นาฬิกา – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Tue, 16 Jul 2024 08:06:41 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ครึ่งปีแรก 2024 “Swatch Group” กำไรตก นาฬิกาลักชัวรีขายอืดในจีน-เงินฟรังก์แข็งค่ากระทบยอด https://positioningmag.com/1482714 Mon, 15 Jul 2024 12:33:13 +0000 https://positioningmag.com/?p=1482714 Swatch Group รายงานยอดขายครึ่งปี 2024 ทั้งยอดขายและกำไรตกลงแรง จากปัจจัยตลาดนาฬิกาลักชัวรีใน “จีน” ยอดตกถ้วนหน้า เงินฟรังก์แข็งค่า และเศรษฐกิจฝืดกระทบกลุ่มนาฬิการาคาเริ่มต้นทั้งหมด

ผู้ผลิตนาฬิกาชื่อดังจากสวิส “Swatch Group AG” รายงานผลการดำเนินงานช่วงครึ่งปีแรกปี 2024 พบว่า ครึ่งปีนี้ทำยอดขายไปเพียง 3,450 ล้านสวิสฟรังก์ ซึ่งตกลง 14% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ขณะที่ผลกำไรยิ่งตกลงฮวบฮาบเหลือ 204 ล้านสวิสฟรังก์ จากครึ่งปีแรกปีก่อนเคยทำกำไรได้ถึง 686 ล้านสวิสฟรังก์ สาเหตุหลักเกิดจากตลาดจีนอ่อนแอลง และค่าเงินฟรังก์ที่แข็งค่า

Swatch Group เป็นบริษัทผู้ผลิตนาฬิกาที่มีแบรนด์ในมือจำนวนมากและกระจายครบทุกเซ็กเมนต์ ตั้งแต่ระดับเริ่มต้นอย่าง “Swatch” ระดับกลาง เช่น “Tissot” ระดับบน เช่น “Longines” และนาฬิกาลักชัวรี เช่น “Omega”

ภาวะยอดขายตกต่ำในปีนี้ Swatch Group มองว่าเกิดจากดีมานด์ในตลาด “จีน” ไม่ค่อยดีนักโดยเฉพาะในกลุ่มนาฬิกาลักชัวรี ซึ่งสภาวะนี้เกิดขึ้นกับตลาดสินค้าลักชัวรีทั้งหมดในประเทศจีน และทางบริษัทยังประเมินด้วยว่าตลาดลักชัวรีจีนจะยังคงท้าทายไปตลอดจนถึงสิ้นปี

นอกจากปัญหาเรื่องตลาดลักชัวรีแล้ว Swatch Group ยังถูกกดดันจากภาวะเศรษฐกิจและเงินเฟ้อพุ่งสูง จนทำให้ลูกค้ากลุ่มที่มีกำลังทรัพย์ไม่มากเริ่มลดการใช้จ่ายลง เกิดผลกระทบต่อยอดขายนาฬิการะดับเริ่มต้นถึงระดับกลางไปด้วย

อย่างไรก็ตาม แม้จะเผชิญปัญหาแต่ทางบริษัทบอกว่าจะยังผลิตสินค้าในอัตราปกติเพื่อที่บริษัทจะไม่ต้องปลดพนักงาน แต่จะหาทางลดต้นทุนในด้านอื่นแทน

ในปี 2024 ราคาหุ้นของ Swatch Group ตกลงมาแล้วประมาณ 17% ทำให้กลุ่มผู้ถือหุ้นไม่ค่อยพอใจนักและวิพากวิจารณ์การทำงานรวมถึงธรรมาภิบาลของผู้บริหารชุดปัจจุบัน ขณะนี้ Swatch Group บริหารโดยตระกูล Hayek และมีซีอีโอคือ Nick Hayek

Source

]]>
1482714
Rolex ประกาศขึ้นราคานาฬิกาครั้งที่ 2 ในรอบปี สาเหตุจากราคาทองคำพุ่งขึ้นสูงทำสถิติใหม่ https://positioningmag.com/1476373 Mon, 03 Jun 2024 05:16:19 +0000 https://positioningmag.com/?p=1476373 โรเล็กซ์ (Rolex) ผู้ผลิตนาฬิกาหรู ได้ปรับราคาสินค้าเพิ่มขึ้นหลายรุ่น โดยการปรับเพิ่มราคาดังกล่าวนี้ถือเป็นครั้งที่ 2 ในรอบปี 2024 สาเหตุสำคัญมาจากราคาทองคำซึ่งเป็นวัตถุดิบในการผลิตนาฬิกาได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น

