แควนตัสทุ่ม 7,750 ล้านบาท ปรับที่นั่งและบริการความบันเทิงภายในห้องโดยสารเครื่องบิน โบอิ้ง 747 ด้วยประสบการณ์แบบเดียวกับเที่ยวบินแอร์บัส A380

แควนตัสทุ่ม 7,750 ล้านบาท (250 ล้านเหรียญออสเตรเลีย) ติดตั้งที่นั่งภายในห้องโดยสารเครื่องบิน โบอิ้ง 747-400 ใหม่ เป็นแบบเดียวกับที่นั่งภายในเครื่องบินแอร์บัส A380 พร้อมระบบบริการความบันเทิงภายในเครื่องบินเพียบ โดยงบประมาณลงทุนดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของแผนงานกลยุทธ์ของ แควนตัส กรุ๊ป เพื่อให้ลูกค้าได้รับการบริการที่ทันสมัย สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า และสามารถแข่งขันในโลกการบินที่มีการแข่งขันกันสูงได้

มร.อลัน จอยส์ ประธานกรรมการบริหาร สายการบิน แควนตัส เปิดเผยว่า “การตกแต่งภายในเครื่องบิน โบอิ้ง 747 ใหม่จะช่วยสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ในการเดินทางให้กับผู้โดยสารของสายการบิน แควนตัส โดยการติดตั้งที่นั่งแบบในเครื่องบินแอร์บัส A380 จะช่วยให้ผู้โดยสารได้รับความสะดวกสบายมากขึ้นทั้งในส่วนของที่นั่งและความบันเทิงภายในเครื่องบิน โดยนับตั้งแต่ที่สายการบิน แควนตัส ได้เปิดตัวให้บริการด้วยเครื่องบินแอร์บัส A380 ในเดือนตุลาคม 2551 ปรากฏว่าความต้องการที่นั่งโดยสารบนเครื่องบินดังกล่าวมีอย่างล้นเหลือ ดังนั้น โครงการปรับที่นั่งโดยสารภายในเครื่องบินโบอิ้ง 747 จะช่วยตอบรับความต้องการของผู้โดยสารและส่งเสริมโอกาสการเดินทางไปยังจุดหมายต่างๆ มากขึ้นกับประสบการณ์การเดินทางระดับพรีเมี่ยม

สำหรับเครื่องบินโบอิ้ง 747 แต่ละลำจะมีที่นั่งทั้งหมด 364 ที่นั่ง แบ่งเป็นห้องโดยสารที่นั่งชั้นธุรกิจ 58 ที่นั่ง ห้องโดยสารที่นั่งชั้นพรีเมี่ยมอิคอนโนมี่ (ชั้นประหยัดพิเศษ) 36 ที่นั่ง และห้องโดยสารชั้นประหยัด 270 ที่นั่ง ที่นั่งทั้ง 3 ชั้นได้รับรางวัลด้านการดีไซน์และความสะดวกสบาย รวมถึงรางวัลดีไซน์ยอดเยี่ยมนานาชาติของประเทศออสเตรเลีย ประจำปี พ.ศ.2552 (2009 Australian International Design Award) สำหรับที่นั่งชั้นประหยัด

นอกจากนั้น ผู้โดยสารยังจะได้สัมผัสประสบการณ์ความบันเทิงภายในเครื่องบินที่มีรายการความบันเทิงให้เลือกกว่า 1,500 รายการ รวมถึงบาร์บริการอาหารว่างในชั้นประหยัดที่ผู้โดยสารสามารถเลือกรับประทานและดื่มได้เองตลอดการเดินทาง ขณะเดียวกัน ภายในห้องโดยสารเครื่องบินโบอิ้ง 747 ยังมีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของที่นั่ง สายไฟ อุปกรณ์ต่างๆ และระบบความบันเทิงภายในห้องโดยสารที่อยู่ติดกับเบาะที่นั่ง รวมถึงส่วนเตรียมอาหาร ทั้งนี้เครื่องบินแต่ละลำจะใช้เวลาปรับที่นั่งและบริการต่างๆ ภายในห้องโดยสารราว 6 สัปดาห์

