ตลาดท่องเที่ยว – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Tue, 08 Apr 2025 12:27:32 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 แผ่นดินไหว ทำต่างชาติเข้าไทย ลดลง จีนหนักสุด คาดทั้งปี 68 หด 2-7 แสนคน https://positioningmag.com/1517701 Tue, 08 Apr 2025 10:18:02 +0000 https://positioningmag.com/?p=1517701 แผ่นดินไหว สะเทือนยอดยกเลิกเที่ยวบิน-ห้องพัก

หลังจากเกิดเหตุแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวไทย

ตัวเลขเบื้องต้นในช่วง 2 วันแรกหลังเหตุการณ์ พบว่า มีการยกเลิกการจองห้องพักแล้วประมาณ 1,100 บุกกิง ทั่วประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการยกเลิกห้องพักในพื้นที่กรุงเทพฯ

อีกทั้ง การสำรวจยอดการจองห้องพักล่วงหน้าในช่วงสงกรานต์ (11-17 เมษายน 2568) ของสมาคมโรงแรมไทย ณ วันที่ 3 เมษายน 2568 ยังพบว่า ยอดการจองห้องพักล่วงหน้าลดลงราว -25% YOY ด้วยนักท่องเที่ยวต่างชาติยังคงอยู่ในช่วงเฝ้าระวังสถานการณ์ในไทยอย่างใกล้ชิดก่อนตัดสินใจเดินทาง

ภาพจาก Shutterstock

ศูนย์วิจัยกสิกร เผย คนจีนหดตัวมากสุด 24%

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า คาดการณ์ ไตรมาส 2 ปี 2568 นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยลดลง 3.5% เมื่อเทียบกับปีก่อน (YoY)

จากไตรมาส 1 ที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวต่างชาติเติบโตเพียง 1.9% (YoY) โดยเดือน ก.พ. และ มี.ค. หดตัวต่อเนื่อง 2 เดือน

Top 5 ประเทศนักท่องเที่ยวในไตรมาส 1 ปี 2568

  1. จีน: 1.3 ล้านคน (-24%)
  2. มาเลเซีย: 1.2 ล้านคน (-1%)
  3. รัสเซีย: 0.7 ล้านคน (+16%)
  4. อินเดีย: 0.5 ล้านคน (+15%)
  5. เกาหลีใต้: 0.5 ล้านคน (-11%)

สาเหตุที่นักท่องเที่ยวลดลง

  • เหตุแผ่นดินไหวกระทบความเชื่อมั่น
  • ต่างชาติชะลอการเดินทางช่วงเทศกาลสงกรานต์และวันหยุดยาวช่วงวันแรงงาน
  • ตลาดนักท่องเที่ยวจีนมีทิศทางลดลง

ส่งผลให้คาดการณ์ว่า ภาพรวมการท่องเที่ยว ปี 2568 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ลดลงเหลือ 35.9 ล้านคน จากเดิมคาดการณ์ไว้ที่ 37.5 ล้านคน

ภาพจาก Shutterstock

EIC เปิด 3 สถานการณ์ท่องเที่ยวไทยปี 68 คาดหดตัว 2-7 แสนคน

SCB EIC ประเมินว่า ภาคท่องเที่ยวจะได้รับผลกระทบค่อนข้างเร็วในระยะสั้น โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติในปีนี้มีแนวโน้มลดลงราว 2-7 แสนคน ตลอดการฟื้นตัว โดยให้ภาพ 3 สถานการณ์การฟื้นตัว

กรณีที่ 1 Better case นักท่องเที่ยวต่างชาติในเดือนเมษายน ลดลงราว -9% MOM และใช้เวลาฟื้นตัวราว 2 เดือน ส่งผลให้นักท่องเที่ยวต่างชาติปี 2568 ลดลงจากประมาณการเดิมราว 1.95 แสนคนตลอดระยะเวลาฟื้นตัว สูญเสียรายได้จากค่าใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติไปราว 9.53 พันล้านบาท

