ชาตินิยม – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Tue, 24 Aug 2021 12:28:21 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 Universal Studio เตรียมเปิดบริการที่ “ปักกิ่ง” ท่ามกลางความท้าทายกระแส “ชาตินิยม” https://positioningmag.com/1348325 Tue, 24 Aug 2021 11:44:40 +0000 https://positioningmag.com/?p=1348325 Universal Studio สาขาที่ 5 ของโลกเริ่มก่อสร้างใน “ปักกิ่ง” เมื่อปี 2015 และเลื่อนเปิดบริการเนื่องจากโรคระบาด แต่ในที่สุด มีความเคลื่อนไหวว่าจะเปิดได้เร็วๆ นี้ แม้ประเทศจีนยังไม่เปิดพรมแดน โดยคาดว่าตลาดภายในประเทศจะมีดีมานด์เพียงพอ อย่างไรก็ตาม ความท้าทายหลักคือกระแส “ชาตินิยม” ของคนจีน อาจทำให้ธีมปาร์คแห่งนี้ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร

Universal Beijing Resort จะเป็นสวนสนุกธีมปาร์คแห่งใหม่ของ Universal Studio โดยตั้งอยู่นอกกรุงปักกิ่งไป 32 กิโลเมตร เป็นแห่งที่ 5 ของโลกต่อจากที่ ฮอลลีวูด, ออร์แลนโด, ญี่ปุ่น และสิงคโปร์ ภายในมีโซนเด่นๆ สร้างจากธีมภาพยนตร์และอนิเมชันอย่าง แฮร์รี่ พอตเตอร์, ทรานสฟอร์เมอร์ส, จูราสสิค เวิลด์, กังฟู แพนด้า และ มินเนี่ยนแลนด์

สำนักข่าวท้องถิ่นในจีนเริ่มลงข้อมูลในเว่ยป๋อ (โซเชียลมีเดียจีน) ถึงความเคลื่อนไหวของ Universal Studio ว่ากำลังจะเปิด “ในอนาคตอันใกล้” หลังจากชื่อของ Universal Resort ปรากฏบนแผนที่รถไฟฟ้าใต้ดินแล้วตั้งแต่กลางเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา

ภาพเรนเดอร์เครื่องเล่น Decepticoaster โซนทรานสฟอร์มเมอร์ส

ช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่ท้าทายมากสำหรับธีมปาร์คหรือสวนสนุก แต่ก็ยังมีผู้ประกอบการเข้าออกธุรกิจไม่น้อย โดย “เบธ ชาง” กรรมการผู้อำนวยการ AECOM Economics รายงานข้อมูลกับสำนักข่าว South China Morning Post ระบุว่าปี 2020 มีสวนสนุกเปิดใหม่ถึง 12 แห่งในจีน แต่ก็มีถึง 9 แห่งที่ปิดตัวลงหรือปิดชั่วคราว

ส่วนสวนสนุกที่กำลังก่อสร้างก็พยายามที่จะเปิดให้ได้ตามกำหนด เพราะการทำงานกับรัฐบาลจีนซึ่งต้องการให้ธุรกิจเป็นตัวเร่งเศรษฐกิจ รัฐบาลต้องการให้บริษัทเปิดดำเนินการให้ได้ตามเป้าที่วางไว้ อย่างเช่น Universal Beijing นี้รัฐบาลจีนร่วมทุนถึง 70% ด้วยความคาดหวังว่าจะเป็นแหล่งงานกว่า 10,000 ตำแหน่ง

 

พึ่งพิงคนในประเทศ

กรณีของ Disneyland Hong Kong ต้องปิดบริการนานหลายเดือนท่ามกลางโรคระบาด เพราะกลุ่มเป้าหมายถึง 2 ใน 3 มาจากคนนอกเกาะ ไม่ว่าจะเป็นคนจีนแผ่นดินใหญ่หรือต่างชาติอื่นๆ แต่กรณีของ Universal Studio ที่ปักกิ่ง จะแตกต่างกัน เพราะพึ่งพิงคนในประเทศเป็นหลักได้

เฉพาะกรุงปักกิ่งและเมืองเทียนจินก็น่าจะทำให้สวนสนุกแห่งนี้มีลูกค้ามากเพียงพอหล่อเลี้ยงได้แล้ว ในกรณีที่โรคระบาดอาจทำให้คนจีนเองไม่สามารถเดินทางเข้ามาปักกิ่ง อย่างไรก็ตาม จีนมีการฉีดวัคซีนให้ประชากรไปแล้วมากกว่า 200 ล้านคน เฉพาะในปักกิ่ง มีผู้ฉีดวัคซีนแล้ว 70% ของทั้งเมือง รวมถึงทั้งประเทศยังไม่มีการระบาดรุนแรงเพิ่มขึ้น

