ตลาดรองเท้า – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Tue, 14 Jan 2020 06:02:57 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 เตรียมบอกลา ‘Dad Shoes’ เพราะ Balenciaga ออกสนีกเกอร์ใหม่สไตล์ ‘Zen’ มาเปลี่ยนเทรนด์แล้ว! https://positioningmag.com/1260278 Mon, 13 Jan 2020 10:35:40 +0000 https://positioningmag.com/?p=1260278 (photo: Jeremy Moeller/Getty Images)
Balenciaga เป็นแบรนด์ผู้นำเทรนด์รองเท้า “ทรงคุณพ่อ” หรือ Dad Shoes ให้กลับมาบูมในวงการแฟชั่น แต่รองเท้าทรงหนาเตอะนี้มีแววจะเริ่มเอาต์แล้ว เมื่อแบรนด์ออกสนีกเกอร์แบบใหม่สไตล์ Zen ซึ่งได้แรงบันดาลใจจาก “Athletic Tech”

Zen Sneakers คอลเลกชั่นใหม่จาก Balenciaga ออกแบบมาตรงข้ามกับสไตล์ Dad Shoes โดยสิ้นเชิง รองเท้าคอลเลกชั่นนี้มีรูปแบบคล้ายกับรองเท้ากีฬาฟุตบอล กอล์ฟ หรือรองเท้าโบว์ลิ่ง ลักษณะรองเท้าแบบเพรียวบางปลายแหลม แต่ผลิตจากวัสดุที่ไม่ใช่หนัง

รองเท้าสนีกเกอร์ Zen คอลเลกชั่นใหม่จาก Balenciaga (photo: Balenciaga)

รู้จักที่มาที่ไปของรองเท้าทรงหนา Dad Shoes

ก่อนที่จะมี Zen Sneakers ที่เปิดตัวสดๆ ร้อนๆ นี้ รองเท้าทรง Dad Shoes เป็นปรากฏการณ์ของวงการสตรีทแฟชั่นระดับลักชัวรีในช่วงปี 2015 จนถึงปัจจุบัน บรรดาแบรนด์ไฮเอนด์อย่าง Balenciaga, Dior หรือ Lanvin ต่างออกคอลเลกชั่นรองเท้าทรงพื้นหนาแบบนี้กันทั้งนั้น

สนีกเกอร์ทรง Dad Shoes จาก Adidas x Raf Simons คอลเลกชั่น Ozweego III

รองเท้าทรงคุณพ่อเริ่มมีให้เห็นบนรันเวย์ตั้งแต่ปี 2014 แต่มาบูมจริงๆ เมื่อดีไซเนอร์ Raf Simons ร่วมกับ Adidas ผลิตรองเท้ารุ่น Ozweego ราคา 300 เหรียญสหรัฐ ซึ่งขายหมดภายใน 5 นาที ตามด้วยแบรนด์ Vetements x Reebok ออกรองเท้าทรงเดียวกันช่วงปี 2017 ทำให้รองเท้าทรงคุณพ่อที่เคยโด่งดังเมื่อ 30 ปีก่อนคืนชีพสู่วงการแฟชั่น

พอมาถึงปี 2018 คีย์เวิร์ด ‘Dad Shoes’ และ ‘Dad Sneakers’ บน Google สูงขึ้นอย่างชัดเจน และบนแพลตฟอร์ม Pinterest สองคำนี้ถูกใช้ค้นหามากขึ้นถึง 730% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

ด้วยกระแสที่มาแรง แบรนด์ห้องเสื้อไฮเอนด์จึงต้องลงมาเล่นสตรีทแฟชั่นกับเขาด้วย ยกตัวอย่างเช่น Gucci ออกรองเท้ารุ่น Rhyton สนนราคา 890 เหรียญสหรัฐ ขณะที่ Louis Vuitton ออกรองเท้า Archlight ราคาสูงถึง 1,090 เหรียญสหรัฐ ส่วน Balenciaga ออกรุ่น Triple S Trainers ราคา 895 เหรียญสหรัฐ และกลายเป็นหนึ่งในสินค้าขายดีที่สุดของแบรนด์

