พฤติกรรมนักท่องเที่ยว – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Mon, 05 Oct 2020 10:32:24 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 “เมืองรอง” มาแรง! อโกด้าเปิดสถิติคนไทยเที่ยวในประเทศต้องการสถานที่ “แปลกใหม่” สูงขึ้น https://positioningmag.com/1299995 Mon, 05 Oct 2020 10:12:59 +0000 https://positioningmag.com/?p=1299995
  • อโกด้า เปิดพฤติกรรมการท่องเที่ยวในประเทศของคนไทย มีแนวโน้มจองโรงแรม “หรูขึ้น” หลังงบท่องเที่ยวเหลือเพราะออกเที่ยวต่างประเทศไม่ได้
  • กลุ่มจังหวัด “เมืองรอง” มีโอกาสสูงขึ้น เพราะคนไทยต้องการสถานที่แปลกใหม่ที่ไม่เคยไปมาก่อน ยกตัวอย่างที่มาแรง เช่น เกาะกูด จันทบุรี นครศรีธรรมราช ฯลฯ
  • “เราเที่ยวด้วยกัน” ได้ผลในการผลักดันธุรกิจท่องเที่ยว โดยมีการจองมากกว่า 1 ล้านคืนแล้วในแคมเปญนี้ แต่ถ้าหากยังไม่มีวัคซีนรักษาโรค COVID-19 และนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่สามารถเข้าประเทศได้ตามปกติ เชื่อว่าการท่องเที่ยวไทยจะยังไม่ฟื้นเต็มที่
  • “จอห์น บราวน์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร อโกด้า ประเทศไทย เปิดข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ท่องเที่ยวของไทยและพฤติกรรมท่องเที่ยวของคนไทยหลังผ่านสถานการณ์ COVID-19 จอห์นมองว่า อโกด้ารวมถึงทั้งอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั่วโลกได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วเมื่อเดือนเมษายน และสถานการณ์ค่อยๆ ดีขึ้น คาดว่าจะยังเติบโตต่อเนื่องในไตรมาส 4/63

    ในประเทศไทย อย่างที่ทราบกันดีว่าต้องหันมาพึ่งท่องเที่ยวในประเทศเป็นหลัก เพราะประเทศไทยยังไม่เปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติตามปกติ แม้จะเริ่มเปิดรับนักท่องเที่ยวรูปแบบวีซ่าระยะยาวแล้ว แต่ก็น่าจะยังเป็นสัดส่วนที่น้อย เปรียบเทียบกับช่วงก่อน COVID-19 ที่การจองห้องพักในไทยกับอโกด้า 50% เป็นคนไทย และ 50% เป็นชาวต่างชาติ ขณะนี้การจองของชาวต่างชาติมีน้อยมาก ทำให้สัดส่วนเป็นคนไทย 90% และต่างชาติ 10%

    ด้านกลุ่มพาร์ตเนอร์โรงแรมของบริษัท 53,000 แห่งทั่วประเทศ ยังไม่พบการถอนการลงทะเบียนกับอโกด้า แต่มีบางส่วนที่ปิดชั่วคราวในเดือนเมษายน และกำลังทยอยกลับมาเปิดให้บริการ

     

    จองที่พักหรูขึ้นเพราะงบเหลือ

    เมื่อคนไทยคือลูกค้าหลัก ทำให้การทำความเข้าใจพฤติกรรมท่องเที่ยวของคนไทยสำคัญมาก จอห์นเปิดเผยว่า ปัจจุบันนี้คนไทยเลือกที่พักด้วยปัจจัย 3 ประการคือ

    1) ที่พักมีความสะอาด ปลอดภัยจากโรคระบาด COVID-19
    2) ยืดหยุ่นในการจอง สามารถยกเลิกหรือเลื่อนได้ เนื่องจากลูกค้ายังกังวลว่าอาจเกิดการระบาดซ้ำก่อนที่จะถึงกำหนดทริปท่องเที่ยวของตน
    3) ราคาถูกกว่าปกติ เป็นประเด็นสำคัญมากในเวลานี้ที่เศรษฐกิจค่อนข้างซบเซา

    คนไทยนิยมจองห้องพักในโรงแรมระดับหรูขึ้นกว่าเดิม ชดเชยที่ไม่ได้ไปเที่ยวต่างประเทศ

    อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะต้องการโปรโมชันราคาคุ้มค่า แต่คนไทยที่ออกท่องเที่ยวก็มีพฤติกรรมใช้จ่ายมากกว่าที่เคยโดยมักจะเลือกที่พักที่มีระดับสูงขึ้น เช่น เคยเลือกโรงแรม 3 ดาวขยับมาเป็น 4 ดาว ซึ่งอโกด้าวิเคราะห์ว่าเป็นเพราะคนไทยไม่สามารถออกเที่ยวต่างประเทศได้ ทำให้ “งบเหลือ” และนำเงินมาใช้จ่ายกับที่พักที่ดีขึ้น

     

    คนไทยนิยมเที่ยวเมืองรองสูงขึ้น

    ด้านจุดหมายปลายทางยอดนิยมของคนไทยที่มีการจองเข้าพักระหว่างวันที่ 1 มิถุนายน-31 ธันวาคม 2563 (เก็บข้อมูลเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2563) 10 อันดับแรก ได้แก่

    1) กรุงเทพมหานคร
    2) พัทยา
    3) เชียงใหม่
    4) หัวหิน/ชะอำ
    5) ภูเก็ต
    6) เขาใหญ่
    7) ชลบุรี
    8) กาญจนบุรี
    9) กระบี่
    10) ระยอง