Rolex ผู้ผลิตนาฬิกาจากสวิตเซอร์แลนด์ ได้ปรับราคานาฬิกาหลายรุ่นราวๆ 4% เนื่องจากราคาทองคำในตลาดโลกปรับตัวมากขึ้น จากสภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน อย่างไรก็ดีราคานาฬิกาจากผู้ผลิตรายนี้นับตั้งแต่ปี 2022 เป็นต้นมานั้นยังปรับตัวไม่ถึง 15% ด้วยซ้ำ

ราคานาฬิกาในรุ่น Rolex Daytona ที่วางขายในสหราชอาณาจักรนั้นเพิ่มขึ้น 4% ในช่วงที่ผ่านมา ขณะที่รุ่นอื่นๆ อย่าง GMT Master II รุ่น Deepsea หรือแม้แต่รุ่น Day-Date 40 นั้นก็มีราคาปรับเพิ่มขึ้นเช่นกัน แต่สำหรับราคาในสหรัฐอเมริกากลับไม่ได้ปรับขึ้นแต่อย่างใด

สาเหตุสำคัญมาจากราคาทองคำที่เพิ่มมากขึ้น โดยนับตั้งแต่ต้นปี 2024 เป็นต้นมา ราคาทองคำซึ่งถือเป็นหนึ่งในวัตถุดิบในการผลิตปรับตัวเพิ่มมากขึ้นถึง 14% เนื่องจากทองคำถือเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงที่เศรษฐกิจโลกมีความไม่แน่นอนเพิ่มมากขึ้น

ปกติแล้ว Rolex จะมีการปรับราคาสินค้าเพิ่มขึ้นปีละ 1 ครั้ง ยกเว้นในกรณีวัตถุดิบที่ทำให้ราคาของนาฬิกาเพิ่มขึ้นแล้วนั้นยังรวมถึงความผันผวนของค่าเงินที่สูงนั้นอาจทำให้ผู้ผลิตรายนี้ปรับราคาเพิ่มขึ้น ซึ่งบริษัทเคยทำมาแล้วในปี 2022 หลังจากที่ค่าเงินปอนด์มีความผันผวนอย่างหนัก

ข้อมูลจาก Watch Pro ชี้ว่านับตั้งแต่ปี 2022 เป็นต้นมา ราคานาฬิกาของ Rolex หลายรุ่นได้ปรับตัวขึ้นมายังไม่ถึง 15% ด้วยซ้ำ

ปัจจุบัน Rolex นั้นผลิตนาฬิกาต่อปีมากถึง 1 ล้านเรือน สร้างรายได้ให้กับบริษัทต่อปีมากถึง 10,000 ล้านสวิสฟรังก์ หรือคิดเป็นเงินไทยราวๆ 407,200 ล้านบาท

ที่มา – Telegraph, Watch Pro

]]>
1476373
ดัชนีราคานาฬิกาหรูมือสองทำสถิติต่ำสุดในรอบ 2 ปี ผลจากสภาวะไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ https://positioningmag.com/1452003 Thu, 16 Nov 2023 07:08:45 +0000 https://positioningmag.com/?p=1452003 ดัชนีราคานาฬิกาหรูมือสองทำสถิติต่ำสุดในรอบ 2 ปี สาเหตุสำคัญนั้นมาจากสภาวะไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ รวมถึงสภาวะดอกเบี้ยสูง ขณะเดียวกันยังรวมถึงปริมาณนาฬิกาหรูได้เพิ่มเข้ามาในตลาดมือสองเพิ่มขึ้นด้วย คาดว่าราคานาฬิกาหรูมือสองจะยังลดลงได้อีกหลังจากนี้

