สื่อโฆษณานอกบ้าน – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Wed, 21 Oct 2020 04:52:57 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 จับกระเเส “ด้อมศิลปิน” เเฟนคลับเปย์หนัก เตรียมเท “ป้าย HBD” ตามสถานีรถไฟฟ้า https://positioningmag.com/1302178 Mon, 19 Oct 2020 10:44:10 +0000 https://positioningmag.com/?p=1302178 อย่างที่ทราบกันดีว่า เเฟนคลับศิลปินเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงเป็นผู้บริโภคที่มีความหลากหลาย ไม่ได้จำกัดเเค่ในวัยรุ่นวัยเรียนเท่านั้น เเต่ยังครอบคลุมไปยังผู้คนทุกเจเนอเรชั่น หลากอาชีพ หลายรสนิยม

กลุ่มเเฟนคลับในไทยนั้น ช่วงเเรกๆ คนมักจะคิดถึงเเฟนคลับผู้ชื่นชอบศิลปินหรือไอดอลเกาหลีเป็นหลัก เเต่ทุกวันนี้ได้ขยายไปยังกลุ่มเเฟนคลับศิลปินจีน ญี่ปุ่น อาเซียน ศิลปินฝั่งตะวันตก เเละศิลปินไทยเองก็เริ่มมีกลุ่มผู้สนับสนุนที่เหนียวเเน่นเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา

โดยแต่ศิลปินนั้นก็จะมีการตั้งชื่อกลุ่มแฟนคลับหรือที่เรียกกันว่า ด้อม ย่อมาจาก แฟนด้อม (Fandom) เป็นชื่อเฉพาะที่เเตกต่างกันไป เพื่อการสื่อสารเเละรวมกลุ่มเป็นหนึ่งเดียวกัน

ลงลึกไปกว่านั้นในด้อมต่างๆ ก็จะมีกลุ่มที่เรียกว่าบ้านเบสเป็นศัพท์ในทวิตเตอร์ หมายถึงกลุ่มเเฟนคลับที่รวมตัวกันขึ้นมาของศิลปินนั้นๆ ทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์กิจกรรม เผยเเพร่ผลงาน รูปถ่าย-คลิปวิดีโอ ขายของที่ระลึก เเปลซับไตเติล ฯลฯ

โดยบ้านเบส จะเป็นเเกนนำในการทำกิจกรรมต่างๆ เช่น เวลาศิลปินมีผลงานใหม่ ก็จะมีการเปิดโดเนท” (Donate) ให้เเฟนคลับร่วมบริจาคซื้ออัลบั้ม โดเนทขึ้นป้ายบิลบอร์ดตามสถานีรถไฟฟ้า หรือร่วมกันโหวตรางวัลต่างๆ ไปจนถึงรวมเงินกันไปทำบุญ ทำกิจกรรมเพื่อสังคม 

หากติดตามวงการนี้สักพัก จะเห็นว่าเเต่ละครั้งที่มีการเปิดโดเนท เเต่ละด้อมจะสามารถระดมทุน” ได้ยอดเงินบริจาคที่สูงมาก ตั้งเเต่ “หลักหมื่นยันหลักล้าน” ในเวลาที่รวดเร็ว” เรียกได้ว่าเปิดโดเนทไม่กี่ชั่วโมง ก็ทะลุหลักเเสนบาทไปเเล้วในด้อมใหญ่ๆ ที่มีเเฟนคลับจำนวนมาก

ล่าสุดกับกระเเสใหม่ เมื่อกลุ่มเเฟนคลับศิลปินได้เเสดงถึงพลังเปย์หนักมากอีกครั้ง เเต่ครั้งนี้เป็นการเปย์เพื่อสนับสนุนการเคลื่อนไหวการชุมนุมที่กำลังเกิดขึ้นในไทย อยู่ ณ ขณะนี้

จากการสังเกตพบว่า การระดมทุนเมื่อช่วงวันที่ 16-17 ตุลาคม ของเหล่าด้อมต่างๆ ในเวลาเพียง 2 วันสามารถดันยอดบริจาครวมกันได้ถึง 2.7 ล้านบาท

หนึ่งในเเฟนคลับที่ร่วมบริจาคบอกกับ Positioning ว่า…นี่เป็นเพียงการโดเนทเเบบชิลๆกันเท่านั้น พร้อมให้เหตุผลถึงยอดบริจาคที่มักจะระดุมทุนได้เยอะว่า ผู้คนที่เป็นสมาชิกในเเต่ละด้อมนั้น มีฐานะทางการเงินเเละอาชีพที่หลากหลายมาก อยู่ในทุกเเวดวงของธุรกิจไทย เรียกได้ว่าทุกอาชีพต้องเป็นเเฟนคลับ บางคนมีกำลังทรัพย์ก็บริจาคเยอะ คนมีน้อยก็บริจาคน้อยตามกำลัง เป็นการร่วมใจกันจากการสื่อสารผ่านโซเชียล

“ตามปกติด้อมที่อยู่ในวัยทำงาน จะเน้นทุ่มบริจาคมากกว่า เพราะไม่ค่อยมีเวลา ส่วนเเฟนคลับวัยเรียนจะเชี่ยวชาญด้านการใช้โซเชียลมีเดีย เช่นการปั่นยอดวิว การกระจายข่าว” 

จากสถานการณ์การชุมนุม ที่มีการปิดให้บริการชั่วคราวของสถานีรถไฟฟ้าในไทยทั้ง BTS เเละ MRT ซึ่งทางบริษัท ชี้เเจงว่าเป็นมาตรการป้องกันความปลอดภัยและกฏหมายที่บังคับใช้นั้น ทำให้เกิด “กระแสทางลบ” ตามมา เมื่อด้อมศิลปินต่างๆ รวมตัวกันเพื่อ ต่อต้านการซื้อสื่อโฆษณาในสถานี เเม้จะเป็นโปรเจกต์ที่เหล่าเเฟนคลับทำกันมาช้านานก็ตาม

