ระบบนิเวศดิจิทัล – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Tue, 13 Dec 2022 07:40:27 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ผู้บริหารสยามพิวรรธน์ คว้ารางวัลสุดยอด ผู้บริหารเทคโนโลยี (CIO) จาก CIO100 Awards 2022 https://positioningmag.com/1412156 Wed, 14 Dec 2022 04:00:37 +0000 https://positioningmag.com/?p=1412156

บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และ ค้าปลีกชั้นนำ เจ้าของและผู้บริหารโครงการที่มีชื่อเสียงระดับโลก อาทิ สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ หนึ่งในพันธมิตรเจ้าของ ไอคอนสยามและสยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต กรุงเทพ ตอกย้ำความสำเร็จขององค์กรที่มีวิสัยทัศน์ของผู้นำความคิดสร้างสรรค์ โดยนายอักเซล วินเทอร์ ประธานบริหารสายงานดิจิทัล บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด คว้ารางวัล CIO100 Awards สุดยอดผู้บริหารด้านเทคโนโลยี หนึ่งเดียวในกลุ่มธุรกิจรีเทลขององค์กรไทยที่มีผลงานโดดเด่นในการขับเคลื่อนธุรกิจสู่ Digital Transformation การนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัล สร้างปรากฎการณ์โดดเด่นให้กับสยามพิวรรรธน์ ที่มุ่งพัฒนา Digital Platform เชื่อมโยงทุกภาคส่วน ตั้งแต่พันธมิตธุรกิจ คู่ค้า ลูกค้า เดินหน้าสู่โลกใหม่ของธุรกิจที่สามารถขยายไปได้อย่างไร้ขีดจำกัด และสร้างการเติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืน

นายอักเซล วินเทอร์ ประธานบริหารสายงานดิจิทัล บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวว่า “รู้สึกยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในผู้บริหารด้านเทคโนโลยีที่ติดอันดับ Top CIO100 จากสถาบันระหว่างประเทศที่ได้รับการยอมรับในเวทีโลก รางวัลนี้สะท้อนถึงความแข็งแกร่งในศักยภาพของสยามพิวรรธน์ และเป็นองค์กรด้านธุรกิจค้าปลีกและอสังหาริมทรัพย์หนึ่งเดียวของไทยที่ได้รับเลือกในปีนี้ เหล่านี้เป็นผลจากการที่สยามพิวรรธน์สามารถปรับกลยุทธ์และพัฒนา ONESAIM SuperApp ซึ่งเราได้ใช้ระยะเวลาเพียง 7 เดือน ความสำเร็จนี้เกิดขึ้นจากพลังของผู้บริหารและพนักงานของสยามพิวรรธน์ รวมทั้งการผสานความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจที่แข็งแกร่งร่วมส่งมอบประสบการณ์ดิจิทัลผ่าน ONESIAM SuperApp แพลตฟอร์มอัจฉริยะที่รวมประสบการณ์เหนือความคาดหมาย และสิทธิประโยชน์ต่างๆ ไว้ในที่เดียว อีกทั้งเชื่อมโยงประสบการณ์ช้อปปิ้งแบบไร้รอยต่อจากออนไลน์สู่ออฟไลน์ (O2O)”

รางวัล CIO100 เป็นการวัดผลงานความสำเร็จของผู้บริหารระดับสูงในสายงานเทคโนโลยีจากองค์กรต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และฮ่องกง จัดโดย Foundry หรือก่อนหน้านี้รู้จักในนาม International Data Group (IDG) บริษัทที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลก เพื่อยกย่องผู้บริหาร ด้านเทคโนโลยี 100 อันดับแรกที่ขับเคลื่อนองค์กรด้วยนวัตกรรมและมีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของเทคโนโลยี โดยได้ประกาศรายชื่อผู้ชนะในพิธีมอบรางวัลที่ มารีนา เบย์ แซนด์ ประเทศสิงคโปร์ เมื่อเร็วๆ นี้ ในปี 2565 มีจำนวนผู้เสนอชื่อชิงรางวัลสูงสุดมากกว่า 280 คน จากกว่า 20 กลุ่มอุตสาหกรรมใน 8 ตลาด รวมทั้ง สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม เมียนมาร์ และ ฮ่องกง สำหรับหลักเกณฑ์การตัดสินได้พิจารณาจากเสาหลักสำคัญในด้านนวัตกรรมและความเป็นผู้นำ เพื่อยกย่อง CIO ที่เป็นผู้นำไปสู่การเปลี่ยนแปลง การสร้างแรงบันดาลใจ และมีความมุ่งมั่นทั้งในระดับประเทศและระดับภูมิภาค

ทั้งนี้ นายวินเทอร์ มีประสบการณ์โดดเด่นในด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น และมีชื่อเสียงในด้านการจัดกระบวนทัศน์อุตสาหกรรมที่มีความท้าทาย และมุ่งมั่นในการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาใช้ในองค์กรอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เกิดผลกระทบเชิงบวกและการเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง โดยนายวินเทอร์ มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนกลยุทธ์ด้านดิจิทัลของสยามพิวรรธน์ สร้างทีมงานคนรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพ ร่วมพัฒนา Co-creative platform บุกเบิกสร้างสรรค์และผลักดันศักยภาพสู่ความเป็นไปได้ที่ไร้ข้อจำกัดและเดินหน้าสู่การสร้างประสบการณ์ดิจิทัลผ่านระบบนิเวศธุรกิจระดับโลกของ ONESIAM SuperApp มอบประสบการณ์เชื่อมโลกคู่ขนานทั้งในออฟไลน์และออนไลน์ ซึ่งปัจจุบันได้เชื่อมต่อกับพันธมิตรที่แข็งแกร่งมากกว่า 50 บริษัท ในหลากหลายธุรกิจจาก 13 อุตสาหกรรม และนายวินเทอร์ยังมีบทบาทสำคัญในการบุกเบิกโมเดลธุรกิจใหม่ ขยายระบบนิเวศดิจิทัล เข้าถึงลูกค้าใหม่ที่มีความหลากหลาย เพื่อการเติบโตอย่างก้าวกระโดดและครองความเป็นหนึ่งในใจลูกค้าทั้งชาวไทยและต่างชาติ

]]>
1412156
สยามพิวรรธน์ ผนึกพันธมิตรระดับโลก ZEPETO บุกเมตาเวิร์ส เชื่อมประสบการณ์โลกคู่ขนานสู่ปรากฎการณ์แฟชั่นในโลกเสมือนจริง https://positioningmag.com/1402290 Thu, 29 Sep 2022 04:00:00 +0000 https://positioningmag.com/?p=1402290
  •  สยามพิวรรธน์ขับเคลื่อนประสบการณ์ Metaverse มุ่งสร้างประสบการณ์เหนือความคาดหมายหลากมิติทั้งโลกจริงและโลกเสมือนให้กับฐานลูกค้าอันทรงพลังทั่วโลก
  •  เสริมแกร่งระบบนิเวศดิจิทัลให้ก้าวล้ำไปอีกขั้น ด้วยการผนึกกำลังกับ ZEPETO พันธมิตรระดับโลก บุกเบิกนำอุตสาหกรรมแฟชั่นไทยก้าวล้ำนำเทรนด์ ไปสู่โลกเสมือนจริง
  •  ตอกย้ำความเป็น Trend Setter ของเมืองไทยมาตลอดกว่าครึ่งศตวรรษ และเป็นผู้บุกเบิกสนับสนุนและส่งเสริมความสามารถเยาวชนไทยในอุตสาหกรรมแฟชั่นสู่เวทีโลกทุกยุคทุกสมัย
  • สร้างสรรค์ความสนุกสุดล้ำที่ลูกค้าสามารถมีส่วนร่วม เลือกช้อปคอลเลคชั่นล่าสุดจากรันเวย์ BIFW 2022 เพื่อสวมใส่จริง และแต่งตัวอวตาร์บนโลก Metaverse ได้พร้อมกัน

  • บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และค้าปลีกชั้นนำ เจ้าของและผู้บริหารโครงการที่มีชื่อเสียงระดับโลก อาทิ สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ หนึ่งในพันธมิตรเจ้าของ ไอคอนสยามและสยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต กรุงเทพ เสริมระบบนิเวศดิจิทัลให้แกร่งขึ้นไปอีกขั้น ผนึกพันธมิตรระดับโลก ZEPETO ที่มีฐานลูกค้าคนรุ่นใหม่กว่า 300 ล้านคนทั่วโลก ขับเคลื่อนประสบการณ์ Metaverse บุกเบิกนำอุตสาหกรรมแฟชั่นไทยก้าวล้ำนำเทรนด์ ไปสู่โลกเสมือนจริง ด้วยปรากฎการณ์ไลฟ์สไตล์สุดล้ำรูปแบบใหม่ในงาน Siam Paragon Bangkok International Fashion Week 2022 (BIFW 2022) ที่ลูกค้าสามารถเลือกช้อปคอลเลคชั่นล่าสุดจากรันเวย์ เพื่อสวมใส่จริง และใช้ไอเทมเดียวกันแต่งตัวอวตาร์บนโลก Metaverse ได้พร้อมกัน

    ชนิสา แก้วเรือน Head of Corporate Strategy Group ผู้บริหารกลุ่มงานกลยุทธ์องค์กร บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวว่า “ การมอบประสบการณ์ที่เหนือความคาดหมายให้ลูกค้า คือกลยุทธ์หลักที่ขับเคลื่อนให้ศูนย์การค้าในเครือสยามพิวรรธน์ กลายเป็นจุดหมายปลายทางที่ผู้คนทั่วโลกต่างปักหมุดให้เป็นสถานที่ที่ต้องมาเยือนจนมีฐานลูกค้าที่ทรงพลังทั้งในประเทศ และต่างประเทศ แต่ด้วยทุกวันนี้ที่เทคโนโลยีก้าวล้ำและสามารถเชื่อมต่อผู้คนที่อยู่ในแต่ละมุมโลกสู่จุดหมายปลายทางในอีกมุมโลกอย่างง่ายได้ มุมมองของลูกค้ามีต่อคอมมูนิตี้ได้เปลี่ยนแปลงไปจากจากสถานที่จริง สู่พื้นที่คอมมูนิตี้บนโลกดิจิทัลมากขึ้น ดังนั้น สยามพิวรรธน์จึงได้สร้างสรรค์วิธีการใหม่ๆ ในการมอบประสบการณ์หลากมิติทั้งโลกจริงและโลกเสมือนให้กับลูกค้าทั่วโลก โดยเริ่มตั้งแต่เมื่อปลายปีที่ผ่านมา สยามพิวรรธน์ได้สร้างระบบนิเวศดิจิทัล พร้อมกับการเปิดตัว ONESIAM SuperApp ให้เป็นศูนย์รวมจักรวาลแห่งประสบการณ์ไว้ในหนึ่งเดียว เชื่อมสู่ลูกค้าของเราให้สามารถเข้าถึงได้ทุกที่ทุกเวลา

    สยามพิวรรธน์ ได้ต่อยอดความสำเร็จที่มีมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน ในการผลักดันและสนับสนุนอุตสาหกรรมแฟชั่นไทยสู่เวทีโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมอบโอกาสให้นักออกแบบดีไซเนอร์รุ่นใหม่ ได้มีเวทีในการนำเสนอพลังแห่งความคิดสร้างสรรค์ รวมไปถึงการบ่มเพาะด้านสายงานวิชาชีพ สร้างดีไซเนอร์รุ่นใหม่ๆ เข้าสู่วงการแฟชั่นไทยมาโดยตลอด ในฐานะศูนย์กลางแห่งแฟชั่นที่นำเสนอเทรนด์สุดล้ำในทุกยุคสมัยตลอดระยะเวลากว่า 48 ปี ของสยามเซ็นเตอร์ ในยุคสมัยใหม่ที่โลกดิจิตอลมีความสำคัญต่อทุกๆ อุตสหกรรม สยามพิวรรธน์ จึงร่วมมือกับ ZEPETO พันธมิตรด้านเมตาเวิร์สระดับโลก นำเสนอความแปลกใหม่และแตกต่างผ่านโลกของแฟชั่นซึ่งเป็นหนึ่งในความเชี่ยวชาญของสยามพิวรรธน์ ชูผลงานความสามารถของเยาวชนไทยในอุตสาหกรรมแฟชั่นไทยให้ก้าวไปอีกขั้นให้ล้ำนำเทรนด์ไปสู่โลกเสมือนจริง พร้อมเปิดโอกาสให้เยาวชนมีส่วนร่วมได้เรียนรู้โลกแฟชั่นแห่งอนาคตไปด้วยกัน”

    ทั้งนี้ สยามพิวรรธน์ ผนึกกำลังกับพันธมิตรระดับโลก ZEPETO ผู้นำแพลตฟอร์มสร้าง Avatar คาแรกเตอร์ เสมือนจริงแบบ 3D สุดฮอต ที่มีสมาชิกผู้ใช้งานกว่า 300 ล้านคนทั่วโลก โดยตั้งแต่ช่วงต้นปี 2565 สยามพิวรรธน์เป็นองค์กรในประเทศไทยที่ได้ร่วมทำโปรเจค ONESIAM x ZEPETO Metaverse Songkran Festival ส่งมอบความสุขและความหรรษาฉลองประเพณีไทยและสาดน้ำสงกรานต์พร้อมกันทั่วโลก ซึ่งได้รับความสนใจมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมจำนวนมาก และยังคงร่วมกันเชื่อมโลกจริงและโลกเสมือนอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับประสบการณ์คู่ขนานให้ออกมาสมบูรณ์แบบ โดยล่าสุดได้สร้างปรากฏการณ์ไลฟ์สไตล์สุดล้ำรูปแบบใหม่ในงานแฟชั่นระดับโลก Siam Paragon Bangkok International Fashion Week 2022 หรือ BIFW 2022 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 21 – 25 กันยายน 2565 ที่ผ่านมา โดยนำเสนอแฟชั่นทั้งบนรันเวย์จริงและในโลกเสมือนจริง ที่ลูกค้าสามารถสัมผัสประสบการณ์และซื้อสินค้าได้บนโลกทั้งสองใบ

    Mr. Heesuk Ricky Kang, the Head of Business, ZEPETO กล่าวว่า “รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ทำงานร่วมกับผู้บุกเบิกในวงการรีเทลระดับโลกอย่างสยามพิวรรธน์ เราได้ร่วมกันเชื่อมต่อแฟชั่นโลกเสมือนและแฟชั่นโลกจริงเข้าด้วยกัน เพื่อสร้างประสบการณ์แปลกใหม่ที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน ผมหวังว่าความร่วมมือครั้งนี้ จะเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการนำประสบการณ์หลากหลายในโลกเสมือนจริงสู่โลกออฟไลน์ ที่ ZEPETO และสยามพิวรรธน์จะร่วมมือกันพัฒนาต่อไปอีกในอนาคต”

    สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้เป็นความตั้งใจสร้างคอมมูนิตี้สำหรับกลุ่มคนรุ่นใหม่โดยเฉพาะ Gen Z ซึ่งภายในงาน BIFW นอกเหนือจากแกรนด์รันเวย์ที่นำเสนอแฟชั่นโชว์ของแบรนด์ชั้นนำแล้ว ไฮไลท์สำคัญของงาน คือ การเชื่อมโลกแฟชั่นของโลกจริงและโลกเสมือนเข้าด้วยกัน โดยได้เชิญชวนนักออกแบบดีไซน์ ออกแบบชุดสำหรับ Avatar ในแพลตฟอร์ม ZEPETO โดยผลงานที่ได้รับการคัดเลือก นอกจากจะจำหน่ายใน Metaverse แล้ว ยังได้รับการออกแบบตัดเย็บเป็นชุดจริง และได้ร่วมโชว์บนรันเวย์ BIFW 2022 ในโชว์ของ Absolute Siam Presented by Zepeto: Sculpture Studio x Waterandother x Fill in the Bag

    ขณะเดียวกันได้นำชุดจากแฟชั่นโชว์ Absolute Siam ที่ร่วมเดินในรันเวย์มาแปลงเป็นชุดสำหรับ Avatar บน ZEPETO ซึ่งผู้ร่วมเล่นสามารถเลือกซื้อชุดแล้วแต่งอวตาร์ในคอลเลคชั่นล่าสุดของ Absolute Siam ได้เช่นเดียวกับบนโลกจริง นอกจากนี้ วันสยาม และ ZEPETO ยังได้นำ KOL ที่มีแฟนคลับบนโลกจริง เข้าสู่โลกเสมือน โดยมีกิจกรรมสนุกๆ ให้เล่นร่วมกับ KOL อย่างใกล้ชิด ทั้งหมดนี้คือปรากฏการณ์แฟชั่นโชว์ที่ตั้งใจนำเสนอทั้งแฟชั่นโชว์ที่สัมผัสได้จริงบนรันเวย์ที่ยิ่งใหญ่ ไปพร้อมกับการจัดแฟชั่นโชว์ใน Metaverse ที่มีผู้ร่วมชมจากทั่วโลก

    การร่วมมือกับ ZEPETO พันธมิตรระดับโลก สอดคล้องกับกลยุทธ์หลักของสยามพิวรรธน์ คือ

    1) ส่งมอบจักรวาลแห่งประสบการณ์ที่ไม่สิ้นสุด สร้างการมีส่วนร่วมกับลูกค้าที่มีอยู่ทั่วโลกทุกที่ทุกเวลา ซึ่งกิจกรรมที่คัดสรรมาต้องเติมเต็มไลฟ์สไตล์ สร้างปฏิสัมพันธ์ เสริมความสนุก ทำให้ทุกคนได้โลดแล่นไปกับประสบการณ์ที่แตกต่าง ในรูปแบบใหม่ๆ ช่วยยกระดับความพึงพอใจสูงสุด และครองความเป็นหนึ่งในใจลูกค้าทั้งชาวไทยและต่างชาติ

    2) ขยายฐานและเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ Generation Z โดยเฉพาะกลุ่มที่ชื่นชอบ Gamification

    3) สร้างรายได้จากระบบนิเวศในรูปแบบใหม่ๆ ยกระดับการแข่งขันกับแพลตฟอร์มต่างๆที่มีอยู่ทั่วโลกได้ และทำให้สยามพิวรรธน์ก้าวไปได้ไกลกว่าโมเดลธุรกิจหลักเป็นอีกก้าวสำคัญของสยามพิวรรธน์ที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งระบบนิเวศดิจิทัล และ นำอัตลักษณ์ไทยพิชิตใจคนทั้งโลก (Win The World for Thailand) ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่แอปพลิเคชั่น ONESIAM SuperApp และ ZEPETO

    ]]>
    1402290
    สยามพิวรรธน์ เปิดกลยุทธ์ดิจิทัล “โลกคู่ขนาน” สร้างไลฟ์สไตล์เชื่อมออฟไลน์ – ออนไลน์ ปฏิวัติประสบการณ์ค้าปลีกแห่งอนาคต https://positioningmag.com/1361485 Fri, 19 Nov 2021 10:00:04 +0000 https://positioningmag.com/?p=1361485
    •  สยามพิวรรธน์ ตอกย้ำจุดยืนผู้นำแห่งวิสัยทัศน์ “The Visionary Icon” เปิดยุทธศาสตร์ด้านดิจิทัล เชื่อมโลกคู่ขนานออฟไลน์ – ออนไลน์ที่ไร้พรมแดน นำธุรกิจร้านค้า คู่ค้าและพันธมิตรทางธุรกิจ เข้าสู่การสร้างประสบการณ์ที่เงินซื้อไม่ได้บนโลกดิจิทัล ตอบสนองความต้องการของ Global Citizen
    •  ผนึกศักยภาพร่วมกับพันธมิตรทุกกลุ่ม ผู้นำนวัตกรรมระดับแนวหน้าของธุรกิจดิจิทัล เพื่อสร้างระบบนิเวศค้าปลีกแห่งอนาคตร่วมกัน
    •  ครั้งแรกกับปรากฏการณ์การสร้างคอมมูนิตี้บนความสนใจของลูกค้าบนออนไลน์แพลตฟอร์มที่ผสานการสร้างสัมพันธ์กับลูกค้าแบบบูรณาการ (Loyalty Program) เตรียมเริ่มใช้ VIZ Coins ที่ลูกค้าสามารถนำมาจับจ่ายใช้สอย เพื่อยกระดับประสบการณ์และสิทธิพิเศษที่เงินซื้อไม่ได้ พร้อมพัฒนาสู่ ฟินเทคในอนาคต
    •  เสริมทัพคนรุ่นใหม่ที่จะก้าวเข้ามาเป็นผู้นำทีม ให้ได้แสดงศักยภาพ และท้าทายความสามารถของตนเอง มีโอกาสทำงานร่วมกับพันธมิตรองค์กรใหญ่ แบรนด์ดังระดับโลก และร่วมสร้างผลงานที่จะเป็น Talk of the world

    บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด เจ้าของและผู้บริหารศูนย์การค้า สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ หนึ่งในพันธมิตรเจ้าของไอคอนสยาม และสยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต กรุงเทพ ตอกย้ำจุดยืนผู้นำแห่งวิสัยทัศน์ “The Visionary Icon” สร้างปรากฏการณ์เขย่าวงการรีเทลอีกครั้ง เปิดกลยุทธ์ด้านดิจิทัลเตรียมรุกไตรมาสสุดท้ายของปี 2564 พร้อมดึงพันธมิตรชั้นนำระดับโลก ร่วมพัฒนานวัตกรรมเชื่อมประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟบนโลกออฟไลน์ที่เงินซื้อไม่ได้ สู่แพลตฟอร์มออนไลน์ที่ให้คุณค่ามากกว่าแค่การจับจ่ายใช้สอย สร้างอีโคซิสเต็ม (Ecosystem) ออฟไลน์ – ออนไลน์ใหม่ ที่จะเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้คน และเชื่อมธุรกิจ รีเทลบนโลกคู่ขนานแห่งอนาคต

