สวนน้ำ – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Tue, 10 May 2022 09:34:11 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 กลุ่มพราวพร้อมเปิด “สวนน้ำ อันดามันดา ภูเก็ต” เบนเข็มดึง “อินเดีย” ทดแทนตลาดจีน https://positioningmag.com/1384633 Tue, 10 May 2022 09:15:09 +0000 https://positioningmag.com/?p=1384633 กลุ่มบริษัท พราว พร้อมเปิดตัว “สวนน้ำ อันดามันดา ภูเก็ต” วันที่ 21 พ.ค. 65 หลังดีเลย์มากว่า 1 ปีจากโควิด-19 ปีแรกคาดหวังนักท่องเที่ยว 4 แสนคน และหลังการท่องเที่ยวไทยฟื้นเต็มที่ วางเป้าเป็นแหล่งท่องเที่ยว ‘man-made’ หลักของภูเก็ต มีนักท่องเที่ยวเข้าปีละ 1 ล้านคน ระยะแรกหันดึงชาว “อินเดีย” เป็นตลาดทดแทนจีนที่ยังออกนอกประเทศไม่ได้

หลังประสบความสำเร็จกับ “สวนน้ำ วานา นาวา หัวหิน” กลุ่มบริษัท พราว เริ่มเปิดโปรเจ็กต์ต่อไป “สวนน้ำ อันดามันดา ภูเก็ต” ต่อเนื่องเมื่อปี 2562 ตามกำหนดการเดิมจะต้องเปิดบริการปี 2564 แต่โครงการต้องดีเลย์ไปกว่า 1 ปี เพราะเผชิญสถานการณ์โควิด-19 จนการก่อสร้างล่าช้า

ในที่สุดบริษัทพร้อมเปิดตัวสวนน้ำ อันดามันดาแล้วในวันที่ 21 พ.ค. 65 ท่ามกลางบรรยากาศการท่องเที่ยวที่เริ่มดีขึ้นต่อเนื่อง

“พราวพุธ ลิปตพัลลภ” กรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท พราว เปิดเผยถึงโครงการนี้ว่า ใช้งบลงทุนรวม 4,500 ล้านบาท แบ่งเป็น เฟส 1 สวนน้ำ 50 ไร่ งบลงทุน 3,000 ล้านบาท เฟส 2 โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ รีสอร์ท จำนวน 300 ห้อง และส่วนรีเทล รวม 8 ไร่ ลงทุน 1,500 ล้านบาท (เฟส 2 เริ่มก่อสร้างแล้ว คาดเปิดบริการปี 2567)

สวนน้ำ อันดามันดา ภูเก็ต

กลุ่มบริษัท พราวเริ่มลงทุนสวนน้ำ อันดามันดา ภูเก็ต จากการมองเห็นช่องว่างในตลาดภูเก็ตที่ยังมีแหล่งท่องเที่ยวประเภทที่มนุษย์สร้างขึ้น (man-made attraction) ไม่มากนัก การท่องเที่ยวส่วนใหญ่เน้นไปในด้านธรรมชาติและวัฒนธรรม แต่ด้วยขนาดตลาดของภูเก็ต มีศักยภาพพอที่จะสร้างแหล่งท่องเที่ยวใหม่ประเภท man-made บริษัทจึงเลือกเปิดสวนน้ำที่ใหญ่กว่าในหัวหินเกือบ 3 เท่า

