นมถั่วเหลือง – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Thu, 24 Nov 2022 04:10:26 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 “แลคตาซอย” ดึงตัว “ตรีชัยณรงค์-หญิงลี ศรีจุมพล” ผลิต MV โปรโมตแบรนด์เจาะภาคอีสาน https://positioningmag.com/1409392 Thu, 24 Nov 2022 04:00:45 +0000 https://positioningmag.com/?p=1409392

“แลคตาซอย” โหมตลาดนมถั่วเหลืองส่งท้ายปี ทุ่มงบการตลาดและโฆษณาตอกย้ำแบรนด์แลคตาซอย กว่า 120 ล้านบาท ด้วยโฆษณาชุดใหม่ แลคตาซอย อร่อยคุ้มค่า ตอกย้ำความเป็นเบอร์หนึ่งของยอดขาย แลคตาซอย เอ็กซ์ตร้าสามร้อย และเปิดตัวแคมเปญ “แลคตาซอย แซ่บคักมักหลาย” คว้าตัวศิลปินแม่เหล็ก “ตรีชัยณรงค์ – หญิงลี ศรีจุมพล” จับคู่ดูโอสุดปังมาร้องเพลง พร้อมเดินสายสัญจรลุยกิจกรรมการตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์ มุ่งสร้างความจดจำแบรนด์แลคตาซอย เข้าถึงทุกกลุ่มเป้าหมายในพื้นที่ภาคอีสาน

นางสาวพรรวนา มหาทรัพย์ ผู้จัดการฝ่ายโฆษณาและการตลาดสัมพันธ์ บริษัท แลคตาซอย จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มนมถั่วเหลืองแลคตาซอย เปิดเผยว่า สำหรับภาพรวมธุรกิจแลคตาซอยในปีนี้ นับตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมายังคงมีอัตราการเติบโตที่เป็นไปตามเป้าหมาย เป็นผลมาจากความไว้วางใจของผู้บริโภคที่มีต่อผลิตภัณฑ์แลคตาซอย และการรักษาโครงสร้างราคาขายที่เหมาะสมในช่วงเวลาที่ผ่านมา รวมไปถึงการจัดแคมเปญและกิจกรรมส่งเสริมการขายทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง โดย 10 เดือนที่ผ่านมาภาพรวมของยอดขายเป็นที่น่าพอใจ ใกล้เคียงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และคาดว่าตลาดนมถั่วเหลืองจะสามารถเติบโตต่อไป ด้วยเป็นผลิตภัณฑ์ที่ดีมีประโยชน์ต่อสุขภาพของผู้บริโภคทุกเพศ ทุกวัย

หลังจากนี้ ในช่วงเดือน พ.ย. – ธ.ค. 2565 บริษัทฯ มีแผนการตลาดและโฆษณา เพื่อกระตุ้นความสนใจและตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่ครอบคลุมให้มากที่สุด รวมไปถึงการให้ความสำคัญกับการทำตลาดในต่างประเทศ ที่ปัจจุบันมีการส่งออกสินค้าแลคตาซอยไปจำหน่ายกว่า 45 ประเทศทั่วโลก และได้วางงบการตลาดและโฆษณาในต่างประเทศเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็น ลาว กัมพูชา พม่า มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และสิงคโปร์ ซึ่งมีความนิยมในผลิตภัณฑ์แลคตาซอยเป็นอย่างดี และมีอัตราการเติบโตที่ดีมาโดยตลอด

ขณะที่การดำเนินธุรกิจในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2565 นี้ ล่าสุดบริษัทฯ ได้ใช้งบประมาณ 120 ล้านบาท จัดแคมเปญการตลาดและโฆษณา เพื่อรักษาฐานผู้บริโภคเดิมให้แข็งแรง ควบคู่ไปกับการขยายฐานผู้บริโภคกลุ่มใหม่ให้กว้างขึ้น โดยออกโฆษณาใหม่ล่าสุด “แลคตาซอย อร่อยคุ้มค่า” เน้นย้ำความจดจำของผลิตภัณฑ์แลคตาซอย ขนาด 300 มิลลิลิตร เพิ่มปริมาณฟรี 50 มิลลิลิตร ที่ได้รับการตอบรับในยอดขายน้ำนมถั่วเหลืองที่ขายดีที่สุดจากผู้บริโภคมาตลอดเวลาที่ผ่านมา และได้เตรียมแคมเปญ “แลคตาซอย แซ่บคักมักหลาย” เพื่อตอกย้ำให้ผู้บริโภคในพื้นที่ภาคอีสาน ทุกเพศทุกวัย ได้รับรู้และจดจำผลิตภัณฑ์แลคตาซอยให้มากยิ่งขึ้น

สำหรับแคมเปญดังกล่าว ได้ผลิตเพลงและมิวสิควิดิโอใหม่ “แซ่บคักมักหลาย” ถ่ายทอดออกมาเป็นบทเพลงที่มีความไพเราะและสนุกสนานจาก “ตรี ชัยณรงค์” และ “หญิงลี ศรีจุมพล” ศิลปินที่ได้รับความนิยมมาเป็นตัวแทนความสนุก ความจริงใจ สนุกสนาน สามารถเข้าถึงผู้บริโภคต่างจังหวัดได้ง่าย และมีภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ต่อเนื่องจากแคมเปญนี้ โดยตัวละครที่มีความหลากหลาย ทั้งเพศ อาชีพ ไลฟ์สไตล์ มาร่วมสร้างความจดจำให้กับแบรนด์แลคตาซอยให้เข้าถึงทุกกลุ่มเป้าหมายอย่างแท้จริง