    สยามพิวรรธน์ ในฐานะผู้นำความคิดสร้างสรรค์ที่แตกต่างและเป็นครั้งแรก เป็นเจ้าแห่งการสร้างประสบการณ์เหนือความคาดหมายให้ทุกศูนย์การค้าในเครือเสมอมา ในวันนี้พร้อมแล้วที่จะสร้างประสบการณ์แปลกใหม่ให้เกิดขึ้นบนโลกดิจิทัล โดยได้พัฒนานวัตกรรมแห่งโลกอนาคตที่จะเชื่อมโยงทุกความปรารถนาของลูกค้าเข้ากับการสร้างโอกาสใหม่ทางธุรกิจ สร้างรายได้ และส่งเสริมแบรนด์ของบรรดาคู่ค้า และพันธมิตรของสยามพิวรรธน์ ให้เป็นระบบนิเวศแห่งความสำเร็จที่ยั่งยืน (Sustainable Ecosystem) และสมบูรณ์แบบที่สุด ผ่านแพลตฟอร์มเชื่อมสองโลกคู่ขนานออฟไลน์ – ออนไลน์ รูปแบบใหม่ที่จะสร้างประโยชน์และคุณค่าให้แก่ทุกฝ่ายครอบคลุมในทุกมิติ ไม่ใช่เพียงแค่ในเชิงการขายสินค้า แต่เป็นการบริหารความพึงพอใจ ที่เชิญชวนให้ลูกค้าเข้าร่วมสร้าง Digital Community ที่หลากหลาย อันเต็มไปด้วยเรื่องราวที่เลือกได้ตามความสนใจ ตรงตามประสบการณ์เฉพาะตัว (Personalized Benefit & Experiences) อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน

    นายอริยะ พนมยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ผู้ก่อตั้งบริษัท Transformational และทำหน้าที่ในฐานะประธานบริหารสายงานนวัตกรรม บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวว่า

    “ผมเชื่อว่าสยามพิวรรธน์จะเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายแรกในประเทศไทยและไม่กี่รายในโลกที่ลงทุนพัฒนาแพลตฟอร์ม เพื่อรองรับคู่ค้าและมอบประสบการณ์ที่คัดสรรมาโดยเฉพาะให้แก่ลูกค้า เราต้องการออกแบบประสบการณ์ที่เป็นมากกว่าแค่การจับจ่ายออนไลน์ที่ขับเคลื่อนด้วยส่วนลด ความมุ่งมั่นของสยามพิวรรธน์คือการเนรมิตประสบการณ์ที่แปลกใหม่และไม่เหมือนใคร เพื่อสอดรับความต้องการของลูกค้าคนสำคัญรวมทั้งลูกค้าที่มีกำลังใช้จ่ายสูงและกำลังมองหาประสบการณ์ที่ตรงใจมากกว่าที่เคย ไปพร้อม ๆ กับการตอบรับความต้องการของคู่ค้าให้ดียิ่งขึ้น เรามุ่งหมายที่จะรังสรรค์แพลตฟอร์มใหม่ที่เน้นคอนเทนต์รายวันที่มีความน่าสนใจ ซึ่งเข้ากับความชื่นชอบของผู้บริโภค พาลูกค้าเปิดโลกไปกับเทรนด์ใหม่ แบรนด์ใหม่ ผลิตภัณฑ์ใหม่ รวมถึงกิจกรรมใหม่ตลอดทั้งปี รวมทั้งมอบสิทธิประโยชน์และประสบการณ์ที่คัดสรรมาเฉพาะเพื่อลูกค้าแต่ละราย”

    “จากสถานการณ์โควิด-19 ผนวกกับความสะดวกสบายในการเลือกซื้อสินค้าออนไลน์ที่ตอบโจทย์อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ผลักดันให้กระแสอีคอมเมิร์ซทะยานถึงขีดสุด อย่างไรก็ตามหลังจากที่ไม่ได้ออกไปไหนและต้องทำงานที่บ้านมาเกือบสองปี ลูกค้าต่างให้การตอบรับกันเป็นอย่างดี เมื่อศูนย์การค้ากลับมาเปิดให้บริการในเดือนกันยายนที่ผ่านมา โควิด-19 ทำให้เราคิดถึงความสุขของการเลือกซื้อสินค้าในโลกออฟไลน์ ในฐานะลูกค้า เราต่างใช้ชีวิตอยู่ในโลกทั้งสองใบนี้ไปพร้อม ๆ กัน จึงเรียกได้ว่า การเชื่อมช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ที่เป็นดั่ง “โลกคู่ขนาน” ได้หยั่งรากลึกลงในกลยุทธ์และแนวคิดของสยามพิวรรธน์ในทุกวันนี้” นายอริยะ กล่าวเสริม

    แพลตฟอร์มใหม่ที่กำลังจะเปิดตัวภายใต้กลยุทธ์โลกคู่ขนาน มี 4 องค์ประกอบที่เป็นปัจจัยพื้นฐาน ดังนี้

    1. ผนึกร้านค้า คู่ค้า พันธมิตรและแบรนด์ที่หลากหลาย : คือ ดีเอ็นเอและหัวใจความสำเร็จที่สามารถดึงดูดลูกค้าที่มีกำลังในการจับจ่ายใช้สอยและสร้างความแตกต่างให้กับสยามพิวรรธน์ ซึ่งนับตั้งแต่การเปิดตัว Ultimate Chat & Shop เมื่อเดือนเมษายน 2564 ซึ่งเป็นช่วงโควิด-19 ระลอก 4 ทำให้เราพบว่า ลูกค้ามียอดใช้จ่ายออนไลน์สูงกว่ายอดซื้อปกติในประเทศไทยโดยเฉลี่ยถึง 9-10 เท่า โดยในอนาคตอันใกล้ สยามพิวรรธน์มีแผนจะดึงแบรนด์และคู่ค้าระดับพรีเมียมและลักชัวรีอีกมากมายเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของแพลตฟอร์มใหม่ที่กำลังจะเปิดตัว

    2. ชูธงสร้างคอมมูนิตี้ที่คัดสรรความพิเศษมาให้โดยเฉพาะ : สยามพิวรรธน์จะสร้างปรากฏการณ์ครั้งแรกอีกครั้ง ผ่านการนำเสนอคอนเทนต์มากกว่า 3,000 คอนเทนต์ในแต่ละเดือน ในคอมมูนิตี้ออนไลน์แพลตฟอร์มที่สร้างบนความสนใจของลูกค้าให้ได้รู้ก่อนใคร ผสานการสร้างสัมพันธ์กับลูกค้าแบบบูรณาการ (Loyalty Program) เชื่อมออฟไลน์ – ออนไลน์ที่สมบูรณ์แบบที่สุด สยามพิวรรธน์เชื่อในการสร้างคอนเทนต์ สร้างความผูกพันกับลูกค้าเพื่อให้มาจับจ่ายกับแบรนด์ต่าง ๆ ในศูนย์การค้าของสยามพิวรรธน์ ไม่ใช่เพราะส่วนลด แต่เป็นเพราะแบรนด์เหล่านี้เป็นแบรนด์โปรด หรือแบรนด์ที่สร้างแรงบันดาลใจ เช่น ลูกค้าต้องการอะไร เทรนด์ มิกซ์แอนด์แมตช์ หรือการดูแลตัวเองอย่างไร ทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่เกี่ยวโยงและขึ้นอยู่กับคอมมูนิตี้เป็นสำคัญ

