ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการ ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ หรือ REIC กล่าวถึงนโยบายภาครัฐที่ต้องการจะแก้กฎหมายต่างๆ เพื่อให้คนต่างชาติเข้ามาซื้อหรือเช่าอสังหาฯ ในไทยได้สะดวกขึ้น เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจภาคอสังหาฯ ของไทย
โดยเบื้องต้นนโยบายที่รัฐกำลังพิจารณา ตามกระแสข่าวที่เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อปลายเดือนมีนาคม 2564 มีดังนี้
ต่อประเด็นนโยบายให้ต่างชาติซื้อบ้านได้ ดร.วิชัย มีข้อเสนอแนะ 3 ข้อ เพื่อให้ประโยชน์ยังตกแก่คนไทยในการซื้อที่อยู่อาศัยในอนาคต ดังนี้
ดร.วิชัยยังขยายความเรื่อง “พื้นที่” ที่เหมาะสมในการอนุญาตผ่อนผันให้ต่างชาติ คือควรคำนึงไม่ให้กระทบกับพื้นที่ที่คนไทยยังมีความต้องการที่อยู่อาศัยของตนเองมาก ดังนั้น บริเวณที่เหมาะสมให้ต่างชาติซื้อบ้านหรือเช่าระยะยาว เช่น สถานที่ท่องเที่ยวในกรุงเทพฯ เชียงใหม่ หรือภูเก็ต เขตนิคมอุตสาหกรรม EEC ภาคตะวันออก เป็นต้น และควรกำหนดราคาควบคู่ไปด้วยดังที่เสนอข้างต้น
REIC ยังเปิดเผยข้อมูลการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดของคนต่างชาติในไทย (ปัจจุบันต่างชาติยังซื้อสิทธิ์ขาดในที่ดินไม่ได้ และ REIC ไม่สามารถติดตามข้อมูลที่เลี่ยงกฎหมายโดยการใช้ ‘นอมินี’ ถือครองที่ดินแทนได้) พบว่า คนต่างชาติเกือบ 78% โอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดกลุ่มราคาไม่เกิน 5 ล้านบาท จะเห็นได้ว่า ที่ผ่านมาชาวต่างชาติส่วนใหญ่มีดีมานด์อสังหาฯ ในกลุ่มราคาเดียวกับคนไทย
“กลุ่มราคาห้องชุดที่ต่างชาติโอนกรรมสิทธิ์สูงสุด ปี 2561-63”
ด้าน “ทำเลที่ต่างชาติสนใจและมีการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดมากที่สุด แบ่งตามจำนวนยูนิต ปี 2561-63” มีดังนี้
อย่างไรก็ตาม หากวัดตาม “มูลค่า” ตลาดซื้อขายอสังหาฯ ให้ต่างชาติใน จ.ภูเก็ต จะมีมูลค่าสูงกว่าเชียงใหม่และสมุทรปราการ
และถ้าหากเทียบสัดส่วนจำนวนห้องชุดที่ต่างชาติถือครองกรรมสิทธิ์เทียบกับการถือครองโดยคนไทย “ชลบุรี” ถือว่ามีสัดส่วนห้องชุดถูกซื้อโดยต่างชาติสูงที่สุดในระยะหลัง
“ในคอนโดฯ 100 ห้องที่โอนกรรมสิทธิ์ มีชาวต่างชาติเป็นผู้ซื้อกี่ห้อง?” (ข้อมูลรวมเฉพาะปี 2561-63)
ขณะที่กลุ่มตลาดหลักชาวต่างชาติที่เข้ามาซื้ออสังหาฯ ไทยย่อมหนีไม่พ้น “ชาวจีน” โดย REIC ให้ข้อมูลไว้ว่า Top 5 สัญชาติชาวต่างชาติที่มียอดโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดไทยมากที่สุด ปี 2563 ได้แก่
ดร.วิชัยทิ้งท้ายว่า นโยบายเหล่านี้น่าจะช่วยส่งเสริมตลาดอสังหาฯ ไทยได้ แต่คงไม่เกิดขึ้นในทันที มองว่าจะเป็นผลบวกต่อแรงจูงใจในการซื้อของต่างชาติในระยะต่อไปมากกว่า และหนึ่งในปัจจัยที่จะช่วยให้ประสบความสำเร็จคือไทยต้องควบคุมการระบาดของ COVID-19 ได้ เพื่อเร่งเปิดประเทศให้เร็วที่สุด และอสังหาฯ ไทยจะได้รับความสนใจจากต่างชาติอีกครั้ง
]]>อย่างในฉากที่ ”แม่มะลิ” หรือ ท้าวทองกีบม้า เข้าพิธีแต่งงานกับ คอนสแตนติน ฟอลคอน ร้านสะดวกซื้อ 7-11 ไม่รอช้า อัพไทม์ไลน์ โฆษณา นมข้นหวานฟอลคอน ตรามะลิมาจัดเรียง โดยให้คาร์เนชั่นคั่นกลาง พร้อมประโยคเด็ด “แม้นจะมีคาร์เนชั่น ก์มิอาจขวางกั้นความรักของฟอลคอนกับแม่มะลิได้“ พร้อมเสนอโปรฯ เด็ดจัดให้ทันควัน นมข้นหวานกับความหวานของคู่แต่งงานใหม่ มันช่างเข้ากันได้ดีจริง ๆ