ไฮไลต์เด่นของสวนน้ำอันดามันดาที่กำลังจะเปิดบริการ มีรายละเอียด เช่น

  • รวมเครื่องเล่นและจุดสนใจ 25 จุด
  • สไลเดอร์ยักษ์ 36 เลน
  • ทะเลจำลอง 10,000 ตร.ม.ที่สามารถสร้างคลื่นได้สูงสุด 3 เมตรสำหรับนักเซิร์ฟ
  • หาดเทียม 300 เมตรสำหรับนอนเล่นพักผ่อน
  • จุดเช็กอิน เขาตะปูจำลอง และตลาดน้ำ
สวนน้ำ อันดามันดา ภูเก็ต
คลื่นเทียมเพื่อนักเซิร์ฟ
สวนน้ำ อันดามันดา ภูเก็ต
เขาตะปูจำลอง
  • Wave Bar และ Sand Bar ระบบแสงสีเสียง พร้อมจัดอีเวนต์และมิวสิก ปาร์ตี้
  • เทคโนโลยีสายข้อมือ RFID และระบบ Gamification ทำกิจกรรมด้วยเทคโนโลยี AR ได้ในโครงการ
  • เครื่องเล่นทั้งหมดออกแบบและติดตั้งโดย WhiteWater ประเทศแคนาดา ซึ่งมีประสบการณ์อุปกรณ์เครื่องเล่นทางน้ำมากว่า 40 ปี
  • ไลฟ์การ์ดที่ได้รับการฝึกในระดับสากล 200 คน
  • ระบบหมุนเวียนน้ำใช้ในโครงการ และลดการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง

พราวพุธกล่าวว่า ฟังก์ชันในโครงการจะเห็นว่าสวนน้ำต้องการดึงดูดลูกค้าทุกกลุ่ม วางเป้าหมายสัดส่วนกลุ่มครอบครัว 40% กลุ่มนักท่องเที่ยวรุ่นใหม่ 40-50% และกลุ่มผู้เข้าร่วมงานอีเวนต์ 10-20%

 

ระยะสั้นเร่งดึง “อินเดีย” เข้าไทย

ด้านเป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยว ข้อมูลจาก “ภูมิกิตติ์ รักแต่งาม” นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยว จังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า เมื่อปี 2562 ภูเก็ตมีนักท่องเที่ยวมาเยือนถึง 14 ล้านคนต่อปี แบ่งเป็นนักท่องเที่ยวไทย 4 ล้านคน และต่างชาติ 10 ล้านคน

ในช่วงที่ไทยเริ่มเปิดระบบ Test & Go ภูเก็ตมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเฉลี่ย 2,500 คนต่อวัน และเชื่อว่าเดือนพฤษภาคมนี้ซึ่งไทยปลดล็อกการตรวจหาเชื้อเหลือเพียง Antigen Test Kit (ATK) ไม่ต้องตรวจ RT-PCR จะทำให้มีชาวต่างชาติเดินทางเข้าภูเก็ตเฉลี่ย 9,000 คนต่อวัน พร้อมวางเป้าตลอดปี 2565 นี้น่าจะมีชาวต่างชาติเข้าภูเก็ตรวม 4 ล้านคน

จากตัวเลขนี้ พราวพุธมองว่า สวนน้ำ อันดามันดา จะดึงนักท่องเที่ยวได้ราว 10% ของนักท่องเที่ยวที่เข้ามาภูเก็ตทั้งหมด จึงตั้งเป้าทราฟฟิกชาวต่างชาติปี 2565 ไว้ที่ 4 แสนคน ยังไม่นับรวมนักท่องเที่ยวไทยที่จะเข้ามา

เป้าหมายคาดการณ์ตัวเลขนักท่องเที่ยว และกลุ่มนักท่องเที่ยวหลัก

สำหรับชาวต่างชาติที่จะดึงมาท่องเที่ยวสวนน้ำ มีการปรับตัวตามสภาวะตลาดที่เปลี่ยน จากช่วงเริ่มโครงการยังเป็นยุคของ ‘นักท่องเที่ยวจีน’ แต่วันนี้จีนยังไม่เปิดประเทศ ทำให้เป้าหมายหลักทั้งของภูเก็ตและสวนน้ำ อันดามันดา ต้องเบนเข็มไปหาชาวออสเตรเลีย, อินเดีย, ยุโรป, อิสราเอล, UAE

โดยเฉพาะ “อินเดีย” นั้น ภูมิกิตติ์กล่าวว่านิยมเที่ยวไทยมาก ปัจจุบันมีการเดินทางเข้ามาเฉลี่ย 1,000 คนต่อวัน มีไฟลท์บินตรงเข้าภูเก็ตจากหลายเมืองของอินเดีย

 