    บริเวณโดยรอบวัดเจดีย์ จ.นครศรีธรรมราช
    “ไอ้ไข่วัดเจดีย์” กลายเป็นจุดดึงดูดใหม่จนนครศรีธรรมราชขึ้นแท่นเมืองรองมาแรงวันนี้ (photo : mgronline.com)

    อย่างไรก็ตาม จอห์นระบุว่ามีบางเมืองที่อยู่ในกลุ่ม “เมืองรอง” ได้รับความสนใจมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ยกตัวอย่างเช่น “เกาะกูด” ที่เข้าไปติด Top 10 จุดหมายปลายทางที่คนไทยค้นหามากที่สุดในอโกด้า นอกจากนี้จะมีจังหวัดที่มาแรง เช่น นครศรีธรรมราช จันทบุรี นครนายก ขอนแก่น อุดรธานี

    “คาดว่าเป็นเพราะคนไทยที่ไปต่างประเทศไม่ได้จะเริ่มมองหาสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ๆ ในประเทศแทน” จอห์นกล่าว “ดังนั้นอโกด้ากำลังพยายามหาพาร์ตเนอร์โรงแรมเพิ่มในจุดที่เห็นว่าลูกค้าค้นหามากขึ้น และโชคดีที่อโกด้ามีพาร์ตเนอร์ในพื้นที่เมืองรองอยู่บ้างแล้ว ทำให้ได้ประโยชน์จากเทรนด์นี้”

     

    “เราเที่ยวด้วยกัน” ช่วยพยุง แต่ถ้าไร้ต่างชาติก็ยังไม่ฟื้นเต็มที่

    ขณะที่ดีมานด์การท่องเที่ยวคนไทยยังมีอยู่ แต่ก็ต้องได้รับการกระตุ้นด้วย ซึ่งจอห์นให้ความเห็นว่าแคมเปญ “เราเที่ยวด้วยกัน” ของภาครัฐสามารถกระตุ้นดีมานด์ได้สำเร็จ จนถึงปัจจุบันมีการจองผ่านแคมเปญนี้ไปแล้วมากกว่า 1 ล้านคืน โดย “อโกด้า” เป็นหนึ่งในพาร์ตเนอร์หลักในการใช้สิทธิเราเที่ยวด้วยกัน คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 50% ของการใช้สิทธิเราเที่ยวด้วยกันที่จองผ่านอโกด้า

    ทั้งนี้ อโกด้าไม่มีการเก็บค่าคอมมิชชันกับโรงแรมเมื่อลูกค้าจองผ่านโครงการเราเที่ยวด้วยกัน (ปกติจะมีการเก็บค่าคอมมิชชัน 10-15%) และงานนี้เป็นงานอาสาพัฒนาแพลตฟอร์มให้รัฐบาลโดยไม่รับเงินสนับสนุน ด้วยแนวคิดของพนักงานอโกด้าที่นำเสนอทีมผู้บริหารเองว่า บริษัทควรเข้าไปมีส่วนร่วมเพื่อช่วยเหลืออุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศ บริษัทจึงตัดสินใจส่งทีมโปรแกรมเมอร์ราว 12 คนช่วยพัฒนาแพลตฟอร์มฟรี และเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้แคมเปญเปิดตัวได้เร็ว

    จอห์น บราวน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร อโกด้า ประเทศไทย

    อย่างไรก็ตาม แม้เราเที่ยวด้วยกันจะได้ผล และคนไทยมีการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศมากยิ่งกว่าช่วงเดียวกันของปี 2562 แต่จอห์นกล่าวว่า ยังไม่สามารถครอบคลุมส่วนที่หายไปเพราะขาดนักท่องเที่ยวต่างชาติได้

    เนื่องจากพฤติกรรมการเที่ยวต่างกัน ขณะที่ชาวต่างชาติมักจะพักผ่อนนาน 1-2 สัปดาห์ต่อทริป แต่คนไทยมักจะจองห้องพักเพียง 1-2 คืนต่อทริป ทำให้นักท่องเที่ยวหนึ่งคนมีกำลังซื้อต่ำกว่าในการเที่ยวหนึ่งครั้ง

    “มองว่าต้องมีวัคซีนเท่านั้น จึงจะทำให้การท่องเที่ยวไทยกลับไปเป็นปกติเท่ากับปี 2562” จอห์นกล่าวถึงอนาคตระยะยาวของธุรกิจนี้

    สำหรับบริษัทอโกด้าเอง ได้ผ่านจุดที่ยากที่สุดคือกระบวนการ “ลดต้นทุน” ไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการตัดสินใจเลย์ออฟพนักงานบางส่วน ลดเงินเดือนผู้บริหาร ลดงบการตลาด งดกิจกรรมของพนักงาน ลดพื้นที่เช่าออฟฟิศ ทำให้บริษัทมีกระแสเงินสดเพียงพอที่จะเดินต่อได้ โดยจอห์นมองว่าถ้ายังไม่มีวัคซีนใน 1-2 ปีนี้ บริษัทก็อยู่ในจุดที่อยู่ตัวพอจะดำเนินธุรกิจได้ตามปกติ