โค้งสุดท้ายของปีนี้ แลคตาซอยยังคงจัดแคมเปญเพื่อกระตุ้นตลาดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่นี้ จะเต็มไปด้วยความม่วน ความจอย รวมถึงการคัดเลือกพรีเซ็นเตอร์ที่เหมาะสมกับพื้นที่การขายและเข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างจริงใจ หลังจากจบเพลงนี้แล้วจะร้องและเต้นตามได้อย่างแน่นอน โดยแลคตาซอยเชื่อมั่นว่าแคมเปญนี้จะสามารถขยายการรับรู้เข้าถึงผู้บริโภคครอบคลุมทุกกลุ่ม ทุกเพศ ทุกวัย ได้เป็นอย่างดี” นางสาวพรรวนา กล่าว

นอกจากนี้ แลคตาซอย ได้จัดกิจกรรมการตลาดเพื่อกระตุ้นความสนใจให้ผู้บริโภคมีส่วนร่วมกับแคมเปญ นำศิลปินสัญจรลงพื้นที่ต่างจังหวัด เพื่อชวนผู้บริโภคมาร่วมสนุกกับกิจกรรมที่แลคตาซอยจัดขึ้นอย่างสนุกสนาน รวมไปถึงการจัดกิจกรรมชิงโชค “แลคตาซอย แซ่บคักมักโชค” ที่ร้านค้าหลักในพื้นที่ภาคอีสาน ครอบคลุม 20 จังหวัด โดยซื้อผลิตภัณฑ์แลคตาซอยรสใด ขนาดใดก็ได้ ครบ 199 บาทขึ้นไป เขียนชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ หลังใบเสร็จรับเงินลงในกล่องรับชิ้นส่วนเพื่อชิงรางวัล รวมมูลค่ากว่า 1.3 ล้านบาท ระยะเวลาร่วมสนุกระหว่างวันที่ 1 ธ.ค. 2565 ถึง 31 ม.ค. 2566 สามารถติดตามรายละเอียดได้ทาง Facebook: lactasoyclub

ความแซ่บคักยังไม่หมด แลคตาซอยยังได้จัดกิจกรรมออนไลน์ สำหรับลูกค้าที่สั่งซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ www.lactasoy.com/shop/ กับโปรฯ แรง 12.12 แจกโค้ดลดทั้งเว็บ เมื่อช้อปครบ 900 บาท รับโค้ดส่วนลดอีก 100 บาท พร้อมบริการส่งฟรีถึงบ้านอีกด้วย

]]>
1409392
มอลต์โดนสกัด! ไทยเปิดตัว “ไมโล นมถั่วเหลือง” ที่แรกของโลก รับกระแสโปรตีนทางเลือก https://positioningmag.com/1373046 Mon, 07 Feb 2022 09:10:45 +0000 https://positioningmag.com/?p=1373046 เนสท์เล่ (ไทย) ส่ง “ไมโล นมถั่วเหลือง” หรือไมโลซอย ลงตลาดที่แรกของโลก ขอชิงแชร์ตลาดนมถั่วเหลืองกว่า 13,500 ล้าน รับกระแสโปรตีนทางเลือก พร้อมกับเด็กยุคใหม่แพ้นมวัวกันมากขึ้น

นมถั่วเหลือง ตลาดใหญ่กว่ามอลต์

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 นอกจากจะทำให้กำลังซื้อน้อยลง เศรษฐกิจแย่ การปิดโรงเรียน หรือนักเรียนต้องเรียนออนไลน์ ก็ส่งผลทำให้ตลาด “นมพร้อมดื่ม” หดตัวลงเช่นกัน ในปี 2564 มีมูลค่า 44,000 ล้านบาท หดตัว 7.5%

โดยในตลาด 44,000 ล้านนั้น แบ่งเป็น 4 เซ็กเมนต์ใหญ่ 50% นมวัวรสชาติต่างๆ 30% นมถั่วเหลือง 15% นมช็อกโกแลตมอลต์ และอีก 5% เป็นนมชนิดอื่นๆ

“ไมโล” เป็นอีกหนึ่งผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดนมพร้อมดื่มกลุ่มนมช็อกโกแลตมอลต์ ในปีนี้เรียกว่าเป็นบิ๊กมูฟครั้งใหญ่ในรอบ 69 ปีที่ทำตลาดในไทย ได้เปิดตัว “ไมโล นมถั่วเหลือง” หวังขอแชร์ตลาดนมถั่วเหลืองที่ใหญ่กว่าตลาดนมช็อกโกแลตมอลต์เท่าตัวนึง

ไมโลนมถั่วเหลืองเป็นการรวมเอาคุณประโยชน์จากถั่วเหลือง และมอลต์สกัดจากข้าวบาร์เล่ย์เข้าไว้ด้วยกัน 1 กล่อง ให้โปรตีน 5,000 มิลลิกรัม จากถั่วเหลือง 100% ขนาด 180 มิลลิลิตร วางจำหน่ายในราคา 13 บาท

ไชยงค์ สกุลบริรักษ์ ผู้อำนวยการบริหารธุรกิจผลิตภัณฑ์นม และโภชนาการ บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด เริ่มเล่าว่า

“ไมโล นมถั่วเหลืองได้ทำการวิจัยและพัฒนานานพอสมควรร่วม 2 ปี หาจุดที่ลงตัวที่สุด ทำให้อร่อยถูกปาก ทำให้ผ่านเกณฑ์ทางเลือกสุขภาพด้วย สอดคล้องกับเทรนด์ของผู้บริโภคที่มองหาโปรตีนจากพืช กระแสการมาชอง Plant-based ทั้งอาหาร และเครื่องดื่ม ซึ่งได้เปิดตัวที่ไทยเป็นประเทศแรก เพราะมองเห็นโอกาสในตลาดสูง ประเทศอื่นก็มองโอกาสในการขยายต่อไป”

รับกระแส Plant-based และเด็กแพ้นมวัว

นอกจากเทรนด์ของผู้บริโภคที่ต้องการโปรตีนจากพืชมากขึ้น ในยุคนี้เริ่มเห็นผู้บริโภคหลายคนแพ้นมวัวมากขึ้น หรือมีภาวะย่อยนมวัวไม่ดี มีทั้งเด็กและผู้ใหญ่ รวมถึงคนที่ทานวีแกนมากขึ้น ทำให้เป็นโอกาสที่กลุ่มนมถั่วเหลืองมีโอกาสเติบโต และเข้าถึงผู้บริโภคได้มากกว่า