    3. เชื่อมประสบการณ์โลกคู่ขนาน : ลูกค้าที่มีกำลังย่อมมองหาประสบการณ์ที่ถูกคัดสรรมาแล้วอย่างพิถีพิถัน ดังนั้น การเข้าไปอยู่ในใจลูกค้ากลุ่มนี้จึงไม่ใช่การมีสินค้านับหมื่นรายการ แต่ต้องมีสินค้าที่พวกเขาต้องการ ซึ่งอาศัยทั้งศาสตร์และศิลป์ นั่นคือต้องอาศัยศิลปะในการสื่อสารและนำเสนอสินค้าที่กลุ่มเป้าหมายสนใจ และอาศัยนวัตกรรมเทคโนโลยี เพื่อนำเสนอคอนเทนต์และสินค้าเฉพาะบุคคล แพลตฟอร์มที่กำลังจะเปิดตัวนี้ ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยให้ลูกค้าค้นพบแบรนด์ สินค้า และประสบการณ์ใหม่ ๆ ได้ง่ายยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเชื่อมต่อโลกออฟไลน์สู่โลกออนไลน์ไว้ในมือคุณ ทำให้ทุกคนได้สัมผัสกับประสบการณ์ที่แตกต่างและเงินซื้อไม่ได้ ได้ทุกที่ทุกเวลา โดยสยามพิวรรธน์มีแผนเตรียมขยายศักยภาพของการเชื่อมโลกจริงและโลกเสมือนจริงด้วย Metaverse ในอนาคต

    4. นำเสนอระบบรีวอร์ดที่ไร้ขีดจำกัด : สยามพิวรรธน์ยกระดับ Loyalty Program พร้อมเริ่มใช้ VIZ Coins เพื่อยกระดับประสบการณ์การเลือกซื้อสินค้า ณ ร้านค้าที่เข้าร่วมรายการภายในศูนย์การค้า บนช่องทางออนไลน์ และเป็นทางเลือกให้ลูกค้าเปลี่ยนคะแนนในบัตรเครดิต เพื่อเพลิดเพลินไปกับสิทธิประโยชน์ที่หลากหลายมากขึ้นกว่าเดิม

    แพลตฟอร์มใหม่นี้พัฒนาจากความร่วมมือกับพันธมิตรกลุ่มต่าง ๆ ดังต่อไปนี้

    • พัฒนาร่วมกับคู่ค้า เพื่อสร้างประสบการณ์ผู้ใช้งานที่ตรงกับจุดยืนของแบรนด์

    • พัฒนาร่วมกับพันธมิตรด้านเทคโนโลยี เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานของแพลตฟอร์ม ข้อมูล และโปรแกรมสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า

    • พัฒนาร่วมกับอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังต่าง ๆ เพื่อสร้างคอนเทนต์สำหรับแต่ละคอมมูนิตี้

    นายอักเซล วินเทอร์ ประธานบริหารสายงานดิจิทัล บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวเสริมว่า

    “เป้าหมายหลักของสยามพิวรรธน์คือการเป็น ผู้นำตลาดในการบุกเบิกโมเดลธุรกิจใหม่ สร้าง “ระบบนิเวศดิจิทัล” เพื่อขยายตลาดให้เข้าถึงลูกค้าใหม่ที่มีความหลากหลาย เร่งการเติบโตแบบก้าวกระโดด และครองความเป็นหนึ่งในใจลูกค้าทั้งชาวไทยและต่างชาติ สยามพิวรรธน์ ได้ผนึกกำลังร่วมกับพันธมิตรชั้นนำระดับโลก ซึ่งล่าสุดได้จับมือ ZIPMEX ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มสินทรัพย์ดิจิทัล เปิดให้ลูกค้าสามารถใช้ ZIPMEX Token เป็นเครื่องมือในการแลกเป็นสินค้าหรือบริการที่จับต้องและสัมผัสได้จริง พร้อมเดินหน้าสร้างโปรแกรมเชื่อมสัมพันธ์กับลูกค้า ผ่านการมอบประสบการณ์ที่เสริมคุณค่าและอำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิต รวมทั้งได้ร่วมมือกับ KX ในการเปิดตัว Coral แพลตฟอร์ม NFT Marketplace ที่จะร่วมกันสร้างนวัตกรรมที่ก่อให้เกิดการพัฒนาต่อยอด ทั้งในด้านศิลปะ วัฒนธรรม ไลฟ์สไตล์ และสร้างสุดยอดประสบการณ์ให้กับลูกค้าทั้งคนไทยและต่างประเทศ โดยใช้พื้นที่ของสยามพารากอน และไอคอนสยาม ในการจัดทำ NFT Innovation Digital Wall ให้ผู้ที่มาเยือนศูนย์การค้าได้เข้าชม NFT Art ได้อย่างใกล้ชิด นอกจากนั้น สยามพิวรรธน์ ยังได้จับมือกับ Perx Technologies ผู้ให้บริการซอฟต์แวร์ เพื่อร่วมกันพัฒนาสร้างสรรค์ประสบการณ์แปลกใหม่บนโลกดิจิทัลที่จะขยายฐานลูกค้าของกลุ่มสยามพิวรรธน์ ซึ่งปัจจุบันเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงทั้งคนไทยและชาวต่างประเทศให้กว้างไกลยิ่งขึ้นทั่วโลก ผ่านกลุ่มพันธมิตรร้านค้าและคู่ค้า (Global Partners) ขณะเดียวกันกลุ่มลูกค้าจะได้รับประโยชน์เต็มอิ่ม กับสิทธิประโยชน์เหนือระดับภายใต้ Loyalty Program ที่ Personalized เป็นเสมือนเพื่อนที่รู้ใจ พร้อมเสริมความสนุกเร้าใจกับ การจับจ่ายใช้สอยผ่านเกมมิฟิเคชัน (Gamification) ที่จะทำให้ทุกคนได้โลดแล่นไปกับประสบการณ์ที่แตกต่างและเงินซื้อไม่ได้ เรายังเตรียมประกาศเปิดตัวพันธมิตรใหม่ พร้อมทัพคนดิจิทัลที่จะมาร่วมสร้างประสบการณ์ที่แตกต่าง และน่าตื่นตาตื่นใจให้กับลูกค้าอย่างแน่นอน”