มร.จอยส์ กล่าวเสริมว่า “โครงการปรับที่นั่งโดยสารและการบริการภายในห้องโดยสารของเครื่องบินโบอิ้ง 747 ได้ใช้เจ้าหน้าที่ที่ศูนย์วิศวกรรมซ่อมบำรุงที่อะวาลอนปฏิบัติงาน 120 คน หลังจากที่ชนะการประกวดราคา รวมทั้งได้มีการจ้างงานเพิ่มอีก 400 ตำแหน่ง ทั้งนี้ สายการบิน แควนตัส มีความภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ 90% ของงานวิศวกรรมซ่อมบำรุงมีการปฏิบัติงานในประเทศออสเตรเลีย ทั้งนี้ สายการบิน แควนตัส มีศูนย์ซ่อมบำรุงอยู่ในเมลเบิร์น บริสเบน ซิดนีย์ และที่อะวาลอน แอร์ฟิลด์ ซึ่งไม่มี สายการบินหลักๆ สายใดเลยที่มีศูนย์ซ่อมบำรุงอยู่ในออสเตรเลีย”

สำหรับเครื่องบินโบอิ้ง 747 ลำแรกที่ได้รับการปรับโฉมที่นั่งและบริการความบันเทิงภายในห้องโดยสารลำแรกจะให้บริการในเส้นทางบินระหว่างบริสเบนและลอสแองเจลิส ซึ่งให้บริการ 3 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ในเดือนตุลาคม 2554 ส่วนเครื่องบินโบอิ้ง 747 อีก 8 ลำที่เหลือจะให้บริการในเส้นทางบินนานาชาติภายในสิ้นปี พ.ศ.2555 ทั้งนี้ สายการบิน แควนตัส ยังไม่ได้ระบุว่าจะให้บริการในเส้นทางบินไหน ทั้งนี้เมื่อถึงสิ้นปี พ.ศ.2555 สายการบิน แควนตัส จะมีเครื่องบินแอร์บัส A380 ให้บริการทั้งหมด 14 ลำ และเครื่องบินโบอิ้ง 747 ที่ปรับโฉมแล้วให้บริการอีก 9 ลำ

อนึ่ง จากเส้นทางกรุงเทพฯ สายการบิน แควนตัส ให้บริการเที่ยวบินตรงไป-กลับ กรุงเทพฯ – ซิดนีย์-กรุงเทพฯ ทุกวัน รวม 7 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ และกรุงเทพฯ-ลอนดอน-กรุงเทพฯ ทุกวัน รวม 7 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ โดยผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดการบริการของสายการบินฯ ได้ที่ 02 627 1701 หรือ คลิกไปที่เว็บไซต์ www.qantas.com

สายการบิน แควนตัส ร่วมกับบัตรเครดิตกรุศรี เสนอตั๋วโดยสารราคาพิเศษชั้นธุรกิจ และชั้นประหยัดแก่สมาชิกบัตรกรุงศรีที่ต้องการเดินทางไปประเทศออสเตรเลีย และสหราชอาณาจักร ถึง 30 มิถุนายน 2554

สำหรับตั๋วโดยสารชั้นธุรกิจ กรุงเทพฯ-ประเทศออสเตรเลีย (รวมซิดนีย์ เมลเบิร์น อะดิเลด และบริสเบน)-กรุงเทพฯ จำหน่ายในราคาเริ่มต้น 99,700 บาท พร้อมรับสิทธิ์เลื่อนระดับชั้นโดยสารจากชั้นธุรกิจเป็นชั้นเฟิร์สคลาสระหว่างการเดินทาง 1 ครั้ง ส่วนผู้โดยสารที่ซื้อตั๋วโดยสารชั้นประหยัดในราคาเริ่มต้น 23,090 บาทจะได้รับสิทธิ์สามารถนำกระเป๋าบรรทุกน้ำหนักได้เพิ่มอีก 10 กิโลกรัม

ส่วนเส้นทาง กรุงเทพฯ-สหราชอาณาจักร (รวมกรุงลอนดอน แมนเชสเตอร์ อเบอร์ดีน เอดินเบิร์ก กลาสโกลว์ เจอร์ซีย์ และนิวคาสเซิล)–กรุงเทพฯ ราคาตั๋วโดยสารชั้นธุรกิจเริ่มต้นที่ 175,000 บาท โดยจะได้รับสิทธิ์เลื่อนชั้นโดยสารจากชั้นธุรกิจเป็นชั้นเฟิร์สคลาสระหว่างการเดินทาง 1 ครั้ง ส่วนตั๋วโดยสารชั้นประหยัดจำหน่ายในราคาเริ่มต้น 23,590 บาท โดยผู้โดยสารจะได้รับสิทธิ์สามารถนำกระเป๋าบรรทุกน้ำหนักได้เพิ่มอีก 10 กิโลกรัมเช่นกัน