Balenciaga รุ่น Triple S Trainers รองเท้าพื้นหนา งานดีไซน์เอกลักษณ์จนเป็นไอเทมดังของแบรนด์ (photo: Balenciaga)

“สนีกเกอร์จากฝีมือดีไซเนอร์ชื่อดังเหล่านี้เปรียบเสมือนกระเป๋า ‘It-Bag’ ในเวอร์ชั่นผู้ชาย” Damian Paul หัวหน้าฝ่ายเครื่องแต่งกายชายจาก MatchesFashion กล่าวเปรียบเทียบ โดย It-Bag นั้นหมายถึงกระเป๋าหรูของผู้หญิงอย่างแบรนด์ Chanel, Hermes หรือ Louis Vuitton ที่ไม่ได้เป็นแค่แฟชั่นแต่เป็นกระเป๋าแสดงฐานะที่ต้องมีไว้ครอบครอง

แต่กระแสแฟชั่นนี้อาจจะเปลี่ยนไปในไม่ช้า โดย Virgil Abloh ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Off-White และผู้อำนวยการงานสร้างสรรค์เครื่องแต่งกายชายที่ Louis Vuitton มองว่าสตรีทแฟชั่นกำลังจะร่วงโรย

“ในความคิดของผมคือ คนเราจะมีเสื้อยืดได้อีกกี่ตัว มีเสื้อหนาวได้กี่ตัว มีสนีกเกอร์ได้กี่คู่กัน?” Abloh กล่าวกับนิตยสาร Dazed

 

รองเท้าใหม่ Athletic Shoes แหวกกระแส

Balenciaga Zen Sneakers ถูกโปรโมตผ่าน IG Stories ของแบรนด์

เมื่อสิ่งหนึ่งตกสมัย ก็มีสิ่งใหม่ที่ขึ้นมาแทนที่ Balenciaga หนึ่งในแบรนด์ผู้นำเทรนด์ Dad Shoes หันสู่ทิศทางใหม่ด้วยการออกสนีกเกอร์คอลเลกชั่น Zen ราคา 550 เหรียญสหรัฐ โดยแบรนด์ระบุว่า รูปทรงรองเท้าคอลเลกชั่นนี้ได้แรงบันดาลใจจากนักกีฬา ผสมผสานกันระหว่างนักฟุตบอลและศิลปะการป้องกันตัว ออกแบบรูปร่างเพรียวบาง โค้งมน ซ่อนเชือกรองเท้า ใช้สีแบบโมโนโครมและสีพื้นฐานต่างๆ

Business Insider รายงานว่า ยอดขายในตลาดเครื่องแต่งกายสไตล์กีฬาจะเติบโตขึ้นจนแตะมูลค่า 2.317 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2024 และดูเหมือนว่าแบรนด์ลักชัวรีต่างพยายามจะทำเงินจากตลาดนี้ให้ได้มากที่สุดก่อนที่กระแสจะเปลี่ยนทิศทาง โดยช่วงนี้เทรนด์ได้เปลี่ยนจากแนวสตรีทคูลๆ มาเป็นสไตล์นักกีฬามากขึ้น

Puma x Balmain ร่วมกันออกแบบคอลเลกชั่นใหม่ที่ได้แรงบันดาลใจจากนักมวย (photo: Balmain)

นอกจาก Balenciaga ยังมี Puma ร่วมกับ Balmain ที่ออกคอลเลกชั่นเสื้อผ้าและรองเท้าโดยได้แรงบันดาลใจจาก “นักมวย” ตัวรองเท้าใช้ชื่อรุ่นว่า RUNNER โดยแบรนด์อธิบายการออกแบบว่าเป็นการนำรูปแบบของรองเท้ากีฬามาปรับเปลี่ยนวัตถุประสงค์ในการสวมใส่

ต้องติดตามกันต่อว่า สนีกเกอร์ทรงเพรียวบางปลายแหลมนี้จะมาแทนที่รองเท้าทรงหนาเตอะแบบเดิม หรือว่า “สนีกเกอร์” จะกลายเป็นของ “ล้าสมัย” ไปเลยในทศวรรษนี้?