ม้าหมุนโซนกังฟู แพนด้า

ไซม่อน ลี อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัย Chinese University of Hong Kong มองว่า การเปิดสวนสนุกในยามนี้อาจจะเสี่ยง แต่ตลาดท้องถิ่นจีนก็ใหญ่เพียงพอ และเชื่อว่าโรคระบาดจะดีขึ้นเป็นลำดับ สถานการณ์ขณะนี้เพียงแต่ทำให้เกิดผลกระทบเล็กน้อยเท่านั้น เช่น ทำให้ระยะคืนทุนช้าลงบ้าง

ส่วนคู่แข่งสวนสนุกในจีน หากวัดกลุ่มที่เป็นแบรนด์ต่างชาติด้วยกันจะมี Disneyland Shanghai ที่เปิดมาตั้งแต่ปี 2016 และเน้นกลุ่มเป้าหมายชนชั้นกลางแดนมังกรที่มีราว 400 ล้านคน

แต่คาดกันว่าคู่แข่งตัวจริงจะเป็นสวนสนุกที่อยู่ในปักกิ่งมานาน 15 ปีมากกว่า Happy Valley Beijing ตั้งอยู่ห่างจากกลางกรุงปักกิ่งไปเพียง 17 กิโลเมตร และบริหารงานโดย Overseas Chinese Town Enterprises รัฐวิสาหกิจจีนด้านสวนสนุก ซึ่งถือเป็นบริษัทที่ใหญ่อันดับ 3 ของโลก ใหญ่กว่า Universal Studio หากวัดจากจำนวนทราฟฟิกเข้าสวนสนุกต่อปี

 

ความท้าทายหลัก “กระแสชาตินิยม”

โรคระบาดและเศรษฐกิจที่ซบเซาลงอาจไม่ใช่ความท้าทายสำคัญนักของ Universal Studio แต่ที่น่ากังวลพอสมควรคือ กระแส “ชาตินิยม” ในหมู่คนจีนที่รุนแรงขึ้น นับตั้งแต่เกิดสงครามการค้าจีน-สหรัฐฯ

แฮร์รี่่ พอตเตอร์มีแฟนคลับไม่น้อยในจีน

ที่จริงแล้ว Universal Studio ไม่ได้เป็นที่รู้จักมากนักสำหรับคนจีน แต่คนจีนที่เป็นแฟนคลับ แฮร์รี่ พอตเตอร์ หรือทรานสฟอร์มเมอร์ส นั้นมีจำนวนไม่น้อย โดยเฉพาะทรานสฟอร์มเมอร์สที่น่าจะดึงดูดคนได้หลายวัย รองมาคือกลุ่มอะนิเมชั่นอย่าง กังฟู แพนด้า และ มินเนี่ยน ที่ดึงดูดกลุ่มเด็กๆ

ความโด่งดังวัดได้จากตัวเลขรายได้การฉายภาพยนตร์ ทรานสฟอร์มเมอร์ส ทำรายได้รวมกันทุกภาคไปกว่า 5,000 ล้านหยวน (ประมาณ 25,400 ล้านบาท) จูราสสิค เวิลด์ สองภาครวมกันทำเงิน 3,100 ล้านหยวน (ประมาณ 15,700 ล้านบาท) แม้แต่การนำ แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับศิลาอาถรรพณ์ มาฉายใหม่ปีนี้ก็ยังทำเงินได้ 200 ล้านหยวน (ประมาณ 1,000 ล้านบาท)

อย่างไรก็ตาม มีเจนเนอเรชันหนึ่งที่ถูกมองว่าอาจจะไม่ตื่นเต้นกับการมาของ Universal Studio นั่นคือ “เจนซี” หรือคนที่เกิดระหว่างปี 1995-2010 (อายุ 11-26 ปี ณ ขณะนี้) iiMedia Research รายงานว่า คนกลุ่มนี้เติบโตมากับการปลุกเร้ากระแสชาตินิยม ตอบรับแบรนด์จีนและถวิลหาวัฒนธรรมดั้งเดิม ซึ่งทำให้ช่วงที่ผ่านมา เสื้อผ้าแบบจีนโบราณเกิดฮิตติดตลาด เฉพาะปีนี้คาดว่าจะเติบโตถึง 59.7% เป็น 10,000 ล้านหยวน (ประมาณ 50,800 ล้านบาท)

