ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Mon, 12 Sep 2022 12:56:58 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 “บอย-ศรัณย์วิศว์” กับการปลุกปั้น “คิวช่าง” ตัวกลางหา “ช่างซ่อมบ้าน” ที่ฝันไกลสู่การเติบโต 10 เท่า https://positioningmag.com/1399800 Mon, 12 Sep 2022 11:09:54 +0000 https://positioningmag.com/?p=1399800 “คิวช่าง” (Q-CHANG) เป็นตัวกลางเชื่อมต่อช่างกับเจ้าของบ้าน ก่อตั้งในฐานะ ‘Internal Start-up’ ของเอสซีจี โฮม โดยมี “บอย-ศรัณย์วิศว์ ภักดีนอก” เป็นหัวเรือใหญ่ หลังก่อตั้งมา 4 ปี คิวช่างกำลังฝันใหญ่ไปสู่การเติบโต 10 เท่า Positioning ขอชวนทุกคนอ่านบทสัมภาษณ์พิเศษกับโอกาสในตลาดของการเชื่อมต่อบริการ “ช่างซ่อมบ้าน” และสภาวะการแข่งขันที่กำลังเข้มข้นขึ้น

แพลตฟอร์ม คิวช่าง (Q-CHANG) เป็นตัวกลางรวมช่างซ่อมและแม่บ้านเชื่อมต่อให้ลูกค้าเข้ามาจับจองใช้บริการ งานที่ทำได้ปัจจุบันมีตั้งแต่แม่บ้านทำความสะอาดทั่วไป ล้างแอร์ ติดตั้งเครื่องใช้ไฟฟ้า ไปจนถึงงานใหญ่อย่างซ่อมหลังคารั่ว

ที่มาของการก่อตั้ง คิวช่าง (Q-CHANG) นั้นมีทั้งเหมือนและต่างจากสตาร์ทอัพทั่วไป ที่ต่างคือจุดเริ่มต้นมาจากโครงการภายในของ “เอสซีจี โฮม” สนับสนุนให้พนักงานออกไอเดียก่อตั้งสตาร์ทอัพ หากมีความเป็นไปได้ทางธุรกิจ บริษัทจะสนับสนุนทรัพยากรในการเริ่มลงทุน

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เป็น ‘ความเสี่ยง’ คือ พนักงานที่ร่วมก่อตั้งต้องลาออกจากฐานะพนักงานเอสซีจีเพื่อมาทุ่มสุดตัวกับสตาร์ทอัพแห่งใหม่ แม้จะเป็นสตาร์ทอัพภายใน (Internal Start-up) แต่ถ้าอนาคต ‘ไปไม่รอด’ ผู้ร่วมก่อตั้งก็อาจต้องปิดกิจการ และไม่มีการันตีว่าจะได้กลับเข้าบรรจุที่เอสซีจีอีก

คิวช่าง
ศรัณย์วิศว์ ภักดีนอก ผู้บริหาร คิวช่าง (Q-CHANG)

นั่นคือสิ่งที่ “บอย-ศรัณย์วิศว์ ภักดีนอก” ผู้บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง “คิวช่าง” อธิบายให้ฟังถึงกติกา แต่เขายินดีเสี่ยงเพราะต้องการหาโปรเจกต์ที่ท้าทายตัวเองมากขึ้น

คิวช่างก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2561 ปัจจุบันคิวช่างมีมูลค่ายอดขายสะสมรวม 290 ล้านบาท มีช่างในมือ 1,350 ทีม พร้อมตั้งเป้าปี 2565 บริษัทจะมีรายได้แตะ 250 ล้านบาท ซึ่งโตขึ้น 3 เท่าจากปีก่อน ขณะที่เป้าอีก 3 ปีข้างหน้า บริษัทต้องการเติบโต 10 เท่า และจะเริ่มทำกำไรให้ได้

 

Q: ไอเดีย “คิวช่าง” มาจากไหน?