]]>
1260278
เข้าแถวมั้ย! ONITSUKA TIGER xGIVENCHY จับมือข้ามสายพันธ์ุ ปั้นสนีกเกอร์ ‘MONOCHROME’ ไทยขาย 133 คู่ https://positioningmag.com/1234467 Thu, 13 Jun 2019 11:55:50 +0000 https://positioningmag.com/?p=1234467 การ Collaboration ยังคงเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ยอดนิยม” ของแบรนด์แฟชั่นระดับลักชัวรี่ และแบรนด์สตรีทแวร์ เพื่อให้แบรนด์ดูแปลกใหม่ และเป็นการขยายฐานลูกค้าร่วมกัน

ล่าสุด เป็นการ Collaboration ระหว่าง จีวองชี่ Givenchy แบรนด์แฟชั่นเก่าแก่ อายุ 92 ปี และ Onitsuka Tiger สนีกเกอร์ดังของประเทศญี่ปุ่น ที่ได้เปิดเผยคอลเลคชั่นใหม่ ที่เป็นการร่วมมือกันระหว่างโชว์รันเวย์ในวันที่ 12 มิถุนายน ในงาน  PittiUomo

เป็นครั้งแรกของทั้งคู่ ทั้ง Onitsuka Tiger ที่ไม่เคยร่วมงานกับแบรนด์แฟชั่นระดับลักชัวรี่มาก่อน และถือเป็นครั้งแรกของ Givenchy เช่นกันที่ได้ร่วมงานกับผู้ผลิตสนีกเกอร์ระดับโลก

การร่วมมือข้ามสายพันธ์ุ ระหว่าง Givenchy X Onitsuka Tiger ได้ร่วมกันพัฒนา รองเท้า “ MEXICO66™ GDX” ที่มีสองสไตล์ในรูปแบบสุดคลาสสิกของรุ่น NIPPON MADE ‘MEXICO 66™’: รุ่นสีขาวล้วน พร้อมลายเส้นอันโดดเด่นที่เป็นสัญลักษณ์ของโอนิซึกะ ไทเกอร์ ‘Onitsuka Tiger Stripe’ พร้อมด้วยตัวอักษร ‘Givenchy’ และรุ่นสีดำที่ใช้ดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ของ Givenchy ที่มีดีไซน์ของรองเท้าเป็นสีแดงและสีขาว โดยทั้งสองรุ่นจะมีลิ้นด้านหลังที่ประดับโลโก้คู่กันของ ‘Givenchy-Onitsuka Tiger’

ช็อปโอนิซึกะ ไทเกอร์ ยังได้ออกแบบ “แพ็กเกจจิ้ง” เป็นพิเศษเพื่อตอกย้ำความร่วมมือในครั้งนี้เช่นเดียวกันกับภาพของแคมเปญนี้ ที่มีการผสมผสานระหว่างภาพศิลปะญี่ปุ่นที่เน้นความคิดสร้างสรรค์ และโพสที่ได้รับแรงบันดาลใจจากกีฬา เพื่อเน้นย้ำกับการมาพบกันของวัฒนธรรม

รองเท้าทั้งสองรุ่นจะวางจำหน่ายที่ช็อปโอนิซึกะ ไทเกอร์และแฟล็กชิพสโตร์ของ Givenchy ทั่วโลกในวันที่ 13 มิถุนายน หนึ่งวันหลังจากโชว์บนรันเวย์ และช็อปผ่านออนไลน์ทาง Givenchy.com และช่องทางออนไลน์ที่ได้รับการคัดเลือก