ราคาตั๋วโดยสารดังกล่าวไม่รวมอัตราภาษีสนามบิน ค่าบริการ ประกัน ภาษีน้ำมัน และค่าบริการอื่นๆ โดยตั๋วโดยสารมีอายุ 1 ปี

สมาชิกบัตรเครดิตกรุงศรีที่สนใจ สามารถสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับโปรโมชั่นดังกล่าวได้ที่ สายการบิน แควนตัส โทรศัพท์ 02 627 1701 หรือคลิกดูการบริการของสายการบินฯ ที่เว็บไซต์ www.qantas.com หรือสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับบริการบัตรเครดิตกรุงศรีที่โทรศัพท์ 02 646 3000 หรือคลิก www.krungsricard.com

แควนตัสและเจ็ทสตาร์เป็นสายการบินชั้นนำรายแรกที่ได้รับใบรับรองคาร์บอนสมดุล (Carbon neutral) จากการจัดทำโครงการชดเชยคาร์บอนตามมาตรฐานการชดเชยคาร์บอนแห่งชาติ (NCOS) ใหม่ของรัฐบาลออสเตรเลีย ทั้งนี้โครงการคาร์บอนสมดุลตามมาตรฐาน NCOS (NCOS Carbon Neutral Program) เป็นโครงการแบบสมัครใจ จัดทำขึ้นโดยองค์การออสเตรเลียน คาร์บอน ทรัสต์ (Australian Carbon Trust) เพื่อให้ธุรกิจต่างๆ ในประเทศออสเตรเลียนำมาตรฐาน NCOS ไปใช้วัด ลด และชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจหรือผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของตน

นางเม็ก แมคโดนัลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร องค์การออสเตรเลียน คาร์บอน ทรัสต์ กล่าวว่า “ลูกค้าของแควนตัสและเจ็ทสตาร์สามารถเลือกเดินทางด้วยเที่ยวบินคาร์บอนสมดุลซึ่งไม่สร้างคาร์บอนให้แก่สิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้น โดยบริจาคเงินเพื่อชดเชยการมีส่วนในการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จาก การเดินทางทางอากาศ และด้วยความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศที่เพิ่มขึ้น ทำให้โครงการชดเชยคาร์บอนเป็นอีกหนึ่งแนวทางที่สนับสนุนผู้โดยสารทั่วไปและนักธุรกิจให้เข้าร่วมดูแลและจัดการการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศได้ด้วยตนเองอย่างรวดเร็วและจริงจัง ดังนั้น การเลือกเดินทางด้วยเที่ยวบินที่มีคาร์บอนสมดุลจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยจะทำให้ลูกค้ารับรู้และตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงทางสภาวะภูมิอากาศพร้อมทั้งจัดการสภาวการณ์ที่เกิดขึ้นได้มากยิ่งขึ้น”

ด้านมร. ร็อบ เคลล่า ประธานเจ้าหน้าที่บริหารความเสี่ยง แควนตัส กรุ๊ป กล่าวว่า “โครงการชดเชยคาร์บอน (Carbon Offset Scheme) ของแควนตัส กรุ๊ปเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การรักษาสิ่งแวดล้อมแบบครบวงจร ทั้งแควนตัสและเจ็ทสตาร์ได้ริเริ่มจัดทำโครงการชดเชยคาร์บอนในปี 2550 เพื่อให้ลูกค้าเลือกเดินทางด้วยเที่ยวบินที่จะไม่เพิ่มคาร์บอนให้แก่สิ่งแวดล้อมหรือที่เรียกว่าคาร์บอนสมดุล โดยร่วมบริจาค เงินเพื่อชดเชยการมีส่วนร่วมปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการเดินทางทางอากาศ”

“สำหรับเงินบริจาคที่รวบรวมได้จะนำไปซื้อคาร์บอนออฟเซ็ท (carbon offset) ทั้งนี้ นับตั้งแต่เริ่มโครงการเป็นต้นมาจนถึง ณ ขณะนี้ โครงการชดเชยคาร์บอนของแควนตัสและเจ็ทสตาร์ได้ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากกว่า 850,000 ตัน ซึ่งเทียบเท่ากับการนำรถยนต์จำนวนประมาณ 200,000 คันออกจากท้องถนนเป็นระยะเวลา 1 ปี” มร. เคลล่า กล่าวเสริม