ส่วนท็อปส์มาร์เก็ต ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องการทำโซเชียลมีเดีย มาร์เก็ตติ้ง ก็ส่งโฆษณา นมกระป๋อง ฟอลคอน คู่กับ นมมะลิขาย พร้อมราคาโปรโมชั่นทันทีเช่นกัน
แบรนด์ที่ไม่มีสินค้าที่เกี่ยวกับเนื้อเรื่องก็ยังขอเกาะไปกับกระแสด้วย ค่ายมือถือ “ทรูมูฟ” ออกแคมเปญ “เน็ตไม่อั้น สนั่นพระนคร” ในราคาพิเศษ
สถาบันการเงินก็ไม่น้อยหน้า ธนาคารอาคารสงเคราะห์ จัดการโปรโมต GHB Plus สิทธิประโยชน์ให้กับลูกค้าได้รู้จัก พร้อมเสนอรูปแบบการใช้บริการ ที่มีบทสวดมนต์กฤษณากาลี เป็นองค์ประกอบด้วย หวังจะให้พึ่งคาถาเพื่อลุ้นรับของรางวัลพิเศษจากธนาคาร
ฟากธนาคารกรุงศรี เสนอสินเชื่อใหม่ iFin ด้วยคอนเซ็ปต์ อนุมัติไว แบบไม่ต้องรอ หลังจากในละครแม่นางการะเกดช้อปจัดหนัก ให้พี่หมื่นจ่ายแหลกมาแล้ว
สินค้าน้ำดำอย่าง เอส มาชวนคนให้ไปร่วมสนุกลุ้นไปนิวยอร์ก พร้อมกับ GOT7 พร้อมภาพเครื่องบินจอดรออยู่หน้าเรือนไทยหลังใหญ่ แถมด้วยประโยคว่า “หมดเวลาท่องอโยธยาแล้วออเจ้า“
ทางด้านช่อง 3 ไม่รอช้า ออกสติกเกอร์ “แม่การะเกด” ออกมาให้โหลดซื้อในราคา 100 บาท ทันที แถมติดอันดับ 1 ของสติกเกอร์เป็นทางการไปแล้ว
แม้แต่จราจรในกรุงเทพฯ ทวิตเตอร์รายงานสภาพการจราจรของ “สวพ FM 91“ ก็รายงาน ณ เวลา 21.30 น. ของวันที่ 15 มี.ค. ไว้ว่า ”จากรถติดมาก กลับโล่งได้ ปรากฏการณ์ทุกวันพุธ พฤหัส“
ละครเดินทางมาถึงครึ่งทางแล้ว กระแสยังไม่ตก เพราะแต่ละตอนล้วนมีประเด็นใหม่ หรือฉากเด็ด ให้ผู้ชมต้องตามดู ส่วนสินค้าก็ไม่พลาดที่จะพาแบรนด์ไปอยู่ในกระแส หรือประเด็นที่ผู้บริโภคให้ความสนใจเช่นกัน.
]]>ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ได้จัดงานแถลงข่าว โครงการประกวดถ่ายภาพ “บ้านน่าอยู่ คูคลอง ใสสะอาดกับ ธอส.” โดยมี นางไลวรรณ ปองเสงี่ยม รองกรรมการผู้จัดการกลุ่มงานกลยุทธ์และปฏิบัติการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เป็นประธานในงาน พร้อมด้วยแขกผู้เกียรติ ดารานักแสดง อาทิ เพชร – ฐกฤษ และแวววา-ณิชารีย์ เข้าร่วมงาน ทั้งนี้ นางไลวรรณฯ ได้เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลา 60ปี ธนาคารอาคารสงเคราะห์ได้สร้างโอกาสให้คนไทยมีบ้านเป็นของตนเองมาแล้ว กว่า 3 ล้านครัวเรือน ตามวิสัยทัศน์ “ธนาคารมั่นคงทันสมัย และเป็นผู้นำสินเชื่อด้านที่อยู่อาศัยอย่างครบวงจร” และพร้อมสนับสนุน ส่งเสริมพัฒนาสังคมไทยมาอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งหวังให้ประชาชนได้มีที่อยู่อาศัยที่ดี มีคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ขณะเดียวกัน ธอส.ยังมีแนวคิดในการส่งเสริมให้สังคมสิ่งแวดล้อม และที่อยู่อาศัย มีความน่าอยู่ สะอาด และปลอดภัยจากมลภาวะเป็นพิษต่างๆที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ และคุณภาพชีวิตของประชาชนคนไทย
ด้วยเหตุนี้ ธนาคาร จึงได้จัดทำโครงการประกวดภาพถ่าย บ้านน่าอยู่คูคลอง ใสสะอาดกับ ธอส. ขึ้น โดยเปิดโอกาสให้นิสิต นักศึกษา และกลุ่มประชาชนผู้สนใจ ได้แสดงความสามารถ และความคิดสร้างสรรค์ผ่านเลนส์ ส่งภาพถ่ายเข้าประกวด ภายใต้หัวข้อ “บ้านน่าอยู่ คูคลองใสสะอาดกับ ธอส.” ทั้งนี้เพื่อร่วมพัฒนาสังคมไทย สิ่งแวดล้อม และปลูกจิตสำนึกให้ประชาชนทั่วไป มีทัศนคติ มุมมองที่ดีในการรักษาความสะอาดบ้านพักอาศัยที่อยู่ริมน้ำ ผ่านการถ่ายภาพ ตลอดจนเป็นกิจกรรม ในการเฉลิมฉลองโอกาสครบรอบ 60 ปี ธอส. 60 ปีแห่งการให้ เพื่อสร้างรากฐาน มีบ้านมีสุข
