านสายอาชีพให้พนักงานสามารถปรับเปลี่ยนสายงานได้คล่องตัวยิ่งขึ้น และที่สำคัญคือ เน้นพัฒนา Growth Mindset เพื่อสร้างกรอบความคิดที่แข็งแรง มีภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลง และความท้าทายในการขยายธุรกิจในอนาคต

รวมถึงการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่ง เพื่อพัฒนาศักยภาพของพนักงานอย่างไร้ขีดจำกัด (Empower limitless possibilities) ให้พนักงานมีความมั่นใจ สามารถบริหารจัดการ หรือตัดสินใจภายใต้บทบาทและความรับผิดชอบของตนเอง ซึ่งถือเป็นการเพิ่มศักยภาพให้พนักงานอีกทางหนึ่ง

ทางด้าน นายณัฐวุฒิ เกียรติไชยากร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานทรัพยากรบุคคล บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวเสริมว่า “สยามพิวรรธน์ได้สร้างวัฒนธรรมองค์กรสำหรับการทำงานในโลกยุคใหม่ โดยการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของพนักงานในทุกเจนเนอเรชั่นให้ได้พัฒนาศักยภาพอย่างไร้ขีดจำกัด (Empower limitless possibilities) เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมต่อการขยายตัวธุรกิจขององค์กรในอนาคต โดยมุ่งเน้นกลยุทธ์ 4 ด้าน ดังนี้

1.Future Workforce : เตรียมความพร้อมตั้งแต่การรับสมัครพนักงาน หรือ Talent เข้ามาร่วมงาน โดยคัดสรรจาก Candidate ที่เป็น Profile ที่แตกต่าง หลากหลาย และมีความชำนาญในเรื่องใหม่ๆ เพื่อให้สอดคล้องกับธุรกิจรีเทลที่เปลี่ยนแปลงสู่ความเป็นดิจิทัลยิ่งขึ้น อย่างเช่น ล่าสุดบริษัทได้พัฒนาและเปิดตัว ONESIAM SuperApp เรือธงในการทำธุรกิจแบบออมนิชาแนล ทำให้มีกลุ่มพนักงานสายดิจิทัลและดาต้า (Data) เข้ามาเพิ่ม มาผสมผสาน และทำงานร่วมกับกลุ่มพนักงานรีเทลมากขึ้น ซึ่งในปัจจุบันกลุ่มนี้คิดเป็น 10% ของพนักงานทั้งหมด

2.ปรับเปลี่ยนบรรยากาศการทำงานให้เหมาะกับพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปของพนักงานในยุคปัจจุบัน ให้ความสำคัญกับความหลายหลาย ความเท่าเทียม และการมีส่วนร่วมของพนักงาน ด้วยการสร้างพื้นที่ทำงานร่วมกัน (Co-working Space) ในมุมต่างๆ ของสำนักงาน ใช้การออกแบบที่เน้นความทันสมัย เปิดโล่งเน้นความโปร่งใส สะท้อนการผสานการทำงานและการใช้ชีวิตร่วมกัน (Work-life Integration) พร้อมทั้งมีการดูแลพนักงานทั้งทางด้าน Physical และ Mental Well-being อย่างดีครบทุกด้าน

3.ตรียมพร้อมพนักงานให้มีทักษะที่จำเป็นสำหรับการทำงานในปัจจุบันที่นอกเหนือจาก Functional Skill โดยสนับสนุนให้พนักงานพัฒนาทั้ง Digital Skill และ Human Skill ให้มีการเทรนนิ่งคอร์สใหม่ๆ ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เช่น จัดการอบรมเรื่อง ChatGPT ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ก้าวเข้ามามีบทบาทสำคัญในการพัฒนาประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานทั้งองค์กร โดยล่าสุดได้เซ็น MOU กับ LinkedIn Learning แพลตฟอร์มการเรียนรู้ระดับโลก ซึ่งพนักงานสามารถเลือกเรียนรู้คอร์สออนไลน์ และพร้อม Upskill – Reskill ด้วยตนเองได้ทุกที่ทุกเวลา ได้มากกว่า 21,000 คอร์ส

