“แหงนหน้าเห็นท้องฟ้า ระดับสายตาเห็นต้นไม้ ก้าวเท้าเหยียบผืนทราย” คือแนวคิดการออกแบบโปรเจ็กต์รีเทลใหม่ของ “เซ็นทรัล” ที่ “วงศ์อมาตย์ บีช วิลเลจ” เห็นภาพการสร้างศูนย์การค้าที่แตกต่าง โดยจะเป็นมอลล์แห่งแรกในไทยที่มีพื้นที่ติดหน้าหาดแบบไม่มีถนนกั้น พร้อมถมทรายในโครงการ เป็น ‘บีช ปาร์ค’ ท่ามกลางต้นไม้ใหญ่
โปรเจ็กต์พิเศษนี้อยู่ภายใต้การนำของ “พงศ์ ศกุนตนาค” กรรมการผู้จัดการใหญ่ สายพัฒนาธุรกิจ กลุ่มเซ็นทรัล หน่วยธุรกิจที่ดูแลโครงการรีเทลพิเศษของเซ็นทรัลซึ่งไม่อยู่ภายใต้เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น หรือเซ็นทรัลพัฒนา ปัจจุบันมีโครงการในมือ 10 แห่ง เช่น ปอร์โต เดอ ภูเก็ต, ตลาดจริงใจ เชียงใหม่, ไชน่าเวิลด์ วังบูรพา, หัวหมาก ทาวน์เซ็นเตอร์, มาร์เก็ต เพลส วงศ์สว่าง รวมแล้วทำรายได้กว่า 3,000 ล้านบาทต่อปี
ทำให้โครงการ “วงศ์อมาตย์ บีช วิลเลจ” จะเป็นโครงการที่ 11 และพลิกโฉมการพัฒนารีเทลแบบดั้งเดิม เพราะคอนเซ็ปต์โครงการออกแบบเป็น Unique Natural Beach Park and Lifestyle Mall แห่งแรกของประเทศไทย ใช้งบลงทุน 3,000 ล้านบาท
ทำเลของโครงการนี้เป็นที่ดินเก่าของ “เซ็นทรัล” ตั้งอยู่ติดหาดวงศ์อมาตย์ ห่างจากโรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ มิราจ บีช พัทยา 200 เมตร เดินทางเข้าได้ทั้งทางซอยนาเกลือ 16 และซอยนาเกลือ 18 พื้นที่โครงการแบ่งเป็น 3 เฟส บริเวณติดหาดเฟส 1-2 พื้นที่ 13 ไร่ และเฟส 3 มีพื้นที่ 55 ไร่
ด้วยความที่ทำเลติดหน้าหาดกว้าง 90 เมตรโดยไม่มีถนนกั้น ทำให้เป็นมอลล์แห่งแรกที่สามารถออกแบบเป็น บีช ปาร์ค ได้ การออกแบบโครงการจะกลมกลืนกับธรรมชาติให้มากที่สุด ร้านค้าทั้งหมดจะเป็นอาคารชั้นเดียว ถมทรายภายในโครงการให้เหมือนกับเดินบนชายหาด เก็บต้นไม้ใหญ่ไว้ และมีพื้นที่สีเขียวถึง 75% นักท่องเที่ยวจะได้บรรยากาศความสงบ ไม่แออัด
ด้านการวางคอนเซ็ปต์ไลฟ์สไตล์ จะแบ่งพื้นที่ 70% ให้กับร้านอาหาร คาเฟ่ และ 30% เป็นร้านค้าปลีก เน้นการเป็น Central of Life คือสามารถเข้ามาใช้ชีวิตได้ทุกกลุ่ม ทุกวัย อยู่ได้ทั้งวัน ตั้งแต่มื้อเช้า จิบกาแฟ ทานอาหารกลางวัน ช้อปปิ้ง ชมพระอาทิตย์ตกดิน ทานอาหารเย็น และปาร์ตี้ยามค่ำคืน
ไฮไลต์อีกส่วนคือ “กิจกรรม” ที่จะใช้ประโยชน์เต็มที่จากพื้นที่ติดหาดของศูนย์ฯ เช่น กิจกรรมโยคะ วาดภาพ วอลเลย์บอลชายหาด ชมภาพยนตร์ริมหาด จนถึงงานดนตรี
เจาะกลุ่มเป้าหมาย “ตลาดบน”
พงศ์กล่าวต่อว่า เซ็กเมนต์ที่มุ่งเป้าของ “วงศ์อมาตย์ บีช วิลเลจ” จะเป็นกลุ่มระดับบน ให้สอดคล้องกับพื้นที่รอบข้าง เพราะบริเวณหาดวงศ์อมาตย์เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยระดับไฮเอนด์ แวดล้อมด้วยโรงแรม 5 ดาว ทำให้ร้านค้า-ร้านอาหารจะเป็นระดับพรีเมียม ขณะนี้มีจองพื้นที่แล้ว 50% จากร้านค้า 29 ร้าน ค่าเช่าที่เฉลี่ย 5,000 บาทต่อตร.ม.
ร้านที่เปิดเผยได้แล้วว่าจะมีการเปิดสาขาคือ Siwilai City Club ขยายออกจาก เซ็นทรัล เอ็มบาสซี และจากภาพเพอร์สเปคทีฟ เราอาจจะได้เห็น % Arabica สาขาใหม่ที่นี่
กลุ่มเป้าหมายของโครงการ พงศ์คาดว่าจะเป็นชาวไทย 60-70% และชาวต่างชาติ 30-40% และหากมองในระยะยาว เมื่อเฟส 3 สร้างเสร็จ คาดว่าจะมีทราฟฟิกเข้ามาถึงปีละ 1 ล้านคน เพราะอนาคตพัทยาจะมีรถไฟความเร็วสูงตัดผ่าน และจะทำให้การมาพัทยาสะดวกยิ่งขึ้น
เฟสแรกของโครงการคาดสร้างเสร็จธันวาคม 2565 และเฟส 2 จะสร้างต่อเนื่องในปี 2566 ส่วนเฟส 3 นั้นยังต้องรอรายละเอียดต่อไปว่า “เซ็นทรัล” จะออกแบบพัฒนาอย่างไร
สำหรับโปรเจ็กต์พิเศษลักษณะนี้ที่อยู่ภายใต้กลุ่มเซ็นทรัล พงศ์ระบุว่า ปกติจะใช้เวลา 2-3 ปีในการเปิดตัว 1 โครงการ โครงการก่อนหน้านี้ที่เปิดไปคือ ปอร์โต เดอ ภูเก็ต ศูนย์การค้าแบบ open air ย่านหาดบางเทา ซึ่งในช่วงเปิดตัวใหม่ถือว่าได้รับการตอบรับที่ดี แต่โชคร้ายที่หลังเปิดตัวเพียง 4 เดือนก็เผชิญกับสถานการณ์ COVID-19 แต่เชื่อว่าหลังจากเปิดประเทศแล้วจะกลับมาคึกคัก ทำให้บริษัทเตรียมขยายเฟส 2 ต่อช่วงปี 2566
พื้นที่พัทยานั้นกำลังเนื้อหอมรับการเปิดประเทศ นอกจากกลุ่มเซ็นทรัลแล้ว ก่อนหน้านี้ AWC ของตระกูลสิริวัฒนภักดีก็เพิ่งแย้มรายละเอียดโครงการ อควอทิค พัทยา บริเวณพัทยากลาง ติดตามอ่านได้ที่นี่