Watch Market Index ซึ่งเป็นดัชนีตลาดนาฬิกาหรูมือสองของ WatchCharts ซึ่งติดตามราคานาฬิกาหรู 60 รุ่น จากแบรนด์ผู้ผลิตนาฬิกา ไม่ว่าจะเป็น Rolex และ Patek Philippe รวมถึงแบรนด์อื่น ๆ ล่าสุดดัชนีดังกล่าวอยู่ที่ 29,914 ดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น ซึ่งถือเป็นสถิติต่ำสุดในรอบ 2 ปี

สาเหตุสำคัญที่ทำให้ราคาหรูลดลงต่ำเนื่องจากปริมาณนาฬิกาหรูเหล่านี้เข้ามาในตลาดซื้อขายเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นผลจากสภาวะเศรษฐกิจโลกไม่เป็นใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสภาวะดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้นจากธนาคารกลางหลายประเทศได้ปรับขึ้นดอกเบี้ย ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดลง

นอกจากนี้ยังรวมถึงสภาวะเศรษฐกิจในประเทศจีนที่ชะลอการเติบโตในช่วงที่ผ่านมา และยังรวมถึงปัญหาด้านภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างมหาอำนาจ ซึ่งตลาดในประเทศจีนถือเป็นตลาดสำคัญอีกตลาดหนึ่งของสินค้าแบรนด์หรูเนื่องจากจำนวนประชากรชนชั้นกลางผู้มั่งคั่งมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น

ก่อนหน้านี้ราคานาฬิกาหรูได้ทำสถิติสูงสุดในปี 2022 เนื่องจากความต้องการนาฬิกาหรูเพิ่มมากขึ้น ซึ่งปัจจัยสำคัญมากจากความมั่งคั่งของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น ราคาสินทรัพย์ดิจิทัลเพิ่มขึ้น รวมถึงสภาวะเศรษฐกิจที่ดอกเบี้ยยังไม่สูงเท่ากับปัจจุบัน

สอดคล้องกับรายงานจาก Bloomberg ได้รายงานถึงจำนวนนาฬิกาหรูได้เข้ามาในตลาดมือสองเพิ่มมากขึ้น 5% นับตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา จากรายงานของ Subdial ซึ่งเป็นผู้ทำดัชนีตลาดนาฬิกาหรูมือสองอีกราย คาดว่าราคานาฬิกาหรูมือสองจะถูกกดดันจากสภาวะต่าง ๆ และเราอาจได้เห็นราคาลดลงหลังจากนี้

รายงานของ Subdial ยังชี้ว่าราคานาฬิกาหรูอย่าง Patek Philippe มีราคาลดลงมากกว่า Rolex โดยถ้าหากนับจากจุดสูงสุดในเดือนเมษายนในปี 2022 นั้นราคามือสองของแบรนด์นาฬิกาหรูดังกล่าวนั้นลดลงมาแล้วมากกว่า 47% แล้ว

]]>
1452003
อนาล็อกขาลง! นาฬิกา Citizen ประกาศขาดทุนในรอบ 7 ปี จ้างออกพนักงาน 550 คน https://positioningmag.com/1290562 Sun, 02 Aug 2020 11:05:33 +0000 https://positioningmag.com/?p=1290562 คนขายนาฬิกาก็ต้องใช้เวลาเหมือนกัน “Citizen Watch Co.” หน่วยธุรกิจผลิต และจำหน่ายนาฬิกาอนาล็อกจำใจประกาศข้อเสนอแพ็กเกจเกษียนก่อนกำหนดให้กับพนักงาน 550 คน ผลจากภาวะยอดจำหน่ายนาฬิการะบบอนาล็อกหดหาย และนาฬิกาอัจฉริยะ หรือสมาร์ทวอตช์ขายดีมากขึ้น

นอกจากตลาดที่เปลี่ยนไป บริษัท Citizen Watch Manufacturing ยังให้เหตุผลถึงการ “จ้างออกพนักงาน” ครั้งนี้ว่าเป็นเพราะความวุ่นวายทางเศรษฐกิจ ที่เกิดจากการระบาดของ COVID-19 ทำให้บริษัทต้องหาทางลดค่าใช้จ่าย เพื่อให้บริษัทอยู่รอดในยุคสมัยที่เปลี่ยนไป