4.Future Culture : ส่งเสริมวัฒนธรรมการทำงานแบบ Work as One พร้อมสร้าง Mindset ให้พนักงานในเรื่องทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ (Make the Impossible Possible) เพื่อให้กล้าคิด กล้าทำ และพัฒนาศักยภาพของตนเองอย่างไร้ขีดจำกัด ผ่านการสร้างความเชื่อมั่นและไว้วางใจระหว่างพนักงานในองค์กร ด้วยการเปิดรับฟังเสียงของพนักงานผ่านแคมเปญ We Care We Dare ที่ส่งเสริมให้ผู้บริหารระดับสูง Engage กับพนักงานมากยิ่งขึ้น และเปิดเวทีให้พนักงานได้รับ Empowerment ในการทำงานด้วยศักยภาพที่มีอยู่อย่างสูงสุด

ความสำเร็จจากการปรับทัพองค์กรในช่วงที่ผ่านมา สามารถการันตีด้วยรางวัลมากมายจากสถาบันด้านการบริหาร และพัฒนาทรัพยากรบุคคลจากหลายเวที ทั้งในประเทศและต่างประเทศ อาทิ

ปี 2566

  • รางวัล HR Asia Best Companies to Work for in Asia 2023 ซึ่งเป็นปีที่สองติดต่อกันที่สยามพิวรรธน์ได้รับการจัดอันดับเป็นหนึ่งในบริษัทที่น่าทำงานด้วยมากที่สุดในเอเชียจาก HR Asia และยังได้รับรางวัล Diversity, Equity & Inclusion Award จากสถาบันเดียวกัน สะท้อนถึงองค์กรที่โดดเด่นในด้านความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการมีส่วนร่วม
  • รางวัลชนะเลิศระดับโกลด์ในสาขาExcellence in HR Communication Strategy และ Excellence in CSR Strategy จาก HR Excellence Awards 2023
  • รางวัลความเป็นเลิศทางธุรกิจระดับสากลจากEnterprise Asia Linchpin of Asia Awards 2023

ปี 2565

  • รางวัล Excellence in Crisis Management and Recovery รางวัลที่แสดงถึงความเป็นเลิศในด้านการบริหารจัดการวิกฤต
  • รางวัลระดับบรอนซ์ สาขา Excellence in Women Empowerment Strategy จากงาน HR Excellence Awards 2022

สยามพิวรรธน์มุ่งมั่นที่จะพัฒนาบุคลากรให้มีความพร้อมต่อการขยายธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ และนำพาองค์กรก้าวเข้าสู่โลกอนาคตด้วยการปรับกระบวนการทำงาน สร้างทีมที่แข็งแกร่ง มีคุณภาพ รับมือกับทุกสถานการณ์การเปลี่ยนแปลง และเพื่อครองความเป็น Top of Mind เป็นที่หนึ่งในใจไม่เฉพาะลูกค้า และรวมถึงพนักงาน แต่เพื่อเป็น Employer of choice สำหรับทุกคน

]]>
1453558
IKEA เริ่มทยอยลดราคาสินค้าแล้ว ให้เหตุผลว่าสถานการณ์เงินเฟ้อคลี่คลายลง ปรับปรุงด้าน Supply Chain https://positioningmag.com/1448005 Sat, 14 Oct 2023 09:03:18 +0000 https://positioningmag.com/?p=1448005 อิเกีย บริษัทเฟอร์นิเจอร์ยักษ์ใหญ่จากประเทศสวีเดน เริ่มทยอยลดราคาสินค้าแล้ว สาเหตุสำคัญมาจากอัตราเงินเฟ้อที่ลดลง หรือแม้แต่การปรับปรุงด้านการผลิต ไปจนถึงด้าน Supply Chain

สำนักข่าวต่างประเทศหลายแห่งได้รายงานข่าวว่า IKEA ค้าปลีกสินค้าตกแต่งบ้านรายใหญ่จากสวีเดน ได้ทยอยปรับลดราคาสินค้าของบริษัทลงมาแล้วหลากหลายรายการ หลังจากสถานการณ์เงินเฟ้อคลี่คลายลง หรือแม้แต่การปรับปรุงด้านการผลิตของบริษัท