วัตถุประสงค์ของโครงการ บ้านน่าอยู่คูคลอง ใสสะอาด กับ ธอส. นั้น ก็เพื่อ 1.เปิดโอกาสให้นิสิต นักศึกษา และกลุ่มประชาชนผู้สนใจโดยทั่วไป ได้แสดงความสามารถและความคิดสร้างสรรค์ในการถ่ายภาพในหัวข้อ “บ้านน่าอยู่ คูคลองใสสะอาดกับ ธอส.” 2.เป็นการปลูกจิตสำนึกให้ประชาชนทั่วไปให้มีทัศนคติ พร้อมทั้งมุมมองที่ดีในการักษาความสะอาดบ้านพักอาศัยที่อยู่ริมน้ำ ผ่านการถ่ายภาพ 3.เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีแก่ ธอส. ในการเป็นสถาบันการเงินเพื่อที่อยู่อาศัยอย่างครบวงจร ที่พร้อมจะอยู่เคียงข้างลูกค้า
ประชาชนในย่างก้าวสำคัญของชีวิต เมื่อคิดจะมีบ้าน 4.เพื่อส่งเสริมนโยบายการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมขององค์กร(CSR) ด้านสังคมและด้านที่อยู่อาศัยเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดี 5.เพื่อคืนความสุข สร้างความภาคภูมิใจ ให้กับประชาชนที่มีบ้านอยู่ริมคลอง หรือริมน้ำ 6.เพื่อเป็นการเฉลิมฉลอง ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ในโอกาสครอบรอบ 60 ปี ซึ่งตรงกับวันที่ 24 กันยายนศกนี้
สำหรับกติกาการประกวดถ่ายภาพโครงการ บ้านน่าอยู่คูคลองใสสะอาดกับธอส. นั้นแบ่งการแข่งขันออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่
1. ประเภทช่างภาพมืออาชีพ การถ่ายภาพจะต้องเป็นภาพภูมิทัศน์ ริมคลอง และริมแม่น้ำ ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ภาพที่ส่งประกวดเฉพาะภาพสีเท่านั้น โดยส่งผลงานเข้าประกวดได้ 2 ช่องทาง คือ
1.สามารถส่งผลงานด้วยตัวท่านเองที่ บจก.บีบี โนเบิล อินเตอร์เนชั่นแนล 2521/39 ถ.ลาดพร้าว แขวงวังทองหลาง เขตวังทองหลาง กทม. 10310 (แนบใบสมัคร พร้อมผลงาน) ระหว่างวันที่ 1-16 สิงหาคม 2556 ( ทุกวันทำการ วันจันทร์ – วันศุกร์ เวลา 9:00 – 18:00 น. เท่านั้น)
2. หรือส่งทางไปรษณีย์ บจก.บีบี โนเบิล อินเตอร์เนชั่นแนล 2521/39 ถ.ลาดพร้าว แขวงวังทองหลาง เขตวังทองหลาง กทม. 10310 (แนบใบสมัคร พร้อมผลงาน) ตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค.- 16 ส.ค. 2556 (สามารถโหลดกติกา และใบสมัครได้ที่ Facebook : บ้านน่าอยู่ คูคลองใสสะอาดกับ ธอส.)
รางวัลสำหรับผู้ชนะเลิศ ได้รับเงินสด 50,000 บาท
รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 1 30,000 บาท
รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 2 20,000 บาท
Special Popular Vote (จาก 60 ภาพ) 1 รางวัล 10,000 บาท (ผลโหวตจาก Facebook)
รองชมเชย 6 รางวัล รางวัลละ 5,000 บาท
2. ประเภทประชาชนทั่วไป ภาพที่ส่งเข้าประกวดจะต้องเป็นภาพสี ส่งเป็นไฟล์ jpg. มีขนาดไม่เกิน (1 เมกกะไบต์) และจะต้องเป็นภาพภูมิทัศน์ริมคลอง และริมแม่น้ำ ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล เท่านั้น ผู้สนใจแนบใบสมัคร พร้อมภาพที่ส่งเข้าประกวด มาที่ E-mail: [email protected] (สามารถโหลดกติกา และใบสมัครได้ที่ Facebook : บ้านน่าอยู่ คูคลองใสสะอาดกับ ธอส.)