“แควนตัส กรุ๊ปมีนโยบายมุ่งประหยัดเชื้อเพลิงและลดร่องรอยคาร์บอน โดยได้จัดทำโครงการอนุรักษ์เชื้อเพลิงตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นมา ส่งผลให้แควนตัส กรุ๊ปลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากกว่า 1 ล้านตัน ปัจจุบัน เราได้ร่วมมือกับภาครัฐและพันธมิตรทางการบินเร่งรัดพัฒนาความยั่งยืนของเชื้อเพลิงที่ใช้ในอุตสาหกรรมการบินเพื่อการพาณิชย์” มร. เคลล่า กล่าวปิดท้าย

กรุงเทพ – 21 ตุลาคม 2552: วันที่ 29 ตุลาคม 2552 เที่ยวบินของสายการบิน แควนตัส และ บริติช แอร์เวย์ ซึ่งบินจาก กรุงเทพ, สิงคโปร์ และออสเตรเลีย มุ่งหน้าสู่กรุงลอนดอน จะเข้าเทียบที่ท่าอากาศยาน ลอนดอน ฮีทโธรว์ ที่อาคารผู้โดยสาร 3

กว่าสองปีที่ผ่านมา อาคารผู้โดยสาร 3 ได้รับการปรับเปลี่ยนรูปโฉมใหม่ด้วยงบประมาณกว่าหลายล้านปอนด์ เพื่อมอบประสบการณ์การเดินทางที่สะดวกสบายยิ่งขึ้นให้แก่ผู้โดยสารซึ่งมาใช้บริการที่สนามบินลอนดอน ฮีทโธรว์

สัมผัสความสะดวกสบายในการเดินทางขาเข้าและขาออก
สำหรับผู้โดยสารขาออกซึ่งใช้บริการอาคารผู้โดยสาร 3 จะได้พบกับรูปโฉมใหม่จากการปรับปรุง ซึ่งหลักๆ คือห้องเช็คอินพิเศษของสายการบินแควนตัส และ บริติช แอร์เวย์, ทางเข้าอาคารผู้โดยสารซึ่งให้บริการแก่ลูกค้าสายการบินแควนตัส และบริติช แอร์เวย์โดยเฉพาะ รวมถึงบริเวณเช็คอินที่มีเครื่องเช็คอินอัตโนมัติให้บริการถึง 20 เครื่อง, จุดฝากสัมภาระ และห้องรับรองพิเศษสำหรับลูกค้าของแควนตัส และ บริติช แอร์เวย์ ที่สามารถใช้สิทธิ์ได้

สำหรับผู้โดยสารขาเข้า สายการบินบริติช แอร์เวย์ได้จัดจุดให้บริการลูกค้าแห่งใหม่ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสารโดยเฉพาะ นอกจากนี้ผู้โดยสารของสายการบินแควนตัส และ บริติช แอร์เวย์ สามารถเข้าใช้บริการห้องรับรองพิเศษสำหรับผู้โดยสารขาเข้า ซึ่งมีห้องอาบน้ำ, บริเวณพักผ่อน, อุปกรณ์เพื่อการทำงาน และห้องอาหารจัดเตรียมไว้อย่างพรั่งพร้อม

เชื่อมต่อรวดเร็วสู่อาคารผู้โดยสาร 5
อาคารผู้โดยสาร 3 ตั้งอยู่ใกล้กับอาคารผู้โดยสาร 5 ของบริติช แอร์เวย์ ซึ่งทำให้การเดินทางต่อไปยังจุดให้บริการต่างๆ ของสายการบินบริติช แอร์เวย์ ทำได้ง่ายและสะดวกสบาย นอกจากนี้ ศูนย์อำนวยความสะดวกในการต่อเครื่องที่สร้างขึ้นใหม่ (Flight Connections Centre) ยังได้จัดรถโค้ชให้บริการรับส่งผู้โดยสารไปยังอาคารผู้โดยสารอื่นๆ โดยระยะเวลาขั้นต่ำในการต่อเครื่อง ระหว่างอาคารผู้โดยสาร 3 และอาคารอื่นๆ อยู่ในช่วงเวลาประมาณ 75 ถึง 120 นาที ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอาคารผู้โดยสารของแต่ละสายการบิน