อีกทั้งตลาดนมถั่วเหลืองยังมีขนาดใหญ่ มีมูลค่าถึง 13,500 ล้านบาท โดยที่ตลาดนมช็อกโกแลตมอลต์มีขนาดเพียงแค่ 4,500 ล้านบาท ในปีที่ผ่านมามีการหดตัว 2% ด้วย

เรียกว่าตลาดนมถั่วเหลืองยังมีศักยภาพในการเติบโต และมีตลาดใหญ่กว่า สามารถแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาดได้มากขึ้น ก่อนหน้านี้ไมโลได้พยายามปรับสูตรเพื่อรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลีย่นแปลงมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นปรับสูตร ไม่มีน้ำตาลตาลทราย, น้ำตาลน้อยกว่า 30% ถือว่าเป็นการเปิดสูตรใหม่เป็นครั้งแรกของโลกเช่นกัน

แต่กลุ่มเป้าหมายหลักของไมโลส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มเด็กอายุ 6-12 ปี การทำการตลาดส่วนใหญ่จะเจาะไปที่กลุ่มแม่ ครั้งนี้ได้เลือก “กบ สุวนันท์” และลูกๆ เป็นพรีเซ็นเตอร์

ถือว่าเป็นการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ในวงการนมพร้อมดื่ม จากไมโลที่เป็นนมในตำนาน แตกไลน์สู่โปรตีนทางเลือก เพราะยุคนี้เป็นยุคของผู้บริโภคในการเลือกทานของจริง

]]>
1373046
ถอดแนวคิด ‘โทฟุซัง’ เมื่อหน้าใหม่ ‘เงินน้อย’ จะสู้กับเจ้าตลาด ‘เงินหนา’ อย่างไร https://positioningmag.com/1352240 Sat, 18 Sep 2021 14:02:38 +0000 https://positioningmag.com/?p=1352240 หากใครติดตามเพจ Torpenguin – ผู้ชายขายบริการ ซึ่งเป็นเพจของ ต่อ-ธนพงศ์ วงศ์ชินศรี เจ้าของร้าน Penguin Eat Shabu ที่จะคอยแนะนำแนวคิดการทำธุรกิจของ SME ล่าสุด ทางเพจก็ได้เชิญ นาม-สุรนาม พานิชการ ผู้ก่อตั้งโทฟุซัง ที่เริ่มต้นธุรกิจด้วยเงินไม่กี่แสนบาทในตลาดที่มีแต่ยักษ์ใหญ่ แต่สามารถยืนหยัดสร้างยอดขายได้ถึง 500 ล้านบาท โดย Positioningmag จะมาสรุปให้อ่านกัน

ทำไมต้องเป็นน้ำเต้าหู้ ?

หากพูดถึง นมถั่วเหลือง หรือ น้ำเต้าหู้ เชื่อว่าหลายคนคงคิดว่าเหมือนกัน แต่ในความเป็นจริงแล้วมีจุดแตกต่างกันนิดหน่อย เพราะนมถั่วเหลืองนั้นจะมีการผสมนมผงหรือน้ำมันเพื่อให้ อร่อย ดังนั้น ถ้าใครอยากจะกินน้ำเต้าหู้แท้ ๆ ก็อาจจะต้องตื่นเช้าสักหน่อยเพื่อหาร้านรถเข็น และนั่นคือจุดเริ่มต้นของ โทฟุซัง (Tofusan)

หากพูดถึงนมถั่วเหลืองแล้วคนจะนึกถึงชื่อแบรนด์ คนก็จะนึกถึง ‘แลคตาซอย’ ‘ไวตามิ้ลค์’ หรือ ‘ดีน่า’ ซึ่งก็ไม่ผิด เพราะทั้ง 3 แบรนด์นั้นกินส่วนแบ่งตลาดในไทยถึง 97% ไปแล้ว แต่ สุรนาม พานิชการ ผู้ก่อตั้งโทฟุซัง มองว่าทั้ง 3 เจ้าใหญ่ไม่มีใครทำโปรดักส์ที่มี รสชาติน้ำเต้าหู้ จริง ๆ สักราย และในตลาดก็ไม่มีใครทำน้ำเต้าหู้รถเข็นที่เก็บได้นาน ดังนั้น นี่น่าจะเป็นโอกาสในการทำตลาด

“ในตอนแรกเราไม่ได้ปักธงที่น้ำเต้าหู้เลย เราทำหลายอย่าง เราเอาเงินไปลงทุนสนามฟุตบอล ทำข้าวเหนียวมะม่วง และน้ำเต้าหู้ ซึ่งมีแค่น้ำเต้าหู้ที่เหลือรอด”

สุรนาม พานิชการ ผู้ก่อตั้งโทฟุซัง

ล้มบนกระดาษดีกว่าล้มในสนามจริง

โทฟุซังไม่ได้เริ่มจากแค่แนวคิด ความชอบ แต่ทำรีเสิร์ชก่อน โดยเราไปหาข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งที่จะทำว่าตลาดไทยมีมูลค่าเท่าไหร่ ตลาดโลกเท่าไหร่ และสิ่งที่คิดมันเป็นไปได้ไหม คือ ล้มบนกระดาษดีกว่าล้มบนกระดานจริง เราคิดว่ารีเสิร์ชทำให้เราจะรู้ถึงข้อผิดพลาดก่อนที่จะไปเจอสนามจริง ดีกว่าไปลองผิดลองถูกเอง