    “การขับเคลื่อนธุรกิจในยุคดิจิทัลที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเช่นนี้ ปัจจัยสำคัญ คือการสร้างทัพทีมงานที่แข็งแกร่ง พร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลง และเปิดใจเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา ผมรู้สึกตื่นเต้นที่ได้มีโอกาสทำงานร่วมกับคุณอริยะ รวมทั้งผู้เชี่ยวชาญระดับโลกหลายบริษัท ที่มาช่วยสยามพิวรรธน์ขับเคลื่อนแผนงานดิจิทัล และนวัตกรรม สยามพิวรรธน์ให้ความสำคัญกับการพัฒนาคนและเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้ก้าวเข้ามาเป็นผู้นำทีมในช่วงเปลี่ยนผ่านของธุรกิจ ได้แสดงศักยภาพ และท้าทายความสามารถของตนเองในแบบที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย ๆ ผ่านการทำงานในรูปแบบโครงการธุรกิจเชิงสร้างสรรค์ ที่ผู้ร่วมงานสามารถบริหารจัดการได้อย่างคล่องตัว และตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว (Self-Directed Team) พร้อมทั้งได้เรียนรู้และลงมือทำงานที่แปลกใหม่ในทุก ๆ วัน ได้ใกล้ชิดกับพันธมิตรองค์กรใหญ่ แบรนด์ดังระดับโลก และผู้เชี่ยวชาญจากทุกสาขา เพื่อพัฒนานวัตกรรมใหม่ และมอบประสบการณ์ที่เหนือความคาดหมายให้กับลูกค้าจากทั่วทุกมุมโลก การได้เข้าร่วมงานกับสยามพิวรรธน์จะเป็นเวทีให้คนรุ่นใหม่ที่อยากเติบโตแบบก้าวกระโดด ได้ทำในสิ่งที่พิเศษแบบครั้งหนึ่งในชีวิต และร่วมสร้างผลงานที่จะเป็น Talk of the World พร้อมเปิดรับประสบการณ์ใหม่ที่แตกต่างไปจากที่อื่น”  นายอักเซล กล่าวปิดท้าย

    ในช่วงเวลาคาบเกี่ยวของโลกที่ผู้คนกำลังปรับตัวเข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ สยามพิวรรธน์เชื่อมั่นว่าคุณค่าและประสบการณ์บนโลกออฟไลน์ยังคงเป็นสิ่งที่ทุกคนมองหาและขาดไม่ได้ การนำเสนอนวัตกรรมใหม่ในรูปแบบ สยามพิวรรธน์ จึงเป็นการเชื่อมโลกออฟไลน์สู่ออนไลน์อย่างไร้รอยต่อ และตอบโจทย์การใช้ชีวิตของผู้คนอย่างครบวงจร ทั้งในเรื่องความสะดวกสบายและการสร้างคุณค่า ซึ่งจะช่วยเติมเต็มชีวิตยุคใหม่แห่งโลกอนาคตได้อย่างแท้จริง เตรียมพบกับการเปิดตัวแพลตฟอร์มใหม่ต้นเดือนธันวาคมนี้ ที่ชูธงด้านการสร้างคอมมูนิตี้ผสานการสร้างสัมพันธ์กับลูกค้าแบบบูรณาการ (Loyalty Program) ด้านโซเชียลและอีคอมเมิร์ซ (Social and E-Commerce) และต่อยอดสู่ฟินเทคในอนาคต

    ]]>
    1361485
    กลยุทธ์ ‘กรุงศรี คอนซูมเมอร์’ ทุ่มสร้างระบบนิเวศดิจิทัล ดันปล่อยกู้ออนไลน์ทะลุ ‘หมื่นล้าน’ ปีนี้ https://positioningmag.com/1340688 Mon, 05 Jul 2021 11:12:04 +0000 https://positioningmag.com/?p=1340688 พฤติกรรมลูกค้าเปลี่ยนเร็วหลังวิกฤตโรคระบาดกรุงศรี คอนซูมเมอร์รุกสร้างระบบนิเวศดิจิทัลทุ่มงบ 500 ล้าน ขยายเเพลตฟอร์ม ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ จับการตลาดเเบบเฉพาะบุคคลร่วมมือกับพันธมิตรที่หลากหลาย ตั้งเป้าสิ้นปีนี้ปล่อยสินเชื่อผ่านออนไลน์กว่าหมื่นล้านมองการเเข่งขันดุเดือด ช่วงไตรมาส 3-4

    อธิป ศิลป์พจีการ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบริหารธุรกิจกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ บริษัท อยุธยา แคปปิตอล เซอร์วิสเซส จำกัด เล่าว่า ในช่วงการเเพร่ระบาดของโควิด-19 ผู้บริโภคใช้โซเชียลมีเดีย จ่ายเเบบไร้เงินสดและบริการทางออนไลน์มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยบริการช่องทางดิจิทัลในเครือกรุงศรี คอนซูมเมอร์ มีสูงกว่า 250 ล้านรายการ

    จากข้อมูลของ We Are Social ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา ระบุว่า คนไทยเกือบ 70 ล้านคน ในช่วงอายุ 16-64 ปี ใช้เวลาบนอินเทอร์เน็ต (All Devices) กว่า 8 ชั่วโมง 44 นาที ส่วนใหญ่ดูทีวีสตรีมมิ่ง เล่นโซเชียลมีเดีย เเละเสพข่าวสารออนไลน์ ในจำนวนนี้ ใช้งานผ่านสมาร์ทโฟนถึง 98.9% คอมพิวเตอร์เเละโน้ตบุ๊ก 48.5% เเละผ่านเเท็บเล็ต 34.7%

    จากกระเเสเทรนด์นี้ ทำให้ธุรกิจจำเป็นต้องปรับตัวให้ก้าวทันลูกค้าที่ใช้บริการออนไลน์ เพื่อขยายช่องทางการเข้าถึงผลิตภัณฑ์และบริการได้อย่างครบวงจร รวดเร็ว และหลากหลาย พร้อมเร่งทำการตลาดโดยใช้ข้อมูล (Data-Driven Marketing)

    บริษัทเตรียมขยายธุรกิจผ่านช่องทางออนไลน์อย่างเต็มรูปแบบ เพื่อสร้างระบบนิเวศดิจิทัล (Digital Ecosystem) ด้วยงบลงทุน 500 ล้านบาท ในช่วงปีนี้เเละปีหน้า โดยในไตรมาส 3 จะเริ่มทยอยขยายเเพลตฟอร์ม บริการเเละผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ทั้งบัตรเครดิต สินเชื่อบุคคล สินเชื่อผ่อนชำระและประกัน ออกมาทำตลาด

    คนไทยแห่ใช้ QR Code 

    ปัจจุบันกรุงศรี คอนซูมเมอร์มีฐานลูกค้าทั้งหมด 9 ล้านราย มียอดทำรายการผ่านบัตรในเครือสูงถึง 151 ล้านรายการ เฉลี่ยทำรายการอยู่ที่ 4 แสนรายการต่อวัน

    ขณะเดียวกัน มีลูกค้าหันมาใช้บริการเเอปพลิเคชัน ‘UChoose’ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากเดือนธันวาคม ปี 2563 ที่ 5.8 ล้านราย คาดว่าปีนี้เพิ่มเเตะ 6.5 ล้านราย เติบโต 12% หรือคิดเป็นสัดส่วนถึง 70% ของฐานลูกค้าทั้งหมด

    ในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ มียอดธุรกรรมผ่าน UChoose แล้วไปกว่า 2.2 ล้านรายการ เเละคาดว่าสิ้นปีนี้จะเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวเป็น 6.2 ล้านรายการ

    สิ่งที่น่าสนใจคือ ในช่วงการเเพร่ระบาดของโควิด-19 คนไทยจำนวนมากเลือกชำระเงินผ่าน ‘QR Code’ จากเเรงสนับสนุนของมาตรการช่วยเหลือต่างๆ ของรัฐบาลรวมถึงการหลีกเลี่ยงสัมผัสเงินสด