A: ที่จริงมาจากน้องคนหนึ่งในทีม สมัยนั้นเราทำงานกับ SCG Experience ซึ่งเป็นร้านขายสินค้าแบบ B2C ทำให้ลูกค้าจะต้องการช่างติดตั้ง แต่เราไม่ได้มีช่างเป็นพนักงานภายใน จึงต้องโทรฯ เช็กคิวกับช่างเอาท์ซอร์ส ใช้เวลา 3-4 ชั่วโมงกว่าจะหาช่างให้ลูกค้าได้ แต่พอเราเปลี่ยนวิธีมาโทรฯ เช็กคิวช่างไว้ล่วงหน้าทุกวันเพื่อให้ตอบลูกค้าได้เร็วขึ้น กลายเป็นว่าช่างก็เริ่มรำคาญ เป็นที่มาของแพลตฟอร์มคิวช่าง

ตอนแรกเริ่มทำเพื่อตอบโจทย์ให้เอสซีจีก่อน แต่พบว่าถ้าไม่ขยายออกนอกเอสซีจีเราก็โตไม่ได้เพราะงานที่ป้อนให้ช่างมีไม่พอ สุดท้ายจึง scale up บริการให้ได้ทุกคน และขยายไปรับงานที่ไม่เกี่ยวข้องกับเอสซีจีเลยด้วย เช่น ล้างแอร์ แม่บ้านทำความสะอาด

คิวช่าง
บริการ “ล้างแอร์” หนึ่งในบริการที่ลูกค้าเรียกใช้มากที่สุด
Q: คิวช่างมีจุดขายอะไรที่ทำให้ลูกค้าจะเลือกใช้งานมากกว่าการจองช่างโดยตรง?

A: หนึ่ง คือ ลูกค้าสามารถจองช่างเมื่อไหร่ก็ได้ เช่น เกิดนึกได้ว่าต้องจองล้างแอร์ตอนตี 3 ก็กดจองได้เลย ระบบจะเชื่อมต่อกับช่างที่เหมาะสมให้โดยอัตโนมัติ ไม่ต้องรอตกลงในวันเวลาทำการ

สอง คือ ช่างทำงานแล้วลูกค้าไม่พึงพอใจ สามารถร้องเรียนได้ สาม คือ มีรับประกันงาน เช่น ล้างแอร์รับประกันภายใน 30 วัน หากแอร์ตัน แพลตฟอร์มจะส่งช่างไปล้างใหม่ให้ฟรี และ สี่ คือ ราคาที่ชัดเจน ไม่มีบวกเพิ่มหน้างาน

หน้าเว็บไซต์คิวช่าง ปัจจุบันยังมีเฉพาะหน้าเว็บ แต่ปี 2566 จะเริ่มให้บริการผ่านแอปพลิเคชันมือถือด้วย
Q: ในทางกลับกัน “ช่าง” จะได้อะไรจากการมาร่วมงานกับแพลตฟอร์ม?

A: ข้อสำคัญที่สุดคือช่างจะวางแผนงานได้ดีขึ้น ปกติช่างอิสระจะมีการลงทุนเพื่อโปรโมตตนเอง เช่น ส่งใบปลิวตามบ้าน หาลูกค้าในโซเชียลมีเดีย แต่เมื่อมีเราช่วยป้อนงานให้ ทำให้เขาพอจะรู้ล่วงหน้าว่ายังมีงานเพียงพอไปอีกนานเท่าไหร่

เหตุผลรองลงมาคือ ช่างหลายคน “Soft Skill” เขาไม่สูง การเจรจาเนื้องานที่ตกลงกับลูกค้า เจรจาราคา หาทางออกเมื่อลูกค้าร้องเรียน เรื่องพวกนี้เรามาช่วยเป็นคนรับหน้าให้เพราะเราเป็นตัวกลาง เป็นผู้ตั้งมาตรฐานและตกลงราคากันไว้อย่างชัดเจน

ช่างหลายคน “Soft Skill” เขาไม่สูง การเจรจาเนื้องานที่ตกลงกับลูกค้า เจรจาราคา หาทางออกเมื่อลูกค้าร้องเรียน เรื่องพวกนี้เรามาช่วยเป็นคนรับหน้าให้เพราะเราเป็นตัวกลาง

Q: เรื่องสำคัญที่สุดคือเรื่องการหา “ช่าง” มาอยู่ในระบบใช่หรือเปล่า?

A: ใช่ครับ การหาตัวพี่ช่างคือเรื่องสำคัญที่สุด เราแบ่งการดูแลช่างไว้เป็น 3 ขั้นตอน คือ 1.พาขึ้นสู่ระบบ (onboarding) 2.พัฒนาทักษะช่าง (development) และ 3.ทำให้เขาหางานผ่านเรามากที่สุด (engagement)

 

Q: จะรู้ได้อย่างไรว่าช่างมีคุณภาพหรือไม่?