โดยในช่วงปีแรก โทฟุซังมีเงินลงทุน 5 แสนบาท โดยช่วง 10 เดือนแรกหมดไปกับการหาข้อมูลต่าง ๆ ทั้งการตลาดและวิธีการทำให้น้ำเต้าหู้เก็บได้นานแต่รสชาติยังดีเหมือนของสด พอไปวิจัยก็พบว่าแต่ละประเทศมีวิธีไม่เหมือนกันเลย ซึ่งเราก็พยายามทำจุดนี้ก่อนจะผลิตโปรดักต์ เพื่อให้สินค้ามีจุดขายที่แตกต่างจากของร้านน้ำเต้าหู้ทั่วไป โดยตั้งธงไว้ต้องเก็บได้ 1 ปี

“เราเชื่อว่าถ้าเราไม่มีเงิน ไม่มีความรู้ ไม่มีคอนเนกชั่น แต่ถ้าให้เลือกสร้างใน 3 อย่างนี้ ความรู้สร้างง่ายสุด แล้วค่อยเอาความรู้ที่สร้างเสร็จไปต่อยอด เพราะความรู้สร้างง่าย และต้นทุนไม่มาก”

จนในที่สุด เราก็พบว่าในตลาดนี้นมถั่วเหลืองพาสเจอไรซ์ไม่มีใครทำเลย เพราะกฎหมายให้เก็บได้ 14 วัน ดังนั้น แบรนด์ใหญ่จะเน้นทำตลาด UHT และ สเตอริไลส์ เพราะไม่ต้องแช่เย็นก็เก็บได้นาน ง่ายต่อการขนส่ง ดังนั้น โทฟุซังจึงเริ่มที่ตลาดพาสเจอไรซ์ก่อน จนปัจจุบันเรากินตลาดไป 80% แม้ตลาดจะไม่ใหญ่มากมีมูลค่าประมาณ 800 ล้านบาท

“ที่เราเลือกตลาดพาสเจอไรซ์เพราะถ้าไปเเข่งเกมใหญ่ เเข่งมันนี่เกมเราสู้ไม้ได้ เราเลยเลือกตลาดที่มันยากกว่า”

แพ็กเกจจิ้งตัวช่วย Educate ตลาด

การทำ แพ็กเกจจิ้ง ให้แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญ เป็นสิ่งที่โทฟุซังให้ความสำคัญมาก เพราะต้องสร้างความต่างแต่แรกเห็น จากนั้นเมื่อกินแล้วต้องรู้สึกต่าง เพื่อให้เห็นไปเลยว่าแตกต่างอย่างไร ดังนั้น ช่วงแรกโทฟุซังจึงทำ ขวดแก้ว ที่มีความต่างชัดเจน จากรายอื่นเป็นรูปน้ำเทใส่แก้ว มีเม็ดถั่วกระเด็น แต่เราทำเป็นรูป การ์ตูน โดยเราเคยทดลองทำ 2 แบบและพบว่าลายการ์ตูนขายดีกว่า ซึ่งมันพิสูจน์เเล้ว

“สำหรับสินค้าที่วางบนเชลฟ์ ถ้าเหมือนกันหมด ลูกค้าจะหยิบแบรนด์เดิม แต่ถ้ามีความต่างอย่างมีนัยสำคัญ คนจะหยุดอ่านก่อน เคยมีรายงานว่าลูกค้าที่เลือกตัดสินใจซื้อที่เชลฟ์ 60% จะอ่านฉลากก่อนซื้อ”

การที่โทฟุซังทำขวดสี่เหลี่ยมจากที่คู่แข่งทำขวดกลมหมดก็ไม่ใช่แค่สร้างความแตกต่าง แต่เราคิดแล้วว่ามันจะช่วยเพิ่มพื้นที่ในการอธิบายสินค้าได้มากกว่า สามารถเรียงได้มากกว่า ทำให้สต๊อกของได้มากกว่าคู่แข่ง นอกจากนี้ก็มีการทำรสชาติใหม่ ๆ ออกมาเป็นซีซันนิ่ง เช่น งาดำ, ฟักทอง, ถั่วแดง คนจะได้ไม่เบื่อ

ไม่คิดว่าขายได้ในไทย

ในตอนแรกโทฟุซังมองที่จะเน้นทำตลาดส่งออกมากกว่า เพราะมองว่าต่างประเทศมีเทรนด์เรื่องสุขภาพ เมืองไทยอาจจะขายไม่ได้มาก แต่เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือก็ควรมีสินค้าขายตามโมเดิร์นเทรดเพื่อให้เห็นว่าขายจริง เพราะต้องยอมรับว่าสินค้าในไทยส่วนใหญ่จะต้องติดหวานหน่อย ดังนั้น ก็หลายคนก็มองว่ามันไม่น่าจะขายได้ แต่อาจเป็นเพราะมีคนไทยสัก 20% ที่ไม่ชอบหวานซึ่งทางเลือกของคนกลุ่มนี้น้อย เราก็เลยโต

ดังนั้น เราเลือกที่จะอยู่ในตลาดที่เล็ก แต่มีโอกาสเติบโต และไม่ต้องเจอกับผู้เล่นเจ้าใหญ่ จากตอนแรกเคยทำทำหวาน 3% และมาทำหวาน 0% ซึ่งกลายเป็นว่า 0% ขายดีกว่าหวาน 3% ถึง 4 เท่า

“ตอนนี้อาจจะหมดยุคการเป็นแมสมาร์เก็ตที่ต้องไปเจอกับผู้เล่นเจ้าใหญ่ที่มีกำลังมหาศาล พร้อมจะฆ่าเราให้ตายทุกวินาที แต่ต้องหาตลาดนิชให้เจอ”

ภาพจาก IG beya.healthymind

ไม่หยุดแค่น้ำเต้าหู้

ย้อนไป 4 ปีที่แล้วเคยเจอวิกฤตหนักสุด เหลือเงินในบัญชีแค่ 10 บาท หรือตอนนี้ขาดทุนติดกัน 2 ปี เพราะพิษโควิดทำให้การเดินทางหายเนื่องจากคน Work from Home รวมถึงไม่มีลูกค้าชาวจีน แต่ที่ผ่านมาได้เพราะมองว่าเราโชคดีที่มีทีมดี และใช้พุทธศาสนาเข้ามาช่วย โดยตอนนี้ยอดขายของโทคุซังกลับมาได้ประมาณ 50-60% แล้ว