    จากในปี 2563 ที่มีธุรกรรมผ่าน QR Code ราว 8.7 หมื่นรายการ ขยับมาเป็น 1.01 แสนรายการ เพียงในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ โดยประเมินว่า ภายในสิ้นปีจะเพิ่มเป็น 3 แสนรายการ หรือเติบโต 3.4% สอดคล้องกับพฤติกรรมลูกค้าที่หันไปทำธุรกรรมบน ‘โมบายแอปพลิเคชัน’ มากขึ้น เห็นได้จากช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้อยู่ที่ 30 ล้านครั้งเเล้ว จากปี 2563 อยู่ที่ 65 ล้านครั้ง เเละคาดว่าภายในสิ้นปีจะเพิ่มเป็น 80 ล้านครั้ง หรือเติบโตถึง 23%

    3 กลยุทธ์ปั้นโมเดลธุรกิจ รับโลกออนไลน์ 

    สำหรับเเนวทางการสร้างระบบนิเวศดิจิทัลของกรุงศรี คอนซูมเมอร์เเบ่งเป็น 3 ด้านหลักๆ ได้เเก่

    Platform : ขยายแพลตฟอร์มข้อมูล ผลิตภัณฑ์ บริการผ่านดิจิทัล-โซเชียลมีเดีย

    ที่ผ่านมา กรุงศรี คอนซูมเมอร์ นำเทคโนโลยีมาให้บริการลูกค้า เช่น บริการยืนยันตัวตนด้วยเสียง ที่ใช้เสียงพูดเพื่อยืนยันตัวตนในการทำธุรกรรมเกี่ยวกับบัญชีบัตรเครดิต ผ่านศูนย์บริการข้อมูลทางโทรศัพท์ บริการตรวจสอบข้อมูลบัญชีบัตรเครดิตด้วยตนเอง ผ่านระบบแชทบอทบน Facebook Messenger

    โดยในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ เป็นต้นไป บริษัทมีแผนเพิ่มช่องทางการสื่อสารทางดิจิทัลใหม่ๆ อย่าง กรุงศรี คอนซูมเมอร์ Line OA, Website, Facebook, Youtube เพื่อขยายขีดความสามารถในการให้บริการลูกค้าได้อย่างครอบคลุม เเละบริการ U Card สมัครบัตรใหม่ผ่านแอปฯ UChoose พร้อมขยายจุดรับบริการยืนยันตัวตนอิเล็กทรอนิกส์ (E-KYC) ผ่านจุดยืนยันตัวตนกว่า 14,000 แห่งทั่วประเทศในช่วงไตรมาสที่ 4

    Partnership : สร้างพันธมิตรทางธุรกิจ ร่วมอัดโปรโมชัน

    สานต่อการจับมือกับพันธมิตรในหลากหลายแบรนด์และประเภทกลุ่มธุรกิจ เช่น อโกด้า, แอร์เอเชีย, แกร็บ, โฮมโปร, ช้อปปี้, เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์, ยูนิโคล่, โลตัสออนไลน์ ฯลฯ เพื่อจะตอบสนองความต้องการเเละไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของลูกค้า ผ่านการทำ ‘โปรโมชันและดีลพิเศษ’ อย่างการให้ส่วนลดซื้อสินค้า ใช้คะแนนแลกเครดิตเงินคืน หรือรับ E-Coupon สิทธิประโยชน์ต่างๆ ทั้งในผลิตภัณฑ์บัตรเครดิตและบัตรสินเชื่อส่วนบุคคล

    Personalization – การสื่อสารและทำการตลาดเฉพาะบุคคล

    หนึ่งในกลยุทธ์เสริมศักยภาพในระบบนิเวศดิจิทัลของ ‘กรุงศรี คอนซูมเมอร์’ ที่สำคัญ คือ การนำฐานข้อมูล พฤติกรรมการใช้จ่ายต่างๆ ของลูกค้าที่มีอยู่มหาศาล มาสกัดการทำการตลาดเเบบเฉพาะบุคคล หรือที่เรียกว่า Personalized Marketing เพื่อให้บริการ นำเสนอผลิตภัณฑ์ได้อย่างเหมาะสม และตรงตามความต้องการของลูกค้าแต่ละกลุ่มมากขึ้น ให้ ‘ทันที ถูกที่ ถูกเวลา’ 

    “ในอนาคต บริษัทยังเตรียมสร้าง Krungsri Consumer Data Platform ซึ่งจะเป็นแพลตฟอร์มเชื่อมต่อและระบุตัวตนของลูกค้าจากข้อมูลทั้งออนไลน์และออฟไลน์จากทุก Touch Point ของลูกค้า รวมไปถึง Customer Journey เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลเหล่านี้”

    ขอสินเชื่อผ่านออนไลน์ มาเเรง 

    ด้านความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจของเเวดวงสินเชื่อ ในช่วง ‘ครึ่งปีหลัง’ ของปีนี้ ผู้บริหารกรุงศรีฯ ประเมินว่า ตลาดจะกลับมาแข่งขันดุเดือดมากขึ้น ช่วงปลายไตรมาส 3 หรือต้นไตรมาส 4 ในกรณีที่การกระจายวัคซีนได้ผลดีเเละมาตรการควบคุมการระบาดของรัฐไม่ยืดเยื้อเกินไป ซึ่งตลาดตลาดสินเชื่อบุคคลช่วงปลายปี น่าจะกลับมาเติบโตได้ดีกว่าช่วงต้นปี ที่หดตัวลงราว 5%

    โดยช่วงนี้บริษัทได้ส่งบริการ ‘ขอสินเชื่อผ่านออนไลน์’ ออกมาเจาะตลาด นั่นก็คือ  ‘ยูแคช’ (U Cash) บริการโอนวงเงินบัตรเครดิตของลูกค้าที่มีอยู่ เข้าบัญชีธนาคารเพื่อใช้เป็นเงินสด หลังเปิดบริการเมื่อวันที่ 1 มิ.ย. 2564 เป็นต้นมา พบว่า ‘กระแสตอบรับดีเกินคาด’

    ข้อมูล ณ วันที่ 23 มิ.ย. มียอดปล่อยสินเชื่อไปแล้วกว่า 1,240 ล้านบาท มีการทำธุรกรรมจำนวน 1.35 แสนรายการ เฉลี่ยวงเงิน 1.6 หมื่นบาทต่อราย คาดว่าภายในสิ้นปีจะสามารถปล่อยสินเชื่อได้ 1 หมื่นล้านบาท

    โดยได้รับความสนใจอย่างมากจากกลุ่มลูกค้าเดิม ที่มีวงเงินสินเชื่อในบัตรเครดิต ช่วงอายุ 30-40 ปี ซึ่งมีความคุ้นเคยกับระบบดิจิทัล ได้เปลี่ยนพฤติกรรมมาขอสินเชื่อผ่านช่องทางออนไลน์มากที่สุด เนื่องจากเข้าถึงได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องเดินทางไปกดเงินสดเองที่ตู้เอทีเอ็ม

    เมื่อถามว่า ท่ามกลางการเติบโตของเทรนด์ผู้ใช้เเพลตฟอร์มออนไลน์ที่มากขึ้นเรื่อยๆ อีกมุมหนึ่งอะไรเป็นความท้าทายของการสร้าง ‘ระบบนิเวศดิจิทัล’ ในไทย นั้น อธิปตอบว่า คือการพัฒนาระบบให้ผู้บริโภคทั่วไปเข้าถึงได้ง่ายที่สุด ความพร้อมของอีโคซิสเต็ม การได้รับสนับสนุนจากภาคส่วนต่างๆ รวมไปถึงการสร้างความรับรู้ การเปลี่ยน
    เเปลงของรูปแบบการใช้จ่ายในสังคม เพื่อขยายฐานผู้ใช้งาน