A: ในการลงทะเบียน ช่างจะต้องผ่านขั้นตอนการตรวจสอบต่างๆ เช่น คุณใช้เทคโนโลยีเป็นหรือไม่ เพราะจะต้องรับงานทางดิจิทัล ทักษะของคุณทำอะไรได้บ้างโดยมีข้อสอบให้ทำเบื้องต้น และมีการตรวจสอบประวัติอาชญากรรม

เมื่อเริ่มมารับงานกับเราแล้ว จะเริ่มตรวจสอบพฤติกรรมและ Soft Skill ต่างๆ เช่น ความตรงต่อเวลา กิริยามารยาท ถ้าหากไม่ผ่าน ถูกร้องเรียนบ่อย ก็จะแบนออกจากระบบ

ส่วนช่างที่ได้รับรีวิวว่ามีทักษะดี และมี Soft Skill ที่ดี ก็จะได้เป็น “ช่างเกรดเอ” ซึ่งใน 1,350 ทีมของเราตอนนี้มีประมาณ 200 ทีมเท่านั้นที่ได้ แรงจูงใจในการมาเป็นช่างเกรดเอคือจะได้โอกาสรับงานมูลค่าสูงง่ายขึ้น และได้เวิร์กช็อปฟรีกับเรา

บริษัทเข้าจับมือกับกรมพัฒนาฝีมือแรงงานเพื่อช่วยฝึกอบรมให้ช่างบนแพลตฟอร์ม
Q: ในแง่โมเดลธุรกิจ คิวช่างเติบโตด้วยการทำการตลาดทางใดบ้าง?

A: เราเริ่มจาก Direct-to-Consumer ก่อน คือโปรโมตโดยตรงกับลูกค้า end users

จนล่าสุดเริ่มได้ดีล B2B2C นอกจากเอสซีจี โฮม ก็จะมีดีลการเป็นผู้ติดตั้งให้กับแผนกสุขภัณฑ์ของ “บุญถาวร” รวมไปถึงดีลกับผู้ผลิตเครื่องปรับอากาศบางแบรนด์ และเริ่มเข้าสู่อีคอมเมิร์ซผ่านทาง Shopee ร้านค้าและผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่มีพนักงานติดตั้ง สามารถเพิ่มเราเป็นตัวเลือกในการเข้าไปติดตั้งให้ลูกค้า ตรงนี้ถือเป็นช่องทางที่ช่วยบุกต่างจังหวัดได้ดีมาก

ตัวอย่างการเข้าไปบริการติดตั้งให้กับร้านค้าใน Shopee
Q: อุปสรรคสำคัญของการทำธุรกิจนี้คืออะไร

A: เรื่องสำคัญที่สุดก็ยังเป็นเรื่องช่าง เพราะเราต้องทำให้ช่างเข้าใจให้ได้ว่า ‘เราไม่ได้มาเป็นคู่แข่ง’ ไม่ได้ทำให้เขาไม่มีงานทำ กลับกันคือเรามาช่วยให้เขามีงานมากขึ้น และทำให้เขาเห็นว่ามูลค่าที่เขาได้จากแพลตฟอร์มนี้คุ้มค่ากับการหักค่าคอมมิชชั่น

ส่วนในระยะยาว เรื่องที่กังวลคือ ประชากรแรงงานจะลดลง และจะเกิดการแย่งตัวช่างกันจากแพลตฟอร์มต่างๆ ซึ่งช่างคุณภาพนั้นหายากมาก

…เราต้องทำให้ช่างเข้าใจให้ได้ว่า ‘เราไม่ได้มาเป็นคู่แข่ง’ ไม่ได้ทำให้เขาไม่มีงานทำ กลับกันคือเรามาช่วยให้เขามีงานมากขึ้น และทำให้เขาเห็นว่ามูลค่าที่เขาได้จากแพลตฟอร์มนี้คุ้มค่ากับการหักค่าคอมมิชชั่น

Q: คู่แข่งในตลาดนี้มีสูงมาก?

A: ตอนนี้คู่แข่งที่แข็งแรงที่สุดคือ ร้านค้าวัสดุก่อสร้างที่มีแพลตฟอร์มรวมช่างของตนเอง นอกจากนี้ผู้ประกอบการอสังหาฯ แทบทุกเจ้าก็เริ่มหันมาทำเอง ไปจนถึงสตาร์ทอัพแบบเราก็มีอีกหลายแห่ง

ตลาดแข่งขันสูง มีหลายเจ้ามาก แต่ยังไม่เห็นชัดเจนว่าใครคือเจ้าตลาด คิดว่าต่อไปจุดตัดจะอยู่ที่แพลตฟอร์มไหนที่สามารถรับออร์เดอร์ได้เป็นจำนวนมากแล้วระบบยังไม่ล่ม และบริการยังมีคุณภาพ ซึ่งของคิวช่างเองเคยทำ Stress Test แล้วว่าเรารับได้ 5,000 ออร์เดอร์ต่อเดือน

 

Q: “คิวช่าง” วางเป้าหมายอนาคตไว้อย่างไร?