กรณีที่ 2 Base case นักท่องเที่ยวต่างชาติในเดือนเมษายน ลดลงราว -12% MOM และใช้เวลาฟื้นตัวราว 3 เดือน ส่งผลให้นักท่องเที่ยวต่างชาติปี 2568 ลดลงจากประมาณการเดิมราว 4.2 แสนคนตลอดระยะเวลาฟื้นตัว สูญเสียรายได้จากค่าใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติไปราว 2.06 หมื่นล้านบาท

กรณีที่ 3 Worse case นักท่องเที่ยวต่างชาติในเดือนเมษายน ลดลงราว -15%MOM และใช้เวลาฟื้นตัวราว 4 เดือน ส่งผลให้นักท่องเที่ยวต่างชาติปี 2568 ลดลงจากประมาณการเดิมราว 6.8 แสนคนตลอดระยะเวลาฟื้นตัว สูญเสียรายได้จากค่าใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติไปราว 3.30 หมื่นล้านบาท

อย่างไรก็ดี ภาคการท่องเที่ยวยังมีโอกาสฟื้นตัวได้เร็วขึ้น หากภาครัฐเร่งออกมาตรการเพื่อเรียกความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวต่างชาติให้กลับคืนมาได้เร็ว โดยประมาณการนักท่องเที่ยวต่างชาติในปีนี้เดิมที่ 38.2 ล้านคนจะถูกปรับหลังสถานการณ์ท่องเที่ยวมีความชัดเจนมากขึ้น

ทั้งนี้ การเร่งสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติ และการออกมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศให้ทันต่อสถานการณ์จะช่วยให้ภาคการท่องเที่ยวไทยฟื้นตัวได้เร็วขึ้น

]]>
1517701
แผ่นดินไหว กทม. ทำนักท่องเที่ยวปี 68 หด 4 แสนคน ตลาดคอนโดพลิกลบ ความเสียหาย 3 หมื่นล้าน https://positioningmag.com/1516912 Tue, 01 Apr 2025 15:27:44 +0000 https://positioningmag.com/?p=1516912 SCB EIC ประเมินความเสียหายเหตุการณ์แผ่นดินไหวในเมียนมา สร้างแรงสั่นสะเทือนถึงไทย จนทำให้หลายอาคารใน กทม. ได้รับความเสียหาย โดยประเมินว่าสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจไทยราว ๆ 30,000 ล้านบาท แบ่งเป็น 3 ภาคส่วน ได้แก่

1. ภาคการท่องเที่ยว

  • นักท่องเที่ยวยกเลิกห้องพัก 1,100 บุ๊กกิ้ง ในช่วง 2 วันที่ผ่านมา ส่วนใหญ่พื้นที่ กทม. (อ้างอิงตัวเลขจากสมาคมโรงแรม)
  • ตัวเลขการจองที่นั่งโดยสารบนเครื่องบินรายวันลดลงเฉลี่ย 40-60% (ตัวเลขจากสมาคมสายการบินประเทศไทน)

SCB EIC คาดกระทบภาคท่องเที่ยวระยะสั้น โดยเดือนเมษายน ประเมิน นักท่องเที่ยวต่างชาติ ลดลง 12% ซึ่งน่าจะฟื้นตัวใน 3 เดือน ส่งผลให้ นักท่องเที่ยวต่างชาติลดลงจากประมาณการเดิม 400,000 คน “สูญเสียรายได้จากการท่องเที่ยว 21,000 ล้านบาท”

2. ตลาดอสังหาริมทรัพย์

  • คอนโดมิเนียม รับผลกระทบด้านความเชื่อมั่นโดยตรงจากกรณีตึกถล่ม SCB EIC ประเมิน ปี 2568 ยอดโอนกรรมสิทธิ์คอนโด กทม. และปริมณฑล เหลือ 85,000 หน่วย ลดลง -0.8% (YoY) จากเดิมคาดการณ์ปีนี้ฟื้นตัว +2.6% โดยหลัก ๆ มาจาก กลุ่มเรียลดีมานด์ชะลอซื้อ-โอนกรรมสิทธิ์คอนโด และกลุ่มซื้อลงทุนก็ชะลอออกไปเช่นกัน
  • ผู้อยู่อาศัยเดิมจะยังอยู่ในคอนโดต่อไป เพราะติดข้อจำกัดด้านการเงิน/การย้ายที่อยู่อาศัย ส่วนแนวราบได้อานิสงส์เชิงบวกจากกลุ่มคนที่ย้ายจากคอนโดไปอยู่บ้านแทน