สำหรับในไทย Onitsuka Tiger x Givenchy สนีกเกอร์สำหรับผู้หญิงและผู้ชายพร้อมเป็นเจ้าของได้ในราคา 19,000 บาท วางจำหน่ายเพียงแค่ 133 คู่ ในประเทศไทย ตั้งแต่วันนี้ไปถึง 4 ก.ค. 2562 นี้ ณ ช็อปโอนิซึกะ ไทเกอร์สาขา Siam Center ชั้นG เท่านั้น  

Onitsuka Co. , Ltd. ก่อตั้งขึ้นในปี 1949 เป็นหนึ่งในผู้ผลิตรองเท้าที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น โดยได้รับแรงบันดาลใจจากกีฬา เป็นบริษัทฯ ที่ก่อตั้งขึ้นเป็นแบรนด์รองเท้าสำหรับกีฬาโดย คิฮาชิโร โอนิซึกะ (Kihachiro Onitsuka) ปีนี้ครบรอบ 70 ปี

แฟนตัวยงของแบรนด์ อย่าง จีวองชี่ อาร์ทิสติคไดเร็คเตอร์ แคลร์ เวต เคลเลอร์ (Givenchy Artistic Director Clare Waiight Keller) ชื่นชอบใส่รองเท้า Onitsuka TigerMEXICO 66

แคลร์ เวต เคลเลอร์ (Clare Weight Keller) ต้องการตีความโดดเด่นของรองเท้าให้ออกมาเป็นในรูปแบบของภาพกราฟิกขาวดำ (Graphic Monochrome) และเพื่อผสมผสานสไตล์สีดำและสีขาวให้เข้ากับโชว์เสื้อผ้าบุรุษแบบสแตนด์อโลนเป็นครั้งแรกในฟลอเรนซ์ สำหรับโชว์เสื้อผ้าผู้ชายที่ PittiUomo ในฟลอเรนซ์

Givenchy ก่อตั้งขึ้นโดย อูแบร์ เดอ จีวองชี่ (Hubert de Givenchy) ในปี 1952 สร้างความสำเร็จในวงการแฟชั่นมาหลายทศวรรษ โดยได้รับการสวมใส่จากคนดังทั้งอดีตและปัจจุบัน แม้ว่าจีวองชี่จะขายสำนักออกแบบให้กับ “หลยุส์ วิตตอง” แต่จีวองชี่ยังคงความโรแมนติกความคลาสสิกด้วยวิธีการที่ทันสมัยของอาร์ทิสติคไดเร็คเตอร์ชาวอังกฤษ แคลร์ เวตเคลเลอร์ ซึ่งได้รับการแต่งตั้งในปี 2017 เพื่อออกแบบคอลเลคชั่น Haute Couture และคอลเลคชั่น Ready-to-Wear ทั้งหมด สำหรับของผู้ชายและผู้หญิง และด้วยโชว์ครั้งแรกของเธอ ได้สร้างเอกลักษณ์ใหม่สำหรับเฮาส์ของจิวองชี่ตามแนวคิดแสงสว่างในความมืด

ในพิธีเสกสมรสเจ้าชายแฮร์รี่กับเมแกนมาร์เคิล หรือ ‘ดัชเชสแห่งซัสเซ็กซ์’ (Duchess of Sussex) ได้สวมชุดแต่งงานของ Givenchy Haute Couture ซึ่งมีแคลร์ เวต เคลเลอร์ อาร์ทิสต์ไดเร็คเตอร์ของแบรนด์เป็นผู้ออกแบบให้.