A: เป้าหมายของเรา 6 ข้อคือ

  1. เราต้องการหาพาร์ตเนอร์นักลงทุนจากภายนอกเพิ่ม
  2. เราตั้งเป้าโต 10 เท่า ทั้งในแง่ปริมาณงานและจำนวนช่างภายใน 3 ปี
  3. เพิ่มบริการให้ครอบคลุม 80% ในบริการด้านบ้าน จากปัจจุบันทำได้ 30% และมีบริการพิเศษอื่นๆ เช่น ‘Lady ช่าง’ ช่างผู้หญิงเพื่อความสบายใจของลูกค้า
  4. เมื่อตลาดเริ่มมีความชัดเจน คิวช่างจะเป็น 1 ใน 3 แบรนด์แรกที่ลูกค้าคิดถึง
  5. ทำกำไรให้ได้ โดยคาดว่าจะเริ่มมีกำไรได้ก็ต่อเมื่อมีผู้ใช้งาน 500,000 คนต่อปี และมีช่างพร้อมบริการแตะ 10,000 ทีม
  6. ขยายสู่ตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยปัจจุบันใช้เครือข่ายของเอสซีจีในการเริ่มทดลองตลาดแล้วในกัมพูชา เมียนมา และฟิลิปปินส์
]]>
1399800
เปิดเครือข่ายอาณาจักรแสนล้าน “อิตาเลียนไทย” ภายใต้ “เปรมชัย กรรณสูต” https://positioningmag.com/1155895 Tue, 06 Feb 2018 11:13:02 +0000 https://positioningmag.com/?p=1155895 ตกเป็นข่าวใหญ่ หลังจาก เปรมชัย กรรณสูต ซีอีโอ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ ITD ถูกจับกุม ในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร

เขามีอายุ 63 ปี เกิดเมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2497 เป็นทายาทรุ่นที่ 2 ของตระกูล ที่เข้ามารับช่วงกิจการอิตาเลียนไทยต่อจาก น.พ.ชัยยุทธ กรรณสูต ได้ร่วมกับจิออร์จิโอ แบร์ลิง หุ้นส่วนชาวอิตาลี ก่อตั้งบริษัท อิตาเลียนไทย ได้ริเริ่มธุรกิจก่อสร้างในปี 2501 ด้วยทุนจดทะเบียน 2 ล้านบาท

เปรมชัย เป็นลูกชายคนสุดท้องของ น.พ.ชัยยุทธ และ ม.ร.ว.พรรณจิตร กรรณสูต มีพี่น้อง 5 คน เอกชัย, พิไลจิตร, นิจพร, อรเอม และเปรมชัย

เดิมพี่ชายคนโต เอกชัย ถูกวางตัวให้เป็นทายาทสืบทอดกิจการ แต่มาเสียชีวิตจากอุบัติเหตุในปี 2522 ภารกิจนี้จึงตกเป็นของเปรมชัยที่ต้องรับช่วงกิจการต่อจากผู้เป็นพ่อในปี 2533

เขาเริ่มต้นการศึกษาที่โรงเรียนจิตรลดาศึกษา ต่อด้านวิศวกรรมศาสตร์ด้านเหมืองแร่จาก COLORADE UNIVERSITY และจบด้านบริหาร ในระดับ MBA จาก UNIVERSITY OF SOUTHERN CALIFORNIA

แม้ว่าเขาต้องเดินบนเส้นทางที่ผู้เป็นพ่อปูไว้ ทั้งการศึกษาตลอดจนการวางตัวคนในตระกูล ที่มาช่วยกันดูแลธุรกิจเพื่อให้เป็นธุรกิจของครอบครัว โดยไม่มีแนวคิดจะนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ

แต่เมื่อเปรมชัยเข้ามากุมบังเหียนเต็มตัว ในปี 2533 เขาได้นำอิตาเลียนไทยเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นปี 2537 เพื่อระดมทุนใช้ขยายเครือข่ายธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ที่ขยายตัวไปมากมายจนกลายเป็น 1 ใน 3 บิ๊กรับเหมาก่อสร้าง ทำรายได้ต่อปี 4-5 หมื่นล้านบาท เป็นเบอร์ 1 เมื่อเทียบกับบริษัทก่อสร้างที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ด้วยกัน