แต่คงไม่รอแค่หมดโควิด เราเองก็ตต้องสร้างตลาดใหม่ ๆ อาทิ สินค้าไซส์ลิตรที่เติบโตได้ 40% ตอนนี้เรามีโรงงานใหม่ที่ไม่ได้ทำเเค่พาสเจอไรซ์ ดังนั้น โทฟุซังต้องการพาตัวเองไปเป็น เเพลตฟอร์ม แต่จะรับจ้างผลิตสินค้าที่มีอินโนเวชั่นต่าง ๆ ครบวงจรตั้งเเต่เเพ็กเกจจิ้ง ใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม รวมถึงจัดการช่องทางการค้าต่าง ๆ

ส่วนอีกขาจะพัฒนาแพลนท์เบส แต่ไม่เหมือนทั่ว ๆ ไป เพราะตอนนี้มีผู้เล่นในตลาดเยอะ อย่าง CP ก็ทำ ดังนั้น ถ้าจะกระโดดเข้าไปทำต้องแข็งแรงมาก ๆ ดังนั้น ยังมีสินค้าเช่น นมโปรตีนสูงจากแพลนท์เบส หรือการ พัฒนาชีสจากแพลนท์เบสซึ่งต่อยอดมาจากการทำน้ำเต้าหู้

“เราพอใจตั้งเเต่ 4-5 ปีที่เเล้วแล้ว เเต่ที่พาเรามาไกลขนาดนี้เป็นเพราะทีม ซึ่งเป้าหมายตอนนี้เราอยากทำของดี ๆ ให้ผู้บริโภค อยากเป็นหนึ่งในภาคส่วนที่ช่วยเหลือสังคมได้ แต่แน่นอนว่าบริษัทต้องเติบโต เพราะลูกน้องทุกคนต้องได้เงินเดือนเพิ่ม ถ้าบริษัทไม่โตเราก็ไม่มีเงินเพิ่มให้ลูกน้อง”

สรุปวิธีคิดของหน้าใหม่เข้าตลาด

อย่าแข่งในเกมเขาแต่แข่งในเกมเรา แต่ตลาดต้องใหญ่พอด้วย บางคนยึดถือในทางของตัวเองแต่ตลาดเล็กมาก ดังนั้น ดูตัวเองก่อนว่า มีจุดเด่นอะไร และ ตลาดใหญ่พอไหม ซึ่งส่วนนี้อาจจะไม่มีข้อมูลตลาดให้ค้นหาง่าย ๆ เพราะมันใหม่ ดังนั้น อาจจะเริ่มจากอะไรที่เราไม่พอใจ และเราเป็น SME เราต้องปรับตัวให้เร็วกว่าเจ้าใหญ่ เพราะบางทีเขาติดปัญหาบางอย่าง หรือทำงานช้าเกินไป เป็น SME ต้องห้ามช้า นี่เป็นจุดแข็งของ SME จริง ๆ และการวางแผนแบรนดิ้งสำคัญ และต้องมีจุดยืนที่ชัดเจน อย่าเขวกับกระแสใหม่

นอกจากนี้ การทำความเข้าใจลูกค้ายิ่งสำคัญ อาจเริ่มจากเดินรีเทลเยอะ ๆ แล้วสังเกตตะกร้าของลูกค้าว่าซื้อของเราแล้วซื้ออะไรอีกบ้าง ซื้อของคู่แข่งแล้วซื้ออะไรอีกบ้าง ที่ผ่านมาเคยเดินไปถามตรง ๆ ว่าทำไมถึงซื้อ เพื่อให้ได้อินไซต์ บางอย่าง อย่างบางคนซื้อคู่แข่งมา 10 ปี มันไม่มีเหตุผลให้เปลี่ยน ดังนั้นแปลว่าแบรนด์นั้นมันดีพอ การจะเข้าไปทดแทนมันยากมาก ถ้าเราเข้าใจเรื่องนี้เราจะไม่พยายามแข่งในเรื่องที่ไม่ต้องพยายาม แต่มันมีลูกค้าที่เปลี่ยนทุกวัน อันนี้น่าเข้าไปทำความเข้าใจเขา

]]>
1352240
‘ดีน่าดีซอย’ กระตุ้นตลาดนมถั่วเหลือง อิ่มคุ้มรับเทรนด์สุขภาพ จัดใหญ่ชิงโชคใต้ฝากับ ‘ดีซอย ซอยดี มีรวย’ https://positioningmag.com/1330017 Fri, 30 Apr 2021 10:00:36 +0000 https://positioningmag.com/?p=1330017

ตลาด ‘นมถั่วเหลือง’ ในไทย เติบโตอย่างต่อเนื่อง จนเมื่อเกิดการเเพร่ระบาดของ COVID-19 ทำให้ตลาดหดตัวลงไปบ้าง ตามสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัว เเต่ก็ยังได้อานิสงส์จากเทรนด์ ‘รักสุขภาพ’ ที่ผู้คนหันมาใส่ใจดูเเลตัวเองกันมากขึ้น ด้วยรสชาติที่อร่อย มีคุณค่าทางโภชนาการสูง ทั้งโปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุ อีกทั้งยังหาดื่มได้ง่าย สะดวกเเละ ‘อร่อย อิ่มคุ้ม เหล่านี้ทำให้นมถั่วเหลืองครองใจคนยุคใหม่ที่มีชีวิตเร่งรีบได้ไม่ยากนัก

จากเทรนด์รักสุขภาพที่ได้รับความนิยมต่อเนื่อง ทำให้ผู้บริโภคหันมาเลือกซื้อนมถั่วเหลืองที่มีจุดเด่นด้าน ‘โปรตีนสูงน้ำตาลต่ำ’ กันมากขึ้น หลายเเบรนด์จึงทยอยออกสินค้าใหม่ๆ มาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการนี้