สำหรับตลาดป้ายศิลปินนั้น เติบโตต่อเนื่องทุกปี เเม้ในยามเศรษฐกิจไม่ดี กำลังซื้อของเหล่าเเฟนคลับก็ไม่มีลดลงเลยในวิกฤต COVID-19

ก่อนหน้านี้ ผู้บริหาร BMN บริษัทผู้พัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ใน MRT บอกกับ Positioning ว่า บริษัทมีการตั้งทีมงานเพื่อดูเเลลูกค้ากลุ่มนี้โดยเฉพาะ เพราะต้องการเข้าใจถึงสิ่งที่เเฟนคลับตั้งใจเเละอยากจะสื่อสารออกไป โดยความต้องการที่ลูกค้าขอมาในช่วงนี้ ส่วนใหญ่อยากให้เปิดพื้นที่จัด Meet and Greet เเละกิจกรรมเเบบเอ็กซ์คูลซีฟ เอาโปสเตอร์มาตกเเต่งได้ในช็อป ฯลฯ

ตัวอย่างป้ายอวยพรศิลปิน ในสถานีรถไฟฟ้า MRT

เเม้ช่วงวิกฤต COVID-19 เศรษฐกิจจะค่อนข้างฝืดเคือง เเต่ป้าย MRT ของเเฟนคลับไม่ได้รับผลกระทบ เเละไม่ลดลงเลย

เมื่อมองจากสัดส่วนรายได้ พบว่า รายได้รวมจากป้าย HBD ศิลปินจากกลุ่มเเฟนคลับถือเป็นส่วนเล็กๆ ของสื่อโฆษณาทั้งหมดของ BMN คิดเป็นเเค่ 2 – 3% เพราะส่วนใหญ่เป็นเเบรนด์สินค้าถึง 97%

ถึงจะน้อยเเต่เราไม่ละทิ้ง เราจะดูเเลกับลูกค้ากลุ่มเเฟนคลับเป็นพิเศษ เพราะต้องทำความเข้าใจพวกเขาด้วย ด้วยการที่เขาทำด้วยความชื่นชอบ เราจึงไม่ได้มองว่าต้องเอากำไรมากหรือเป็นการค้าจ๋าขนาดนั้น รวมถึงเป็นการสร้างสีสันเเละความหลากหลายให้สถานีด้วย คนเเวะมาถ่ายรูป ก็เป็นการเพิ่มทราฟฟิกเเละการจับจ่ายใช้สอยไปในตัว ผู้บริหาร BMN ให้สัมภาษณ์ เมื่อช่วงต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา 

อ่านต่อ : เศรษฐกิจฝืด เเต่เเฟนคลับยัง “จ่ายหนัก” ป้ายศิลปินใน MRT เติบโต ขยายเรทราคา-ปรับไซส์ตามงบ

ด้านความคิดเห็นของกลุ่มเเฟนคลับต่อกรณีนี้ พบว่า มีการเสนอให้นำโปรเจกต์ศิลปินต่างๆ ย้ายไปซื้อสื่อโฆษณาในขนส่งมวลชนท้องถิ่นมากขึ้น เช่น บิลบอร์ดรถสองเเถว รถเเดง ป้ายในเรือ หรือป้ายในย่านชุมชนต่างๆ เเทน

ในการทำป้าย HBD ศิลปินต้องใช้เงินตั้งเเต่ “หลักพันปลายๆ ไปจนถึงหลักเเสน” โดยค่าใช้จ่ายของการติดตั้งป้ายนั้น รวมค่าพื้นที่มีเดีย สถานี ภาษีมูลค่าเพิ่มและระยะเวลาที่ต้องการติดตั้งไปด้วย ส่วนใหญ่จะจองขึ้นป้าย 15 วัน – 1 เดือน เป็นธีมอวยพรวันเกิด เเสดงความยินดีในโอกาสพิเศษ ออกเพลง-ละคร หรือออกอัลบั้มใหม่

สำหรับภาพรวมสื่ออุตสาหกรรมโฆษณาในเมืองไทย ในช่วง 7 เดือนเเรกของปี 2563 ตัวเลขเม็ดเงินสื่อโฆษณาที่เป็นตัวสะท้อนตลาดได้ดี ติดลบไปกว่า 20% เเละคาดว่าทั้งปีนี้ เงินโฆษณาจะสะพัดอยู่ที่ 7.1 หมื่นล้าน เเตะจุด “New Low” ต่ำสุดรอบ 20 ปี ใกล้เคียงกับช่วงวิกฤตต้มยำกุ้ง

โดยสื่อทีวีและสื่อนอกบ้าน ที่เคยมีเม็ดเงินมากที่สุดยัง “ติดลบหนัก” ส่วนดาวรุ่งอย่างสื่อดิจิทัลที่เคยเติบโต 20-30% ต่อเนื่องมาทุกปี ต้องสะดุดเเละอาจเติบโตได้เพียง 0.5% เท่านั้น

เห็นได้ชัดว่า เเม้ “ป้าย HBD ศิลปิน” จะไม่ใช่รายได้หลักๆ ของโฆษณาในสถานีรถไฟฟ้า เเต่ก็เป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดทิศทางการบริหาร ต้องจับตาดูว่ากระเเส #เเบน นี้ จะต่อเนื่องไปยาวหรือไม่ เเละมีเอฟเฟกต์ต่อไปอย่างไรบ้าง

 

 

 

 

 

]]>
1302178
ตามล่าหาตัวละครลับ ฉบับ MRT x FREE FIRE เชื่อมโลก “เกมออนไลน์” กับไลฟ์สไตล์คนเมือง https://positioningmag.com/1300393 Thu, 08 Oct 2020 04:00:06 +0000 https://positioningmag.com/?p=1300393

ช่วงนี้ใครเเวะผ่านสถานีรถไฟฟ้า MRT สวนจตุจักร คงได้ตื่นตาตื่นใจกับ เเคมเปญใหม่อย่าง “FREE FIRE WORLD” ที่กำลังเป็นกระเเสอยู่ในตอนนี้