การเดินทาง
รถไฟใต้ดินลอนดอน สายฮีทโธรว์ เอ็กซเพรส (Heathrow Express) และฮีทโธรว์ คอนเน็ค (Heathrow Connect) ให้บริการเส้นทางจากสถานีฮีทโธรว์ เซ็นทรัล (Heathrow Central) (อาคารผู้โดยสาร 1, 2 และ 3) โดยเข้าใช้ผ่านทางเดินใต้ดิน หรือหากต้องการใช้บริการรถโค้ช ผู้โดยสารก็สามารถเดินไปยังสถานีรถโดยสารประจำสนามบินฮีทโธรว์ (Heathrow Airport Central Bus Station) ซึ่งอยู่ไม่ไกลออกไปได้ รวมถึงจุดให้บริการรถแท็กซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณใกล้เคียงภายนอกอาคารผู้โดยสาร 3

มร. นีล เอเกอร์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย เวียดนาม และกัมพูชา ของสายการบิน แควนตัส และบริติช แอร์เวย์ กล่าวว่า ผู้โดยสารที่เดินทางจากกรุงเทพ คงจะรู้สึกยินดีกับการเปิดใช้อาคารผู้โดยสาร 3 ซึ่งได้รับการแปลงโฉมใหม่ที่สนามบิน ลอนดอน ฮีทโธรว์ แห่งนี้ นอกจากลูกค้าจะได้รับบริการที่รวดเร็วและสะดวกสบายแล้ว อาคารผู้โดยสาร 3 ยังตั้งอยู่ติดกับ อาคารผู้โดยสาร 5 ทำให้การรับส่งผู้โดยสารระหว่างสองอาคารเป็นไปอย่างง่ายดาย

เราได้จัดบริเวณเช็คอินพิเศษเพื่อรองรับลูกค้าพรีเมียมโดยเฉพาะ นอกจากนี้ท่านผู้โดยสารยังสามารถเพลิดเพลินไปกับบริการจาก Elemis Travel Spa ในห้องรับรองผู้โดยสารพิเศษแห่งใหม่ จึงมั่นใจได้ว่าการบริการที่อาคารผู้โดยสาร 3 จะมอบประสบการณ์ในการเดินทางชั้นเลิศให้แก่ผู้โดยสารขาเข้าจากประเทศไทย และขาออกจากลอนดอนได้อย่างแน่นอน

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับอาคารผู้โดยสาร 3 ที่สนามบิน ฮีทโธรว์ กรุณาเยี่ยมชมเว็บไซต์ qantas.com หรือ ba.com.

ผู้โดยสารจากกรุงเทพฯ ที่วางแผนเดินทางสู่ลอนดอน หรือเมืองอื่นๆ ในสหราชอาณาจักร สามารถสัมผัสประสบการณ์ระดับเฟิร์สคลาสจากสายการบินบริติช แอร์เวย์ และแควนตัส ในราคาสุดพิเศษกับส่วนลดถึง 75% สำหรับบัตรโดยสารใบที่สอง เมื่อจองบัตรโดยสารไป-กลับ ชั้นเฟิร์ส ตั้งแต่วันนี้

ราคาพิเศษนี้สำหรับการเดินทางเริ่มต้นจากกรุงเทพฯ สู่ลอนดอนด้วยชั้นเฟิร์ส ในราคา 277,155 บาท โดยสามารถซื้อตั๋วโดยสารใบที่สองได้ในราคาเพียง 69,290 บาท และในราคา 287,350 บาทสำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางไปยังอะเบอร์ดีน เอดินเบอระ กลาสโกว์ แมนเชสเตอร์ นิวคาสเซิล หรือเจอร์ซี่ โดยสามารถซื้อตั๋วโดยสารใบที่สองในราคาเพียง 71,840 บาทเท่านั้น

ข้อเสนอสุดพิเศษจากบริติช แอร์เวย์และแควนตัสมีจนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2552 เท่านั้น โดยผู้ที่ซื้อ ตั๋วโดยสารราคาพิเศษนี้จะต้องเดินทางออกจากกรุงเทพฯ ในระหว่างวันที่ 1 มิถุนายน – 31 สิงหาคม บัตรโดยสารดังกล่าวมีอายุใช้งานได้นาน 12 เดือน และจะต้องออกตั๋วโดยสารทั้งสองใบในเวลาเดียวกัน และผู้โดยสารทั้งสองต้องเดินทางออกจากกรุงเทพฯ พร้อมกัน (ตามเงื่อนไขที่กำหนด)