สิ่งสำคัญคือ Citizen ไม่ได้หมดหวัง แม้จะยอมรับความจริงว่าความต้องการนาฬิกาแบบอนาล็อกในตลาดโลกจะไม่ฟื้นตัวในระยะกลางถึงระยะยาว แต่ Citizen Watch Manufacturing จะยังมีพนักงานมากกว่า 2,000 คน จากเดิมที่มี 3,000 คน ในโรงงาน 17 แห่ง ซึ่งตั้งอยู่ที่ 10 จังหวัดทั่วญี่ปุ่นทั้งฮอกไกโด ฟุกุชิมะ นิอิกาตะ และนากาโน

โละกลุ่มเงินเดือนสูง

พนักงานที่จะได้รับข้อเสนอจ้างออกคือกลุ่มอายุ 36 ปีขึ้นไป กำหนดการให้ออกจากบริษัทคือสิ้นเดือนธันวาคมนี้

การตัดสินใจครั้งนี้ของ Citizen Watch ชัดเจนว่าต้องการลดค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรลง เพื่อให้สามารถควบคุมต้นทุนของบริษัทได้ โดยที่ผ่านมา Citizen Watch มีร้านเรือธง Citizen Flagship Store Tokyo ในย่าน Ginza อันทันสมัยของโตเกียว ขณะเดียวกันก็ยังคงเปิดตัวนาฬิกาข้อมือระดับไฮเอนด์ใหม่ที่ชูจุดขายการใช้พลังงานแสงและการบอกเวลาแม่นยำมาก เรียกว่าผิดพลาดไม่เกินบวกหรือลบ 1 วินาทีต่อปี สนนราคารุ่นนี้คือ 800,000 เยน หรือประมาณ 240,000 บาท ซึ่งจะต้องสั่งจองไว้และให้ลูกค้ารอส่งมอบสินค้าอีกนานหลายเดือน

สนนราคานาฬิกาของ Citizen ที่แพงเช่นนี้มีที่มา เพราะมีข้อสังเกตได้ว่าราคานาฬิการุ่นหลักของ Citizen เริ่มสูงขึ้นไม่หยุดในช่วงหลังปี 2000 เวลานั้นนาฬิกา Citizen เคยมีราคาระหว่าง 30,000 ถึง 40,000 เยน แต่ก็ทะลุหลัก 100,000 เยนในปี 2004 และผลิตภัณฑ์หลักที่วางขายในปี 2011 มีราคามากกว่า 300,000 เยน

การสำรวจยังพบว่าราคาต่อหน่วยเฉลี่ยของนาฬิกา Citizen ทุกเรือนเพิ่มขึ้น 2.8 เท่าจากปี 2001 สถานการณ์นี้ไม่ได้เกิดกับ Citizen คนเดียว แต่เกิดกับแบรนด์เพื่อนร่วมชาติอย่าง Seiko Holdings Corp. ด้วย

ราคาต่อหน่วยของนาฬิกาชายทั่วไปของ Seiko เพิ่มขึ้นจาก 80,000 เยน (ราคารุ่น Brightz ที่เปิดตัวในปี 2004) เป็น 230,000 เยน (ราคารุ่น Astron) ซึ่งปัจจุบันมีวางจำหน่ายอยู่ ขณะที่นาฬิกาสำหรับผู้หญิงที่ราคาแพงที่สุดในซีรีส์ Lukia นั้นมีราคาเพียง 50,000 เยนในปี 2004 ถือว่าต่ำมากเมื่อเทียบกับรุ่นใหม่ที่ราคา 78,000 เยนต่อเรือนในปี 2019

แม้กระทั่ง G-Shock ของ Casio Computer Co. ซึ่งแจ้งเกิดตลาดครั้งแรกในปี 1983 ก็มีราคาอยู่ระหว่าง 10,000-20,000 เยน หลังจากสร้างความนิยมในช่วงปี 1990 แต่บางรุ่นภายใต้แบรนด์ G-Shock นั้นมีราคากว่า 100,000 เยนวันนี้

ส่วนหนึ่งที่ทำให้ราคานาฬิกากลไกเพิ่มขึ้นนั้นอาจเป็นเพราะต้นทุนนวัตกรรม และการรัดเข็มขัดจากการปรับโครงสร้างองค์กรอาจจะช่วยให้ Citizen ทำราคาสินค้าได้ดีขึ้น และกำไรมากขึ้น

