ตลาดนาฬิกา – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Thu, 22 Jun 2023 10:10:52 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ถอดสูตรความสำเร็จ “PMT The Hour Glass” ปั้นตลาด “นาฬิกาหรู” เมืองไทย https://positioningmag.com/1435161 Thu, 22 Jun 2023 10:06:09 +0000 https://positioningmag.com/?p=1435161 ย้อนกลับไปเมื่อปี 2550 “ณรัณ ธรรมาวรานุคุปต์” ในฐานะทายาทรับช่วงต่อกิจการนำเข้านาฬิกา “พรีม่า ไทมส์” ได้เดินทางไปร่วมงานมหกรรมแสดงสินค้านาฬิกา “Baselworld” ที่สวิตเซอร์แลนด์ และบังเอิญได้พบกับ “ไมเคิล เทย์” ในห้องอาหารเช้าของโรงแรมที่พัก

ไมเคิล เทย์นั้นเป็นทายาทและผู้บริหารของ “The Hour Glass” ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายนาฬิกาหรูในสิงคโปร์ แม้ทั้งคู่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่ด้วยประวัติครอบครัวและการศึกษาที่คล้ายกัน รวมถึงความหลงใหลในนาฬิกา วิสัยทัศน์ทางธุรกิจที่คิดเห็นไปในทางเดียวกัน ทำให้ในปี 2551 พวกเขาทั้งคู่ตกลงจัดตั้งบริษัทร่วมทุน “PMT The Hour Glass” ขึ้นเพื่อขยายธุรกิจในประเทศไทย

ณรัณ เล่าถึงการพบปะในครั้งนั้นว่าเป็นเหมือน “พรหมลิขิต” ที่ทำให้ PMT The Hour Glass เริ่มต้นก่อตั้งร้าน 2 สาขาแรกสำเร็จ

PMT The Hour Glass
“ไมเคิล เทย์” Group Managing Director, The Hour Glass และ “ณรัณ ธรรมาวรานุคุปต์” กรรมการผู้จัดการ PMT The Hour Glass

การเดินทางต่อเนื่องมา 15 ปี วันนี้ PMT The Hour Glass ขยายตัวครบ 15 สาขา แบ่งเป็น 10 สาขาในไทย และ 5 สาขาในเวียดนาม เติบโตจากทีมงาน 20 คน มาเป็น 250 คน และเป็นตัวแทนจำหน่ายแบรนด์นาฬิกาจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มแบรนด์ใหญ่ เช่น Rolex, Patek Philippe, Hublot, Tudor และกลุ่มแบรนด์ช่างฝีมือระดับสูง (Artisanal Brand) เช่น F.P.Journe, MB&F, URWERK, Akrivia

นับได้ว่าบริษัทเป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายนาฬิกาหรูรายใหญ่ในไทย ทำรายได้รอบปีบัญชีล่าสุด 6,000 ล้านบาท

 

“Watch Nerd” สูตรความสำเร็จการจำหน่ายงานศิลป์บนข้อมือ

ณรัณมองว่าความสำเร็จของบริษัทเกิดจาก “แพสชัน” ของทีมงานทุกคนที่ต่างเป็น “Watch Nerd” ผู้ที่หลงใหลในรายละเอียดงานศิลป์ของนาฬิกา และใช้แพสชันนี้เป็นจุดตั้งต้นในการเผยแพร่ “วัฒนธรรมนาฬิกา” ให้กับสังคมผ่านการจัดงานอีเวนต์ ประชาสัมพันธ์ ทำการตลาดให้ความรู้เกี่ยวกับนาฬิกามาตลอด 15 ปี จนตลาดไทยปัจจุบันเรียกได้ว่ามีนักสะสมที่มีความรู้สูงเป็นจำนวนมาก อาจจะเป็นรองเพียงแค่สิงคโปร์เท่านั้นในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

PMT The Hour Glass
HUBLOT Spirit of Big Bang Tourbillon 5-Day Power Reserve Carbon Green Camo ผลิตเพียง 30 เรือน ฉลองครบรอบ 15 ปี PMT The Hour Glass ราคา 3.6 ล้านบาท

อีกผลลัพธ์หนึ่งที่ได้จากการเป็น Watch Nerd คือ ความใส่ใจในรายละเอียดของการออกแบบ การผลิต ทีมงานเบื้องหลังนาฬิการะดับสูง ทำให้ PMT The Hour Glass เล็งเห็นได้ว่าแบรนด์นาฬิกาใดที่มีศักยภาพในอนาคต กำลังจะเป็น ‘Potential Winner’ และมีมูลค่าสินค้าสูงขึ้น