เป้าระยะยาว 1 ล้านคนต่อปี “สวนน้ำ” คือจุดหมายยอดฮิต

ส่วนเป้าหมายระยะยาว พราวพุธมองว่า ถ้าหากการท่องเที่ยวประเทศไทยและภูเก็ตฟื้นตัวเต็มที่ได้เท่าปี 2562 เชื่อว่าจะมีทราฟฟิกเข้าสวนน้ำปีละ 1 ล้านคน แบ่งสัดส่วน 70% เป็นชาวต่างชาติ และ 30% เป็นคนไทย โดยกลุ่มคนไทยจะเป็นกลุ่มสำคัญ เพราะเห็นบทเรียนจากช่วงโควิด-19 ไม่ควรพึ่งพิงตลาดใดตลาดหนึ่งทั้งหมด

“พราวพุธ ลิปตพัลลภ” กรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท พราว

พราวพุธมองกระแส “สวนน้ำ” ยังคงมีเสน่ห์ทางการท่องเที่ยว เพราะเป็นกิจกรรมที่นิยมของชาวตะวันตกอยู่แล้ว ขณะที่กลุ่มเอเชียก็เริ่มชื่นชอบมากขึ้น เพราะเป็นสถานที่ที่เหมาะกับครอบครัว สอดรับกับกระแสที่สำรวจโดยบัตร American Express พบว่า 79% ของนักท่องเที่ยวหลังผ่านโรคระบาด ต้องการจะท่องเที่ยวกับ “ครอบครัว” ก่อนเป็นอันดับแรก

ผลลัพธ์ของจริงอาจจะไม่ต้องสำรวจที่ไหนไกล พราวพุธระบุว่า สวนน้ำ วานา นาวา หัวหิน วันนี้มีทราฟฟิกกลับมาแล้ว 70-80% ของช่วงก่อนเกิดโควิด-19 เป็นที่ชื่นชอบของพ่อแม่ผู้ปกครองที่พาบุตรหลานมาพักผ่อน เหลือเพียงการจัดงานอีเวนต์ปาร์ตี้ที่ถ้าหากฟื้นกลับมาเต็มสูบ เชื่อว่ากิจกรรมสวนน้ำจะกลับมาบูมเหมือนเก่าได้ไม่ยาก

]]>
1384633
สวนน้ำ “วานา นาวา” หัวหิน ฟื้นตัววันหยุดแต่วันธรรมดายังซึม รอ “ทัศนศึกษา” ช่วยดันยอด https://positioningmag.com/1298810 Fri, 25 Sep 2020 15:31:58 +0000 https://positioningmag.com/?p=1298810 สวนน้ำ “วานา นาวา” หัวหิน ฟื้นตัววันหยุดหลังสถานการณ์ COVID-19 คลี่คลาย แต่วันธรรมดายังไม่ดีเท่าที่ควร เนื่องจากไม่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเสริม อัดโปรโมชันพ่วงโปรโมตเครื่องเล่นใหม่ “VR Slide” ดึงลูกค้า หวังช่วงพฤศจิกายนนี้กลับมาบูมหลัง ศธ. อนุมัติให้เริ่มจัดทริปทัศนศึกษาของนักเรียนได้

“พราวพุธ ลิปตพัลลภ” กรรมการบริหาร บริษัท พราว เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนา สวนน้ำ วานา นาวา หัวหิน กล่าวถึงสถานการณ์การท่องเที่ยวในหัวหินว่าฟื้นตัวแล้ว แต่ยังไม่เท่ากับช่วงก่อนเกิดวิกฤตโรคระบาด COVID-19 โดยวันหยุดสุดสัปดาห์หัวหินจะคึกคักเนื่องจากเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของคนไทยช่วงนี้ แต่วันธรรมดาค่อนข้างเงียบเหงาเพราะไม่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ และเด็กนักเรียนเปิดเทอมแล้ว