ความดังของ GARENA FREE FIRE นั้นไม่ธรรมดา เพราะมีฐานเเฟนคลับเหนียวเเน่น เข้าถึงคนรุ่นใหม่ เเละเป็นเกมมือถือออนไลน์ประเภท Battle Royale ที่ครองเเชมป์อันดับ 1 ของเมืองไทย

การจับมือของ BMN เเละ Garena ครั้งนี้ นับเป็นนวัตกรรม “สื่อโฆษณานอกบ้าน” ที่ยิ่งใหญ่มากๆ ในบ้านเรา สร้างประสบการณ์ใหม่ให้นักเดินทาง พลิกโฉมทั้งสถานีให้เป็นอีกหนึ่ง Finest Destination เชื่อมโลกออฟไลน์-ออนไลน์ไว้ด้วยกัน เป็นการยกระดับกลยุทธ์ Experience Marketing ได้อย่างน่าสนใจ ยิ่งได้ใจเเฟนคลับไปอีกขึ้น กับความพิเศษของบัตร MRT x FREE FIRE ที่มีตัวละครลับอย่าง “Rockcoon” ที่สามารถลด Cooldown Skill ได้สูงสุดถึง 15% เป็น Limited Edition ที่มีจำนวนจำกัด เปิดขายเเล้วผ่าน www.bmn-mrt.com ดึงดูดให้รีบสะสมเเบบ “อดใจไม่ไหว” กันเลยทีเดียว

เชื่อมโลกออนไลน์-ออฟไลน์ มิติใหม่ “สื่อ Out of Home” 

ด้วยจุดเด่นของ Garena Free Fire ซึ่งเป็นเกม Survival Battle Royale สำหรับคนรุ่นใหม่ที่มี Dynamic Lifestyle เป็นโอกาสดีที่จะนำเสนอประสบการณ์ใหม่ๆ ที่เหนือความคาดหมายให้กับผู้เล่นได้ตลอดเวลา

เเคมเปญ “FREE FIRE WORLD” ที่สถานี MRT สวนจตุจักร จึงเป็นการขยายมิติของ Garena Free Fire ออกไปให้กว้างขึ้น เพื่อเชื่อมโลกเกมเข้ากับ “วิถีชีวิตของคนเมือง” นั่นเอง โดยพยายามที่จะสร้างประสบการณ์ความตื่นเต้น ไม่เพียงผ่านช่องทางออนไลน์หรือออฟไลน์ แต่เป็นการนำเรื่องราวและเอกลักษณ์ของเกม เข้าไปบูรณาการไว้ใน ‘Life Channel’ ของคนเมืองอย่างไร้รอยต่อ

สอดคล้องกับทิศทางของ แบงคอก เมโทร เน็ทเวิร์คส์ หรือ BMN ผู้บริหารพื้นที่เชิงพาณิชย์ในระบบรถไฟฟ้า MRT ที่มุ่งสร้างสรรค์พื้นที่ค้าปลีก “Metro Mall” ทุกสถานีไปสู่การเป็น “The Happy Hub of MRT”  เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ New Normal ของคนเมืองและคนรุ่นใหม่ในยุคดิจิทัลได้มากยิ่งขึ้น

ผู้บริหาร BMN เล่าว่า แนวคิดในการสร้างสรรค์พื้นที่สื่อโฆษณารูปแบบใหม่กับ Garena ในการพัฒนาสื่อ Out of Home ที่จะนำไปสู่การดาวน์โหลดเกมใช้งานจริง และดึงดูดให้ผู้บริโภคซื้อไอเทมพิเศษต่างๆ ภายในเกมเพิ่มเติมได้ด้วย ถือว่าเป็น “สิ่งที่ท้าทายอย่างมาก และไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประเทศไทย” 

ผู้คนที่เดินทางไปมา จะได้สัมผัสกับโลกของเกม FREE FIRE ตั้งแต่ด้านนอกสถานีเข้าไปจนถึงชั้นชานชาลา ความพิเศษอยู่ที่ BMN นำเทคโนโลยีสื่อโฆษณารูปแบบใหม่ ๆ มาใช้เป็นครั้งเเรก อย่างเช่น การใช้เสียงต้อนรับผู้โดยสาร เมื่อออกจากขบวนรถไฟฟ้า, การใช้จอดิจิทัล และ Dynamic Light Box รวมถึง ภาพ แสง  สี เสียง และโมชั่นกราฟฟิก รวมถึงการสร้าง Adventure ในสื่อต่างๆ ในสถานีโดยการติดตั้ง QR Code

โดยเหล่าคอเกม จะได้สนุกกับการตามหา และร่วมลุ้นรับไอเท็มเสริมสุดพิเศษ เพื่อนำไปใช้เล่นในเกม FREE FIRE ซึ่งการเลือกใช้สื่อในรูปแบบ “Interactive” ที่เชื่อมต่อระหว่างโลกออฟไลน์เเละออนไลน์ เข้าด้วยกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ

เเคมเปญ “FREE FIRE WORLD” จึงเป็นการใช้กลยุทธ์ Experience Marketing ที่ล้ำไปอีกขั้น พร้อมๆ กับการใช้กลยุทธ์การตลาดแบบผสมผสาน OMO (Online Merges With Offline) ที่ตอบโจทย์พฤติกรรมออนไลน์ของผู้บริโภคในปัจจุบัน

นอกจากนี้ การวาง “โลเคชั่น” ก็เป็นเรื่องที่สำคัญมาก โดยสถานีสวนจตุจักร เป็นสถานีที่มีพื้นที่กว้างขวาง และมีผู้ใช้บริการคับคั่งติดอันดับต้นๆ ของ MRT จึงเหมาะต่อการติดตั้งสื่อโฆษณาที่จะทำให้เกิดกระแส Talk of The Town ชวนให้คนมาเที่ยว มาถ่ายรูปเเละส่งต่อกันในโซเชียลมีเดีย ตลอดจนเป็นการ “สร้างการจดจำ” ให้ผู้ใช้บริการรถไฟฟ้าได้ดีเเละยาวนาน