    ]]>
    1299995
    “ท่องเที่ยวเชิงเกษตร” เทรนด์ที่กำลังมาแรง เมื่อคนเมืองอยากสัมผัสชีวิตชนบท หนี COVID-19 https://positioningmag.com/1289665 Sun, 26 Jul 2020 17:47:22 +0000 https://positioningmag.com/?p=1289665 “ท่องเที่ยวเชิงเกษตร” เป็นรูปแบบการท่องเที่ยวที่กำลังจะขึ้นมาเป็นกระแสหลักหลัง COVID-19 จากความเห็นของผู้เชี่ยวชาญหลายคนที่มองว่า การท่องเที่ยวแบบนี้ตอบโจทย์ทั้งการหลีกหนีพื้นที่ชุมชนหนาแน่น ได้ประสบการณ์กึ่งผจญภัย ได้เรียนรู้เรื่องสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ โดยกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้คือจุดหมายที่น่าจะได้ประโยชน์จากเทรนด์นี้มากที่สุด

    South China Morning Post รายงานกระแสมาแรงของเทรนด์ท่องเที่ยวในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นั่นคือเทรนด์ “ท่องเที่ยวเชิงเกษตร” ที่ให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสประสบการณ์ในแถบถิ่นชนบท และเป็นไปได้ว่าจะยิ่งได้รับความนิยมมากขึ้นช่วงหลัง COVID-19

    “ฉันแทบรอไม่ไหวที่จะได้ทิ้งโลกในเมืองและกลับไปอยู่กับธรรมชาติ ได้อยู่ห่างจากชุมชนหนาแน่น และไปอยู่ที่ไหนสักแห่งที่ฉันจะได้สัมผัสชนบทจริงๆ” แอชลีย์ ชุง กล่าว เธอเป็น expat ชาวฮ่องกงที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ มาแล้ว 3 ปี

    ชุงเป็นหนึ่งในนักท่องเที่ยวจำนวนมากที่ต้องการไปสัมผัสประสบการณ์ชนบท ที่ซึ่งนักท่องเที่ยวจะได้หลีกหนีผู้คนมากมายในยุคหลัง COVID-19 หรือแม้กระทั่งช่วงที่เรายังต้องอดทนและรับมือกับ COVID-19 อยู่ก็ตาม

    ทริปปั่นจักรยานชมแปลงนา จัดโดยโรงแรมโฟร์ซีซันส์ รีสอร์ต บาหลี แอท ซายัน (photo : Facebook@FourSeasonsResortBali)

    ผู้เชี่ยวชาญด้านการท่องเที่ยวมองว่า จุดหมายปลายทางในแถบถิ่นธรรมชาติจะเป็นที่ต้องการมากขึ้น การท่องเที่ยวเชิงเกษตรซึ่งขับเคลื่อนด้วยชุมชนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมจะได้รับประโยชน์จากเทรนด์นี้ โดยกลุ่มประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งยังเต็มเปี่ยมไปด้วยวิถีชีวิตชนบท น่าจะอยู่ในจุดที่สุกงอมพร้อมเก็บเกี่ยวจากเทรนด์นี้ได้เต็มที่

    “ช่วง 5 ปีที่ผ่านมา มีเทรนด์ความสนใจในการท่องเที่ยวเชิงเกษตร สิ่งแวดล้อม เวลเนส และผจญภัยสูงขึ้น” คริสโตเฟอร์ ลุนด์ หัวหน้าฝ่ายธุรกิจโรงแรมจาก Colliers International บริษัทบริหารการลงทุนและอสังหาริมทรัพย์ระดับโลก ให้ข้อมูล “เทรนด์ทั้ง 4 อย่างนี้ไปกันได้กับการเว้นระยะห่างทางสังคมซึ่งเป็นวิถีชีวิตใหม่ในขณะนี้ เพราะเป็นการท่องเที่ยวกลางแจ้งท่ามกลางธรรมชาติ พักผ่อนในบ้านพักกลางป่า และเน้นการรับประสบการณ์”

     

    “ฟาร์มสเตย์” ช่วยชุมชนเกษตร

    สำหรับการ “ท่องเที่ยวเชิงเกษตร” มักจะให้ประสบการณ์แบบ “ฟาร์มสเตย์” มีกิจกรรมให้ทำ เช่น ปลูกและเก็บเกี่ยวพืชผัก ดูแลปศุสัตว์ สำรวจฟาร์ม ไปจนถึงเข้าคลาสหัดทำอาหาร นอกจากจะได้ประสบการณ์ใหม่แล้วยังมีจุดเด่นที่ให้ความรู้สึกเหมือนได้ผจญภัยด้วย

    “การท่องเที่ยวเชิงเกษตรเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการช่วยชุมชนยากจน เพราะปกติชุมชนเหล่านี้มักจะพึ่งพิงเฉพาะการทำเกษตร แต่สิ่งนี้จะช่วยให้ชุมชนมีรายได้พิเศษ” เซยะ อะชิกะริ ผู้ประกอบการเพื่อสังคมชาวญี่ปุ่นผู้ก่อตั้ง Ecologgie กล่าว โดยบริษัทของเขาทำการผลิตขนมและแป้งโปรตีนที่ทำจากจิ้งหรีด

    (ขวา) เซยะ อะชิกะริ ผู้ก่อตั้ง Ecologgie ในฟาร์มจิ้งหรีด (Photo : Twitter@ashikari_seiya)

    ยกตัวอย่างกรณีของ Ecologgie อะชิกะริทำธุรกิจว่าจ้างเกษตรกรผู้ทำฟาร์มจิ้งหรีดในเขตจังหวัดกำปงธมและจังหวัดตาแก้ว ประเทศกัมพูชา ให้ผลิตสินค้าให้กับเขา