รางวัลสำหรับผู้ชนะการประกวด ภาพ Popular vote (คัดเลือกภาพความประทับใจโดย ธอส.) 60 รางวัล รางวัลละ 1,000 บาท (สัปดาห์ละ 15 รางวัล ระยะเวลา 4 สัปดาห์)
ทั้ง 2 ประเภทการประกวด ผู้ส่งภาพเข้าประกวดมีสิทธิ์ส่งภาพได้ไม่เกิน 10 ภาพ และมีสิทธิ์ได้รับรางวัลสูงสุดเพียงภาพเดียวเท่านั้น
“ในโอกาสครบรอบ 60ปี ธอส.มุ่งหวังให้ประชาชนที่มีบ้านพักอาศัยริมคลองต่างๆ และประชาชนทั่วไป เห็นความสำคัญของคูคลอง และแหล่งน้ำต่างๆ พร้อมตอบสนองนโยบายของรัฐบาลในการช่วยกันดูแลคูคลองให้ใสสะอาด ไร้ขยะ ซึ่งจะเป็นอุปสรรคต่อการระบายน้ำ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของธนาคารด้าน CSR ด้านการพัฒนาสังคม ที่อยู่อาศัย และใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมในสังคมอย่างต่อเนื่องและไม่หยุดนิ่ง นอกจากนี้โครงการ “บ้านน่าอยู่ คูคลองใสสะอาดกับ ธอส.”ยังช่วย คืนความสุข สร้างความภาคภูมิใจ ให้กับประชาชนที่มีบ้านอยู่ริมคลอง หรือริมน้ำอีกด้วย” รองกรรมการผู้จัดการ ธอส.กล่าวในที่สุด
ธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.) เชิญชมหนังสั้น และภาพยนตร์โฆษณาเรื่องที่ 4 ออกอากาศทางช่องมงคลชาแนล ถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตจริงของ “ธัชญา เนตรทิพย์และครอบครัว” ที่ไม่เคยมีบ้านเป็นหลักแหล่ง ต้องย้ายที่พักอาศัยอยู่ตลอด และครั้งหนึ่งเคยมีชีวิตที่ลำบากอยู่ใต้สะพานมาก่อน ด้วยฝีมือการกำกับของคุณขนิษฐา ขวัญอยู่ พร้อมออกอากาศตลอดเดือนพฤศจิกายนศกนี้
นายขรรค์ ประจวบเหมาะ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.) เปิดเผยว่า ธนาคารได้คัดเลือกเรื่องราวชีวิตจริงของลูกค้าธนาคาร เพื่อนำมาถ่ายทอดเรื่องราวเป็นหนังสั้น และตัดเป็นภาพยนตร์โฆษณาเรื่องที่ 4 โดยใช้ชื่อตอนว่า “ชีวิตที่เป็นไปได้” .ซึ่งครั้งนี้ได้ถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตจริงของคุณธัชญา เนตรทิพย์ ลูกค้าสินเชื่อที่อยู่อาศัยของธนาคาร และเส้นทางชีวิตการต่อสู้ ของครอบครัวที่ไม่เคยมีบ้านเป็นหลักแหล่ง ทำให้ต้องย้ายที่พักอาศัยอยู่ตลอด อีกทั้งเคยผ่านช่วงชีวิตที่ลำบากอยู่ใต้สะพานมาแล้ว จนสุดท้ายสามารถเป็นเจ้าของบ้านหลังเล็ก ๆ และเต็มไปด้วยความอบอุ่นได้
ทั้งนี้ หนังสั้นและภาพยนตร์โฆษณาดังกล่าวมาจากฝีมือการกำกับของผู้กำกับไฟแรง “ขนิษฐา ขวัญอยู่” โดยกำหนดออกอากาศทางช่องมงคลชาแนล และตัดเป็นภาพยนตร์โฆษณาเผยแพร่ทางสถานีโทรทัศน์ช่องต่างๆรวมทั้งยังสามารถติดตามชมได้ด้วยทางเวปไซต์ www.ghbank.co.th และ www.mongkolchannel.com ตลอดเดือนพฤศจิกายนศกนี้
อย่างไรก็ตาม หนังสั้นเรื่องที่ 4 สร้างมาจากเรื่องราวชีวิตจริงของลูกค้าธนาคาร 1 ใน 2 รางวัลชนะเลิศการประกวดเรื่องสั้น จากเรื่องราวที่ลูกค้าธนาคารส่งเข้าประกวดทั้งหมดกว่า 200 เรื่อง ภายใต้โครงการประกวดเรื่องสั้นจากชีวิตจริงในหัวข้อ”บ้านคือลมหายใจของชีวิต”เพื่อเปิดโอกาสให้ลูกค้าสินเชื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารได้ถ่ายทอดประสบการณ์ชีวิตจริงของลูกค้า ตลอดจนแก้ปัญหาอุปสรรคจนไปสู่ความสำเร็จ รวมทั้ง
ยังเป็นแง่คิดมุมมองในการดำเนินชีวิตให้ผู้ที่กำลังท้อแท้ในชีวิตได้มีกำลังใจต่อสู่กับอุปสรรคไปสู่ความสำเร็จในชีวิตต่อไป
ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ถ่ายทอดหนังสั้นเรื่องที่สามออกอากาศทางช่องมงคลชาแนล ด้วยเรื่องราวชีวิตจริงของ “ปรียาภรณ์ วิชกูล” ลูกค้าของธนาคารจากผู้ที่เคยมีบ้านแต่ต้องสูญเสียบ้านของครอบครัวไป และด้วยความมานะ อดทน สามารถต่อสู้จนสุดท้ายดิ้นรนสู้ชีวิตจนกลับมามีบ้านหลังใหม่ที่เป็นศูนย์รวมความรักความอบอุ่นให้กับครอบครัวได้อีกครั้ง ด้วยหวังเป็นแรงบันดาลใจให้กับทุกคนที่ประสบปัญหาในชีวิตเพื่อให้มีกำลังใจในการต่อสู้ชีวิตต่อไป พร้อมเริ่มออกอากาศตั้งแต่เดือนตุลาคมนี้เป็นต้นไป