อาจกล่าวได้ว่า ปี 2563 ถือเป็นปีแห่งการพัฒนาธุรกิจของ BMN โดยเฉพาะในธุรกิจของการบริหารพื้นที่สื่อโฆษณาในระบบรถไฟฟ้า MRT ที่มีปัจจัยสนับสนุนจากการเปิดดำเนินการของรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงินในส่วนต่อขยายครบทั้ง 38 สถานี ทำให้มีพื้นที่ในการบริหารสื่อโฆษณาเพิ่มมากขึ้น รวมถึงการเพิ่มพื้นที่สื่อโฆษณา on ground เช่น บริเวณทางเข้าสถานี  และปล่องระบายอากาศ ก็สามารถตอบโจทย์ความต้องการในการสื่อสารของลูกค้าได้มากกว่าเดิมด้วย

สะสมบัตร MRTx FREE FIRE ตามล่าหาตัวละครลับ 

อีกหนึ่งความพิเศษ นอกจากจะพลิกโฉมสถานีรถไฟฟ้า MRT สวนจตุจักรให้เป็นโลกของเกม FREE FIRE แล้ว BMN ยังได้มอบสิทธิพิเศษให้กับผู้โดยสาร MRT ผู้เป็นเเฟนคลับเกมแนว Battle Royale ด้วย บัตรโดยสาร MRT ชนิดเติมเงิน FREE FIRE LIMITED EDITION ในจำนวนจำกัดเพียง 130,000 ใบเท่านั้น บอกเเล้วว่าต้องรีบสะสมกันเลย

บัตรโดยสาร MRT x FREE FIRE แบ่งเป็น 6 ลวดลาย มีจำหน่าย 2 แบบ คือ Exclusive MRT Card ราคาใบละ 399 บาท  และ Regular MRT Card ใบละ 199 บาท สามารถซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ได้ทันทีที่ www.bmn-mrt.com ง่ายๆ สะดวกรวดเร็ว

โดยผู้ซื้อบัตรโดยสารแบบ Exclusive MRT Card จะได้รับ “Rockcoon”  ไอเท็มตัวละครลับที่ ออกแบบมาเพื่อเฉลิมฉลองความร่วมมือในครั้งนี้

จุดเด่นคือ สามารถลด Cooldown Skill (หรือตัวช่วยลดระยะเวลาการใช้สกิลครั้งต่อไป หรือใช้สกิลครั้งต่อไปได้เร็วขึ้น) ได้สูงสุดถึง 15% ส่วนบัตร Regular MRT Card ความพิเศษอยู่ที่กล่องตัวละครลับ ให้สายเกมเมอร์ได้ร่วมค้นหาตัวละครในฝัน

วันนี้เรามาดูชัดๆ กันเลย ว่ามีอะไรบ้างกัน…

MRT x FREE FIRE : Exclusive MRT Card ราคาใบละ 399 บาท มี 3 ลายให้เลือก ได้เเก่

MRT x FREE FIRE : Regular MRT Card ราคาใบละ 199 บาท มี 3 ลายให้เลือก ได้เเก่

โดยในแคมเปญ FREE FIRE WORLD ผู้ให้บริการเครือข่ายอย่าง “ดีแทค” ก็ได้มาร่วม มอบสิทธิพิเศษให้กับผู้ที่ซื้อบัตรโดยสาร FREE FIRE LIMITED EDITION ทุกราย ด้วยการเเจก ดีแทคเกมเมอร์ซิม (Gamer SIM) ฟรีทันที เพียงแค่เติมเงิน 50 บาทต่อเดือน ก็สามารถเล่น FREE FIRE ฟรี ไม่เสียค่าเน็ต นาน 30 วัน ต่อเนื่องสูงสุด 6 เดือน พร้อมรับไอเทมสุดพิเศษสุดเอ็กซ์คลูซีฟฟรีทุกเดือน

นอกจากนี้ลูกค้าที่ใช้ดีแทคทุกรายในปัจจุบัน ยังสามารถ Scan QR Codeบริเวณป้าย QR Code ของดีแทค ภายในสถานี MRT จตุจักรเพื่อรับไอเทม FREE FIRE ผ่าน dtac app ได้อีกด้วย โดยจุด Scan จะตั้งอยู่บริเวณทางเข้า 1 และ 2 และบริเวณด้านในชั้นขายบัตรโดยสาร

ใครสนใจบัตรโดยสาร MRT เเบบเติมเงิน FREE FIRE LIMITED EDITION ไปหามาสะสมเเละ “ตามล่าหาตัวละครลับ” ได้เลยที่  www.bmn-mrt.com  

ส่วนใครอยากหาที่เที่ยวฮิตๆ ในกรุงเทพ ก็ชวนเพื่อนพี่น้องมาถ่ายรูปเท่ๆ เช็ก-อินใกล้ชิดโลกของเกม FREE FIRE กันได้ ตั้งแต่ด้านนอกสถานีเข้าไปจนถึงชั้นชานชาลา ของสถานีรถไฟฟ้า MRT สวนจตุจักรได้เลย เเถมภายในงาน FREE FIRE WORLD ยังจะมีกิจกรรมดีๆ ให้ทุกคนร่วมสนุกได้ ตลอดเดือนพฤศจิกายนและธันวาคม 2563 นี้ โดยแฟนเกมจะได้รับความสนุกที่แปลกใหม่ และของรางวัลมากมายกลับบ้านไปด้วย

สำหรับคนที่ไม่เคยสัมผัสกับเกม FREE FIRE มาก่อน ก็นับเป็นการทำความรู้จักกันครั้งแรก โดยทีม Garena หวังว่า FREE FIRE WORLD จะเป็นอีกการพักผ่อนหย่อนใจจากวิถีชีวิตอันเร่งรีบ เเละมอบความสนุกและรอยยิ้มให้ทุกคนได้ทั้งในโลกออนไลน์เเละออฟไลน์

จัดเต็มขนาดนี้ รับรองว่าเเคมเปญใหม่อย่าง “FREE FIRE WORLD” ไม่ธรรมดาเเน่นอน ต้องเเวะไปลองกันเเล้ว !!!