นอกจากนี้ บริติช แอร์เวย์และแควนตัส ยังเสนอราคาพิเศษสำหรับคลับ เวิลด์ และชั้นธุรกิจ โดยไม่มีกำหนดระยะเวลาข้อเสนอ ในราคาเริ่มต้นเพียง 115,000 บาทสำหรับบัตรโดยสารไป-กลับ กรุงเทพฯ–ลอนดอน และเมืองอื่นๆ ในสหราชอาณาจักร (อะเบอร์ดีน เอดินเบอระ กลาสโกว์ แมนเชสเตอร์ นิวคาสเซิล หรือเจอร์ซี่) (ตามเงื่อนไขที่กำหนด)

ทั้งนี้ สายการบินบริติช แอร์เวย์ ได้รับรางวัลสายการบินชั้นเฟิร์สและชั้นธุรกิจดีเด่นที่สุด จากรางวัล อัลตร้าทราเวล ประจำปี 2009 (The 2009 Ultratravel Awards) จากการคัดเลือกโดยผู้อ่านนิตยสาร Ultratravel กว่า 500,000 คน ซึ่งจัดพิมพ์โดยเดอะ เดลี เทเลกราฟ นับเป็นหนึ่งในนิตยสารด้านการท่องเที่ยวระดับหรูซึ่งนำเสนอการท่องเที่ยวอย่างครอบคลุม และได้รับการยอมรับทั่วโลก

ค้นหารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.ba.com หรือ www.qantas.com หรือสอบถามได้ที่ 0-2627-1701

เจ็ทสตาร์ เอเชีย ประกาศบรรลุข้อตกลงเปิดให้บริการตั๋วโดยสารร่วมกับสายการบินแควนตัส เพื่อขยายขอบเขตบริการในเส้นทางบินระหว่างประเทศ ส่งผลให้ผู้โดยสารของเจ็ทสตาร์ เอเชียสามารถจองซื้อตั๋วโดยสารสู่จุดหมายต่างๆ ได้อย่างสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ เจ็ทสตาร์ เอเชียจะเริ่มเปิดบริการตั๋วโดยสารร่วมในตลาดสำคัญๆ ในเอเชีย ได้แก่ กัวลาลัมเปอร์ คูชิง
โกตา-คินนาบาลู และปีนัง ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2552 เป็นต้นไป และเตรียมขยายสู่เมืองสำคัญอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียในเร็วๆ นี้ ตั้งเป้าให้บริการตั๋วโดยสารร่วมกับสายการบินระหว่างประเทศชั้นนำของเอเชียและยุโรปต่อไปในอนาคต

มิสฉง พิด-เหลียน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินเจ็ทสตาร์ เอเชียและแวลูแอร์กล่าวถึงการเปิดบริการตั๋วโดยสารร่วมระหว่างเจ็ทสตาร์ เอเชียและแควนตัสครั้งนี้ว่า “จะช่วยให้เจ็ทสตาร์ เอเชียสามารถเจาะตลาดใหม่ๆ ได้มากขึ้น ทั้งยังเปิดโอกาสให้เจ็ทสตาร์และแควนตัส กรุ๊ปขยายเครือข่ายเส้นทางบินสู่จุดหมายใหม่ๆ ทั่วภูมิภาคเอเชีย เราคาดว่า จะมีจำนวนผู้โดยสารเดินทางระหว่างสิงคโปร์และจุดหมายต่างๆ เพิ่มมากขึ้น จากเดิมที่มีเพียงช่องทางการจำหน่ายตั๋วโดยสารผ่านเว็บไซด์ Jetstar.com เป็นช่องทางหลักเท่านั้น”

มร. บรูซ บิวคานัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินเจ็ทสตาร์กล่าวว่า “การบรรลุข้อตกลงดังกล่าว
ถือเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญอย่างยิ่ง โดยจะทำให้แควนตัส กรุ๊ปมีแต้มต่อในการแข่งขันที่แข็งแกร่งมากขึ้น ทั้งยังเป็นการเพิ่มทางเลือกใหม่ๆ ให้แก่ลูกค้าที่ต้องการเดินทางมายังภูมิภาคเอเชีย หรือผู้ที่ต้องการเดินทางระหว่างเมืองต่างๆ ภายในภูมิภาคดังกล่าว” และเสริมว่า “นอกจากนี้ บริการตั๋วโดยสารร่วมยังตอกย้ำถึง
ความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดและเป็นเอกภาพของสายการบินในเครือเจ็ทสตาร์ในการเปิดมิติใหม่
แห่งการเดินทางทางอากาศ ซึ่งจะเป็นแรงขับเคลื่อนให้ธุรกิจของเจ็ทสตาร์ในภูมิภาคเอเชียและเอเชีย แปซิฟิกมีการเติบโตอย่างโดดเด่นและยั่งยืนต่อไป”