โดยย้อนไปก่อนหน้านี้ สวนน้ำวานา นาวาเปิดบริการอีกครั้งเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2563 ตามการคลายล็อกดาวน์ของรัฐบาล ระยะแรกจำกัดจำนวนคนเข้าใช้บริการไม่เกิน 600 คนต่อวัน เพื่อให้เว้นระยะห่างระหว่างกัน พื้นที่กว้าง 1 คนต่อ 20 ตร.ม. จากปกติสวนน้ำจุคนได้สูงสุด 3,000 คนต่อวัน

ต่อมามีความเห็นจากลูกค้าว่าจำกัดจำนวนน้อยเกินไป ทำให้สวนน้ำดูเงียบเหงา จึงปลดล็อกมารับลูกค้าตามปกติ ยกเว้นบนเครื่องเล่น ยังมีการเว้นที่นั่งจากกันอยู่

VR Slide เครื่องเล่นใหม่ในสวนน้ำ วานา นาวา หัวหิน

จนถึงปัจจุบัน ทราฟฟิกลูกค้าสวนน้ำในช่วงวันหยุดยาวมีประมาณ 1,500 คนต่อวัน ส่วนวันหยุดสุดสัปดาห์ปกติประมาณ 1,000 คนต่อวัน ขณะที่วันธรรมดาตัวเลขจะต่ำกว่านั้นมาก

พราวพุธกล่าวว่า การบริหารช่วงนี้เน้นใช้การโปรโมตเครื่องเล่นใหม่อย่าง VR Slide เป็นเครื่องเล่นแนวสนุกผจญภัย ให้ผู้เล่นสวมแว่น VR ระหว่างเล่นสไลเดอร์ยักษ์ ได้ประสบการณ์ใหม่ตื่นเต้นเสมือนจริง และเป็นเครื่องแรกที่มีในทวีปเอเชีย ที่จริงแล้วเครื่องเล่นนี้เปิดตัวก่อนเกิดการล็อกดาวน์เพียง 2 สัปดาห์ ทำให้ต้องมาเปิดตัวสร้างกระแสใหม่อีกครั้ง

นอกจากนี้ ในแง่โปรโมชันราคาก็ยังจำหน่ายบัตรราคาต่ำกว่าปกติอยู่ โดยจำหน่ายในราคา 800 บาทต่อคน จากปกติ 1,200 บาทต่อคน เฉพาะงานไทยเที่ยวไทยเมื่อต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมายังจัดราคาพิเศษสุด 499 บาทต่อคน ได้รับเสียงตอบรับในงานเป็นที่น่าพอใจ

ส่วนการแก้โจทย์วันธรรมดา พราวพุธมองว่าก็คงต้องเป็นไปตามสถานการณ์ แต่หวังว่าเดือนพฤศจิกายนนี้จะกลับมาคีกคักขึ้น เพราะกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) อนุญาตให้กลับมาจัดทัศนศึกษาได้

ขณะที่การเปิดโครงการนำร่องรับนักท่องเที่ยวต่างชาติแบบ Longer Visa เข้าไทยได้เริ่มวันที่ 1 ตุลาคมนี้ คาดว่าผลบวกคงมีไม่มากนัก เพราะยังเปิดโควตาน้อยเพียงเดือนละ 1,200 คน “แต่อย่างไรก็ดีกว่ายังไม่เริ่ม คิดว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่จะช่วยสร้างความมั่นใจ” พราวพุธกล่าว

ด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่าอื่นๆ ของพราว เรียล เอสเตทในหัวหินมีสภาวะเดียวกับสวนน้ำ คือ โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล หัวหิน รีสอร์ต อัตราเข้าพักเฉลี่ยเมื่อเดือนสิงหาคมอยู่ที่ 60% โดยอัตราเข้าพักต่างกันมากระหว่างวันหยุดสุดสัปดาห์กับวันธรรมดา ส่วนศูนย์การค้า บลูพอร์ต (ร่วมทุนกับเดอะมอลล์ กรุ๊ป) พราวพุธกล่าวว่าปรับตัวดีขึ้นเรื่อยๆ แต่ต้องยอมรับว่ายอดขายอาจจะดีแค่บางส่วนเพราะเป็นตลาดขณะนี้เป็นกลุ่มคนไทย โซนที่คึกคักจึงเป็นโซนซูเปอร์มาร์เก็ต