“ลูกค้าเชื่อมั่นว่าเรามีศักยภาพในการคัดเลือกเหล่าผู้ชนะเข้ามาและสร้าง value ให้เขาได้ในระยะยาว” ณรัณกล่าว

ลูกค้าเชื่อมั่นว่าเรามีศักยภาพในการคัดเลือกเหล่าผู้ชนะเข้ามาและสร้าง value ให้เขาได้ในระยะยาว

เขายกตัวอย่างแบรนด์ Hublot ที่บริษัทเป็นผู้ริเริ่มนำเข้ามาเมื่อ 15 ปีก่อนพร้อมๆ กับการก่อตั้ง PMT The Hour Glass ในวันนั้นแบรนด์ Hublot ยังเป็นแบรนด์ระดับกลางและไม่เป็นที่รู้จักมากนัก แต่บริษัทเล็งเห็นศักยภาพของแบรนด์ว่ากำลังจะเติบโต ซึ่งวันนี้ Hublot เติบโตได้จริง โดยขึ้นมาเป็นนาฬิกาไฮเอนด์ในระดับ Top 20 ของโลก และเป็นนาฬิกาชั้นนำที่ขายดีอันดับ 5 ในไทย

ประเด็นนี้ทำให้พาร์ทเนอร์แบรนด์ผู้ผลิตนาฬิกาเองก็พึงพอใจใน PMT The Hour Glass เช่นกัน เพราะบริษัทไม่เพียงแต่นำเข้ามาจัดจำหน่าย แต่ยังช่วยสร้างแบรนด์ของผู้ผลิตให้แข็งแรงในตลาดไทยด้วย

 

ครบรอบ 15 ปี ก้าวสู่ 20 สาขา

การเติบโตของ PMT The Hour Glass จะมีการขยายตัวต่อเนื่องในปีนี้ โดยเตรียมจะเปิดเพิ่มอีก 5 สาขา แบ่งเป็น 2 สาขาในไทย และ 3 สาขาในเวียดนาม

ในไทยจะมีไฮไลต์คือการเปิดบูติกของ “F.P.Journe” ถือเป็นบูติกแห่งแรกของแบรนด์นี้ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นการเปิดบูติกให้กับแบรนด์นาฬิกาในกลุ่มช่างฝีมือระดับสูง (Artisanl Brand) ครั้งแรกของบริษัทด้วยเช่นกัน

F.P.Journe นาฬิกากลุ่ม Artisanal Brand ที่จะเปิดบูติกในไทยปีนี้

ณรัณกล่าวว่า นาฬิกาเซ็กเมนต์ Artisanl Brand นั้นได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในระดับโลกและในไทย ด้วยเทรนด์ของนักสะสมมีความรู้และใส่ใจในงานศิลปะ กลไก ความละเอียดประณีตบนนาฬิกาสูงขึ้น ทำให้นิยมศึกษางานจากช่างฝีมือในเซ็กเมนต์นี้ซึ่งถือเป็นสินค้าที่มีจำกัดมาก บางแบรนด์อาจผลิตได้เพียงหลักสิบหรือหลักร้อยชิ้นต่อปีเท่านั้น

ส่วนในเวียดนามนั้น ไฮไลต์จะเป็นการเปิดบูติก “Rolex” เป็นแห่งแรกของเวียดนาม และจะเร่งผลักดันตลาดเวียดนามซึ่งมีศักยภาพสูงต่อเนื่อง

“เวียดนามนั้นเป็นตลาดใหม่คล้ายกับประเทศไทยเมื่อ 15 ปีก่อนที่ยังต้องส่งเสริมเรื่องวัฒนธรรมนาฬิกาและให้ความรู้” ณรัณกล่าว “แต่เวียดนามมีศักยภาพมากเพราะประเทศกำลังเติบโต นักสะสมยังมีอายุเฉลี่ยที่ 30 ปี และลักษณะประเทศมีหลายหัวเมือง ทำให้เรามีโอกาสขยายสาขามาก”

 

ดีมานด์พุ่งสูง แต่ซัพพลายเร่งไม่ได้

ในแง่ความต้องการในตลาด ณรัณอ้างอิงข้อมูลจากกรมศุลกากรพบว่า การนำเข้านาฬิกาแบรนด์ชั้นนำของไทยเมื่อปี 2565 นั้นมีมูลค่าสูงถึง 12,955 ล้านบาท ตัวเลขนี้เติบโตขึ้นถึง 36% เมื่อเทียบกับปี 2562 (ก่อนเกิดโรคระบาด) ซึ่งมีการนำเข้านาฬิกาหรูมูลค่ารวม 9,550 ล้านบาท