นายขรรค์ ประจวบเหมาะ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า จากการที่ธนาคารได้คัดเลือกเรื่องสั้นจากชีวิตจริงของลูกค้าธนาคาร นำมาถ่ายทอดเป็นหนังสั้นและตัดเป็นภาพยนตร์โฆษณาเรื่องที่สาม ใช้ชื่อตอนว่า “บ้านแห่งลมหายใจของเรา” ด้วยเรื่องราวชีวิตจริงของ “ปรียาภรณ์ วิชกูล” ลูกค้าของธนาคารรวมทั้งเส้นทางการต่อสู้ชีวิตของผู้ที่สูญเสียบ้านของครอบครัวไป แต่ด้วยความมานะอดทนทำให้สามารถกลับมามีบ้านหลังใหม่ให้กับครอบครัวได้ และประสบความสำเร็จในอาชีพพยาบาล ด้วยการทุ่มเทแรงกายแรงใจ ต่อสู้ปัญหาต่างๆ ทั้งนี้เพื่อเป็นกำลังใจให้กับทุกคนที่กำลังประสบปัญหาชีวิต ให้มีกำลังใจลุกขึ้นสู้ต่อไป
“ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ไม่ได้เพียงให้แค่สินเชื่อบ้าน แต่ธนาคารอาคารสงเคราะห์ พร้อมมอบโอกาสและมอบอนาคต ความรัก ความอบอุ่น ให้กับทุกชีวิตในบ้านอีกด้วย เพื่อตอกย้ำว่าธนาคารอาคารสงเคราะห์ เป็นสถาบันการเงินของรัฐที่มีหน้าที่ช่วยเหลือผลักดัน สนับสนุน และส่งเสริมให้พี่น้องประชาชนชาวไทย ได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น และหนังสั้นเรื่องนี้ สร้างมาจากเรื่องราวชีวิตจริงของลูกค้าธนาคาร 1 ใน 2 รางวัลชนะเลิศการประกวดเรื่องสั้น จากเรื่องราวที่ลูกค้าธนาคารส่งเข้าประกวดทั้งหมดกว่า 200 เรื่อง เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นว่า แม้ต้องสูญเสียบ้านที่เป็นศูนย์รวมของครอบครัวไป แต่ด้วยกำลังใจที่เข้มแข็ง ความมุมานะฝ่าฟันสู้ชีวิต ก็สามารถประสบความสำเร็จในชีวิตได้ไม่วันใดก็วันหนึ่ง และธนาคารอาคารสงเคราะห์พร้อมให้โอกาสทุกคนในการจะมีบ้านเป็นของตนเองเพื่อความรัก ความอบอุ่นของครอบครัวและคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น” นายขรรค์กล่าว
ทั้งนี้ หนังสั้นและภาพยนตร์โฆษณาดังกล่าวเป็นฝีมือการกำกับของผู้กำกับไฟแรง “ภาคภูมิ วงศ์จินดา” โดยหนังสั้นดังกล่าวมีกำหนดออกอากาศทางช่องมงคลชาแนล และตัดเป็นภาพยนตร์โฆษณาออกตามสถานีโทรทัศน์ช่องต่างๆ และยังสามารถติดตามชมได้ทางเวปไซต์ www.ghbank.co.th ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมเป็นต้นไป
มอบรางวัล- -ขรรค์ ประจวบเหมาะ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.) เป็นประธานมอบรางวัลบัญชีเงินฝากออมทรัพย์รางวัลละ 1 แสนบาท ให้แก่ลูกค้าที่ชนะการประกวดเรื่องสั้นจากชีวิตจริง ภายใต้หัวข้อ”บ้านคือลมหายใจของชีวิต” ให้กับ น.ส.ธัชญา เนตรทิพย์ (ซ้าย) เรื่อง”ชีวิตที่เป็นไปได้” และ น.ส.ปรียาภรณ์ วิชกูล(ขวา) เรื่อง “บ้านแห่งลมหายใจของเรา” โดยเรื่องสั้นดังกล่าวจะนำมาผลิตเป็นหนังสั้น ติดตามชมได้ทางช่องมงคลชาแนล และเวปไซต์ www.ghbank.co.th
ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ประกาศผลตัดสินโครงการประกวดเรื่องสั้นจากชีวิตจริง เลือกผลงาน 2 เรื่องโดดเด่น โดนใจ พร้อมให้แง่คิดปรัชญาการใช้ชีวิตมากสุดคือ “บ้านแห่งลมหายใจของเรา” และ“ชีวิตที่เป็นไปได้” จากลูกค้าสินเชื่อบ้านที่ส่งผลงานเข้าประกวดกว่า 200 ราย เตรียมนำมาผลิตเป็นหนังสั้นและภาพยนตร์โฆษณาเรื่องที่ 3 และเรื่องที่ 4 ออกอากาศช่องมงคลชาแนล และสถานีโทรทัศน์ช่องต่างๆ ตั้งแต่เดือนตุลาคม- พฤศจิกายนนี้
นายขรรค์ ประจวบเหมาะ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ตามที่ธนาคารได้จัดทำ โครงการประกวดเรื่องสั้นจากชีวิตจริง ภายใต้หัวข้อ “บ้านคือลมหายใจของชีวิต” เพื่อเปิดโอกาสให้ลูกค้าสินเชื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารได้ถ่ายทอดประสบการณ์ชีวิตจริง และความยากลำบากกว่าจะมีบ้าน ซึ่งธนาคารได้ปิดรับผลงานเข้าประกวดเมื่อวันศุกร์ที่ 21 สิงหาคม 2552 ปรากฎว่ามีลูกค้าสนใจส่งผลงานเข้าร่วมประกวดกว่า 200 เรื่อง