]]>
1298810
ควัก 3 พันล้าน ทุบปราสาท “สวนสยาม” พลิกสู่ “สยามเมืองบางกอก” https://positioningmag.com/1156950 Wed, 14 Feb 2018 08:50:47 +0000 https://positioningmag.com/?p=1156950 ธุรกิจสวนสนุกในประเทศไทย ปัจจุบันไม่ใช่ขาขึ้นมากนัก เพราะจากข้อมูลของสมาคมสวนสนุกโลก (IAAPA) ระบุว่า สถานการณ์ตลาดไม่ค่อยมีการเคลื่อนไหวมากนัก เพราะยุคนี้มีสิ่งดึงดูดผู้บริโภคมากขึ้น เช่น สวนน้ำ ความบันเทิงกึ่งการเรียนรู้ (Edutainment) ที่เข้ามาแย่งตลาดมากขึ้น ทำให้สถานการณ์ของเจ้าตลาดสวนสนุกในประเทศไทยอย่างสวนสยามทะเลกรุงเทพฯเผชิญภาวะรายได้ดิ่งลง ไม่เพียงแค่รายเดียว แต่คู่แข่งในสนามเดียวกันอย่างดรีมเวิลด์ก็เหนื่อยไม่แพ้กัน

เพื่อไม่ให้ธุรกิจเจ็บตัว “ไชยวัฒน์ เหลืองอมรเลิศ” ประธานคณะกรรมการ กลุ่มบริษัทสยามพาร์คซิตี้ จำกัด ผู้ก่อตั้งสวนสยามฯ เลยต้องปรับแผนพัฒนาพื้นที่โครงการใหม่สวนสยามเนื้อที่ 400 ไร่ใหม่ ยอมทุบทิ้งอาคารทางเข้าที่เป็นปราสาทอันเป็น “ไอคอนิค” ของโครงการที่สร้างยาวนานกว่า 40 ปี เพื่อนำพื้นที่บริเวณดังกล่าว 70 ไร่ ไปลุยโปรเจกต์ใหม่ “สยามเมืองบางกอก” มูลค่า 3,000 ล้านบาท ส่วนสวนน้ำยังเปิดบริการปกติ

“สิ่งหนึ่งที่ต้องทำทั้งที่ไม่อยากทำก็คือ การทุบทิ้งอาคารทางเข้าด้านหน้าที่เป็นปราสาททางเข้าสวนสยาม สัญลักษณ์ที่สร้างมานานกว่า ทศวรรษ” ไชยวัฒน์ บอกถึงความรู้สึก

สำหรับโครงการสยามบางกอก มีพื้นที่รวม 6,000 ตารางเมตร (ตร.ม.) แบ่งการพัฒนาเป็น เฟส โดยเฟสแรกจะลงทุน 300 ล้านบาท เพื่อทำจุดจำหน่ายบัตร จุดประชาสัมพันธ์ ห้องจัดเลี้ยง ห้องประชุม พื้นที่การค้า เป็นต้น ซึ่งจะแล้วเสร็จไตรมาส ปีหน้า

เฟส จะก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่ จำนวน 13 อาคาร สำหรับการจำลองวิถีชีวิตของคนกรุงเทพฯ สมัยเก่ามาไว้ให้ชม เช่น ศาลาเฉลิมไทย ศาลาเฉลิมกรุง ห้างแบดแมนแอนด์โก ห้างบีกริมแอนด์โก คลองถม สำเพ็ง เยาวราชไชน่าทาวน์ บ้านพระอาทิตย์ เรียกว่าเป็นการดึงสถานที่แม่เหล็กที่เคยเป็นแหล่งไลฟ์สไตล์และการท่องเที่ยวของคนกรุงมาไว้ในที่เดียวเสร็จสรรพ