Girard-Perregaux Laureato Chronograph 42mm รุ่นจำนวนจำกัด 50 เรือน ฉลองครบรอบ 15 ปี PMT The Hour Glass ราคา 2.408 ล้านบาท

ณรัณคาดว่า ตลาดที่โตสูงมากหลังผ่านโควิด-19 เป็นเพราะในช่วงเกิดโรคระบาดทำให้พฤติกรรมคนเปลี่ยน เริ่มมีเวลาว่างในการศึกษาหางานอดิเรกใหม่ๆ ที่ทำได้ที่บ้าน ซึ่งส่วนหนึ่งเลือกหันมาศึกษากลไกและงานศิลปะของนาฬิกาไฮเอนด์ จนเกิดนักสะสมหน้าใหม่เพิ่มขึ้น

สำหรับปี 2566 ณรัณคาดว่าตลาดนาฬิกาหรูก็ยังจะเติบโตต่ออีก 10-15% ด้วยดีมานด์ที่ยังร้อนแรง

อย่างไรก็ตาม ปัญหาสำคัญคือฝั่งซัพพลายที่ไม่สามารถเร่งตามดีมานด์ได้ เนื่องจากการผลิตนาฬิกาไฮเอนด์จะใช้ช่างฝีมือ ไม่ได้ใช้เครื่องจักรกลหรือใช้น้อย และช่างฝีมือเหล่านี้ต้องใช้เวลาฝึกฝนนานนับสิบปี ทำให้ไม่สามารถจะเร่งซัพพลายได้ตามต้องการ

“ช่วงก่อนโควิด-19 เรามีดีมานด์จากลูกค้ามากกว่าโควตานำเข้านาฬิกาจากแบรนด์ประมาณ 3 เท่า ปัจจุบันตัวเลขนี้พุ่งขึ้นมาเป็น 9 เท่า” ณรัณกล่าว

ทางออกที่บริษัทนำเข้าจะสามารถทำได้คือการเจรจาการจัดสรรโควตานำเข้าเพิ่มเติมจากแบรนด์ จะทำได้หรือไม่นั้น ต้องย้อนกลับไปที่ความเชื่อมั่นของแบรนด์ที่มีต่อบริษัทและตลาดประเทศไทย รวมถึงสายสัมพันธ์อันดีระหว่างแบรนด์กับบริษัท ซึ่งทาง PMT The Hour Glass เองมีความเชื่อมั่นว่า “แพสชัน” ของบริษัทที่ดำเนินมาตลอด 15 ปีจะทำให้พาร์ทเนอร์ไว้วางใจได้

]]>
1435161
เทรนด์สุขภาพ ดัน “Smart watch” โต 100% แต่ตลาดรวม 2.5 หมื่นล้าน โตแค่ 3% https://positioningmag.com/1237383 Wed, 03 Jul 2019 09:49:57 +0000 https://positioningmag.com/?p=1237383 จากเทรนด์สุขภาพที่กำลังเป็นที่สนใจของกลุ่มคนรุ่นใหม่ ได้สร้าง Effect กระตุ้นสินค้าที่เกี่ยวข้องให้เติบโตอย่างพุ่งกระฉูด รวมไปถึง “Smart watch” ซึ่งมีอัตราเติบโตนับ 100% ในขณะที่ภาพรวมตลาดนาฬิกามูลค่า 25,000 ล้านบาท เติบโตแค่ 3% เท่านั้น

จักรกฤษณ์ กีรติโชคชัยกุล Chief Business Officer – Specialty Business บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด และชนิสา แก้วเรือน” รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานกิจกรรมการตลาดและธุรกิจสัมพันธ์ บริษัท สยามพารากอน ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด อธิบายว่า การเติบโตของ Smart watch ไม่ได้เข้ามากระทบกับกลุ่มนาฬิกาทั่วไป

เพราะผู้บริโภคมักจะซื้อ Smart watch เป็นนาฬิกาเรือนที่ 2 หรือ 3 มากกว่า ด้วยต้องการฟังก์ชัน เช่น วัดอัตราการเต้นหัวใจ, วัดอัตราการวิ่ง และฟังเพลง เข้ามาตอบโจทย์ช่วงที่ออกกำลังกาย ซึ่งกระแสที่ว่านี้ถูกกระตุ้นด้วยแบรนด์อย่าง Garmin รวมไปถึง Apple Watch