วัยรุ่นชายหญิงแต่งตัวด้วยชุดฮั่นฝูของจีน เดินตามท้องถนนในเมืองนานจิง (ภาพเมื่อ เม.ย. 2020) แสดงออกถึงความภูมิใจในชาติ (Photo : Shutterstock)

iiMedia ยังมองด้วยว่ากระแสจีนทำจีนใช้แบบนี้ จะทำให้แข่งขันกับแบรนด์ต่างประเทศได้ในไม่ช้า และอาจจะเป็นแบรนด์ที่แข็งแรงในระดับโลกภายใน 5-10 ปีด้วย

แต่ตลาดที่มีผู้บริโภคจำนวนมากและเศรษฐกิจยังโตได้อีก ย่อมมีแบรนด์ต่างชาติเข้ามาไม่ขาดสาย เช่น Merlin Entertainments (อันดับ 2 ของโลกในธุรกิจสวนสนุก) จะนำ Legoland มาลงทุนถึง 3 แห่งติดต่อกัน ได้แก่ เสฉวน เปิดปี 2023, เซี่ยงไฮ้ เปิดปี 2024 และเสิ่นเจิ้น คาดว่าจะเปิดปี 2025 หรือ Disneyland Shanghai ก็ไม่หยุดลงทุน ธีมปาร์คพื้นที่ใหม่ ‘Zootopia’ จะเปิดเร็วๆ นี้ และเตรียมขึ้นราคาบัตรอีก 10% ปีหน้า

ทั้งนี้ ลิเดีย ไพรซ์ ศาสตราจารย์ที่ China Europe International Business School ให้ความเห็นว่า เพราะลักษณะผู้บริโภคจีนที่เปลี่ยนแปลง สวนสนุกที่เป็นแฟรนไชส์ต่างประเทศก็จะต้องตามให้ทัน เช่น สร้างคาแร็กเตอร์และเรื่องราวแบบเอเชียนให้มากขึ้น และลดการ ‘สเตอริโอไทป์’ จากสายตาคนตะวันตก ซึ่งเธอมองว่า Universal และ Disney คือ “ปรมาจารย์” ของเกมธุรกิจนี้ และเชื่อว่าจะทำสำเร็จในจีน

Source

]]>
1348325
คนจีนยังรักชาติแรง! เทศกาล “วันคนโสด” งดซื้อแบรนด์อเมริกัน แบรนด์ยุโรปโดนหางเลข https://positioningmag.com/1303493 Wed, 28 Oct 2020 10:54:35 +0000 https://positioningmag.com/?p=1303493 เทศกาลช้อปปิ้ง “วันคนโสด” ปี 2020 ชาวจีน 57% ตั้งใจจะเลี่ยงซื้อแบรนด์อเมริกัน โดยตัวเลขนี้ลดลงมากจากปีก่อน อย่างไรก็ตาม 39% จะเลี่ยงซื้อแบรนด์ยุโรป ต่างจากปีก่อนที่ชาวจีนยังซื้อสินค้ายุโรปตามปกติ จุดโฟกัสปีนี้คือ “สินค้าลักชัวรี” เพราะคนจีนที่ไปเที่ยวต่างประเทศไม่ได้ มีแนวโน้มจะซื้อสินค้ากลุ่มนี้สูงขึ้น

เลือดรักชาติของคนจีนยังแรงอยู่ โดยบริษัท AlixPartners จัดสำรวจความคิดเห็นผู้บริโภคจีน 2,029 คน ก่อนถึง เทศกาลวันคนโสด 11.11 เทศกาลลดราคาช้อปปิ้งออนไลน์ครั้งใหญ่ โดยพบความคิดเห็นที่น่าสนใจดังนี้

  • 66% จะเลือกแบรนด์จีนมากกว่าแบรนด์ต่างชาติ
  • 57% จะลดการซื้อสินค้าแบรนด์อเมริกัน
  • 39% จะลดการซื้อสินค้าแบรนด์ยุโรป
  • 62% ระบุสาเหตุที่เลือกแบรนด์จีนมากกว่าเพราะประเด็น “ชาตินิยม”

เมื่อเปรียบเทียบกับการสำรวจเดียวกันเมื่อปี 2019 ปีก่อนนั้นชาวจีนถึง 78% ตอบว่าจะเลี่ยงการซื้อสินค้าแบรนด์อเมริกัน สะท้อนให้เห็นว่าความรู้สึกต่อต้านอเมริกันในปีนี้ลดลงจากปีก่อน ส่วนแบรนด์ยุโรปเป็นในทางตรงข้าม จากปีก่อนชาวจีนยังคงสนใจแบรนด์ยุโรป ปีนี้กลับมีชาวจีนที่จะเลี่ยงการซื้อถึง 39%