ปัจจัยดังกล่าวจะกดดันหน่วยเหลือขายคอนโด กทม. ในปี 2568 ให้อยู่ระดับสูง 74,000 หน่วย ต้องจับตากลยุทธ์การแก้เกมของผู้ประกอบการในการสร้างความเชื่อมั่น รวมถึงชูจุดแข็งความปลอดภัยในการอยู่อาศัย

3. ภาคการรับเหมาก่อสร้าง

พื้นที่ก่อสร้างส่วนใหญ่ไม่ได้รับผลกระทบรุนแรงในระดับที่ทำให้การก่อสร้างหยุดชะงักหลังเกิดแผ่นดินไหว ส่งผลให้กิจกรรมก่อสร้างทั้งของภาครัฐและภาคเอกชนในปี 2568 จะยังสามารถดำเนินการได้ต่อเนื่อง

ประกอบกับธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง รวมถึงผู้ผลิตและค้าวัสดุก่อสร้างจะได้รับอานิสงส์จากความต้องการซ่อมแชมอาคาร และสิ่งปลูกสร้างที่ได้รับความเสียหาย

SCB EIC มองว่า การปรับแผนกลยุทธ์ของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ในช่วงที่เหลือของปี ที่อาจชะลอการเปิดโครงการคอนโดมิเนียมใหม่มากขึ้น มีแนวโน้มส่งผลกระทบต่อเนื่องให้กิจกรรมก่อสร้างอาคารคอนโดมิเนียม มูลค่าราว 86,000-100,000 ล้านบาทต่อปี (ราว 15%-17% ของมูลค่าการก่อสร้างภาคเอกชนโดยรวม) เติบโตชะลอลงตาม

ความสามารถในการรองรับภัยพิบัติต่าง ๆ ของสิ่งปลูกสร้าง จะกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ผู้ว่าจ้าง ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนให้ความสำคัญ

รวมถึงบริษัทรับเหมาก่อสร้าง มีแนวโน้มจะเผชิญความเข้มงวดจากผู้ว่าจ้างมากขึ้น ตั้งแต่ขั้นตอนการเข้าประมูลงาน ทั้งคุณสมบัติและประสบการณ์ของผู้รับเหมาหลัก พันธมิตร และผู้รับเหมาช่วง ขั้นตอนการ ก่อสร้างที่จะต้องมีความปลอดภัย และใช้วัสดุก่อสร้างที่ได้มาตรฐาน จนถึงขั้นตอนตรวจรับงานที่ผู้ว่าจ้างจะเข้มงวดมากขึ้น ทั้งความตรงเวลาและคุณภาพของงานที่ส่งมอบ

ทั้งนี้ ความเข้มงวดในขั้นตอนต่าง ๆ ที่สูงขึ้นนี้จะเป็นแรงกดดันให้ผู้รับเหมาก่อสร้างเกิดการแข่งขันด้านคุณภาพ ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาพรวมของภาคก่อสร้างตามมาในระยะข้างหน้า

]]>
1516912
เช็กก่อนจัดทริปปี 2023! 5 สถานที่ท่องเที่ยวดังที่ “ปิดตัว” หรือ “ปิดปรับปรุง” หลังโควิด-19 https://positioningmag.com/1413145 Tue, 20 Dec 2022 05:42:18 +0000 https://positioningmag.com/?p=1413145 แม้เศรษฐกิจจะไม่เป็นใจ แต่ภาคธุรกิจท่องเที่ยวทั่วโลกเชื่อว่าปี 2023 ก็จะยังคงเป็นปีแห่ง ‘revenge travel’ ผู้บริโภคใช้จ่ายเพื่อเที่ยวล้างแค้นตลอด 2-3 ปีที่ไม่ได้เที่ยวสมใจอยาก อย่างไรก็ตาม สถานการณ์โควิด-19 ก็ทำให้หลายสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังต้อง “ปิดตัว” หรืออาจใช้โอกาสไร้นักท่องเที่ยว “ปิดปรับปรุง” ดังนี้