]]>
1300393
เปิด Top 5 เทรนด์แรง “โฆษณานอกบ้าน” แห่งปี https://positioningmag.com/1199004 Thu, 22 Nov 2018 10:00:01 +0000 https://positioningmag.com/?p=1199004 ในขณะที่โฆษณางานพิมพ์ หรือ printed ยังคงครองตลาด แต่การเติบโตของบิลบอร์ดดิจิทัลในตลาด “โฆษณานอกบ้าน” หรือ out-of-home advertising นั้นช่วยให้นักโฆษณาสามารถสร้างสรรค์และเจาะกลุ่มลูกค้าได้ตรงเป้าหมายมากยิ่งขึ้น โดย 1 ใน 5 เทรนด์แรงของโฆษณากลางแจ้งแห่งปีนี้ คือ การแสดงโฆษณาที่จะเปลี่ยนไปตามกลุ่มเป้าหมายที่มองอยู่

Kym Frank ซีอีโอแห่งเอเจนซี่ Geopath อัปเดตความเป็นไปของตลาด out-of-home advertising หรือ OOH ว่าวันนี้ป้ายบิลบอร์ดแบบพิมพ์ที่แสดงภาพเดิมตลอดเวลาเหมือนในอดีตนั้นกำลังถูกแทนที่ด้วยจอดิจิทัลแบบไดนามิกที่สามารถเปลี่ยนแปลงเนื้อหาบนโฆษณาได้แบบเรียลไทม์ ป้ายเหล่านี้อาจเปลี่ยนแปลงตามอุปกรณ์เคลื่อนที่หรือรถยนต์ที่เชื่อมต่อได้กับระบบ ซึ่งการผสานรวมเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ากับโฆษณา OOH นั้นช่วยเปิดโอกาสที่น่าสนใจสำหรับนักการตลาดได้จริง

ตัวอย่างที่ชัดเจนคือสบายการบิน Delta Airlines และเชนฟิตเนส Equinox Fitness ที่นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาเปลี่ยนแปลงรูปแบบการโฆษณา โดยสร้างแคมเปญช่วงซัมเมอร์ด้วยการแสดงข้อมูลเที่ยวบินแบบเรียลไทม์ เพื่อกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาถึงสนามบินนานาชาติลอสแอนเจลิส หันมาใช้บริการฟิตเนสออกกำลังกายเพื่อเลี่ยงอาการ jet lag จุดนี้มีรายงานว่าเนื้อหาบิลบอร์ดดิจิทัลจะเปลี่ยนไปหลังจากเที่ยวบินลงจอดและผู้โดยสารเริ่มออกจากสนามบิน

เบื้องต้น สมาคมการโฆษณากลางแจ้งแห่งอเมริกา (OAAA) ประเมินว่าความเป็นไดนามิก หรือภาวะเนื้อหาป้ายโฆษณาที่เปลี่ยนแปลงไปมาได้ มีส่วนช่วยเพิ่มให้มูลค่าตลาด OOH เติบโตขึ้นชัดเจน โดยตัวเลขการใช้จ่ายโฆษณา OOH ในสหรัฐฯ ปี 2017 นั้นเพิ่มขึ้น 1.2% เมื่อเทียบกับปี 2016 คิดเป็นมูลค่า 7,700 ล้านเหรียญสหรัฐ

คาดว่าภายในปี 2021 เม็ดเงินสะพัดในตลาดโฆษณา OOH อเมริกันจะพุ่งกระฉูด 33,000 ล้านเหรียญ ตามข้อมูลการสำรวจของบริษัท MAGNA Intelligence

1. โฆษณาต้องเปลี่ยนไปมาและยิงแบบกำหนดได้

เทรนด์ที่เห็นได้ชัดเจนคือโฆษณากลางแจ้งวันนี้ถูกเปลี่ยนจากแบบคงที่ หรือ static มาเป็นแบบที่เปลี่ยนแปลงได้ หรือ dynamic แถมโฆษณาเหล่านี้จะยิงแบบกำหนดได้ หรือ custom trigger ซึ่งนักการตลาดจะสามารถกำหนดเป้าหมายแบบไดนามิกได้ตามไปด้วย

หากเป็นสหรัฐอเมริกา โฆษณาดิจิทัลจะเริ่มแทรกซึมเข้าสู่ตู้เพลง Jukebox ในบาร์ ยังมีแถบป้ายบอกทางบนไฮเวย์ และป้ายโฆษณาในห้างสรรพสินค้ารวมถึงร้านอาหารทั่วอเมริกาที่กำลังเกิดการเปลี่ยนแปลง สำหรับประเทศไทย ชาวรถไฟฟ้าหรือผู้สัญจรไปมาในห้างร้านค้าปลีกและร้านอาหาร อาจจะคุ้นตากับป้ายโฆษณาที่เป็นจอดิจิทัลซึ่งแสดงโฆษณาดึงดูดสายตาแบบไม่มีใครยอมใคร

ปัจจุบัน ความเป็นไดนามิกในโฆษณา OOH มีความยืดหยุ่นมากขึ้น สิ่งนี้จะเป็นเทรนด์ที่เกิดขึ้นต่อเนื่องในอนาคต ตัวอย่างเช่น ขณะนี้นักโฆษณาบางแบรนด์สามารถเปลี่ยนโฆษณาโดยพิจารณาจากความเร็วของการชมที่ผ่านไปผ่านมาหน้าป้ายโฆษณาดิจิทัลได้แล้ว ซึ่งถ้าเป็นช่วงรถโล่ง ผู้ขับรถอาจมีเวลาอ่าน 10 คำเท่านั้น แต่ถ้าการจราจรคับคั่งหรือรถติดหยุดนิ่งสนิท ผู้ขับขี่อาจมีเวลาอ่านคำได้ถึง 150 คำ