]]>
1234467
“บาจา” Re-Positioning ปรับลุคใหม่ ผนึกไอคอนระดับโลกอัพเกรดรองเท้าสู่ตลาดโมเดิร์น สลัดภาพแบรนด์เก่า 89 ปี https://positioningmag.com/1165788 Wed, 11 Apr 2018 12:58:22 +0000 https://positioningmag.com/?p=1165788 รองเท้าแบรนด์ “บาจา” ทำตลาดในไทยมานานถึง 89 ปี ภาพจำส่วนใหญ่จะนึกถึงแบรนด์รองเท้านักเรียนธรรมดาๆ ตามมาตรฐาน

แต่วันนี้ “บาจา” ขอสลัดภาพทั้งหมดทิ้ง ด้วยการปรับทัพองค์กรครั้งใหญ่ เพื่อ Re-Positioning แบรนด์เก๋าและเก่าแก่ให้ดูทันสมัยขึ้น พร้อมจัดทัพธุรกิจให้แข็งแรง หวังต่อกรกับเกมธุรกิจรองเท้า (Back To the Game) ในเชิงรุกครั้งใหม่

เมื่อต้นปี 2561 บริษัทแม่ของบาจาในสวิตเซอร์แลนด์ได้ส่งผู้บริหาร “เปาโล แกรสซี” มานั่งเก้าอี้ผู้จัดการ บริษัท บาจา (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อแก้โจทย์เรื่อง Perception Brand ให้ผู้บริโภคมองแบรนด์บาจาให้ชิค & คูล

“เปาโล” จึงประเดิมกลยุทธ์สื่อสารการตลาด ประกาศว่า “บาจาทันสมัย” แล้วนะ

เพื่อตอบโจทย์สินค้า “ไลฟ์สไตล์”  ที่มีความเป็นโมเดิร์น หวังเจาะตลาด “ชนชั้นกลาง คนรุ่นใหม่ วัยเริ่มทำงาน เริ่มต้นมีครอบครัว ที่กระเป๋าหนัก” มากขึ้น

จากเดิมโฟกัสแค่ลูกค้ากลุ่มนักเรียน ผู้ใหญ่รุ่นเดอะที่มองเรื่องฟังก์ชั่นใส่สบายและ “คุ้มค่าราคา” ซึ่งเป็น Core Value ของแบรนด์

“ปัญหาใหญ่ของบาจาคือเรื่องการรับรู้ของผู้บริโภคที่มองแบรนด์ว่าเชย ทั้งที่เราก็เป็นแบรนด์ยุโรป เป็นอินเตอร์และไลฟ์สไตล์แบรนด์ สินค้ามีความทันสมัย ซึ่งจากนี้ไปเราต้องสร้างภาพใหม่ให้ผู้บริโภคจดจำว่า เราเป็นแบรนด์โลกเหมือนกัน” เปาโล บอก

บริษัทจึงร่วมมือ (Collaboration) กับไลฟ์สไตล์แบรนด์ระดับท็อปของโลกด้วยหลากหลายหมวดสินค้า (Category) ผลิตคอลเล็กชั่นใหม่ๆ และสินค้าลิมิเต็ด เอดิชั่น เพื่อ “อัพเกรด” แบรนด์ให้โมเดิร์นยิ่งๆ ขึ้น

โดยเฉพาะการผนึกกับ “สตาร์ วอร์” ภาพยนตร์ระดับตำนานออกรองเท้า “สตาร์ วอร์ คอลเล็กชั่น” นำตัวเอกที่เป็นไอคอนิคของหนัง เช่น ดาร์ธ เวเดอร์ อาร์ทูดีทู และสตอร์มทรูปเปอร์ มาเป็นลวดลายกราฟฟิกในรองเท้าบาจา บุลเล็ต (Bata Bullets) และบาจา เทนนิส รองเท้ารุ่นแรกๆ ที่คนรู้จักดี เข้าทำตลาดอย่างหนัก

ทั้งใช้ “Bata Red Label” เป็นตัวช่วยการันตีสินค้านั้นๆ ว่าเป็นคอลเล็คชั่นรองเท้าที่ทัยสมัยสุด