ทั้งนี้ คณะกรรมการฯ ได้พิจารณาคัดเลือกผลงานที่โดนใจมากที่สุด 2 เรื่องด้วยกัน ได้แก่ เรื่องราวชีวิตจริงของ น.ส.ปรียาภรณ์ วิชกูล ซึ่งใช้ชื่อเรื่อง “บ้านแห่งลมหายใจของเรา” และเรื่องราวชีวิตจริงของน.ส.ธัชญา(มยุรีย์) เนตรทิพย์ ซึ่งใช้ชื่อเรื่อง”ชีวิตที่เป็นไปได้” โดยผลงานที่ผ่านการคัดเลือกครั้งนี้จะได้รับรางวัลเป็นบัญชีเงินฝากออมทรัพย์รางวัลละ 100,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 200,000 บาท
นอกจากนี้ ธนาคารจะนำผลงานทั้ง 2 เรื่องมาผลิตเป็นหนังสั้นและตัดเป็นภาพยนตร์โฆษณาต่อไปเพื่อสะท้อนแง่คิด มุมมองในการดำเนินชีวิตให้ผู้ที่กำลังท้อแท้ในชีวิตได้มีกำลังใจที่จะฝ่าฟันอุปสรรคไปสู่ความสำเร็จในชีวิตต่อไป ด้วยฝีมือการกำกับของคุณภาคภูมิ วงษ์จินดา และคุณขนิษฐา ขวัญอยู่ โดยมีกำหนดออกอากาศทางช่องมงคลชาแนล และสถานีโทรทัศน์ช่องต่างๆ และทางเวปไซต์ www.ghbank.co.th ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมศกนี้ เป็นต้นไป
ส่วนเหตุผลที่ทำให้เรื่องสั้นดังกล่าวสามารถชนะใจกรรมการทั้งหมดเพราะมีเนื้อหาโดดเด่น ซาบซึ้งกินใจ สามารถถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตจริง การต่อสู้กับอุปสรรคของตนเอง และครอบครัว รวมถึงให้แง่คิดมุมมอง หรือเป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิตต่อสู้ความยากลำบาก โดยหนังสั้นเรื่องที่สามถ่ายทอดเรื่องราวการสู้ชีวิตของผู้ที่เคยมีบ้านแต่ต้องสูญเสียบ้านของครอบครัวไป แต่ด้วยความมานะ อดทน ของคุณปรียาภรณ์ วิชกูล เจ้าของเรื่อง ทำให้สามารถมีบ้านหลังใหม่ให้กับครอบครัวได้ ส่วนหนังสั้นเรื่องที่ 4 จะเป็นการถ่ายทอดชีวิตจริงของคุณธัชญา เนตรทิพย์ ซึ่งเป็นครอบครัวที่ไม่เคยมีบ้านเป็นหลักแหล่ง ต้องย้ายที่พักอาศัยไปเรื่อยๆ และเคยผ่านช่วงชีวิตที่ลำบากอยู่ใต้สะพานมาแล้ว สุดท้ายก็สามารถเป็นเจ้าของบ้านหลังเล็กๆ แต่เต็มไปด้วยความอบอุ่นได้
นายขรรค์ กล่าวต่อว่า สำหรับคณะกรรมการตัดสินนั้น ธนาคารได้รับเกียรติจาก คุณเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ศิลปินแห่งชาติ , คุณวิชญ จารุจินดา กรรมการผู้จัดการ ช่องมงคลชาแนล , คุณสรกล อดุลยานนท์ บรรณาธิการบริหาร หนังสือพิมพ์มติชนสุดสัปดาห์ เป็นคณะกรรมการตัดสินเรื่องสั้นดังกล่าวร่วมกับคณะกรรมการจากธนาคารด้วย
อย่างไรก็ตาม โครงการประกวดเรื่องสั้นจากชีวิตจริง ภายใต้หัวข้อ”บ้าน คือ ลมหายใจของชีวิต” ของธอส.จัดทำขึ้นเพื่อเปิดโอกาสให้ลูกค้าสินเชื่อที่อยู่อาศัยในปัจจุบันถ่ายทอดหรือเล่าเรื่องราวจากประสบการณ์ชีวิตจริงของลูกค้าธนาคาร ตลอดจนปัญหาอุปสรรคที่ฟันฝ่า และวิธีแก้ปัญหาที่ทำให้ผ่านพ้นไปได้ รวมทั้งยังเป็นการเผยแพร่ภาพลักษณ์ที่ดีของธนาคารในการช่วยเหลือ และบริการสังคม (CSR)ให้เป็นที่รู้จักแพร่หลายมากขึ้น
ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.)ส่งหนังสั้นและภาพยนตร์โฆษณาเรื่องที่ 2 ออกอากาศช่องมงคลชาแนลถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตจริงของส.ว. ชรินทร์ หาญสืบสาย อดีตลูกค้าของ ธอส.ที่มีความผูกพัน และภูมิใจกับบ้านหลังแรก จนกระทั่งประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน จนเกษียณอายุราชการและมีรากฐานชีวิตที่มั่นคง ด้วยฝีมือการกำกับของคุณบัณฑิต ทองดี พร้อมเริ่มอากาศตั้งแต่วันที่ 1 กันยายนศกนี้