 

1.Train Street เมืองฮานอย ประเทศเวียดนาม

Train Street ฮานอย (Photo by gokudo/Pexels)

สถานที่ท่องเที่ยวที่คล้ายตลาดร่มหุบบ้านเรา Train Street ในเมืองฮานอยเป็นถนนที่มีรถไฟผ่ากลาง โดยเมื่อรถไฟวิ่งมา ตัวขบวนรถจะห่างจากบ้านเรือนและร้านค้าเพียงไม่กี่นิ้ว ทำให้นักท่องเที่ยวนิยมมากเพราะจะได้โพสท่ากับรางรถไฟโดยมีบ้านและร้านค้าเป็นฉากหลัง รวมถึงความตื่นเต้นของการนั่งจิบกาแฟพลางชมขบวนรถไฟผ่านหน้าไปแบบเฉียดฉิว

อย่างไรก็ตาม สภาวะนักท่องเที่ยวล้นเกิน (Overtourism) บนถนน Train Street ก็ทำให้รัฐบาลเวียดนามมองถึงความปลอดภัยมากขึ้น โดยปี 2022 นี้เอง รัฐบาลเริ่มยกเลิกใบอนุญาตให้ร้านค้าต่างๆ บนถนนเส้นนี้ทำการค้าแล้ว และจะเริ่มนำแผงกั้นมาวางข้างรางรถไฟ เพื่อป้องกันไม่ให้นักท่องเที่ยวเดินเข้าไปบนรางโดยเสรีเหมือนก่อน

 

2.สวนนกจูร่ง ประเทศสิงคโปร์

สวนนกจูร่ง (Photo: Shutterstock)

สวนนกที่ใหญ่ที่สุดของเอเชีย ประกาศปิดตัวไปเมื่อเดือนสิงหาคม 2022 หลังจากทำการมานานกว่า 50 ปี

แต่สวนนกนี้ไม่ได้หายไปโดยสิ้นเชิง เพราะจะไปรวมกับสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติอื่นๆ ในบริเวณภาคเหนือของสิงคโปร์ เกิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวชมสัตว์และธรรมชาติใหม่คือ Mandai Rejuvenation Project ซึ่งจะเปิดเฟสแรกปี 2023 ก่อนจะทยอยเฟสต่อๆ ไปในปี 2024 และ 2025

 

3.ภัตตาคารลอยน้ำ Jumbo Kingdom เกาะฮ่องกง

ภัตตาคารลอยน้ำ Jumbo ฮ่องกง (Photo: Shutterstock)

เป็นข่าวดังไปตั้งแต่กลางปี เมื่อภัตตาคารลอยน้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก Jumbo Kingdom เกาะฮ่องกง จะปิดกิจการถาวร

ภัตตาคารลอยน้ำนี้ไปปรากฏอยู่ในภาพยนตร์และรายการทีวีระดับโลกมากมาย รวมถึงเคยได้ต้อนรับคนดังต่างๆ เช่น สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แต่ด้วยความใหญ่โตของมัน กับสถานการณ์ปิดตายของเกาะเพราะโควิด-19 ทำให้เจ้าของไม่สามารถจะยื้อกิจการไว้ได้ไหว

เจ้าของพยายามแล้วที่จะขายกิจการออกไป แต่เมื่อไม่มีผู้ซื้อ จึงต้องลากจูงไปหาที่เก็บเรือในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่เรือก็กลับจบไปกลางทางเมื่อแล่นผ่านทะเลจีนใต้

 

4.TeamLab Borderless กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น

TeamLab Borderless (Photo: Shutterstock)