Tolga Oncu หัวหน้าฝ่ายค้าปลีกของ Ikea ได้กล่าวว่า บริษัทได้ลดราคาสินค้าตั้งแต่วันที่ 1 กันยายนเป็นต้นมาหลายร้อยรายการ และการลดราคาสินค้าของบริษัทได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค

สอดคล้องกับ Jon Abrahamsson Ring จาก Inter Ikea Group ซึ่งเป็นผู้ให้สิทธิ์แฟรนไชส์ของ IKEA ได้กล่าวว่า ในปี 2023 บริษัทเริ่มที่พลิกมุมโดยการลดราคาสินค้าอีกครั้ง โดยบริษัทได้ปรับลดราคาสินค้าหลากหลายชนิด ไม่เว้นแม้แต่ชั้นหนังสือ Billy ที่บริษัทลดราคาลงมาถึง 20% แล้วในบางประเทศ

เขายังกล่าวเสริมว่า ในช่วงที่ราคาสินค้าตกแต่งบ้านยังมีราคาสูง และผู้คนกำลังดิ้นรนอย่างหนักในเรื่องค่าครองชีพ ส่งผลทำให้ความต้องการสินค้าตกแต่งบ้านในราคาที่เอื้อมถึงนั้นมีสูงมากขึ้น

นอกจากนี้ทาง IKEA ยังอยู่ในขั้นตอนลดต้นทุนสินค้าบริษัทโดย ปรับปรุงและพัฒนาวัสดุ รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต รวมถึงบริษัทยังทำงานร่วมกับพันธมิตรทั่วทั้ง Supply Chain ของ IKEA เพื่อแก้ไขปัญหาด้านลอจิสติกส์และปรับปรุงการจัดการสินค้าคงคลัง

ช่วง 1 ปีที่ผ่านมา IKEA ได้ปรับขึ้นราคาสินค้าเนื่องจากปัญหาของเงินเฟ้อ และต้นทุนที่สูงขึ้น หรือแม้แต่ค่าใช้จ่ายในด้านลอจิสติกส์

ผลประกอบการของ IKEA ในปี 2023 สิ้นสุดเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้รวม 47,600 ล้านยูโร เติบโตกว่าปี 2022 ถึง 6.6% แม้ว่าปริมาณสินค้าจะขายได้ลดลง แต่ยอดขายที่เพิ่มขึ้นนั้นมาจากราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ขณะเดียวกันยังมีการเปิดสาขาไปมากถึง 71 สาขาทั่วโลกด้วย

ที่มา – IKEA, The Guardian, Macau Business

]]>
1448005
สยามพิวรรธน์เตรียมขยายธุรกิจบุกต่างประเทศ https://positioningmag.com/1444706 Tue, 19 Sep 2023 12:55:51 +0000 https://positioningmag.com/?p=1444706

· ประกาศเตรียมขยายธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ เสริมแกร่งผู้นำการพัฒนาโครงการจุดหมายปลายทางที่สำคัญระดับโลก (World-class Destination)

· รายได้ 6 เดือนแรกของปี 2566 เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เติบโตกว่า 25%จากปีก่อน

กลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจ ค้าปลีกชั้นนำ เจ้าของและผู้บริหาร สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ หนึ่งในพันธมิตรเจ้าของไอคอนสยาม และสยามพรีเมี่ยมเอาท์เล็ต กรุงเทพ ประกาศแผนเตรียมขยายธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งของสยามพิวรรธน์ในฐานะผู้นำการพัฒนาโครงการจุดหมายปลายทางที่ประสบความสำเร็จและมีความสำคัญระดับโลก (World-class Destination) ที่ได้รับการยอมรับนับถือในเวทีพัฒนาอสังหาริมทรัพย์