ปัจจุบัน เปรมชัย ตำแหน่ง ประธานบริหารและกรรมการ ผู้ถือหุ้นสัดส่วนมากสุดที่ 14.88 สร้างเครือข่ายงานรับเหมาก่อสร้างของอิตาเลียนไทย ครอบคลุมทั้งงานก่อสร้างอาคาร โรงพยาบาล งานโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ทั้งทางด่วน งานสร้างถนน งานก่อสร้างสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส และรถไฟฟ้าใต้ดิน งานรถไฟรางคู่

โดยโครงการที่รับเหมาก่อสร้าง วางระบบต่างๆ มีมูลค่าตั้งแต่หลัก “ร้อยล้าน” ไปถึง หมื่นล้านบาท เมื่อรวมทุกโครงการที่ดำเนินงานอยู่เรียกว่ามูลค่าร่วม “แสนล้านบาท” ซึ่งปี 2559 โปรเจกต์ที่ทำส่วนใหญ่จะเป็นงานภาครัฐสัดส่วน 53% และงานเอกชน 46%

  • โครงการอาคารแมกโนเลียส์ วอเตอร์ฟรอนท์ เรสซิเดนซ์ มูลค่างาน 2,336 ล้านบาท
  • โครงการกรุงศรี เพลินจิต ทาวเวอร์ มูลค่างาน 2,200 ล้านบาท
  • โครงการดิ ไอคอนสยาม ซูเปอร์ลักซ์ เรสซิเดนซ์ มูลค่า 1,104 ล้านบาท
  • โครงการโรงไฟฟ้าพระนครเหนือ เฟส มูลค่า 2,687 ล้านบาท
  •  โครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงสัญญาที่ (บางซื่อ-รังสิต) มูลค่างาน 23,336 ล้านบาท
  • โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มสัญญาที่ 3 (หัวหมาก-คลองบ้านม้า) มูลค่างาน 17,355 ล้านบาท
  • โครงการอาคารเทียบเครื่องบินรอง ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มูลค่า 11,262 ล้านบาท
  • โครงการเหมืองแม่เมาะ จ.ลำปาง มูลค่างาน 11,263 ล้านบาท

รวมทั้งการแตกขยายไปรับงานในต่างประเทศ ทั้งโครงการทางด่วน รถไฟฟ้า งานก่อสร้างสนามบิน และมอเตอร์เวย์ ที่ประเทศบังกลาเทศและโครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย บิ๊กโปรเจกต์ที่อิตาเลียนไทยหมายมั่นปั้นมือมาตลอดหลายปี

นอกจาก อิตาเลียนไทย ที่มี “เปรมชัย” เป็นหัวเรือใหญ่ ในอีกด้านหนึ่ง ตระกูลกรรณสูต ยังมีธุรกิจที่ใช้ชื่อใกล้กัน คือ “อิตัลไทย” ที่ถือกำเนิดตั้งแต่รุ่นพ่อเช่นกัน แต่แยกกันบริหารงาน

โดยเวลานี้ “อิตัลไทย” อยู่ภายใต้การบริหารของ “ยุทธชัย จรณะจิตต์” บุตรชายของ นิจพร จรณะจิตต์ (พี่สาวเปรมชัย ถือหุ้นในอิตาเลียนไทย เป็นอันดับ 2 สัดส่วน 7.04%)   

อิตัลไทย ทำธุรกิจครอบคลุมตั้งแต่ กลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องจักรกลหนัก เช่น ตัวแทนจำหน่ายรถเครน TADANO จากญี่ปุ่น, รถตัก รถขุดวอลโว่, กลุ่มธุรกิจรับเหมาก่อสร้างแบบครบวงจร บริการแก่ลูกค้าโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน งานก่อสร้างอุตสาหกรรมปิโตรเคมี เหมืองแร่, กลุ่มอุตสาหกรรมบริการ เช่น เซอร์วิสเรสซิเดนซ์แบรนด์โอเรียนเต็ล เรสซิเดนซ์, โรงแรมอมารี, โรงแรมโอโซ และธุรกิจไลฟ์สไตล์ ได้แก่ เป็นผู้นำเข้าและจำหน่ายน้ำแร่เปอริเอ (Perrier) บริหารแฟรนไชส์ร้านชาระดับพรีเมียมแบรนด์ทีดับเบิลยูจี ที (TWG Tea) นำเข้าไวน์จากต่างประเทศแบรนด์ Donum Massenez, Carpene Malvolti, แชมเปญ Duval-Leroy

นับเป็นอีกหนึ่งในเจ้าของอาณาจักรธุรกิจมูลค่าแสนล้านที่กำลังถูกจับตามองกับทิศทางในอนาคต

]]>
1155895