นายขรรค์ ประจวบเหมาะ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า หนังสั้นเรื่องที่ 2 ที่ใช้ชื่อตอนว่า “รู้อะไรไม่สู้รู้วิชา” เป็นการถ่ายทอดเรื่องราวความสำเร็จในชีวิตของ ส.ว.ชรินทร์ หาญสืบสาย ซึ่งเป็นอดีตลูกค้าของ ธอส. ที่มีความผูกพัน และภูมิใจกับบ้านหลังแรกเป็นอย่างมาก และไม่เคยท้อแท้แม้จะต้องฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ ในชีวิต สุดท้ายประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน จนเกษียณอายุราชการมีรากฐานชีวิตที่มั่นคง และอบอุ่น ซึ่งชีวิตท่านน่าสนใจอย่างไรติดตามชมได้ทางช่องมงคลชาแนล และภาพยนตร์โฆษณาตามสถานีโทรทัศน์ตามช่องต่างๆ เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 – 30 กันยายน 2552 หรือ ทางเวปไซต์ www.ghbank.co.th
ทั้งนี้ หนังสั้นและภาพยนตร์โฆษณาดังกล่าว เป็นฝีมือการกำกับของคุณบัณฑิต ทองดี ซึ่งเป็นการถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตจริงเรื่องที่ 2 และจะนำออกอากาศต่อเนื่องจากเรื่องชีวิตจริงของ”น้องสอง” บุตรี เผือดผ่อง นักกีฬาเหรียญเงินโอลิมปิค ปักกิ่งเกมส์ ครั้งที่ 29 ซึ่งใช้ชื่อตอนว่า”ชีวิตนักสู้สู่ความสำเร็จ”
ส่วนหนังสั้นที่เหลืออีก 2 เรื่องของธนาคารจะคัดเลือกจากลูกค้าสินเชื่อที่อยู่อาศัย ซึ่งส่งเรื่องราวจากประสบการณ์ชีวิตจริงของลูกค้าเข้ามาประกวดภายใต้หัวข้อเรื่อง”บ้านคือลมหายใจของชีวิต” ซึ่งธนาคารได้ปิดรับผลงานดังกล่าวเมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยมีลูกค้าส่งเรื่องสั้นเข้าร่วมประกวดร่วม 200 เรื่อง ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาคัดเลือกเรื่องจริงที่โดนใจและให้แง่คิดปรัชญาการใช้ชีวิตมากที่สุด โดยผู้ที่ชนะการประกวดเรื่องสั้น จะได้รับบัญชีเงินฝากออมทรัพย์จำนวน 2 รางวัลละ 100,000 บาท รวมทั้งสิ้น
200,000 บาท โดยมีคุณภาคภูมิ วงษ์จินดา และคุณขนิษฐา ขวัญอยู่ เป็นผู้กำกับภาพยนตร์ และมีกำหนดออกอากาศตั้งแต่เดือนตุลาคมเป็นต้นไป
นายขรรค์ กล่าวต่อว่า สำหรับวัตถุประสงค์ของการจัดทำโครงการดังกล่าวเพื่อเป็นการเผยแพร่ภาพลักษณ์ที่ดีของธนาคารด้านการช่วยเหลือและบริการสังคม(CSR) ให้เป็นที่รู้จักแพร่หลายมากขึ้น รวมทั้งจะนำผลงานที่ได้รับการคัดเลือกจากลูกค้ามาผลิตเป็นหนังสั้นและภาพยนตร์โฆษณาของธนาคาร เพื่อให้เป็นแง่คิดมุมมองในการดำเนินชีวิตให้ผู้ที่กำลังท้อแท้ในชีวิตได้มีกำลังใจในการฝ่าฟันอุปสรรคไปสู่ความสำเร็จในชีวิตต่อไป
คุณอานุสรา จิตต์มิตรภาพ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานตลาดและพัฒนาธุรกิจ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) (ที่ 2 จากขวา) รับมอบเช็คเงินสดมูลค่า 500,000 บาท จาก คุณขรรค์ ประจวบเหมาะ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส) (ที่ 3 จากซ้าย) เพื่อสนับสนุนโครงการ “โอนเงิน – จ่ายบิล ที่ไปรษณีย์ มีสิทธิ์ถอยฟรี รถกระบะ NGV” มอบสิทธิพิเศษให้ลุ้นโชคล้าน 2 ต่อ ต่อแรก ลุ้นรับรถกระบะเชฟโรเลตติดตั้งอุปกรณ์ NGV จำนวน 1 รางวัล และรางวัลอื่น ๆ อีกกว่า 400 รางวัล รวมมูลค่า 2 ล้านบาท และต่อที่สอง รางวัลพิเศษสำหรับลูกค้าธนาคารอาคารสงเคราะห์โดยเฉพาะ เป็นทองคำมูลค่า 1 บาทรวม 33 เส้น เมื่อชำระค่าสินเชื่อ และค่าบริการต่าง ๆ ผ่านบริการ Pay at Post ที่ไปรษณีย์ 1,200 แห่งทั่วประเทศ ตั้งแต่วันนี้ – 30 พฤศจิกายน 2551
ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ร่วมกับ บริษัท เอก – ชัย ดีสทริบิวชั่น จำกัด (เทสโก้ โลตัส) จัดทำโครงการรับชำระค่างวดผ่านบริการบิล เพย์เมนท์ (Bill Payment) เทสโก้ โลตัส กว่า 450 สาขาทั่วประเทศ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าของธนาคารในการชำระค่างวดเพื่อที่อยู่อาศัยได้อย่างรวดเร็วและประหยัดด้วยอัตราค่าบริการพิเศษเพียง 5 บาทต่อรายการ จากปกติ 10 บาท ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 มีนาคม 2552