อย่างไรก็ตาม ภาพรวมการเลือกซื้อของคนจีนก็ยังเลือกแบรนด์จีนมากกว่าเหมือนเดิม และเป็นเพราะ “ชาตินิยม” เหมือนกับปีก่อน

ในแง่ของกำลังซื้อ ปีนี้ 39% ของชาวจีนที่สำรวจตอบว่าจะใช้จ่ายมากขึ้นในวันคนโสด ขณะที่มี 15% ที่จะใช้จ่ายน้อยลงเทียบปีก่อน เนื่องจากภาวะโรคระบาด COVID-19 ทำให้กังวลในการใช้จ่าย

“ในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา สินค้าอเมริกันเคยได้รับความสนใจอย่างสูง” เดวิด การ์ฟิลด์ กรรมการผู้จัดการ AlixPartners กล่าว “แต่ผู้บริโภคจีนเริ่มรู้สึกมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าพวกเขาสามารถได้คุณสมบัติสินค้าอย่างเดียวกันในแบรนด์อื่นได้ สิ่งนี้เป็นเหตุผลที่เหนือไปกว่าเรื่องภูมิรัฐศาสตร์หรือผลกระทบจากสงครามการค้า”

Nike เป็นแบรนด์อเมริกันที่บูมมากในจีน เมื่อปี 2018 Nike รายงานยอดขายในจีนเติบโตถึง 21% เทียบกับปีก่อนหน้า

นอกจากนี้ ประเด็นที่น่าจับตาของเทศกาล 11.11 ปีนี้คือ “สินค้าลักชัวรี” เพราะตั้งแต่มีการปิดพรมแดนทั่วโลก ชาวจีนไม่สามารถบินออกไปเที่ยวและจับจ่ายสินค้าลักชัวรีนอกประเทศได้ ทำให้ประเทศจีนกลายเป็นตลาดใหญ่ของสินค้าลักชัวรีไปแล้ว โดยกินส่วนแบ่งตลาดถึง 43% รองลงมาคือญี่ปุ่น 30%

ไม่เพียงแต่สินค้าลักชัวรีแบรนด์ตะวันตก แต่การ์ฟิลด์กล่าวว่า แบรนด์ลักชัวรีจีนเองก็พัฒนามากจนต้องจับตามอง โดยยกระดับการทำตลาดให้หรูหราได้ดียิ่งขึ้น ดังนั้น ปีนี้ผู้ที่น่าจะได้รับผลกระทบรุนแรงน่าจะเป็นแบรนด์หรูอเมริกันที่พึ่งพิงชาวจีนมากในระยะหลัง เช่น Tiffany’s

สำหรับยอดใช้จ่ายเฉพาะของชาวจีนในเทศกาล 11.11 วันคนโสด ทำยอดขายไปมากกว่า 3.8 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ต้องมาลุ้นกันว่าปีนี้แรงซื้อของคนจีนจะยังไม่ตกหรือเปล่า ท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจโลก

Source

]]>
1303493
#RespectLisa แฮชแท็กนี้สอนให้รู้ว่า ถึงโลกจะไร้พรมแดนแต่ชาตินิยมยังคงอยู่ https://positioningmag.com/1206904 Mon, 07 Jan 2019 09:33:36 +0000 https://positioningmag.com/?p=1206904 ภาพจาก : twitter

ที่สำคัญ คือ การแข่งขันมีแม้แต่ในกลุ่มแฟนคลับที่คอยลุ้นคอยเชียร์คนในชาติให้โด่งดังที่สุด ดีที่สุด เข้าตำรา เขาดีเพราะเป็นของเรา อะไรแบบนั้นก็ยังคงอยู่อีกด้วย มองมุมหนึ่งก็เป็นเรื่องดี แต่ที่ไม่ดีก็ตรงที่ไม่ควรใช้ความรักชาติไปดูถูกเหยียดหยามคนอื่นนี่ล่ะ

กระแสจากโลกโซเชียลที่เป็นเรื่องเป็นราวรอบนี้ เกิดจากกรณีที่สาวน้อยมากความสามารถจากไทย ลิซ่า ลลิษา มโนบาล สมาชิกเกิร์ลกรุ๊ปเกาหลีวงแบล็กพิงค์ (BLACKPINK) โดน Bully โดยมีต้นเรื่องมาจากการที่สาวลิซ่า ต้องไปร่วมรายการ Real Men รายการวาไรตี้ของเกาหลี ซึ่งมีกฎห้ามแต่งหน้า ไม่ว่าจะเป็นไอดอลชายหรือหญิงที่เข้าไปร่วมรายการ แล้วมีคนวิจารณ์หน้าสดของลิซ่า ซึ่งในสายตาคนทั่วไปก็ยังดูว่าใสๆ น่ารัก ว่าพอไม่แต่งหน้า ก็หน้าตาแบบคนไทยทั่วไป แต่ที่ซ้ำเติมหนักก็ตรงตามมาด้วยการไล่ให้กลับประเทศเกิดด้วยนี่สิ อันนี้จะเกินไปหน่อย