สยามเมืองบางกอก

ภายในโครงการยังมีเรือนขนมปังขิง เพื่อเป็นแหล่งจำหน่ายสินค้าชุมชน โอทอป ทั่วประเทศด้วย เพื่อให้พ่อค้าแม่ขายมีช่องทางจำหน่ายสินค้า แต่อีกมุมหนึ่งเป็นการสร้างรายได้ให้กับทางโครงการ เพราะสวนสยามไม่ได้มีแค่นักท่องเที่ยวชาวไทยที่ไปเยือน แต่ยังมีต่างชาติเข้าไปหาความสนุกสนาน เมื่อกลับออกจากโครงการก็จะได้ซื้อสินค้าที่ระลึกของฝากติดไม้ติดมือกลับไปได้ โดยเฟส นี้ คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในปี 2563  

โครงการสยามบางกอกนี้จะใช้เวลาคืนทุนไม่ต่ำกว่า 10-15 ปี แต่จะเป็น “จิ๊กซอว์” สำคัญให้กับสยามพาร์คหลายด้าน ตั้งแต่การเพิ่มรายได้ของบริษัท จากเกือบ 500 ล้านบาท ในปี 2560 จะเพิ่มเป็น 1,500 ล้านบาทต่อปี และมีผู้ใช้บริการรวม 3 ล้านคน ช่วยดึงกลุ่มเป้าหมายนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามามากขึ้นเป็น 50% จากเดิมสัดส่วน 30% และคนไทย 70% ช่วยบาลานซ์พอร์ตโฟลิโอลูกค้าได้เป็นการกระจายความเสี่ยงในการทำเงินที่ไม่กระจุกตัวอยู่แค่กลุ่มเป้าหมายเดียว

เมื่อรายได้เพิ่ม ยังเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้บริษัท “มีโอกาส” นำบริษัทเข้าไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ภายใน ปีข้างหน้า หลังจากที่ผ่านมามีความพยายามที่จะระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ แล้ว แต่ยังมีปัญหาเรื่องผลประกอบการ ทำให้เป็นอุปสรรคในการยื่นแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ไม่ผ่าน

อย่างไรก็ตาม ความมุ่งมั่นในการเข้าตลาดครั้งนี้ มีความชัดเจนอีกครั้ง เพราะบริษัทได้ ใน Big4 ผู้ตรวจสอบบัญชี อย่าง EY มาเป็นที่ปรึกษาทางการเงินเรียบร้อยแล้ว

“เคยคิดจะเข้าตลาดหุ้นมานานแล้ว นึกว่าเข้าง่าย เอาเข้าจริงมันยาก เพราะบริษัทต้องมีความพร้อมทั้งด้านการบริการ จัดการ รายได้ กำไร เราต้องทำกำไรให้กับผู้ถือหุ้น ต้องมีการจัดการที่ดี แต่ตอนนี้มีรุ่นลูกเข้ามาช่วยรับช่วงบริหารและสานโปรเจกต์ต่อแล้ว  ไชยวัฒน์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลของสมาคมสวนสนุกโลก (IAAPA) ระบุว่า ในปี 2558 ธุรกิจสวนสนุกไทยมีมูลค่าประมาณ 1,500-2,000 ล้านบาท เท่านั้น และมีการเติบโตค่อนข้างน้อย โดยตลาดยังแบ่งย่อยเป็น หมวดได้แก่ สวนสนุกกลางแจ้ง ธีมพาร์ค เช่น สวนสยามฯ ดรีมเวิลด์ฯ และสวนสนุกในร่ม ซึ่งอยู่ตามศูนย์การค้าต่างๆ รวมจำนวนสวนสนุกกว่า 20 แห่ง แต่ละปีมีนักท่องเที่ยวไปใช้บริการประมาณ 5-10 ล้านคน.