นอกจากจะเเข่งขันกันเพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ให้ตรงใจผู้บริโภคเเล้ว ด้านกลยุทธ์การตลาดก็ดุเดือดไม่เเพ้กัน โดยมีการออกเเคมเปญกระตุ้นตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เพิ่มการทดลองสินค้า สร้างการรับรู้ผ่านกิจกรรมลุ้นรางวัล ชิงโชคใต้ฝา ฯลฯ เพื่อรักษาฐานผู้บริโภคกลุ่มเดิมไปพร้อม ๆ กับการขยายฐานผู้บริโภคกลุ่มใหม่ให้กว้างขึ้น

อีกหนึ่งความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจในวงการนมถั่วเหลืองช่วงนี้ คือเเคมเปญล่าสุดของ ดีน่าดีซอยที่ออกมากระตุ้นตลาดด้วยกิจกรรมชิงโชคใต้ฝา ที่มีชื่อฟังเเล้วติดหูว่า ดีซอย ซอยดี มีรวยทุ่มแจกรางวัลมูลค่ารวมกว่า 1,501,080 บาท

ต้องบอกก่อนเลยว่า ‘ดีน่า ดีซอย’ เป็นน้ำนมถั่วเหลือง ยูเอชที สูตรออริจินัล ขนาด 270 มล. ที่วางขายในราคาเพียงขวด 10 บาท หาซื้อง่ายหลากหลายช่องทางทั้งร้านสะดวกซื้อ ขายของชำใกล้บ้าน หรือทางออนไลน์อย่าง

Dutch Mill Delivery : https://bit.ly/3nuNvMM

เเละ Lazada : https://bit.ly/3fjNbPk

‘ดีน่า ดีซอย’ ชูจุดขายเฉพาะตัวที่เป็นจุดเด่นเรื่อง ‘อร่อย อิ่มคุ้ม’ ด้วยคุณประโยชน์จากโปรตีน 2 แหล่ง ทั้งนมถั่วเหลืองและนมวัว จีงทำให้หอม รสชาติเข้มข้น อร่อยกลมกล่อม อัดแน่นไปด้วยประโยชน์จากวิตามินและเกลือแร่ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายถึง 15 ชนิด และยังเป็นสูตรที่ดีกับสุขภาพอีกด้วยเพราะมีปริมาณไขมันและน้ำตาลตามเกณฑ์หลักโภชนาการ ‘ทางเลือกสุขภาพ’ ในกลุ่มเครื่องดื่ม ดังนั้นผู้บริโภคจึงมั่นใจได้ว่าสามารถทานได้บ่อยได้ที่ต้องการ อร่อยดีมีประโยชน์แน่นอน

โดยเเคมเปญ ‘ดีซอย ซอยดี มีรวย’ เชิญชวนให้ผู้บริโภคมาร่วมลุ้นของรางวัลกันง่ายๆ 3 ขั้นตอน ได้เเก่ 

  • ซื้อผลิตภัณฑ์นมถั่วเหลืองดีน่าดีซอยแบบขวด จากร้านค้าที่ร่วมรายการ ระหว่างวันที่ 1 เมษายน 2564 – 30 มิถุนายน 2564
  • เพิ่มเป็นเพื่อนในไลน์กับดีซอย LINE @dna.dsoy : (https://bit.ly/3sCw4fD) จากนั้นใส่รหัสใต้ฝา 10 หลัก ในปุ่มเมนู ‘ซอยดีมีรวย’ พร้อมกรอกชื่อ เบอร์โทร และจังหวัด แล้วกดยืนยันสิทธิ์การเข้าร่วมรายการ
  • รอลุ้นรางวัลมากมาย ทั้งมอเตอร์ไซค์ โทรศัพท์มือถือไอโฟน 12 สร้อยคอทองคำ และรางวัลอื่นๆ ‘ทุกสัปดาห์’ ตั้งแต่วันนี้จนถึง 30 มิถุนายน 2564

โดยผู้ร่วมรายการต้องเก็บรหัส 10 หลักที่อยู่ใต้ฝาเป็นหลักฐานในการขอรับรางวัล และ 1 รหัสสามารถลงทะเบียนลุ้นรางวัลได้เพียง 1 ครั้งตลอดรายการ

อย่าลืมเก็บฝาดีซอยไว้ให้ดี เพราะยิ่งส่งมาก ยิ่งมีสิทธิ์มาก ติดตามรายละเอียดกิจกรรมและการประกาศผลผู้โชคดีได้ทาง Facebook : DNA DSOY

ดีน่าดีซอย :  https://www.facebook.com/dna.dsoy 

 เป็นอีกเเคมเปญที่ส่งต่อทั้งความอร่อย ‘อิ่มคุ้ม’ ดีต่อสุขภาพ พร้อมชิงโชคกระตุ้นตลาดอย่างเป็นอย่างดีทีเดียว

#ดีซอย #ดีซอยซอยดีมีรวย

#ดีซอยนมถั่วเหลือง #ดีน่าดีซอย

#อร่อยดีมีประโยชน์

 

]]>
1330017
“แลคตาซอย” ส่งแบรนด์น้อง “ซังซัง” ท้าชน “โทฟุซัง” จับใจกลุ่ม Gen Y https://positioningmag.com/1255848 Wed, 04 Dec 2019 08:13:24 +0000 https://positioningmag.com/?p=1255848 แลคตาซอย เปิดตัวแบรนด์น้องใหม่ “ซังซัง” จับกลุ่ม Gen Y รักสุขภาพ ชูจุดเด่นนมถั่วเหลืองคั้นสด น้ำตาลน้อยกว่า 2% โหมงบการตลาด 100 ล้านบาท 