มิวเซียมเพื่อรับประสบการณ์แสงสี “ดิจิทัล” เต็มรูปแบบ โด่งดังในระดับโลกจนเคยได้รับตำแหน่งมิวเซียมที่มีคนเข้าเยี่ยมชมมากที่สุดในประวัติศาสตร์จากกินเนสบุ๊ก TeamLab Borderless จะมีการย้ายทำเลจากเดิมที่โอไดบะ ไปยังทำเลใหม่ที่โครงการชื่อ “Azabudai Hills” ซึ่งตัวโครงการจะสร้างเสร็จภายในปี 2023 แต่ TeamLab จะกลับมาเปิดจริงๆ เมื่อไหร่นั้นยังไม่มีประกาศแน่ชัด

 

5.พิพิธภัณฑ์รำลึก 9/11 เมืองนิวยอร์ก สหรัฐฯ

พิพิธภัณฑ์รำลึก 9/11

ก่อนที่พิพิธภัณฑ์และอนุสรณ์สถานแห่งชาติ วันที่ 11 กันยายน จะเปิดอย่างเป็นทางการ ณ Ground Zero ก่อนหน้านั้นเคยมีการจัดตั้งพิพิธภัณฑ์รำลึก 9/11 ขึ้นมาก่อน

พิพิธภัณฑ์ดังกล่าวเป็นสถานที่ที่จัดขึ้นโดยญาติมิตรของเหยื่อที่เสียชีวิตในเหตุการณ์ 9/11 โดยเปิดตัวเมื่อปี 2006 เป็นมิวเซียมเล็กๆ เงียบๆ ในแมนฮัตตันที่จัดแสดงสิ่งของส่วนตัวของผู้จากไป รวมถึงเป็นสถานที่รวมตัวของญาติมิตรของเหยื่อในวาระต่างๆ

เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้มิวเซียมนี้ขาดทุนจนต้องปิดตัวไปในปี 2022 โปรแกรม Tribute Walking Tours ซึ่งปกติจัดโดยผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ 9/11 ก็ปิดการดำเนินการไปเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม แม้มิวเซียมนี้จะปิดตัวลงแต่สิ่งของต่างๆ ที่เคยจัดแสดงได้ถูกส่งไปแสดงต่อที่ New York State Museum ในเมืองออลบานี ทางเหนือของเมืองนิวยอร์กซิตี้

Source

]]>
1413145
เปิดพฤติกรรมชาว Millennials ดาวเด่นที่จะเป็นผู้บริโภคหลักในตลาดท่องเที่ยว https://positioningmag.com/1248732 Sun, 06 Oct 2019 09:26:41 +0000 https://positioningmag.com/?p=1248732 กลุ่ม Millennials เป็นปัจจัยหลักกระตุ้นการท่องเที่ยว และธุรกิจ Hostel เลยก็ว่าได้ หากกล่าวถึงที่พักสำหรับนักท่องเที่ยวในอดีตอาจนึกถึงแค่โรงแรม ที่เพียบพร้อมไปด้วยการบริการ สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และราคาที่ค่อนข้างสูง แต่ภายใน 10 ปีผ่านมาที่พักประเภท Hostel ได้ก้าวเข้ามามีบทบาทที่สำคัญของการท่องเที่ยวไทยมากขึ้น เพื่อรองรับโครงสร้างนักท่องเที่ยวที่เปลี่ยนไป

ในปี 2561 ประเทศไทยรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติราว 38.3 ล้านคน หนึ่งในปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากนักท่องเที่ยวในช่วงอายุ 25 – 34 ปี จากทั่วโลกหลั่งไหลเข้ามายังประเทศไทยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา คิดเป็นกว่า 28% ของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติทั้งหมดที่เข้ามายังประเทศไทย มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยสะสมอยู่ที่ 12.5% ตั้งแต่ปี 2555 – 2560 ขณะที่กลุ่มอายุอื่นอยู่ที่ 9%