2. ผูกเข้ากับมือถือ

อีกเทรนด์แรงโฆษณา OOH คือนักโฆษณาสามารถยิงโฆษณาแบบไดนามิกตามประเภทอุปกรณ์เคลื่อนที่ที่อยู่ใกล้โฆษณา OOH นั้น ทำให้เจ้าของ iPhone อาจเห็นโฆษณาที่ต่างจากผู้ใช้ Android

นอกจากนี้ นักโฆษณาในสหรัฐฯบางราย ยังแสดงโฆษณาที่ปรับเปลี่ยนไปตามการเสิร์ชบนโทรศัพท์มือถือ โดยใช้ข้อมูลอิงพื้นที่ ตัวอย่างเช่น หากระบบพบว่ามีการค้นหายาไข้หวัดใหญ่สูงขึ้นในพื้นที่ใด ป้ายโฆษณาสำหรับร้านขายยาในเมืองนั้นอาจปรับเปลี่ยนเพื่อโปรโมตผลิตภัณฑ์บางอย่างที่เหมาะสมได้

นอกจากการเสิร์ช โฆษณากลางแจ้งบางแห่งยังเริ่มยิงตามสภาพอากาศ โดยบางบิลบอร์ดปรับให้ยิงโฆษณาตามเพลงหรือโฆษณาที่กำลังเล่นอยู่ในสถานีวิทยุของรถบางคันได้

3. วัดผลต้องปรับ

เทรนด์ที่ชัดเจนในอุตสาหกรรม OOH ทั่วโลกคือการลงทุนครั้งใหญ่เพื่อยกระดับระบบวัดผลให้สามารถรวบรวมสถิติ หรือเมตริกที่เกี่ยวข้องกับชาแนลดิจิทัลลงไปได้ดีขึ้น เหตุผลสำคัญที่ทำให้เทรนด์นี้ร้อนแรงในปีนี้คือ ยิ่งระบบวัดผลสะท้อนประสิทธิภาพที่ดีมากเท่าไหร่ แบรนด์ก็จะสนใจมองหาทางทำแคมเปญโฆษณาบนป้ายโฆษณาดิจิทัลมากขึ้นเท่านั้น

นอกจากนี้ ระบบวัดผลยังถูกพัฒนาให้สามารถติดตามพฤติกรรมของผู้บริโภคในภายหลัง ซึ่งจะทำให้นักการตลาดรู้ว่าโฆษณา OOH มีส่วนช่วยให้ผู้บริโภคค้นหาหรือซื้อทางออนไลน์ได้อย่างไร ซึ่งเทคโนโลยีเหล่านี้ไม่เคยมีมาก่อนในช่วง 10 ปีที่แล้ว

4. ระบบอัตโนมัติมีบทบาท

ระบบซื้อโฆษณาแบบอัตโนมัติและแบบตั้งโปรแกรมได้ (automation และ programmatic) กำลังมีบทบาทในอุตสาหกรรมโฆษณา OOH ที่เป็นดิจิทัลมากขึ้น เนื่องจากการซื้อและขายพื้นที่โฆษณา OOH ถือเป็นกระบวนการยุ่งยากหากต้องใช้ขั้นตอนการเจรจาต่อรองราคาแบบดั้งเดิม ผลคือวันนี้นักโฆษณาหรือเอเจนซี่กับเจ้าของสื่อไม่จำเป็นต้องเจรจากันเอง แต่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของระบบอัตโนมัติที่มีประสิทธิภาพแทน

นอกจากนี้ แพลตฟอร์มโฆษณา programmatic ขณะนี้ยังเปิดให้นักโฆษณาสามารถซื้อโฆษณาบนมือถือและพ่วงช่องทาง OOH ได้โดยตรงผ่านอินเทอร์เฟซเดียวกันทำให้การเจาะกลุ่มเป้าหมายสามารถทำบนกลยุทธ์เดียวกัน คือการอิงจากสถานที่ตำแหน่งของผู้ใช้ ซึ่งจะทำให้การกำหนดกลุ่มเป้าหมายทำได้เจาะลึกมากขึ้น

5. เมืองอัจฉริยะ สมาร์ทซิตี้กระตุ้นการเติบโต

วันนี้เมืองต่างๆ มีการเชื่อมต่อกับระบบออนไลน์มากขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทำให้ผู้บริโภคคุ้นตากับคีออสก์หรือหน้าจอดิจิทัลแบบโต้ตอบได้ที่ให้บริการแผนที่, บริการอินเทอร์เน็ตไร้สาย (Wi-Fi) ฟรี และบริการให้ข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวในท้องถิ่น ทั้งหมดนี้ถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับนักโฆษณาในการเชื่อมต่อกับผู้คน ทำให้เมืองอัจฉริยะเป็นอีกกระแสที่กระตุ้น OOH ดิจิทัลให้เป็นเทรนด์ร้อนในขณะนี้

โครงการเมืองเหล่านี้ยังได้รับการสนับสนุนจากโฆษณาอีกทาง ทำให้ทั้ง 2 ส่วนกลายเป็นระบบนิเวศที่สร้างเม็ดเงินมหาศาลให้กับอุตสาหกรรมโฆษณานอกบ้าน คาดว่าเทรนด์เหล่านี้จะไม่หยุดเท่านี้ แต่จะเติบโตมากขึ้นเรื่อย ๆ แน่นอน.