ขณะเดียวกันแบรนด์นาฬิกาแฟชั่นก็หันมาทำ Smart watch กันมากขึ้น รวมไปถึงแบรนด์หรูก็เอาด้วย ส่งผลให้ปัจจุบันสัดส่วนในตลาดรวมได้ขึ้นมาเกือบ 10% แล้ว

Demand ที่แท้จริงอยู่ในกลุ่มลักชัวรี่และไฮเอนด์

อย่างไรก็ตาม แม้ Smart watch จะเป็นสีสันที่เข้ามากระตุ้นตลาด แต่ Demand ที่แท้จริงกลับอยู่ในกลุ่มของลักซ์ชัวรี่และไฮเอนด์ราคาต่อเรือนนับแสนบาทขึ้นไป ซึ่งกลุ่มนี้มักจะซื้อเพื่อการสะสมเป็นหลัก โดยจะชอบมากหากเป็นรุ่นหายากและออกมาจำกัด ไม่เกี่ยงเรื่องราคาด้วยมีกำลังซื้ออยู่แล้ว และไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ

ไม่ใช่แค่ในเมืองไทยเท่านั้นในตลาดโลกก็เป็นเช่นเดียวกันจากผลวิจัยของ BRANDZ ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยทางการตลาดและสื่อสารการตลาดระดับโลก ระบุว่า ในปี 2562 ภาพรวมของตลาดแบรนด์ระดับลักชัวรี่ มีการเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 29% หรือมูลค่า 38,000 ล้านเหรียญสหรัฐ (1.2 ล้านล้านบาท) ทำให้ตอนนี้มีมูลค่าตลาดรวม 171,300 ล้านเหรียญสหรัฐ (5.3 ล้านล้านบาทโดยเฉพาะอุตสาหกรรมนาฬิกานั้นยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องและยังคงเป็นไปในทิศทางบวก

ตัวเลขจากงานบาเซิลเวิลด์ที่เพิ่งจัดขึ้นเมื่อเดือนมีนาคม 2019 ที่ผ่านมา ระบุว่า มูลค่าการส่งออกนาฬิกาสวิตเซอร์แลนด์ มีมูลค่าถึง 2.1 หมื่นล้านฟรังก์สวิส หรือราว 6.7แสนล้านบาท โดยมีตลาดเอเชียเป็นแกนนำหลัก ซึ่งมีส่วนแบ่งการตลาดถึง 53% เพิ่มขึ้น 12.2% และฮ่องกงยังคงเติบโตเป็นอันดับต้นๆ 

ด้านสหรัฐอเมริกายังมีส่วนสร้างให้ภาพรวมการเติบโตของธุรกิจดำเนินไปเป็นอย่างดีมีอัตราส่วน 14% ขณะที่ยุโรป ยังคงเป็นตลาดที่สำคัญ ด้วยอัตราส่วนทางการตลาด 31% นอกจากนี้ยังเห็นการเปลี่ยนแปลงของหลายแบรนด์ที่มีการปรับดีไซน์รวมถึงราคาที่จับต้องได้ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคกลุ่มมิลเลนเนียลเข้าถึงได้ง่ายขึ้น   

ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า ตลาดนาฬิกาในเอเชีย ยังคงเป็นที่สนใจของแบรนด์ต่างๆ  โดยไทยเองติดอันดับ 15 ของโลกที่นำเข้านาฬิกาจากสวิส ซึ่งหากวัดเฉพาะในเอเชียตลาดไทยติดท็อป 3 ในแง่ของมูลค่าตลาดที่ใหญ่ที่สุดรองจากฮ่องกงและจีน

เจาะเทรนด์นาฬิกาวินเทจและมิกซ์แอนด์แมตช์แฟชั่นมาแรง

สำหรับตลาดนาฬิกาหรูระดับลักชัวรี่ยังคงเป็นเป็นอันดับ 1 ที่ผู้บริโภคยังคงให้ความสนใจ โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าผู้ชายที่ให้ความสนใจมากกว่าผู้หญิง และนิยมซื้อเพื่อเป็นของขวัญให้ตัวเองหรือการสะสมเพื่อเพิ่มมูลค่าและการลงทุน

โดยเทรนด์ของนาฬิกาหรูระดับลักชัวรี่ในปีนี้ หลายแบรนด์มีดีไซน์ออกมาในสไตล์วินเทจผสมเทคโนโลยีสมัยใหม่ และมีตัวเรือนขนาดเล็กขึ้นไม่ว่าจะเป็นเส้นผ่านศูนย์กลางหรือความหนาของตัวเรือน หลังจากที่เทรนด์นาฬิกาขนาดใหญ่ครองพื้นที่มาเกือบทศวรรษ ขณะเดียวกันก็ให้ความสนใจกับวัสดุอย่างทองคำและเซรามิกด้วย