“บริการตั๋วโดยสารร่วมกับแควนตัสจะช่วยอำนวยความสะดวกและรวดเร็วในการจองตั๋วโดยสารให้แก่ลูกค้าและตัวแทนจำหน่ายที่ต้องการขยายเครือข่ายการขายตั๋วโดยสารให้ครอบคลุมทั่วภูมิภาคเอเชีย
โดยสามารถชำระเงินผ่านช่องทางที่ให้บริการอยู่ตามปกติ ในอนาคต เจ็ทสตาร์ เอเชียจะขยายเครือข่ายเส้นทางบินของตนที่ครอบคลุมจุดหมายต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้เชื่อมโยงกับเครือข่ายเส้นทางบินของแควนตัสระหว่างสิงคโปร์และจุดหมายต่างๆ ทั่วโลก ซึ่งจะส่งผลให้ลูกค้าสามารถซื้อ
ตั๋วโดยสารสู่จุดหมายในภูมิภาคต่างๆ ได้หลากหลายมากขึ้น อาทิ การซื้อตั๋วโดยสารในเส้นทางบินระหว่างลอนดอน-สิงคโปร์-ปีนัง หรือลอนดอน-สิงคโปร์-มนิลา โดยใช้เที่ยวบินของเจ็ทสตาร์และแควนตัส”
มิสฉง กล่าวปิดท้าย

ปัจจุบัน เจ็ทสตาร์ เอเชียเปิดให้บริการตั๋วโดยสารร่วมกับสายการบินแควนตัสและเอทิฮัด และเตรียมขยายความร่วมมือให้บริการตั๋วโดยสารร่วมกับสายการบินแอร์ ตาฮิติ นูอิ (ตาฮิติ) และสายการบินแอร์ คาลิน
(นิวคาลิโดเนีย) แห่งภูมิภาคแปซิฟิกใต้ในเร็วๆ นี้

สายการบินเอทิฮัด สายการบินแห่งชาติสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ ประกาศการทำโค้ดแชร์ครั้งล่าสุดร่วมกับสายการบินแควนตัส ทั้งนี้เพื่อสานต่อความร่วมมือทางธุรกิจของทั้งสองสายการบินให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น

ภายใต้ข้อตกลงนี้ สายการบินเอทิฮัดจะทำการเพิ่มอักษรย่อ ‘EY’ ของสายการบินฯนำหน้าเที่ยวบินภายในประเทศของสายการบินแควนตัส เพื่อเชื่อมต่อไปยังเมืองต่างๆ นอกเหนือจากซิดนีย์ เมลเบิร์น และ บริสเบน ซึ่งเป็นท่าอากาศยานหลักที่เอทิฮัดมีเที่ยวบินให้บริการอยู่แล้ว นอกจากนี้ เอทิฮัดยังได้ทำโค้ดแชร์ร่วมกับสายการบินแควนตัส ในส่วนของเที่ยวบินรายวันจากเมลเบิร์นสู่โอ๊คแลนด์ ประเทศนิวซีแลนด์

ข้อตกลงโค้ดแชร์ดังกล่าว มีผลตั้งแต่วันที่ 29 มีนาคม 2552 เป็นต้นไป และในอนาคต ทางเอทิฮัดยังมีแผนการขยายเครือข่ายเส้นทางบินในภูมิภาคดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง

มร.เจมส์ โฮแกน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินเอทิฮัด กล่าวว่า “ออสเตรเลีย ถือเป็นหนึ่งในตลาดที่สำคัญมากต่อเอทิฮัด ซึ่งเราวางแผนจะขยายการเติบโตในภูมิภาคนี้อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ผ่านทางเส้นทางการบินของเราที่มีให้บริการแล้วในเมลเบิร์น รวมทั้งผ่านทางการร่วมมือกับสายการบินระดับโลกอย่างแควนตัส”