นิยามของ Millennials หรือผู้ที่เกิดช่วงปี พ.ศ. 2524 – 2539 กำลังกลายเป็นผู้บริโภคหลักในหลากหลายอุตสาหกรรม การท่องเที่ยว พฤติกรรมสำคัญของกลุ่มนี้คือ การนำ “การท่องเที่ยว” มาเป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักในการใช้ชีวิต ทั้งยังให้ความสำคัญกับการสร้างความสมดุลระหว่างการทำงานและการพักผ่อน

รวมถึงมีพฤติกรรมการเลือกเข้าพัก Hostel มากกว่ากลุ่มอื่น จากการสำรวจโดย Hostelworld group ผู้ให้บริการจอง Hostel ออนไลน์อันดับ 1 ระบุว่า ผู้เข้าพัก Hostel มากกว่า 70% เป็นชาว Millennials ซึ่งคุณลักษณะสำคัญ 3 ประการ ของชาว Millennials ที่สนับสนุนให้ธุรกิจอย่าง Hostel เติบโต ได้แก่

1. นิยมท่องเที่ยวตามชุมชน

เพื่อมองหาประสบการณ์ที่แปลกใหม่ แสวงหาความท้าทาย จากการศึกษาโดย Amadeus ซึ่งเป็นผู้นำการให้บริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการเดินทางและการท่องเที่ยวระดับโลก ทำการวิจัยนักท่องเที่ยวในเอเชียแปซิฟิกกว่า 7,000 คนใน 14 ประเทศระบุว่า

ชาว Millennials ให้ความสำคัญกับคำแนะนำเกี่ยวกับประสบการณ์ที่แปลกใหม่ตามชุมชน มากกว่าคำแนะนำเรื่องการประหยัดค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยว ทั้งนี้โรงแรมส่วนใหญ่มักตั้งอยู่ตาม Prime Location ต่างๆ มากกว่าตามพื้นที่ตามชุมชน แตกต่างจาก Hostel ที่ผู้ประกอบการส่วนใหญ่เป็นคนในพื้นที่ ที่นำที่พัก / บ้าน / ตึกแถว มาปรับปรุงเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวตามชุมชนได้เป็นอย่างดี

2. ไม่ชอบเที่ยวกับคนหมู่มาก

ชาว Millennials ชอบท่องเที่ยวคนเดียว (Solo traveler) มากกว่าการท่องเที่ยวกับกรุ๊ปทัวร์ จากการวิจัยโดย Princeton Survey Research Association พบว่า 58% ของนักท่องเที่ยวชาว Millennials ทั่วโลกชอบที่จะท่องเที่ยวคนเดียว ขณะที่นักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นอยู่ที่ราว 47% อย่างไรก็ตาม ชาว Millennials ยังคงเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย ความสะดวกสบายในการเดินทาง จึงทำให้ยังมีการจับกลุ่มท่องเที่ยวกับ Solo traveler คนอื่นๆ ตาม Hostel

3. ชาว Millennials ชอบเที่ยวบ่อย

จากการสำรวจโดย Expedia Media Solution พบว่า คนรุ่น Millennials เดินทางไปเที่ยวบ่อยที่สุดอยู่ที่ประมาณ 6 ครั้งต่อปี ขณะที่ชาว Baby boomers เดินทางท่องเที่ยวประมาณ 4 ครั้งต่อปี ด้วยความที่ชาว Millennials ชื่นชอบการท่องเที่ยวบ่อยๆ เพื่อต้องการเติมเต็มให้กับชีวิต ผ่อนคลายความเครียดจากการทำงาน

ซึ่งจากการศึกษาโดย TripAdvisor พบว่า ชาว Millennials ใช้จ่ายในค่าที่พัก น้อยกว่าครึ่งของชาว Baby Boomers จากการเลือกสรรที่พักให้อยู่ในงบที่จำกัด Hostel จึงนับเป็นตัวเลือกสำคัญของที่พักราคาถูก ตอบสนองความต้องการของชาว Millennials ที่เดินทางท่องเที่ยวบ่อย แต่มีงบจำกัด ทั้งนี้ช่วงราคาที่พักต่อเตียง/ต่อห้องของ Hostel นั้นต่ำกว่าช่วงราคาที่พักประเภทอื่นส่วนใหญ่.

]]>
1248732