โดยผลประกอบการของทั้งกลุ่มบริษัทฯ ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วง 6 เดือนแรกของ ปี 2566 บริษัทฯ มีรายได้เติบโตกว่า 25% จากปี 2565 อีกทั้งมีจำนวนผู้เข้าใช้บริการที่ศูนย์การค้าในกลุ่มวันสยามอันประกอบด้วย สยามพารากอน, สยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่ มากถึง 45 ล้านคน เติบโตกว่า 50% จากปีที่ผ่านมา ส่วนไอคอนสยามซึ่งในปัจจุบันเป็นที่กล่าวขวัญถึงอย่างมากในหลายประเทศว่า เป็นโครงการที่เป็นต้นแบบของการพัฒนาโครงการเมือง ที่รวบรวมความครบครันของการ ช้อปปิ้ง เอ็นเตอร์เทนเมนท์ ศิลปวัฒนธรรมและนวัตกรรมที่อำนวยความสะดวกสบาย โรงแรมและคอนโด มีเนียมที่อยู่อาศัยเหนือระดับ ตอบโจทย์การใช้ชีวิตยุคใหม่ รองรับด้วยการสัญจรที่เชื่อมต่อระบบรถ ราง เรือ เข้าด้วยกันอย่างลงตัว อีกทั้งเป็นจุดหมายสำคัญที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลกให้อยากมาเยี่ยมชมเป็นจำนวนมากนั้น ในปัจจุบันไอคอนสยามมีจำนวนลูกค้าแตะวันละ 100,000 คน และใน 6 เดือนแรกของปีนี้มีจำนวนผู้ที่มาใช้บริการในไอคอนสยามทั้งชาวไทยและต่างชาติรวมกันถึง 15.5 ล้านคน ซึ่งเติบโตจากปี 2565 อย่างมากถึง 70%

นางชฎาทิพ จูตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ กล่าวว่า “ในปัจจุบันวงการพัฒนาธุรกิจค้าปลีกและอสังหาริมทรัพย์ทั่วโลก เริ่มมีการตื่นตัวหลังจากผ่านพ้นวิกฤตการณ์โควิด 19 ทั้งนี้ในระยะเวลา 12 เดือนที่ผ่านมานั้น สยามพิวรรธน์ได้รับการติดต่อจากบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำระดับต้นๆ จากหลายประเทศที่เดินทางมาเยี่ยมชมศูนย์การค้าต่างๆ ของสยามพิวรรธน์เป็นจำนวนมาก ได้แสดงความประสงค์ที่จะให้สยามพิวรรธน์ไปร่วมลงทุน เพื่อสร้างโครงการที่เป็นแลนด์มาร์คในประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชีย ขณะนี้บริษัทฯ อยู่ในระหว่างการจัดทำแผนยุทธศาสตร์ 5 ปี ซึ่งนอกจากจะมีแผนการลงทุนภายในประเทศแล้ว คณะกรรมการบริษัทฯ เห็นชอบที่จะศึกษาการขยายธุรกิจไปต่างประเทศในภูมิภาคเอเชียอีกด้วย ทั้งนี้บริษัทฯ คาดว่าจะทำแผนเสร็จสมบูรณ์และประกาศได้ต้นปี 2567”

เพื่อรองรับแผนยุทธศาสตร์และการขยายธุรกิจระยะยาว บริษัทฯ จึงได้ลงนามแต่งตั้งบริษัท หลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) และ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงินเพื่อช่วยปรับโครงสร้างและวางแผนทางการเงิน ศึกษาเรื่องการระดมทุนที่เหมาะสม รวมทั้งความเป็นไปได้ในการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในอนาคต

“การที่สยามพิวรรธน์ได้รับการทาบทามให้ไปร่วมลงทุนกับผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำในหลายประเทศนั้น ถือว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่งและเป็นบทพิสูจน์ว่า งานของสยามพิวรรธน์ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้นำความคิดสร้างสรรค์ที่ล้ำสมัยด้วยคอนเซปต์แปลกใหม่และเป็นจุดหมายปลายทางที่เป็นแลนด์มาร์คสำคัญของประเทศ สามารถคว้ารางวัลชนะเลิศในสาขาต่างๆ บนเวทีโลก สร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้คน และล้วนแต่เป็นโครงการที่ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้แก่เศรษฐกิจและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทยตลอดมา ในวันนี้สยามพิวรรธน์พร้อมแล้วที่จะก้าวออกไปต่อยอดธุรกิจเพื่อสร้างชื่อเสียงในต่างประเทศด้วยความมั่นใจ” นางชฎาทิพกล่าวในตอนท้าย

]]>
1444706