เพราะแค่ประโยคแรกสำหรับคนไทยที่สนับสนุนลิซ่า และคนทั่วไป ว่ากันแบบไม่ลำเอียง ถ้าถือว่าลิซ่าคือหน้าไทย ผู้หญิงไทยส่วนใหญ่ก็ต้องจัดว่าสวย น่ารัก แม้ไม่ต้องพึ่งเครื่องสำอาง โดยเฉพาะเครื่องสำอางเกาหลีเลยนี่แหละ เจอรีแอค (React) แบบนี้ คงรู้นะว่า ถ้าไม่ใช่เรื่องรุนแรงคนไทยน่ะ ขำได้ทุกสถานการณ์ แต่ถ้าดราม่ามาเต็มในสถานการณ์แบบนี้คนไทยก็พร้อมจะปกป้องกันเองเหมือนกัน

แต่ในกรณีของลิซ่า ยังไม่ต้องถึงแฟนคลับแม่ไทยจะออกโรง อินเตอร์แฟน ซึ่ง ลิซ่า และแบล็กพิงค์มีอยู่ในหลายประเทศทั่วโลก ก็ออกมาปกป้องกันจนทำให้ #RespectLisa ติดเทรนด์ทวิตเตอร์ในหลายประเทศ เพราะเรื่องลามไปถึงการดูถึงเชื้อชาติ ประเทศต้นกำเนิด เหยียดผิว ซึ่งยังคงเป็นประเด็นปัญหาสังคมที่มีอยู่ทั่วโลก และไม่มีใครชอบหรืออยากให้เกิดขึ้นกับใคร หากรู้จักคิด 

แฮชแท็กนี้ติดเทรนด์ (Current Trending) ที่ไหนบ้าง นอกจากเกาหลีประเทศต้นเรื่อง ไทยก็ยังมีประเทศที่อาจจะไม่ใช่ตลาดหลักกระแสเคป็อปรวมอยู่ด้วยอีกมาก อาทิ อัลจีเรียออสเตรีย บาห์เรน เบลเยียม บราซิล เดนมาร์ก เอกวาดอร์ อียิปต์ ฝรั่งเศส เยอรมนี กานา กรีซ อินโดนีเซีย เคนยา เลบานอน มาเลเซีย เม็กซิโก นิวซีแลนด์ ฟิลิปปินส์ โปรตุเกส กาตาร์ รัสเซีย สวีเดน สิงคโปร์ สวิตเซอร์แลนด์ ยูเครน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เวียดนาม 

แทบจะทั่วโลกแล้วมั้ง โดยที่ลิซ่าไม่ต้องเดือดร้อนอะไร ใช้สุภาษิต นิ่งเสียตำลึงทอง แบบไทยโบราณ ก็มีคนออกมาปกป้องและสั่งสอนพวกไม่รู้จักคิดก่อนพูดในทันที

ไอดอลดังระดับลิซ่า ก็ไม่ต่างจากแบรนด์ หนึ่ง ที่ไม่ได้มีแค่แฟนคลับ ซึ่ง ลิซ่า ยังถือเป็นไอดอลที่มียอดติดตามในทวิตเตอร์กว่า 12 ล้าน สูงที่สุดของคนบันเทิงหญิงในไทยอีกด้วย แบรนด์ที่มีคนติดตามอย่างเหนียวแน่น ไม่ได้มีแค่ระดับแฟนคลับเท่านั้น แต่ส่วนหนึ่งยังอัพเกรดเป็นระดับสาวก (Evangelists) ที่บรรดาแบรนด์ทั้งหลายอยากจะมีอีกด้วย 

แฟนคลับของ ลิซ่า และแบล็กพิงค์ ที่ออกมามีปฏิกิริยาและร่วมปกป้องเธอในครั้งนี้ จึงไม่ใช่แค่แฟนคลับ (Advocates) แต่พวกเขายังเป็นสาวกทำหน้าที่ปกป้องแบรนด์เมื่อเกิดปัญหาอย่างจริงจังอีกด้วย.

]]>
1206904