กำไรต้องมา

Norio Takeuchi กรรมการผู้จัดการของ Citizen เคยแสดงความมั่นใจว่าบริษัทยังมีที่ว่างสำหรับการเพิ่มอัตรากำไรให้บริษัท ด้วยการเพิ่มมูลค่าให้มากขึ้น ซึ่งจะทำให้ Citizen โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีดั้งเดิมที่บริษัทมี

อย่างไรก็ตาม Citizen ยังมีต้นทุนเรื่องการซื้อกิจการแบรนด์ตะวันตก ทำให้แม้สินค้ารุ่นหลักของ Citizen จะมีราคาอยู่ในช่วงหลายแสนเยน แต่บริษัทก็เน้นขยายไลน์ผลิตภัณฑ์ที่มีราคาแพงกว่า ทั้งหมดนี้ทำให้ Citizen ได้รับผลกระทบสูงหลังจากอุตสาหกรรมนาฬิกาหยุดชะงักลงในช่วง COVID-19 เพราะงานแสดงสินค้านานาชาติ Baselworld ประจำปีซึ่งมีกำหนดจัดในเดือนเมษายนถูกยกเลิกไป ยังมีการปิดห้างสรรพสินค้าที่ทำให้ยอดขาย Citizen ลดลงทั่วโลก ทำให้ผู้ผลิตนาฬิกาหลายรายต้องประกาศผลการดำเนินงานย่ำแย่ในช่วงครึ่งแรกของปี 63

Citizen หนีไม่พ้นชะตากรรมนั้น และประกาศขาดทุนครั้งแรกในรอบ 7 ปี โดย Takeuchi ยอมรับว่าบริษัทตื่นตระหนกกับวิกฤติที่เกิดขึ้น และยืนยันในงานแถลงผลประกอบการทางการเงินว่าบริษัทจำเป็นต้องทำให้ธุรกิจนาฬิกาของ Citizen กลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้งอย่างรวดเร็ว

แต่ตอนนี้ขอเวลา เพื่อให้ Citizen ได้คัมแบ็กอย่างเต็มภาคภูมิ.


ที่มา : 

]]>
1290562
รู้จักกับ Richard Mille นาฬิกาอะไรเรือนเป็นล้าน !? เมื่อการบอกเวลาไม่ใช่ประเด็นสำคัญ https://positioningmag.com/1149555 Fri, 08 Dec 2017 05:22:10 +0000 https://positioningmag.com/?p=1149555 นาฬิกาแบรนด์หรูจากสวิตเซอร์แลนด์ Richard Mille กำลังถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางในสังคมไทยจากประเด็นข่าวดัง และทำให้เกิดข้อสงสัยตามมามากมายว่า นาฬิกาอะไร จึงมีราคาแพงระดับเรือนละล้าน (และเป็นสิบล้าน) ขนาดนี้ !?

นาฬิกาคอนเซ็ปต์ “ฟอร์มูลา วัน”

Richard Mille เป็นแบรนด์นาฬิกาหรูของ “ริชาร์ด มิลล์” ที่คลุกคลีอยู่กับวงการนาฬิกามาตั้งแต่ต้น หลังศึกษาด้านการตลาดมาจากเบอซ็องซง เขาเริ่มทำงานที่บริษัทผลิตนาฬิการะดับท้องถิ่น Finhor ตั้งแต่ปี 1974 และเริ่มก้าวหน้าไปสู่ตำแหน่งสูงขึ้นเมื่อบริษัทผลิตรถยนตร์ Matra ได้ซื้อกิจการ Finhor ไปในปี 1981 กระทั่ง Matra ขายกิจการด้านนาฬิกาให้กับ Seiko ไปในปี 1992 มิลล์ จึงตัดสินใจไปเริ่มต้นธุรกิจของตัวเอง จนได้ตั้งบริษัท Richard Mille ในปี 1999 และเริ่มวางจำหน่ายนาฬิการุ่น RM001 ซึ่งเป็นสินค้าตัวแรกในปี 2001