    Ecologgie ยังเริ่มจัด โปรแกรมทัวร์ฟาร์มจิ้งหรีดและแมงมุมทารันทูล่า ในกัมพูชาเมื่อช่วงปลายปีก่อน เพื่อช่วยเสริมรายได้ให้กับกลุ่มเกษตรกรเหล่านี้ นักท่องเที่ยวจะได้รับข้อมูลและสัมผัสฟาร์มจิ้งหรีดของจริง รวมถึงมีกิจกรรมผจญภัยเข้าป่าไปล่าแมงมุมทารันทูล่ากับนายพราน จากนั้นสามารถนำทารันทูล่าที่จับได้ให้ร้านพันธมิตรนำไปทอดกรอบเป็นอาหารให้ลองชิม

    อะชิกะริกล่าวว่า นักท่องเที่ยวให้ความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ แต่น่าเสียดายที่หลังจากออกทัวร์ไปได้ 2 รอบก็เกิดโรคระบาด COVID-19 ขึ้นเสียก่อน แต่เขาเชื่อว่าหลังการท่องเที่ยวกลับมาดำเนินการได้ กิจกรรมผจญภัยที่แตกต่างแบบของเขาจะได้รับความนิยม

     

    ธุรกิจโรงแรมออกโปรแกรมทัวร์จับกระแส

    กลุ่มโรงแรมก็เป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่อาศัยเกาะกระแสท่องเที่ยวเชิงเกษตร ผ่านการออกแบบโปรแกรมประสบการณ์ใหม่ให้กับแขกผู้เข้าพัก โดยร่วมมือกับพันธมิตรเกษตรกรในท้องถิ่น ยกตัวอย่างเช่น โรงแรมโฟร์ซีซันส์ รีสอร์ต บาหลี แอท ซายัน มีการว่าจ้างกลุ่มชาวนาที่ทำนาอยู่ใกล้เคียงให้จำหน่ายข้าวส่งตรงเข้าโรงแรม โดยโรงแรมจะให้ราคาข้าวที่สูงกว่าตลาด แลกเปลี่ยนกับชาวนาจะต้องเปิดโอกาสให้แขกของโฟร์ซีซันส์เข้าไปสัมผัสการดำนา เกี่ยวข้าว แบบเดียวกับชาวนาตัวจริง

    โปรแกรมทัวร์ของโฟร์ซีซันส์ รีสอร์ต บาหลี แอท ซายัน ประเทศอินโดนีเซีย ให้แขกได้ทดลองดำนาในแปลงเกษตรของจริง (photo : Facebook@FourSeasonsResortBali)

    ที่รีสอร์ต ซิกส์เซนส์ เกาะยาวน้อย ประเทศไทยก็มีโปรแกรมคล้ายคลึงกัน โดยแขกสามารถเข้าฟาร์มไก่ออร์แกนิกของรีสอร์ตเอง และเลือกไข่ไก่สดกลับไปให้รีสอร์ตทำเป็นอาหารให้

    หรือรีสอร์ต ซิกส์เซนส์ เกาะกระบัย กัมพูชา มีทริปให้แขกไปเยือนฟาร์มเกษตรเพื่อเข้าคลาสทำอาหารและจะได้รับประทานมื้ออาหารแบบ farm-to-table ทริปเหล่านี้เป็นสิ่งที่ “เจฟฟรีย์ สมิธ” รองประธานด้านความยั่งยืนของ Six Senses Hotel Resorts Spa กล่าวว่าบริษัทจะนำไปใช้กับโรงแรมอื่นๆ ของบริษัทในอนาคตให้มากขึ้น

    ฟาร์มไก่ออร์แกนิกของซิกซ์เซนส์ ยาวน้อย (photo : Facebook@sixsenseyaonoi)

     

    รวมพื้นที่เกษตรเป็นส่วนหนึ่งของโครงการโรงแรม

    ฟิลิปปินส์เป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีทรัพยากรพร้อมตอบรับเทรนด์ ด้วยทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่หลากหลาย ทำให้ฟิลิปปินส์เหมาะมากกับการทำท่องเที่ยวเชิงเกษตร

    ณ ชายฝั่งเกาะปังเลาที่เชื่อมต่อกับเกาะโบฮอล เป็นที่ตั้งของ รีสอร์ต เซาธ์ ปาล์ม เฟสสอง ซึ่งเป็นรีสอร์ตติดหาดเพื่อความยั่งยืนซึ่งจะมีทั้งร้านอาหารและคลับสำหรับเด็ก กำลังก่อสร้างเตรียมเปิดบริการในปี 2022

    “รีสอร์ตเซาธ์ ปาล์มแห่งใหม่นี้เราจะนำเอาวัฒนธรรมเกษตรของเกาะโบฮอลมาเป็นส่วนหนึ่งของโรงแรม เพื่อเชิดชูความเป็นชนบทของฟิลิปปินส์” โฮป ยุย กรรมการผู้จัดการของรีสอร์ต ผู้เติบโตจากครอบครัวเกษตรกรบนเกาะ กล่าวถึงโปรเจกต์นี้

    แขกของเซาธ์ ปาล์ม รีสอร์ต ปังเลา สามารถไปเยี่ยมฟาร์มเกษตรใกล้เคียงเพื่อช่วยเกษตรกรทำงานได้ (Photo : SCMP)