นายขรรค์ ประจวบเหมาะ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวว่า ธนาคารอาคารสงเคราะห์ในฐานะผู้นำสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยมากว่า 55 ปี ยังคงพัฒนาและยกระดับคุณภาพการให้บริการที่ตอบสนองทุกความต้องการเพื่อประโยชน์สูงสุดแก่ลูกค้า และได้เล็งเห็นความสำคัญในเรื่องการให้บริการที่สะดวกแก่ลูกค้า โดยได้เพิ่มช่องทางการรับชำระค่างวดเพื่อที่อยู่อาศัยที่สะดวกและประหยัดเวลาผ่านบริการบิล เพย์เมนท์ของเทสโก้ โลตัส ซึ่งปัจจุบันมีสาขาให้บริการครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ
“การจัดทำโครงการรับชำระค่างวดผ่านเคาน์เตอร์ชำระเงินเทสโก้ โลตัส ในครั้งนี้นับเป็นอีกหนึ่งช่องทางการให้บริการ ที่ธนาคารได้พัฒนาขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าธนาคาร ใช้บริการการชำระค่างวดที่สะดวก รวดเร็ว และประหยัดเวลาได้มาก ลูกค้าธนาคารสามารถนำบัตรชำระค่างวด (GHB Pay Card) หรือ แบบฟอร์มการชำระค่างวดที่มีแถบบาร์โค้ด ชำระหนี้ค่างวดผ่านเคาน์เตอร์ชำระเงินเทสโก้ โลตัสได้ทุกสาขาทั่วประเทศกว่า 450 แห่ง โดยไม่จำกัดวงเงินการชำระเงินงวดต่อรายการ ทั้งนี้ ธนาคารจะทำการตัดชำระหนี้ค่างวด ในวันทำการถัดไปนับจากวันที่ลูกค้าชำระเงิน ในอัตราค่าธรรมเนียมบริการพิเศษ“ นายขรรค์กล่าว
นายสุนทร อรุณานนท์ชัย ประธานกรรมการ บริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด (เทสโก้ โลตัส) กล่าวว่า “ตลอด 14 ปีที่เทสโก้ โลตัสดำเนินธุรกิจในประเทศไทย เรามีความมุ่งมั่นดำเนินงานเพื่อบริการสินค้าคุณภาพในราคายุติธรรมแก่ลูกค้า ซึ่งนอกเหนือจากการจำหน่ายสินค้าแล้ว เทสโก้ โลตัสยังริเริ่มสร้างสรรค์บริการรูปแบบใหม่แก่ลูกค้า อาทิ บริการบิล เพย์เมนท์ ที่ช่วยอำนวยความสะดวกลูกค้าในการชำระค่าใช้จ่ายต่างๆ โดยสามารถชำระผ่านเคาน์เตอร์ชำระเงินของเทสโก้ โลตัสกว่า 450 สาขาทั่วประเทศ”
“ในวันนี้เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ซึ่งเป็นองค์กรที่มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนให้ประชาชนมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองเพื่อยกระดับมาตรฐานชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ให้โอกาสเทสโก้ โลตัสเป็นพันธมิตรค้าปลีกรายแรกที่ช่วยอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าของธนาคาร ด้วยการเลือกบริการบิล เพย์เมนท์ ของเทสโก้ โลตัสเป็นอีกหนึ่งช่องทางรับชำระค่างวดของธนาคาร ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าสามารถผ่อนชำระค่างวดได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และประหยัด โดยลูกค้าสามารถมาชำระได้ที่เคาน์เตอร์ชำระเงินทุกช่องทาง เพราะเทสโก้ โลตัสตระหนักถึงความจำเป็นที่ต้องระมัดระวังการใช้จ่ายในสถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบัน เราจึงมอบข้อเสนอค่าธรรมเนียมในอัตราพิเศษแก่ลูกค้าธนาคารอาคารสงเคราะห์ที่มาชำระค่างวดกับเทสโก้โลตัส เพื่อช่วยลูกค้าลดค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น” นายสุนทรกล่าวสรุป
นายขรรค์ฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า “ในปัจจุบันนอกจากลูกค้าธนาคารสามารถชำระค่างวดได้ที่ทำการสาขาของธนาคารอาคารสงเคราะห์แล้ว ยังสามารถชำระค่างวดผ่านเคาน์เตอร์พันธมิตรของธนาคาร อาทิ เคาน์เตอร์ทีโอที เคาน์เตอร์ไปรษณีย์ เคาน์เตอร์ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ เคาน์เตอร์ธนาคารนครหลวงไทย เคาน์เตอร์เอไอเอส และเคาน์เตอร์เซอร์วิส สำหรับการจัดทำโครงการชำระค่างวดผ่านบริการบิล เพย์เมนท์ทางเคาน์เตอร์ชำระเงินของเทสโก้ โลตัสดังกล่าว นับเป็นอีกหนึ่งบริการที่ธนาคารได้พัฒนาขึ้นเพื่อเป็นทางเลือกแก่ลูกค้าให้ได้รับความสะดวกยิ่งขึ้น” สำหรับผู้ที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ หมายเลขโทรศัพท์ 0-2645-9000.หรือที่ www.ghbank.co.th