    โดยการที่กรุงศรี คอนซูมเมอร์ มีฐานลูกค้าตอนนี้กว่า 9 ล้านราย ครอบคลุมทั้งลูกค้าระดับเเมส และกลุ่มลูกค้าระดับบน พร้อมพันธมิตรกว่า 2.5 หมื่นราย เเละมีการเสริมทีมงานพัฒนาระบบให้รองรับการใช้งานที่มากขึ้นตามไปด้วย ก็นับเป็น ‘จุดแข็ง’ ของเเบรนด์ในตลาดที่เเข่งขันสูงนี้ …

     

    ]]>
    1340688
    โตแรง! Google คาดเศรษฐกิจดิจิทัลไทย ใหญ่อันดับ 2 ในภูมิภาค ทะลุ 1.4 ล้านล้านบาท ปี 2568 https://positioningmag.com/1201995 Sun, 09 Dec 2018 08:20:08 +0000 https://positioningmag.com/?p=1201995 Google ได้ออกมาเปิดเผยถึงมูลค่าเศรษฐกิจดิจิทัลในประเทศไทย จะพุ่งขึ้นเป็น 4.3 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 1.4 ล้านล้านบาท) ในปี 2568  หรือเติบโตกว่า 7 เท่าเมื่อเทียบกับปี 2015 โดยครอบคลุมใน 4 กลุ่มธุรกิจ คือ อีคอมเมิร์ซ, สื่อออนไลน์, บริการร่วมเดินทาง และท่องเที่ยวออนไลน์

    เบน คิง หัวหน้าฝ่ายธุรกิจ กูเกิล ประเทศไทย ให้รายละเอียดถึงผลการสำรวจมูลค่าเศรษฐกิจดิจิทัล ที่ทางกูเกิลร่วมมือกับทางเทมาเส็ก เพื่อสำรวจระบบนิเวศดิจิทัลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ใน 4 กลุ่มหลักๆ ที่สร้างมูลค่าเศรษฐกิจดิจิทัล ทั้งอีคอมเมิร์ซ, สื่อออนไลน์, บริการร่วมเดินทาง และการท่องเที่ยวออนไลน์

    โดยปีนี้ 2561 มูลค่าเศรษฐกิจดิจิทัลจะอยู่ที่ 7.2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ และจะเพิ่มเป็น 2.4 แสนล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2558 ซึ่งเป็นการปรับคาดการณ์ตัวเลขเพิ่มขึ้นจาก 2 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ที่คาดไว้ในปี 2558 เนื่องจาก 4 กลุ่มธุรกิจหลักมีการเติบโตเร็วกว่าที่คาดไว้ พร้อมกับการเพิ่มธุรกิจใหม่อย่างบริการจองที่พักออนไลน์ บริการส่งอาหาร และบริการสตรีมมิ่งทั้งเพลงและวิดีโอเข้ามาด้วย

    ไทยเองได้กลายเป็นประเทศที่เข้าถึงอินเทอร์เน็ตผ่านมือถือมากที่สุดในโลก จากปี 2558 ที่จำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในไทยอยู่ที่ 38 ล้านคน ส่วนปัจจุบันเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 45 ล้านคน ที่สำคัญกว่า 90% เข้าถึงอินเทอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์มือถือ

    มูลค่าตลาดเศรษฐกิจดิจิทัลในประเทศไทยปัจจุบันอยู่ที่ 1.2 หมื่นล้านบาท และปรับคาดการณ์ขึ้นมาเป็น 4.3 หมื่นล้านบาทภายในปี 2568 จากก่อนหน้านี้ที่คาดว่าจะอยู่ราว 3.7 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ สอดคล้องต่อมูลค่าตลาดรวมของภูมิภาคอาเซียน ที่ปรับเพิ่มขึ้น และถือว่าไทยเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ในภูมิภาค รองจากอินโดนีเซีย 

    เมื่อดูถึงอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลที่เกิดขึ้นทั้งในภูมิภาคอาเซียน และในประเทศไทย จะเห็นได้ว่า ภายในปี 2568 เศรษฐกิจดิจิทัลจะเติบโตร่วมไปกับจีดีพีของภูมิภาค เศรษฐกิจดิจิทัลในไทย มีสัดส่วนอยู่ราว 2.7% ขณะที่ประเทศอย่างจีน และสหรัฐฯ มีสัดส่วนอยู่ที่ 6.5% และเริ่มอิ่มตัวแล้ว

    ในส่วนของตลาดอีคอมเมิร์ซในประเทศไทย มีอัตราเติบโตมากที่สุด ด้วยมูลค่าตลาดเกือบ 3 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2561 และจะเพิ่มขึ้นเป็น 1.3 หมื่นล้านภายในปี 2568 โดยในแต่ละประเทศจะเริ่มเห็นผู้นำในตลาดนี้ชัดเจนมากขึ้น รวมถึงในแต่ละประเภทของสินค้า

    ในกลุ่มของสื่อออนไลน์ จะเห็นว่า ตลาดประเทศไทยมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมาจากทางด้านโฆษณา เกม และบริการสตรีมมิ่ง โดยปัจจุบันมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 2.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ และคาดว่าในปี 2568 จะเพิ่มขึ้นเป็น 7 พันล้านเหรียญสหรัฐ

    บริการร่วมเดินทาง (Ride Hailing) ที่ในปัจจุบัน มูลค่าตลาดอยู่ที่ 700 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยในปีที่ผ่านมา ถือว่ามีอัตราการเติบโตลดลง เนื่องจากการควบรวมบริการของแกร็บ และอูเบอร์ ทำให้ไม่เกิดการแข่งขันเท่าที่ควร และคาดการณ์ว่าในปี 2025 จะเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 4 พันล้านเหรียญสหรัฐ

    หลังจากนี้ บริการร่วมเดินทางจะหันไปแข่งขันในการเพิ่มมูลค่าด้วยการเปลี่ยนเป็นแอปพลิเคชั่นที่ใช้งานในชีวิตประจำวัน เพิ่มเติมจากรถโดยสาร กลายเป็นการให้บริการขนส่งอาหาร ส่งสินค้า ไปจนถึงบริการทางการเงิน

    ตลาดท่องเที่ยวออนไลน์ จะจาก 2 ส่วนหลักๆ คือ ทางสายการบิน และแพลตฟอร์มจองสถานที่ท่องเที่ยวออนไลน์ (OTA) โดยปัจจุบันในไทยมีมูลค่าอยู่ที่ 6.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ และคาดว่าจะเติบโตเป็น 2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐในปี 2025

    ปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ไทย รวมถึงประเทศในภูมิภาคอาเซียน สามารถเติบโตตามที่คาดการณ์ไว้ คือ เรื่องของการพัฒนาบุคลากรที่มีทักษะทางด้านดิจิทัล โดยจำเป็นที่ต้องขยายตัวเพิ่มขึ้นปีละ 10% และเป็นเรื่องที่ต้องร่วมมือกันทั้งจากภาครัฐ และเอกชน

    ]]>
    1201995