    ฟาร์มเกษตรใกล้เคียงรีสอร์ตนี้จะเป็นส่วนหนึ่งของมาสเตอร์แพลนโครงการ แปลงเกษตรออร์แกนิกจะพัฒนาขึ้นเพื่อให้แขกได้สัมผัส และเครื่องจักรเกษตรเก่าจะนำมาจัดแสดงเป็นสนามเด็กเล่นให้กับเด็กๆ ที่มาเที่ยวฟาร์ม กลุ่มหัตถกรรมท้องถิ่นจะได้รับว่าจ้างให้ผลิตเครื่องปั้นและเครื่องสานทันทีที่การล็อกดาวน์สิ้นสุด โครงการยังมีโปรแกรมในอนาคตที่จะสร้างฟาร์มแพะเพื่อผลิตนมและชีส รวมถึงให้แขกได้ลองรีดนมแพะกันด้วย

    “เราต้องการสร้างบางสิ่งที่แขกจะได้สัมผัสประสบการณ์และลงมือทำเอง” ดรูว์ แอนเดอร์สัน ผู้อำนวยการ Topo Design Studio ผู้ออกแบบโครงการเซาธ์ ปาล์ม กล่าว “เราต้องการให้แขกได้เห็นท้องไร่ท้องนาของจริง ได้เรียนรู้เกี่ยวกับวัตถุดิบอาหารสดๆ ที่พวกเขาจะทานเป็นอาหารค่ำ ได้เดินสำรวจในฟาร์มเพื่อกระตุ้นให้พวกเขารู้จักพื้นที่และวัฒนธรรมท้องถิ่น”

     

    farm-to-table จะยิ่งมาแรงขึ้นอีก

    ความเคลื่อนไหวสำคัญของเทรนด์ท่องเที่ยวเชิงเกษตรคือมื้ออาหารแบบ farm-to-table พ่วงด้วยคำว่า “ออร์แกนิก” ซึ่งกลายเป็นบัซเวิร์ดที่พูดถึงกันมาก ดีมานด์ที่มีต่อวัตถุดิบอาหารปลอดสารพิษและยาฆ่าแมลงสดจากฟาร์มในชนบทพุ่งสูงมากตั้งแต่ช่วงก่อน COVID-19 แล้ว

    ตัวอย่างร้านที่ใช้คอนเซ็ปต์ farm-to-table : ร้าน TAAN ในกรุงเทพฯ มีการใช้วัตถุดิบอาหารส่งตรงจากท้องถิ่นมาปรุงเป็นเมนูระดับ fine dining (Photo : Facebook@taanbangkok)

    “แรงดึงดูดของกระแสนี้คือความรู้สึกสบายใจที่ได้รู้ว่าอาหารของคุณมาจากไหน และการได้ตระหนักรู้ว่าที่มาของอาหารส่งผลดีต่อตัวคุณและโลกนี้มากกว่าเดิม” แอนเดอร์สันกล่าว “COVID-19 สร้างความตื่นตกใจแก่พวกเราแต่ก็สร้างสิ่งที่ดีให้กับโลก เป็นการรีเซตในช่วงเวลาที่เหมาะสม สิ่งที่คนตระหนักมากขึ้นจากเรื่องนี้คือการรับรู้เรื่องสิ่งแวดล้อม ชุมชน สุขภาพ และอนามัย”

    เขากล่าวต่อว่า farm-to-table คือสิ่งที่สอดคล้องกับกระแสนี้ เพราะส่งประสบการณ์อาหารสด ดีต่อสุขภาพ และอร่อยกว่า ให้นักท่องเที่ยวได้ลิ้มลอง และได้รู้ว่าอาหารของตนมาจากไหน

    ด้าน “ทิม กอร์ดอน” รองประธานอาวุโสของ Radisson Hotel Group กล่าวว่าเทรนด์ท่องเที่ยวเชิงเกษตรเริ่มต้นขึ้นแล้วตั้งแต่ 5-10 ปีก่อนเกิดโรคระบาด

    “จากนี้เทรนด์ท่องเที่ยวเชิงเกษตรจะกลายเป็นกระแสหลักในเวลาอันรวดเร็ว เมื่อคนมองหาจุดหมายปลายทางที่แตกต่าง เพื่อประสบการณ์ในรูปแบบเหล่านี้” กอร์ดอนกล่าว

    source

    ]]>
    1289665
    เผย 10 เมืองที่นักท่องเที่ยวเพิ่มสูงสุดทั่วโลก “โอซากา” ครองแชมป์ https://positioningmag.com/1148411 Tue, 28 Nov 2017 07:12:11 +0000 https://positioningmag.com/?p=1148411 เมืองโอซากาของญี่ปุ่นได้รับการจัดอันดับเป็นเมืองที่มีอัตราการเพิ่มของจำนวนนักท่องเที่ยวสูงที่สุดในโลก โดยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาเยือนเพิ่มขึ้นถึง 24% ในรอบปีนี้

    การสำรวจที่จัดทำโดยบริษัทบัตรเครดิต “มาสเตอร์การ์ด” ของสหรัฐฯ พบว่า เมืองโอซากาของญี่ปุ่นเป็นเมืองที่มีอัตราการเพิ่มของจำนวนนักท่องเที่ยวจากปี 2016 -2017 สูงถึง 24% และเป็นเมืองยอดนิยมที่สุดของนักท่องเที่ยวจาก 132 เมืองทั่วโลก