“โดยสายการบินแควนตัสเอง คือ หนึ่งในสายการบินที่ประสบความสำเร็จและได้รับการยอมรับจากทั่วโลก เราจึงเห็นว่าการร่วมกันในข้อตกลงโค้ดแชร์ครั้งนี้ เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการพัฒนาการเป็นพันธมิตรทางยุทธศาสตร์ที่แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้นของทั้งสองสายการบิน รวมทั้งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาความร่วมมือในด้านอื่นๆต่อไปในอนาคต”

เส้นทางการบินภายในออสเตรเลียของสายการบินแควนตัส ที่ร่วมในการทำโค้ดแชร์ครั้งนี้ ได้แก่ เที่ยวบินระหว่างซิดนีย์ และ บริสเบน ซิดนีย์ และ คาร์นส์ รวมถึง ระหว่างเมลเบิร์น และ เอดิเลด

ในขณะที่สายการบินแควนตัสเอง จะได้เพิ่มอักษรย่อ ‘QF’ ในเที่ยวบินที่ดำเนินการโดยสายการบินเอทิฮัด ในเส้นทางบินระหว่างออสเตรเลียและอาบูดาบี รวมทั้งเที่ยวบินบางส่วนสู่อัมมาน ประเทศจอร์แดน บาห์เรน และ เบรุต ประเทศเลบานอน

มร.จอห์น บอเกตติ ผู้จัดการทั่วไป สายการบินแควนตัส กล่าวว่า “การร่วมข้อตกลงโค้ดแชร์ร่วมกับเอทิฮัดในครั้งนี้ถือเป็นการเดินหน้าสานต่อความสัมพันธ์ด้านยุทธศาสตร์ที่สำคัญของแควนตัส ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมาประเทศสหรัฐอาหรับเอเมิเรสต์ รวมทั้งประเทศอื่นๆในภูมิภาคตะวันออกกลาง นับเป็นตลาดที่สำคัญแห่งหนึ่งของออสเตรเลีย ทั้งในเชิงธุรกิจและการท่องเที่ยว”

“นี่เป็นครั้งแรกที่สายการบินแควนตัสขยายการให้บริการจากซิดนีย์ เมลเบิร์น และ บริสเบน ไปยังประเทศต่างๆในตะวันออกกลาง”

ปัจจุบัน สายการบินเอทิฮัด เปิดเส้นทางการบินไปยังออสเตรเลีย ใน 3 จุดหมายปลายทางหลักได้แก่ ซิดนีย์ บริสเบน และ เส้นทางใหม่ยังนครเมลเบิร์น ในวันที่ 29 มีนาคมนี้

ทีมงานด้านการท่องเที่ยว การบิน และ เศรษฐกิจประเทศออสเตรเลียได้คาดการณ์ว่า นักท่องเที่ยวจากตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือที่เดินทางมายังออสเตรเลียนั้น จะมีจำนวนสูงขึ้นประมาณ 8 เปอร์เซ็นต์ในปีนี้ และขึ้นสู่ 15 เปอร์เซ็นต์ในปี พ.ศ. 2553

ปัจจุบัน เอทิฮัดทำข้อตกลงโค้ดแชร์ร่วมกับสายการบินต่างๆ ถึง 13 สายการบินด้วยกัน ได้แก่ แอร์ อาราน บางกอก แอร์เวย์ส บรัสเซล แอร์ไลน์ เจ็ท แอร์เวย์ส คูเวต แอร์ไลน์ มาเลเซีย แอร์ไลน์ มิดเดิล อีส แอร์ไลน์ ฟิลิปปินส์ แอร์ไลน์ รอยัล แอร์ มารอค ซาอุดิอาราเบีย แอร์ไลน์ ศรีลังกา แอร์ไลน์ เยเมน แอร์เวย์ส รวมถึงสายการบิน บีเอ็มไอ ซึ่งมีฐานการบินที่สหราชอาณาจักร

เกี่ยวกับสายการบินเอทิฮัด
สายการบินเอทิฮัด เป็นสายการบินแห่งชาติของประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มีสำนักงานใหญ่ ณ เมืองหลวงอาบูดาบี ปัจจุบันสายการบินเอทิฮัดให้บริการเที่ยวบินสำหรับอาคันตุกะผู้ทรงเกียรติ 50 จุดหมายปลายทาง ครอบคลุมตะวันออกกลาง ยุโรป อเมริกาเหนือ แอฟริกา และเอเชีย ท่านสามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสายการบินเอทิฮัดได้ที่ www.etihadairways.com