“บาจา” ทุ่มหนัก เพื่อ Collaboration กับ ALDO Group แบรนด์รองเท้าและเครื่องหนังพรีเมียมจากแคนาดาด้วย  เพื่อออกแบบและพัฒนารองเท้าแฟชั่นที่เกาะติดเทรนด์ทั่วทุกมุมโลก

รวมถึงการจัดงาน Bata Fashion Weekend เป็นปีที่ 2 ที่เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี

ซึ่งเป็นความพยายามจะล้างภาพแบรนด์เชย และสร้าง Perception ให้แบรนด์บาจาเป็นส่วนหนึ่งของงานแฟชั่นระดับโลก

พร้อม “ขยายฐานลูกค้า” กลุ่มใหม่ให้กับแบรนด์ด้วย เพราะทั้ง ALDO และ สตาร์วอร์ ล้วนมีสาวก แฟนพันธุ์แท้ที่เหนียวแน่น

นอกจากนี้ บริษัทยังได้นำรองเท้าแบรนด์อื่นๆ มาทำตลาดในร้านมากขึ้นด้วย เช่น ลีวายส์ เพื่อขยายพอร์ตโฟลิโอสินค้า พร้อมๆ กับขยายฐานลูกค้าของแบรนด์ดังกล่าวมาป็นลูกค้าของบาจา

ปัจจุบันบาจามีสินค้าแบรนด์ตัวเองราว 90% เช่น แบรนด์นอร์ท สตาร์,รองเท้าเด็กแบรนด์ บับเบิ้ลส์ กัมเมอร์ส และแบรนด์อื่นๆ 10% อนาคตยังต้องการให้มีแบรนด์อื่นๆอีก ในสัดส่วนมากกว่า 15%

ถัดจากการบิ้วด์แบรนด์และเพิ่มสินค้าใหม่แล้ว “บาจา” มีนโยบายขยายช็อป ในปีนี้จะเปิด 15 สาขา พร้อมปรับปรุงช็อปเดิมให้ดูดีและทันสมัยยิ่งขึ้น จากปัจจุบันมีช็อป 25 สาขา

สาขาใหม่ จะมีทั้งรูปแบบ City Store เน้นเจาะทำเลในเมือง เช่น ซีคอนสแควร์ มี Family Store เน้นทำเลชานเมือง รวมถึงเปิดใน “โฮมโปร” หวังจับกลุ่มลูกค้าครอบครัว

ทั้งจะอัดงบฯ เพื่อปรับโฉมร้านที่ “เซ็นทรัลเวิลด์” ให้เป็น แฟล็กชิพสโตร์” เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ในการซื้อรองเท้าที่จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

“พฤติกรรมการซื้อรองเท้าบาจาจะซื้อเมื่อจำเป็น เช่น รองเท้าขาด ต้องซื้อใหม่เท่านั้น แต่เราต้องการให้ผู้บริโภคเข้าร้านเหมือนเข้าซูเปอร์มาร์เก็ต คือเข้าได้บ่อยๆ เพราะเรามีสินค้าใหม่ มีสินค้าแฟชั่นที่อัพเดท”

สิ่งที่ “บาจา” คาดหวังคือการเพิ่มความถี่ในการเข้าช็อป

เพราะนั่นหมายถึง “โอกาส” ที่จะสร้างยอดขายได้

ซึ่งตลาดรวมของรองเท้าปี 2560 มีมูลค่าถึง 2,300 ล้านเหรียญสหรัฐ อัตราการเติบโตอยู่ที่ 4% แนวโน้ม 3-5 ปีข้างหน้า คาดการณ์ว่า ตลาดจะโต 3.3% โดย “บาจา” มีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 3.5%

ภายใต้การแข่งขันและโลกที่หมุนเร็ว “บาจา” ตั้งเป้าจะโตด้วยตัวเลข 2 หลัก นั่นหมายความว่า จากนี้ไปบาจาคงไม่อยู่นิ่งและปล่อยให้คู่แข่งลอยนวลอีกต่อไปแล้ว.

]]>
1165788