ปัจจุบัน Richard Mille ออกสินค้ามาแล้วหลายรุ่น นาฬิการุ่น RM 50-03 McLaren F1 ประกอบด้วยวัสดุผสมระหว่าง ไทเทเนียม, Carbon TPT™ และ Graph TPT™ ซึ่งมีน้ำหนักเบากว่าเหล็กถึง 6 เท่า แต่แข็งแรงกว่า 200 เท่า ซึ่งก็ทำให้สินค้าตัวนี้มีราคาสูงถึง 1 ล้านเหรียญฯ หรือ 32ล้านบาท ส่วนนาฬิการุ่น RM27-02 Rafael Nadal Edition ก็มีน้ำหนักเพียง 19 กรัม หรือเท่ากับเหรียญดอลลาร์เพียงเหรียญเดียวเท่านั้น แต่ราคาก็สูงถึง 8 แสนเหรียญฯ หรือ 24 ล้านบาทกันเลยทีเดียว

สินค้าของ Richard Mille มีการใช้วัสดุอีกหลายประเภท อาทิ ท่อนาโนคาร์บอน, เซรามิกชนิดแกร่งเป็นพิเศษ, NTPT® carbon, วัสดุผสานระหว่างคาร์บอนและทองคำเปลว, ซิลิคอนไนไตรด์ และวัสดุที่คนทั่วไปคงไม่คุ้นเคยอีกมากมาย โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้เรือนนาฬิกามีความ “เบา” และ “ทนทาน” แม้วงการนาฬิกาจะวิจารณ์ว่าสินค้าของ มิลล์ ใช้ของที่ “ไม่จำเป็น” และ “เกินเหตุ” ในการสร้างนาฬิกา แต่ก็ทำให้มูลค่าของ Richard Mille พุ่งกระฉูด และเป็นที่สนใจของมหาเศรษฐีมากมาย

ตามข้อมูลนาฬิกา Richard Mille ที่ราคาถูกที่สุดก็จะมีราคาสูงถึง 50,000 เหรียญฯ หรือ 1.6 ล้านบาทแล้ว ส่วนรุ่นแพงๆ ก็ทะลุไปถึง 1 ล้านเหรียญฯ หรือ 30 กว่าล้านบาทกันเลยทีเดียว แน่นอนว่า Richard Mille ทุกเรือนผลิตจากวัสดุที่พิเศษอย่างทองคำ หรือ ไทเทเนียม แต่หากคำนวณมูลค่าของวัสดุแล้ว ก็อาจจะมีราคาแค่หลักพ้นเหรียญฯ เท่านั้น

Richard Mille ยังผลิตโดยช่างนาฬิกาผู้เชี่ยวชาญจากสวิตเซอร์แลนด์ ที่นาฬิกาหนึ่งเรือนอาจจะใช้เวลาทำเป็นสัปดาห์ หรือ เดือน แต่สุดท้ายค่าแรงของการผลิตก็ยังห่างไกลจากราคาขายอยู่ดี

ซึ่งสิ่งที่ทำให้ Richard Mille มีราคาสูงจริงๆ ก็คงจะเป็น “ความพิเศษที่ได้ครอบครอง” สินค้าที่มีอยู่จำนวนไม่มากนักในแต่ละรุ่นนั่นเอง

เมื่อความ “แพง” คือ “จุดขาย”

ความสำเร็จของ Richard Mille ยังเกิดขึ้นจากเรื่องของราคาที่สูงมากด้วย เพราะขณะที่แบรนด์ส่วนใหญ่จะเน้นนำเสนอสินค้ามีคุณสมบัติโดดเด่น และมีราคาที่ “สมเหตุสมผล” เพื่อต่อสู้ใน “สงครามราคา” แต่ มิลล์ กลับมั่นใจที่จะเลือกใช้วัสดุที่พิเศษ เพื่อผลิตสินค้าออกมาให้ “แตกต่าง” มากที่สุด จนอาจจะพูดได้ว่า Richard Mille ต้องการที่จะเป็น “นาฬิกาที่แพงที่สุดในตลาด” ก็ว่าได้