ส่วนเทรนด์ในภาพรวมนั้นที่คาดว่าจะได้รับความนิยมในปีนี้ทั้งคู่ประเมินว่าคือการมิกซ์แอนด์แมตช์ X FASHION, AFFORDABLE PRICE และนาฬิกากลุ่มสีเขียว น้ำเงิน เทา สีรุ้ง โดยเน้นที่กลุ่ม Hi-End และ Sport Trend ยังมีการเติบโตของยอดจำหน่ายสูงสุดในภาพรวมของตลาดนาฬิกา

ขณะเดียวกันในช่วง 2 – 3 ปี ที่ผ่านมาแต่ละแบรนด์หันมานำเสนอกลยุทธ์รูปแบบใหม่ๆ เพื่อรักษาฐานลูกค้าเดิมและขยายฐานลูกค้าใหม่ อาทิ การทำนาฬิการุ่นพิเศษร่วมกับศิลปิน, ดารา หรือบุคคลที่มีชื่อเสียง เพื่อสะท้อนภาพลักษณ์ของแบรนด์และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายโดยตรง รวมถึงการเพิ่มไลน์สินค้าให้หลากหลายเพื่อกระตุ้นให้เกิดการซื้ออย่างต่อเนื่อง

วอทช์ แกลอเรียตั้งเป้าโต 5%

ทั้งนี้แม้ทิศทางตลาดจะยังเติบโตได้อยู่แต่จักรกฤษณ์บอกว่า ความท้าทายคือตลาดนาฬิกาค่อนข้างนิ่ง ไม่หวืหวาเหมือนตลาดอื่นๆ เพราะไม่มีปัจจัยอะไรมากระตุ้นเป็นพิเศษ ซึ่งการจะทำให้ตลาดคึกคักได้นั้นต้องจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง ด้วยเหตุนี้จึงได้ใช้งบ 45 ล้านบาท จัดงานสยามพารากอน วอทช์ เอ็กซ์โป 2019”

ปีนี้จัดเป็นปีที่ 13 ติดต่อกัน ในงานมีนาฬิกากว่า 180 แบรนด์ชั้นนำ รวมกว่า 30,000 เรือน โดยคาดการณ์ว่าโปรโมชั่นส่วนลด และของสมนาคุณมูลค่ารวมกว่า 10 ล้านบาท จะเป็นตัวช่วยที่ช่วยกระตุ้นยอดและสร้างเม็ดเงินสะพัดในงานไม่ต่ำกว่า 360 ล้านบาท

สำหรับภาพรวมวอทช์ แกลอเรีย (WATCH GALLERIA) มีส่วนแบ่งตลาดนาฬิกา 10% จากภาพรวมของตลาดนาฬิการีเทลมีมูลค่า 15,000 ล้านบาท จากทั้งหมด 9 สาขา พื้นที่รวมกัน 10,000 ตารางเมตร

ในปี 2019 วาง 3 กลยุทธ์ด้วยกันเพื่อทำให้ยอดขายรวมเติบโต 5% ได้แก่ เพิ่มจำนวนแบรนด์และรุ่นของ Smart watch โดยจะขยายให้ครบทุกสาขาภายในไตรมาส 4 นำรูปแบบ concept จากสวิตเซอร์แลนด์ ไปยังสาขาของเดอะมอลล์เพื่อสร้างกลุ่มลูกค้าใหม่ที่มีกำลังซื้อที่อาศัยอยู่รอบเมือง

สุดท้ายคือขยายช่องทางไปสู่ออนไลน์ แม้ลูกค้าส่วนใหญ่เวลาซื้อนาฬิกาจะนิยมมาซื้อที่ร้านมากกว่า แต่ด้วยเทรนด์ในปัจจุบันจึงเลี่ยงช่องทางนี้ไม่ได้โดยได้จับมือกับ Lazada เข้าไปเปิด shop ในเดือนตุลาคม เบื้องต้นจะมีสินค้า 100 sku 20 แบรนด์ในช่วงเปิดตัว และจะมีถึง 50 แบรนด์เมื่อถึงสิ้นปี คาดยอดมียอดขาย 5 ล้านบาท ในช่วงตุลาคมถึงธันวาคม

]]>
1237383