ที่มา : https://www.marketingdive.com/news/top-5-out-of-home-advertising-trends/541894/

]]>
1199004
ภาพนิ่งหลบไป! สื่อโฆษณาในสนามบินต้อง “ชาร์จโทรศัพท์-ฟรีไวไฟ-ถ่ายรูปได้” https://positioningmag.com/1115129 Wed, 01 Feb 2017 02:59:36 +0000 http://positioningmag.com/?p=1115129 ตลาดสื่อโฆษณานอกบ้านเป็นอีกหนึ่งตลาดที่ยังมีการเติบโตอยู่ถ้าเทียบกับกลุ่มสื่อหลัก เพราะด้วยพฤติกรรมคนในยุคนี้อยู่นอกบ้านเป็นส่วนใหญ่ สื่อโฆษณานอกบ้านนอกจากพื้นที่ตามรถไฟฟ้า หรือตามสี่แยก หน้าห้างสรรพสินค้าที่เป็นโลเคชั่นยอดนิยมแล้ว พื้นที่ในสนามบินก็เป็นอีกหนึ่งจุดที่น่าจับตามอง

ปัจจัยที่ทำให้สนามบินเป็นพื้นที่น่าสนใจสำหรับสื่อนอกบ้านก็ด้วยพฤติกรรมผู้บริโภคในยุคนี้ชอบท่องเที่ยว และมีสายการบินแบบโลว์คอสทำให้คนเดินทางได้ง่ายขึ้น ซึ่งปัจจุบันสื่อโฆษณาในสนามบินคิดเป็นสัดส่วน 10% ของตลาดสื่อนอกบ้านไปแล้ว หรือมีมูลค่าตลาดราว 600-700 ล้านบาท และมีแนวโน้มที่จะเติบโตขึ้น

ไบร์ท สกาย มีเดียได้ดำเนินธุรกิจสื่อโฆษณาในสนามบินภูมิภาค 22 แห่งทั่วประเทศ ล่าสุดได้สัมปทานในการทำสื่อโฆษณาในสนามบินดอนเมือง ได้ร่วมมือกับทางแพลนบีในการควบสื่อโฆษณาในสนามบิน ซึ่งทางแพลนบีเองได้เข้าลงทุนในไบร์ท สกาย มีเดียในสัดส่วน 50% เมื่อช่วงไตรมาส 3 ของปี 2559 ที่ผ่านมานี้เอง

1_airport

แต่การลงป้ายโฆษณาแบบเดิมๆ ก็ไม่ได้ตอบโจทย์ผู้บริโภคอีกต่อไปแล้ว การที่ไบร์ท สกาย มีเดียลงมาบริหารสื่อโฆษณาในสนามบินแห่งชาติแห่งที่ 2 ของประเทศแล้วต้องมีอะไรใหม่ๆ จึงเป็นในรูปแบบจอยักษ์ดิจิทัลสกรีน อินเตอร์แอ็คทีฟ ได้ลงทุน 100 ล้านบาท สำหรับติดตั้งจอยักษ์จำนวน 102 จอ ในบริเวณห้องผู้โดยสารขาออก ครอบคลุม 28 จุดทั่วสนามบิน และเป็นจออินเตอร์แอ็คทีฟ 20 จอ

จออินเตอร์แอ็คทีฟนั้นมีเทคโนโลยีที่สามารถทัชสกรีนได้ พร้อมกับมีลูกเล่นให้ผู้โดยสารได้ถ่ายรูปพร้อมฉากสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ แล้วแชร์ลงโซเชียลมีเดียได้ โดยสามารถค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับการท่องเที่ยวได้ผ่านจอนี้ สำหรับโฆษณาก็มีลูกเล่นในการให้ข้อมูลที่สามารถเลือกได้ ไม่ใช่เป็นโฆษณาแบบทางเดียวอีกต่อไป

วีรวัฒน์ สิงหมณี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไบร์ท สกาย มีเดีย จำกัด กล่าวว่า

word_icon

ได้มองเห็นการเติบโตของสื่อโฆษณาในสนามบินมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะคนเดินทางมากขึ้น และมีการผลักดันเรื่องการท่องเที่ยว พร้อมกับสายการบินโลว์คอส แต่โฆษณาในยุคนี้ต้องมีทั้ง Innovation และ Function แค่เป็นภาพนิ่งอย่างเดียวไม่ได้ตอบโจทย์ผู้บริโภคแล้ว ต้องมีนวัตกรรมใหม่

word_icon2

วีรวัฒน์เป็นผู้บริหารหนุ่มที่คว่ำหวอดในวงการสายการบินเช่นกัน เคยบริหารสายการบินมาแล้ว 2 แห่ง และเป็นคนที่ชอบเดินทาง เลยมีแนวคิดที่ว่าน่าจะหานวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาในสนามบิน จึงได้ทำเป็นสื่อโฆษณา แล้วได้ขอสัมปทานจากท่าอากาศยาน เริ่มต้นจากสนามบินภูมิภาค จนล่าสุดได้สัมปทานที่สนามบินดอนเมือง ซึ่งทางแพลน บีเองก็มีสื่อโฆษราในสนามบินอยู่บ้างเช่นกัน เมื่อมารวมเข้ากับไบร์ท สกาย มีเดียจะมีกว่า 260 จอ

ทางด้าน ปรินทร์ โลจนะโกสินทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แพลน บี มีเดีย จำกัด (มหาชน) ได้เสริมว่าผู้บริโภคในสมัยนี้ไม่ได้ชื่นชอบโฆษณาเท่าไหร่นัก แต่ก็ไม่ได้รังเกียจเสียทีเดียว โจทย์ใหญ่ในตอนนี้ก็คือผู้ประกอบการต้องหามูลค่าใส่ลงไปในโฆษณานั้นๆ ให้ดึงดูดผู้บริโภคให้ได้ สื่อโฆษณาจอยักษ์ในสนามบินดอนเมืองจึงมีฟรีไวไฟ ชาร์จแบตเตอรี่โทรศัพท์ได้ และมีเทคโนโลยี iBeacon ด้วย

2_airport

พูดถึงตลาดสื่อโฆษณาในสนามบินดอนเมือง มีผู้เล่นใหญ่อีก 1 รายก็คือ Arrow Media แต่ส่วนใหญ่จะอยู่ในโซนของอินเตอร์เนชั่นแนล ปรินทร์ได้มองการแข่งขันตรงนี้ว่าเมือ่มีการผนึกกันของแพลน บี และไบร์ท สกาย มีเดีย ทำให้มีรูปแบบสื่อโฆษณาที่ครบ ทำให้สามาถรทำแพ็กเกจไปเสนอลูกค้าได้ง่าย