    การจัดอันดับนี้คำนวณจากนักท่องเที่ยวที่เดินทางและพักค้างคืนในเมืองต่างๆ ทั่วโลกตั้งแต่ 1 คืนขึ้นไป โดยนอกจากนครโอซากาที่ครองแชมป์อันดับ 1 แล้ว อันดับถัดมาได้แก่

    2  นครเฉิงตู ประเทศจีน มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นในรอบปีนี้ 22.7%

    3  กรุงโคลัมโบ ประเทศศรีลังกา มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นในรอบปีนี้ 20.3%

    4  เมืองอาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นในรอบปีนี้ 18.9%

    5  กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นในรอบปีนี้ 18.2%

    6  กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นในรอบปีนี้ 17.7%

    7  เมืองฮานอย ประเทศเวียดนาม มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นในรอบปีนี้ 16.4%

    8  เมืองริยาด ประเทศซาอุดีอาระเบีย มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นในรอบปีนี้ 15.9%

    9  กรุงลิมา ประเทศเปรู มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นในรอบปีนี้ 15.2%

    10  เมืองไทเป เกาะไต้หวัน มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นในรอบปีนี้ 14.5%

    บริษัท JTB บริษัทท่องเที่ยวของญี่ปุ่น ยังสำรวจพบว่า นครโอซากาเป็นที่นิยมมากกว่ากรุงโตเกียว เพราะเป็นเมืองที่ได้ชื่อว่า “เมืองแห่งของอร่อย ราคาประหยัด” และยังใกล้กับนครเกียวโต เมืองหลวงเก่าของญี่ปุ่น รวมทั้งมีแหล่งชอปปิ้งที่มากมาย และสีสันในยามค่ำคืนที่คึกคัก

    ความนิยมในนครโอซากาในหมู่นักท่องเที่ยวต่างชาติ ทำให้สนามบินนานาชาติคันไซคึกคึกขึ้นมาก มีสายการบินราคาประหยัดจากทั้งในและต่างประเทศมาใช้บริการมากที่สุดในประเทศญี่ปุ่น.

    ที่มา : mgronline.com/japan/detail/9600000119226

    ]]>
    1148411
    เที่ยวญี่ปุ่น ยอดพุ่งทุบสถิติ 24 ล้านคน พี่ไทยไป 6.7 แสนคน https://positioningmag.com/1146475 Mon, 13 Nov 2017 09:06:53 +0000 https://positioningmag.com/?p=1146475 นักท่องเที่ยวต่างชาติเยือนญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นทุบสถิติ 24 ล้านคน หรือเพิ่มขึ้นกว่าปีก่อนร้อยละ 18 เผยจีนครองเบอร์หนึ่งกว่า 5.5 ล้านคน ส่วนไทยมาที่หก 6.7 แสนคน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 7.5

    เมื่อวันศุกร์ (10 พ.ย.) กระทรวงท่องเที่ยวของญี่ปุ่นเปิดเผยว่าจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางมาเยือนประเทศญี่ปุ่นในปี 2560 นี้ทุบสถิติ 24 ล้านคนของเมื่อปีที่แล้วเรียบร้อย โดยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทะลุ 20 ล้านคนเมื่อวันที่ 15 กันยายน 2560 ที่ผ่านมา 

    เมื่อวันเสาร์ที่ 4 พฤศจิกายน ตัวเลขนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นไปสูงกว่าสถิติ 24,039,700 คน ของเมื่อปีที่แล้ว นายเคอิฉิ อิชิอิ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน การขนส่ง และการท่องเที่ยวญี่ปุ่นระบุ โดยข้อมูลจากทางการชี้ว่าปัจจัยที่ส่งผลให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นมาจาก การเพิ่มจำนวนเที่ยวของสายการบินต้นทุนต่ำ และเรือสำราญท่องเที่ยวที่พานักท่องเที่ยวเพื่อนบ้านอย่างจีน เกาหลีใต้ และไต้หวัน ให้เดินทางมายังญี่ปุ่น

    “ความพยายามของรัฐบาลญี่ปุ่น (ในการประชาสัมพันธ์เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ) ทำให้ตัวเลขนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างสม่ำเสมอ เราอยากจะเร่งขั้นตอนการเพิ่มแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ ให้เร็วขึ้นอีก” รมว.ท่องเที่ยวของญี่ปุ่นระบุ

    ข้อมูลที่เปิดเผยจากการท่องเที่ยวญี่ปุ่นในเดือนตุลาคม 2560 แสดงให้เห็นว่า ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 21.2 ล้านคนเดินทางมาญี่ปุ่น โดยเพิ่มขึ้นจากปี 2559 ถึงร้อยละ 17.9 ทั้งนี้ ชาวจีนถือเป็นนักท่องเที่ยวอันดับหนึ่งของญี่ปุ่น คิดเป็นจำนวน 5.56 ล้านคน ตามมาด้วยเกาหลีใต้ 5.22 ล้านคน, ไต้หวัน 3.46 ล้านคน, ฮ่องกง 1.68 ล้านคน, สหรัฐอเมริกา 1.02 ล้าน คน ส่วนไทยนั้นตามมาเป็นอันดับที่ 6 ที่จำนวน 673,300 คน โดยนักท่องเที่ยวไทยที่ไปเยือนญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 7.5