ใช้พรีเซ็นเตอร์ นักกีฬายันดารา

คนในวงการยังเชื่อว่า การตลาดที่ตรงเป้า ก็ทำให้ Richard Mille สร้างชื่อได้อย่างรวดเร็วในระยะเวลาแค่ไม่กี่ปี เพราะตัวของเขาไม่ได้มีพื้นเพมาจากการเป็นช่างนาฬิกาโดยตรง แต่จบมาทางการตลาด และสามารถเลือกใช้ พรีเซ็นเตอร์” สินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Richard Mille มักจะเลือกสนับสนุนนักกีฬา ในการแข่งขันกีฬาที่มีผู้ชมเป็นเพศชายวัยกลางคน และเป็นกีฬาซึ่งเป็นที่นิยมในอเมริกากับยุโรปเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นนักกอล์ฟ อย่าง บับบา วัตสัน, นักแข่งรถ F1 ทั้ง เจนสัน บัตตัน, เฟอร์นานโด อลอนโซ และ ฟิลิเป มาสซา รวมถึงนักเทนนิส อย่าง ราฟาเอล นาดาล ด้วย นอกจากนั้น Richard Mille ก็ยังสนับสนุนการแข่งขันกีฬาดังๆ ส่วนใหญ่เป็นการแข่งรถ เช่น Le Mans Classic กับ Grand Prix de Pau เป็นต้น

นักแสดงดังที่เป็นพรีเซ็นเตอร์ของ Richard Mille ยังมีทั้ง นาตาลี พอร์ตแมน และ ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน นอกจากนั้น Richard Mille ก็ยังไม่ลืมที่จะเลือกนักแสดงเชื้อสายจีน อย่าง เฉินหลง และ มิเชล โหย่ว สำหรับตลาด “เศรษฐีใหม่” อย่างจีนแผ่นดินใหญ่ด้วย

ไม่ใช่แค่ “บอกเวลา” แต่บ่งบอกความหรูหราในระดับ “สุดยอด”

ความสำเร็จอันรวดเร็วของ Richard Mille ทำให้หลายคนตั้งคำถามว่าแบรนด์นาฬิกาสุดหรูยี่ห้อนี้ จะอยู่ในกระแสไปได้อีกนานแค่ไหน เพราะก่อนหน้านี้ก็เคยมีแบรนด์หรูมาแรงที่ “มาเร็ว ไปเร็ว” อยู่หลายแบรนด์ แต่ที่แน่ๆ ณ ขณะนี้ Richard Mille ก็น่าจะยังอยู่ในช่วงขาขึ้นต่อไปอีกพักใหญ่

ส่วนหนึ่งเพราะตัวของ ริชาร์ด มิลล์ เจ้าของแบรนด์ยังคงประสบความสำเร็จกับการสร้างภาพลักษณ์ให้กับสินค้าของเขา เป็นเหมือนหนึ่งใน “ไอเท็ม” ประจำตัวของเหล่าคน “รวย และมีชื่อเสียง” ในยุคปัจจุบันไปแล้ว ตัวของ ริชาร์ด มิลล์ เองก็มักจะไปปรากฏตัวยังงานปาร์ตี้อันหรูหรา ที่รวบรวมบรรดาคนดังเอาไว้เสมอ จนทำให้ Richard Mille ค่อยๆ สร้างสาวกขึ้นมาเรื่อยๆ จากตอนแรกที่ได้รับความนิยมในหมู่หนุ่มๆ ต่อมาสาวๆ ก็เริ่มสวม Richard Mille กันมากขึ้น จนว่ากันว่าในตอนนี้ถ้าอยากจะให้ “ครบเซต” ก็ต้องมีกระเป๋าหนัง เฮอร์เมส คู่กับนาฬิกา Richard Mille อะไรทำนองนั้น

แน่นอนว่าภาพลักษณ์ดังกล่าวของ Richard Mille ได้รับการส่งเสริมโดยเหล่าผู้เป็นลูกค้า หรือบรรดาผู้จ่ายเงินหลักล้านบาท เพื่อครอบครองนาฬิกาสุดแพงยี่ห้อนี้ไปนั่นเอง คนเหล่านี้พร้อมโพสต์ภาพโชว์ Richard Mille ของตัวเองลงโซเชียลมีเดีย ให้ทุกคนได้ชมกัน ซึ่งนั่นก็เหมือนกับเป็นการโฆษณาให้กับ Richard Mille แบบฟรีๆ

]]>
1149555