]]>
1156950
“ซีพีเอ็น” ทุ่ม 400 ล้าน รีโนเวตลีโอแลนด์ สู่ “โพโรโระ อควาพาร์ค” ที่เซ็นทรัล บางนา https://positioningmag.com/62138 Mon, 04 Jan 2016 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=62138

จากกระแสของสวนน้ำที่เป็นที่นิยมในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา มีผู้เล่นต่างเข้ามาจับจองพื้นที่สวนน้ำในประเทศไทยมากมาย แต่ส่วนใหญ่จะอยู่ในเมืองท่องเที่ยวทั้งสิ้นอย่าง พัทยา หัวหิน หรือภูเก็ต ส่วนในเมืองหลวงอย่างในกรุงเทพฯ ยังไม่มีผู้เล่นที่มาลงทุนจริงจังเสียที ด้วยสาเหตุหลักคือทำเลที่ตั้งยังไม่มีพื้นที่ขนาดใหญ่รองรับสวนน้ำได้ขนาดนั้น

แต่ถึงเวลานี้ชาวกรุงฯ ก็ได้เวลาเฮได้แล้ว เพราะทางบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน ) หรือ ซีพีเอ็น ได้ทุ่มงบกว่า 400  ล้านบาท รีโนเวตสวนน้ำ “ลีโอแลนด์” ให้กลายเป็นสวนน้ำลอยฟ้าขนาดใหญ่ “โพโรโระ อควาพาร์ค กรุงเทพฯ” ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล บางนา บนพื้นที่ใหญ่กว่า 10,000 ตารางเมตร พร้อมทั้งดึงคาแร็กเตอร์ “โพโรโระ(Pororo)” เพนกวินตัวจิ๋ว คาแร็กเตอร์การ์ตูนสุดดัง จากประเทศเกาหลี เพื่อเอาใจลูกค้ากลุ่มเด็ก และได้อิมพอร์ตเครื่องเล่นใหม่จากประเทศแคนนาดา

ดร. ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาดของซีพีเอ็นกล่าวว่า “ในปี 2558 นอกจากมีการเปิดตัวโครงการใหญ่ๆ หลายโครงการแล้ว เรายังมีแผนรีโนเวตศูนย์การค้าเดิมให้มีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น ได้แก่ เซ็นทรัลพลาซา ปิ่นเกล้า และเซ็นทรัลพลาซา บางนา โดยในส่วนของเซ็นทรัลพลาซา บางนา ได้มีการปรับปรุงสวนน้ำลอยฟ้า “ลีโอแลนด์” โดยเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “โพโรโระ อควาพาร์ค” และปรับเปลี่ยนรูปโฉมใหม่ ดึงคาแร็กเตอร์การ์ตูนยอดฮิต จากเกาหลี “โพโรโระ (Pororo) มาสร้างสีสัน ความสดใส น่ารัก เอาใจกลุ่มลูกค้าวัยเด็ก นอกจากนี้ ยังอิมพอร์ตเครื่องเล่นใหม่จากประเทศแคนนาดามาเพิ่มความสนุกสุดมันส์แบบเอ็กซ์ตรีม

นอกจากบริการสวนน้ำและเครื่องเล่น ยังมีบริการเสริมอื่นๆ เช่น บริการจัดกิจกรรมหรือปาร์ตี้, บริการสอนว่ายน้ำ หรือกิจกรรมเสริมทักษะทางการเรียนรู้สำหรับเด็ก พร้อมการแสดงโชว์บนเวทีของเหล่าแก๊งการ์ตูนโพโรโระ ซีพีเอ็นตั้งเป้าถึงการรีโนเวตครั้งนี้ จะสามารถช่วยเพิ่มทราฟฟิกลูกค้ากลุ่มครอบครัว และกลุ่มวัยรุ่นให้กับศูนย์ฯ คาดว่า ทราฟฟิกจะเพิ่มขึ้นประมาณ 15-20% รองรับทั้งลูกค้าชาวไทย และชาวต่างชาติ”

ค่าบริการสวนน้ำรายวันของ โพโรโระ อควาพาร์ค สำหรับผู้ใหญ่ ราคา 400 บาท, ผู้สูงอายุ ตั้งแต่ 60 ปี ขึ้นไป ราคา 280 บาท, เด็กที่มีความสูงตั้งแต่ 90 – 120 ซม. ราคา 280 บาท และเด็กที่มีความสูงต่ำกว่า 90 ซม. เข้าฟรี ค่าบริการแบบสมาชิกรายปี ราคา 4,000 บาท / ปี

 

]]>
62138