    ที่มา : mgronline.com/japan/detail/9600000114515

    ]]>
    1146475
    กรุงเทพฯ รั้งแชมป์เมืองนักท่องเที่ยวมาเยือนมากสุดในโลก ปีที่ 2 ปี 60 ทะลุ 20.2 ล้านคน ปั๊มรายได้ 14.08 พันล้านเหรียญ https://positioningmag.com/1141442 Wed, 27 Sep 2017 10:55:14 +0000 http://positioningmag.com/?p=1141442 จากการสำรวจสุดยอดจุดหมายปลายทางโลกของมาสเตอร์การ์ดประจำปี 2560 Mastercard Global Destinations Cities Index –GDCI 2017) ซึ่งทำการสำรวจติดต่อกันเป็นปีที่ 7 ใน 132 เมืองทั่วโลก พบว่า กรุงเทพฯ  ยังคงครองอันดับหนึ่งเมืองจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกเดินทางมาเยือนมากที่สุด ติดต่อกันเป็นปีที่สอง ตามมาด้วยกรุงลอนดอน

    ในปี 2559 กรุงเทพฯ นักท่องเที่ยวมีการค้างคืนมากถึง 19.41 ล้านคน และคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวกลุ่มดังกล่าวจะเติบโตขึ้น4 เปอร์เซ็นต์ คิดเป็น 20.2 ล้านคน ในปี 2560 นี้

    จากการสำรวจสุดยอดจุดหมายปลายทางโลกของมาสเตอร์การ์ด ประจำปี 2560 นี้ กรุงเทพฯ ยังติด 1 ใน 5 ของเมืองที่นักท่องเที่ยวพักค้างคืน ที่มีการจับจ่ายใช้สอยมากที่สุดถึง 14.08 พันล้านเหรียญสหรัฐ

    จากผลการสำรวจฯ นักเดินทางที่มาเยือนกรุงเทพฯ (88.6%) เป็นการเดินทางเพื่อท่องเที่ยวพักผ่อนเป็นจุดประสงค์หลัก ซึ่งมีมากกว่าการเดินทางมาเพื่อจุดประสงค์ทางธุรกิจอย่างเห็นได้ชัด (11.4%)

    3 สิ่งที่นักท่องเที่ยวใช้จ่ายมากที่สุดในกรุงเทพฯ

    1. ช้อปปิ้ง (22.9%)
    2. ที่พัก (22.6%)
    3. บริการต่างๆ ในกรุงเทพฯ (21.5%)

    5 ชาตินิยมมากรุงเทพฯ จีนนำ

    5 ประเทศต้นทางที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวยังกรุงเทพฯ มากที่สุด

    1. จีน (34.3%)
    2. ญี่ปุ่น (7.1%)
    3. เกาหลีใต้ (4.3%)
    4. อินเดีย (4.1%)
    5. สหราชอาณาจักร (3.8%)

    เมืองในเอเชียฮิตกว่ายุโรป-สหรัฐอเมริกา

    ผลสำรวจยังชี้ให้เห็นว่า เอเชียแปซิฟิกมีเมืองที่เป็นจุดหมายปลายทางสุดยอดของโลกติด 10 อันดับแรกมากที่สุด และยังมีการใช้จ่ายมากกว่าเมืองจุดหมายปลายทางในภูมิภาคอื่น นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยือนเมืองต่างๆ ที่ติด 10 อันดับในอาเซียน มีการใช้จ่ายรวมในปี 2559 อยู่ที่ 91.16พันล้านเหรียญสหรัฐ มากกว่าที่นักท่องเที่ยวใช้จ่ายในยุโรปซึ่งอยู่ที่ 74.74 พันล้านเหรียญสหรัฐ และในอเมริกาเหนือที่ 55.02 พันล้านเหรียญสหรัฐ

    อีริค ชไนเดอร์ รองประธานอาวุโส เอเชียแปซิฟิก ที่ปรึกษามาสเตอร์การ์ด กล่าวว่า “ผลสำรวจนี้ชี้ให้เห็นว่า ธุรกิจท่องเที่ยวจะยังคงเป็นภาคธุรกิจที่มีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาและการเติบโตทางเศรษฐกิจในภูมิภาคนี้ มีความจำเป็นที่ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนในประเทศควรหันมาลงทุนในเครือข่ายอัจฉริยะและสาธารณูปโภค เพื่อมอบประสบการณ์การเดินทางท่องเที่ยวที่ราบรื่น ซึ่งจะได้รับประโยชน์มหาศาลทางเศรษฐกิจจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่มากขึ้นและอัตราการจับจ่ายใช้สอยของนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นอีกด้วย”

    โตเกียวอัตราเติบโตมากสุด 12.2%

    ทั้งนี้ จากผลสำรวจฯ นี้ ระบุว่า ลอนดอน ซึ่งอยู่ในอันดับสองรองจากกรุงเทพฯ มีจำนวนนักท่องเที่ยวอยู่ที่19.06 ล้านคน ในขณะที่สิงคโปร์มีนักท่องเที่ยวจำนวน 13.11 ล้านคน แซงนิวยอร์กที่ 12.7 ล้านคน ขึ้นมาอยู่อันดับที่ 5 เป็นครั้งแรกในรอบสามปีที่ ในขณะที่โซล กระโดดขึ้นมาถึงสามอันดับจนมาอยู่ที่อันดับ 7 ที่ 12.39 ล้านคน ผลสำรวจเมืองสุดยอดจุดหมายปลายทางโลกของมาสเตอร์การดยังคาดการณ์การเติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2560 ยกเว้นนิวยอร์ก ขณะที่โตเกียวคาดว่าจะมีการเติบโตมากที่สุด 12.2 เปอร์เซนต์