โอกาสของโฆษณาในสนามบินดอนเมือง

มีสถิติของกระทรวงคมนาคมบอกว่าปัจจุบันมีผู้ใช้บริการเครื่องบินเดินทางในประเทศเฉพาะสายการบินโลว์คอส ทั้งสนามบินดอนเมือง และสนามบินภูมิภาคมากถึงปีละกว่า 80 ล้านคน และมีอัตราการเติบโตมากกว่า 30% ต่อปี และสนามบินดอนเมืองเองก็เป็นสนามบินหลักสำหรับการเดินทางในประเทศ มีจำนวนไฟลท์บินของสายการบินโลว์คอสมากที่สุดในโลก ด้วยจำนวนผู้โดยสารมากกว่า 60 ล้านคน/ปี

กลุ่มคนเดินทางที่สนามบินแบ่งเป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆ ก็คือ กลุ่มคนนเดินทางทำธุรกิจ กลุ่มท่องเที่ยว และกลุ่มที่เดินทางกลับบ้าน โดยที่มีรายได้เฉลี่ย 35,000 บาท/คน มีกำลังซื้อสูง

กลุ่มลูกค้าหลักที่ซื้อสื่อโฆษณาในสนามบินส่วนใหญ่เป็นกลุ่มการเงินธนาคาร เทเลคอม ประกันภัย รถยนต์ เครื่องสำอาง สายการบิน และมีกลุ่มที่มีแนวโน้มซื้อสื่อมากขึ้นได้แก่ กลุ่ม FMCG กลุ่มเครื่องดื่มและกลุ่มอสังหาริมทรัพย์

]]>
1115129
VGI จับมืออาลีบาบา ขายสื่อโฆษณานอกบ้านผ่านเว็บไซต์ https://positioningmag.com/1114432 Tue, 24 Jan 2017 09:34:04 +0000 http://positioningmag.com/?p=1114432 ขยับสู่อีคอมเมิร์ซ VGI ร่วมมืออาลีบาบา ให้บริการขายสื่อโฆษณานอกบ้านผ่านเว็บไซต์ Alibaba.com เพื่อเปิดโอกาสให้ลูกค้าและเอเจนซี่ทั่วโลก ซื้อสื่อโฆษณาผ่านออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมง

เกรียงไกร วาณิชย์ไพศาล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและการขาย (มัลติมีเดีย) บมจ.วีจีไอ โกลบอล มีเดีย หรือ VGI เปิดเผยว่า บริษัทบรรลุข้อตกลงความร่วมมือกับอาลีบาบา ยักษ์ใหญ่ด้านอีคอมเมิร์ซจากจีน เพื่อให้บริการขายสื่อโฆษณานอกบ้าน (OOH) ผ่านเว็บไซต์ Alibaba.com ที่เปิดโอกาสให้แก่ลูกค้าและเอเจนซี่ทั้งในและต่างประเทศทั่วโลก สามารถซื้อสื่อโฆษณาของ VGI ได้ทุกแพลตฟอร์ม ตั้งแต่สื่อโฆษณาในรถไฟฟ้าและบนสถานีบีทีเอส สื่อในลิฟต์อาคารสำนักงานที่มีมากกว่า 160 อาคาร สื่อในลิฟต์ของคอนโดมิเนียมกว่า 200 แห่ง สื่อในมหาวิทยาลัย รวมถึงสื่อโฆษณาที่เป็นจอแอลอีดีขนาดใหญ่ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด

ความร่วมมือระหว่างวีจีไอ และอาลีบาบาครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกของวงการสื่อ OOH ของประเทศไทยที่ได้ขายสื่อโฆษณาผ่านออนไลน์เต็มรูปแบบ และยังช่วยการดำเนินธุรกิจของ VGI ที่ต้องการรุกขยายธุรกิจไปยังแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ และรองรับโอกาสของอุตสาหกรรมสื่อ OOH ปี 60 ที่คาดว่ายังจะขยายตัวต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา ที่เติบโตสูงถึง 15-17% โดยบริษัทจะนำเสนอสื่อโฆษณาให้ลูกค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมงกว่า 16 ภาษา จึงเป็นการตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์มีเดียในด้านของ B2B

สำหรับแพลตฟอร์มของอาลีบาบา ถือเป็นตลาด B2B ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีบริษัททั้งขนาดเล็ก และขนาดใหญ่เข้าร่วมมากกว่า 8 ล้านราย มีผู้เข้าเยี่ยมชมซื้อสินค้ามากกว่าวันละ 4.7 ล้านไอพี และมียอดสั่งซื้อสินค้ารวมต่อปีอยู่ที่ 12.7 พันล้านรายการ

ดังนั้น การจับมือระหว่างวีจีไอและอาลีบาบาในครั้งนี้ สามารถสร้างโอกาสให้แก่เจ้าของธุรกิจต่างๆ มากมายที่จำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางเว็บไซต์อาลีบาบา ได้เข้าใจภาพรวมของตลาด OOH ในประเทศไทย และเห็นถึงศักยภาพการดำเนินธุรกิจของ VGI พร้อมเลือกใช้เป็นช่องทางในการสร้างความน่าเชื่อถือทางด้านการทำโฆษณาประชาสัมพันธ์ เพื่อสื่อสารให้แก่กลุ่มเป้าหมายที่อยู่ในประเทศไทยด้วย

word_icon

การให้บริการในครั้งนี้จะช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีถึงความพร้อมด้านการให้บริการบนแพลตฟอร์มของอีคอมเมิร์ซ เพื่อรองรับยุคดิจิตอลไลฟ์สไตล์อย่างเต็มตัว โดยหลังจากที่เราได้เริ่มทำตลาดผ่านเว็บไซต์ Ailbaba.com เพียง 1 สัปดาห์ก็มีลูกค้าต่างประเทศให้ความสนใจสอบถามรายละเอียดการซื้อสื่อโฆษณา OOH ของ VGI มาแล้ว 2-3 ราย

word_icon2

]]>
1114432