มัลลิกา จิรพัฒนกุล ผู้จัดการใหญ่ฝ่ายขาย บริษัท แลคตาซอย จำกัด เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการตอบรับเทรนด์รักสุขภาพที่กำลังได้รับความนิยมอย่างสูงในปัจจุบัน แลคตาซอย จึงได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์น้องใหม่ นมถั่วเหลืองคั้นสด แบรนด์ “ซังซัง”  

ซังซัง หมายถึง ความสุขสองเท่า คนที่ดื่มนมถั่วเหลืองซังซังจะมีความสุขสองเท่าจากคุณประโยชน์ที่ได้รับ โดยเฉพาะเรื่องความหวานน้อย และวิธีการผลิตที่คั้นสดจากถั่วเหลืองคุณภาพดีเต็มเมล็ด จากแคนาดา ซึ่งเป็นประเทศที่ขึ้นชื่อว่ามีสภาพดิน ภูมิประเทศ และอากาศ เหมาะสมสำหรับการปลูกถั่วเหลือง และยังเป็นถั่วเหลืองที่ไม่ผ่านการตัดแต่งพันธุกรรมใดๆ และราคาจำหน่ายเหมาะกับผู้บริโภคทุกกลุ่มรายได้” 

นมถั่วเหลืองซังซัง มีจำหน่าย 2 ขนาด คือ 125 มล. ราคา 5 บาท และขนาด 300 มล. ราคา 10 บาท โดยบรรจุภัณฑ์ใช้โทนสีที่สื่อให้เห็นถึงความมีสุขภาพดี เหมาะกับวัยรุ่น คนทำงานรุ่นใหม่ 

ในส่วนของแผนงานการตลาด ได้จัดการตลาดสำหรับนมถั่วเหลืองซังซังไว้กว่า 100 ล้านบาท รวมถึงขบวนคาราวาน โดยแมสคอต “น้องซังซัง” โดยคาดว่าในปี 2563 นมถั่วเหลืองซังซังจะมียอดขาย 1,000 ล้านบาท คิดเป็นส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 5-6% จากตลาดนมถั่วเหลืองที่ปัจจุบันมีมูลค่ารวมอยู่ที่ 17,000 ล้านบาท.

]]>
1255848
แบรนด์ 60 ปี “ไวตามิ้ลค์” ได้ฤกษ์ลุย KOL – ดิจิทัลแพลตฟอร์ม https://positioningmag.com/1223553 Fri, 05 Apr 2019 00:57:28 +0000 https://positioningmag.com/?p=1223553 การเข้าสู่ยุคดิจิทัลที่ทำให้เกิด “เครื่องมือ” (tool) และกลยุทธ์การสื่อสารใหม่ๆ เข้าถึงผู้บริโภคด้วยแพลตฟอร์มดิจิทัลหลากหลาย กลายเป็นความท้าทายและโอกาสของแบรนด์ในยุคนี้ที่ต้องปรับตัวให้ทันการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะ “แบรนด์เก่า” ที่อยู่ในตลาดมานาน  

อนันต์ ธีรวิชญกุล ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท กรีนสปอต จำกัด ดูแลแบรนด์ “ไวตามิ้ลค์” กล่าวว่า การรับรู้ของผู้บริโภคคนรุ่นใหม่จะมอง “นมถั่วเหลือง” เป็นเครื่องดื่มของคนทำงานหรือคนสูงวัย เป็นสิ่งที่แบรนด์ไวตามิ้ลค์ ที่มีอายุ 60 ปี ต้องปรับตัวใช้ช่องทางการสื่อสารดิจิทัลเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ อายุ 20 ปีมากขึ้น เพื่อทำให้พวกเขารู้จักแบรนด์ไวตามิ้ลค์และดึงเข้ามาเป็นลูกค้าตั้งแต่วันนี้และในอนาคต

ลูกค้ากลุ่มหลักของไวตามิ้ลค์ เป็นกลุ่มแมส อายุ 30 ปีขึ้นไป สัดส่วนจากตลาดต่างจังหวัด 60% การสื่อสารแบรนด์และการทำตลาดจึงใช้สื่อทีวีเป็นหลัก แต่ช่วง 2 ปีที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าการใช้งบประมาณในสื่อทีวี เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้น้อยลง จากเรตติ้งทีวีที่ลดลงต่อเนื่อง

ปีที่ผ่านมา ไวตามิ้ลค์ เริ่มทำการสื่อสารผ่านช่องทาง “ดิจิทัล” อย่างจริงจัง ผ่านกลยุทธ์ KOL (Key Opinion Leader) หรือ Influencer Marketing โดยเลือก ทอม อิศรา กิจนิตย์ชีว์ หรือ “ทอม อิศรา” (ทอม Room39) มาเป็น KOL หลัก เริ่มด้วยแคมเปญ “ไวตามิ้ลค์ ทูโก ฝาเกลียวใหม่แคมเปญเริ่มจากช่องทางออนไลน์ เมื่อได้รับผลตอบรับดีจึงทำเป็นหนังโฆษณาทีวี เพื่อสื่อสารกับกลุ่มแมสด้วยเช่นกัน

ภาพจากเฟซบุ๊ก vitamilk

“ไวตามิ้ลค์ เริ่มช่องทางดิจิทัล 5 ปีก่อน แต่ยังให้น้ำหนักไม่มาก โดยสื่อสารผ่านเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ของแบรนด์เอง ตั้งแต่ปีที่ผ่านมาเราให้น้ำหนักมากขึ้น งบประมาณสื่อดิจิทัลขยับจาก 10% เป็น 30% ของงบการตลาด และมีโอกาสจะเพิ่มเป็น 50-60%”

ชู KOL สื่อสารแบรนด์

กลยุทธ์การทำตลาดดิจิทัลของไวตามิ้ลค์ ที่โฟกัสการใช้ KOL และอินฟูลเอ็นเซอร์ เพราะเห็นว่าเป็นเครื่องมือ (tool) และสื่อประเภทหนึ่งในการเข้าหาผู้บริโภค ช่วยสร้าง Engagement กับผู้บริโภครวมทั้งสาวกของ KOL ได้ดี นอกเหนือจากกลยุทธ์สร้างการรับรู้ผ่านสื่อแมสอย่างทีวี