    รูปแบบการเดินทาง และการจับจ่ายใช้สอยของนักท่องเที่ยวทั่วโลก

    จากเมืองที่เป็นสุดยอดจุดหมายปลายทางของโลกจำนวน 20 เมือง การเดินทางเพื่อท่องเที่ยวพักผ่อนเป็นจุดประสงค์หลักที่นักเดินทางมาเยือนมากที่สุด นำโดย กัวลาลัมเปอร์ (92.2%) ซึ่งแตกต่างจากเซี่ยงไฮ้ ซึ่งเกือบครึ่งหนึ่งของนักเดินทางมาเพื่อจุดประสงค์ทางธุรกิจ (48.4%)

    เมื่อพิจารณาตัวเลขในรายละเอียดของเมือง 10 สุดยอดจุดหมายปลายทางโลกในส่วนของค่าใช้จ่าย จะทำให้เราเข้าใจรูปแบบการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวในขณะที่เดินทางไปยังเมืองต่างๆ ได้ดีขึ้นเช่น

    อิสตันบูล เป็นเพียงเมืองเดียวที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวใช้จ่ายเงินไปกับการดินเนอร์มากที่สุด (33.6%)

    นักท่องเที่ยวใช้จ่ายเงินไปกับการช้อปปิ้งใน กรุงโซล มากที่สุด (56.5%) ตามด้วย ลอนดอน (46.7%) โตเกียว (43.1%) กัวลาลัมเปอร์ (31.3%) และ ดูไบ (31%)

    สัดส่วนค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่ของนักท่องเที่ยวถูกใช้เป็นค่าที่พักและโรงแรมมากที่สุดเมื่อเดินทางไป ปารีส (44.8%) และ นิวยอร์ก (31.8%)

    ด้วยระบบขนส่งมวลชนที่ดีเยี่ยม นักท่องเที่ยวพบว่า สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทางในลอนดอน (4.3%) สิงคโปร์ (4.6%) และโตเกียว (6.9%).

    ]]>
    1141442
    เปิดพฤติกรรมนักท่องเที่ยวจีนที่มาไทย มีการใช้มือถืออย่างไรบ้าง https://positioningmag.com/1136036 Sun, 13 Aug 2017 00:55:53 +0000 http://positioningmag.com/?p=1136036 Vpon Big Data Group บริษัทด้านบิ๊กดาต้า และเทคโนโลยีจากประเทศจีน ได้เผย รายงานสถิติและแนวโน้มการโฆษณาทางอุปกรณ์มือถือในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกประจำปี 2017 ครึ่งปีแรก ซึ่งไฮไลต์สำคัญอยู่ที่พฤติกรรมการใช้อุปกรณ์มือถือของนักท่องเที่ยวชาวจีนแผ่นดินใหญ่ที่เดินทางมายังประเทศไทย 

    เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวสร้างรายได้ให้กับประเทศไทย คิดเป็น 20.6% ของ GDP ในปี 2016 ทำให้ธุรกิจการท่องเที่ยวกลายเป็นเสาหลักหล่อเลี้ยงเศรษฐกิจไทยกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนก็ได้กลายเป็นกลุ่มที่มีอิทธิพลต่อการท่องเที่ยวเช่นกันเพราะมีการเดินทางมาในไทยมากขึ้นทุกปี คนกลุ่มนี้มีกำลังซื้อสูง

    สัดส่วนนักท่องเที่ยวชาวจีนเป็นตลาดใหญ่ที่สุด คิดเป็น 30% ของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมดที่มาไทยในปี 2559 มีจำนวน 8.7 ล้านคน เติบโต 10% พบว่าคนจีนที่มาเยือนไทย เดินทางมาจากเซี่ยงไฮ้ และกว่งโจวมากที่สุด ในขณะเดียวกันชาวจันก็นิยมไปเกาหลีเช่นกัน มีสัดส่วนถึง 55% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เยือนเกาหลี คิดเป็น 8 ล้านคน เติบโตขึ้น 35%

    เมื่อดูพฤติกรรมการใช้โทรศัพท์มือถือ สามารถแบ่งได้ตั้งแต่ก่อนเดินทาง คนจีนมีการใช้มือถือเฉลี่ย 3.9 ชั่วโมงต่อวัน คนฮ่องกง 3.1 ชั่วโมงต่อวัน และคนไต้หวัน 2.8 ชั่วโมงต่อวัน ส่วนแอปพลิเคชั่นที่ใช้มากที่สุด 3 อันดับแรกจะเป็นเรื่องการสื่อสาร การท่องเที่ยว และการเงิน

    ส่วนช่วงเวลาที่ท่องเที่ยวอยู่ คนจีนใช้ว่าอยู่ในประเทศไทยเฉลี่ย 5 วัน  มีการเข้าใช้งานแอปต่าง ๆ (นอกเหนือจากโซเชียลมีเดียและแอปส่งข้อความ) สูงสุด 10 ครั้งต่อวัน ดังนั้นในการเดินทางช่วงสั้นๆ นี้ มือถือจึงเป็นช่องทางสำคัญในการค้นหาข้อมูลต่างๆ

    จังหวัดที่คนจีนนิยมมาเยือนไทยมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ กรุงเทพฯ 55.7% ชลบุรี 15.9% สมุทรปราการ 15.1% ภูเก็ต 7.1% และเชียงใหม่ 5.7%

    ]]>
    1136036