มองว่า KOL เป็นเกตเวย์ที่เชื่อมต่อกับผู้บริโภค ดังนั้นการใช้ KOL ต้องทำความเข้าใจบุคลิกของแต่ละบุคคล ทั้งคาแร็กเตอร์และคอนเทนต์ที่ต้องเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของ KOL คนนั้นๆ และไม่ควรใช้ KOL ให้ทำหน้าที่เพียงเป็น Product Placement ของสินค้าเท่านั้น แต่ต้องนำสินค้าเข้าไปอยู่ในชีวิตประจำวันของ KOL แบรนด์จึงจะประสบความสำเร็จ

หากเปรียบเทียบกับโฆษณาทีวี KOL ก็เหมือนกับเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้แบรนด์ แต่ทีวีเป็นการสื่อสารทางเดียว พรีเซ็นเตอร์พูดอะไร ผู้บริโภคมักเชื่อ แต่ในยุคดิจิทัลที่เป็นการสื่อสารสองทาง ผู้บริโภคมักไม่เชื่ออะไรง่ายๆ จึงต้องใช้ KOL หริอ อินฟลูเอนเซอร์ เป็นสะพานเชื่อม ไปสู่แฟนคลับหรือสาวกของคนนั้น ที่เชื่อในสิ่งที่ KOL และอินฟลูเอนเซอร์พูด

การทำดิจิทัลแคมเปญของไวตามิ้ลค์ จะมี KOL หลัก คือ “ทอม อิศรา” แต่จะใช้ KOL กลุ่มที่เป็น “ไมโคร หรือ นานา KOL” เข้ามาเสริมด้วยเช่นกัน แต่ละแคมเปญใช้ KOL ไม่ต่ำกว่า 50 คน เพื่อเข้าถึงหรือเอ็นเกจกับผู้ติดตาม KOL หลักแสนคนขึ้นไป เพราะในยุคนี้ผู้บริโภคแยกย่อยเป็น Fragmentation จึงต้องใช้ KOL เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคที่หลากหลาย

นอกจากนี้ยังใช้ อินฟลูเอนเซอร์เพจที่ได้รับความนิยม เช่น อีเจี๊ยบ เลียบด่วน ที่มีคอนเทนต์และเอ็นเกจเมนต์ดี

“การเริ่มใช้สื่อดิจิทัลในปีที่ผ่านมาถือว่าไม่ช้า แม้สื่อดิจิทัลจะบูมมาก่อนหน้านี้ เพราะเป็นช่วงเวลาที่เราต้องทดลองการสื่อสารหลากหลายรูปแบบ เราเริ่มในเวลาที่เหมาะสม”

ภาพจากเฟซบุ๊ก vitamilk

พลัง “เชอร์รี่” สาวก “ทอม อิศรา” หนุนแบรนด์

อนันต์ เล่าว่า การเลือก “ทอม อิศรา” เป็น KOL หลักของไวตามิ้ลค์ เพราะเป็นคนที่มีไลฟ์สไตล์สนุกสนาน สามารถช่วยสื่อสารแบรนด์ไวตามิ้ลค์ในกลุ่มคนรุ่นใหม่ได้อย่างดี

เช่นเดียวกับนักร้อง “ตัวท็อป” ที่ต้องมีแฟนคลับคอยติดตาม เมื่อ “เป๊ก ผลิตโชค” มี “นุช” เป็นแฟนคลับ “ทอม อิศรา” ก็มี “เอฟซี” ที่เรียกตัวเองว่า “เชอร์รี่” เป็นสาวกเช่นกัน จุดเริ่มต้นของ “เชอร์รี่” มาจาก รายการ “นอนบ้านเพื่อน” ที่มีคนส่งข้อความผ่านไลฟ์ขอให้ครางชื่อเชอร์รี่ “ทอม” ก็จัดให้จนโดนใจแฟนคลับ แห่เปลี่ยนชื่อเป็นเชอร์รี่กันเป็นแถว อีกอย่าง “เชอร์รี่” เป็นอีกหนึ่งผลไม้โปรดของทอม เช่นกัน

การได้ “ทอม อิศรา” มาสื่อสารแบรนด์ไวตามิ้ลค์กับผู้บริโภค นอกจากช่วยสร้างการรับรู้ในกลุ่มคนทั่วไปแล้ว ฐานแฟนคลับที่แข็งแกร่ง หรือพลังเชอร์รี่ของทอม ยังช่วยแชร์คอนเทนต์ต่างๆ ของไวตามิ้ลค์ ที่สื่อสารผ่านทอมอีกด้วย นอกจากนี้ยังทำหน้าที่สนับสนุนและปกป้องแบรนด์ โดยช่วงที่เปิดตัว “ไวตามิ้ลค์ ทูโก ฝาเกลียวใหม่พบว่ามีคนคอมเมนต์ว่าฝาเปิดยาก เหล่าเชอร์รี่ของทอมเห็นเข้า จึงจัดทำคลิปวิดีโอ 5 วิธีเปิดฝากเกลียวใหม่แบบง่ายๆ แชร์ผ่านสื่อออนไลน์ ถือเป็นการช่วยสื่อสารให้แบรนด์อีกทาง

กลยุทธ์ดิจิทัล แพลตฟอร์มและการสื่อสารผ่าน KOL ของไวตามิ้ลค์ จะดำเนินการอย่างต่อเนื่องหลังจากนี้ โดยมีเป้าหมายต้องการสร้างฐานลูกค้ากลุ่มคนรุ่นใหม่ให้เป็นลูกค้าระยะยาวในอนาคต และใช้เป็นช่องทางกระตุ้นยอดขายไปพร้อมกัน.

 

]]>
1223553