เทคโนโลยีที่ Amazon ใช้ในหุ่นยนต์ Astro ได้แก่ Alexa ระบบคำสั่งเสียง, AI เพื่อเรียนรู้จดจำใบหน้าคนว่าใครเป็นคนแปลกหน้า และจดจำเสียงต่างๆ ที่อาจจะเป็นภัย, Mapping Technology เพื่อจดจำทางเดินภายในบ้านทั้งหมด

เจ้าหุ่นยนต์ยังมีกล้องติดบนหัวที่สามารถยืดขึ้นเหมือนเสาอากาศสูงระดับเอว เพื่อตรวจความเรียบร้อยในที่สูง ด้านหลังสามารถซื้ออุปกรณ์เสริมเพื่อทำเป็นช่องวางของ สามารถใส่ของลงไปและสั่งให้ Astro วิ่งนำไปส่งให้คนอื่นในบ้านได้ด้วย

การออกแบบตัวหุ่นยนต์ตัวนี้รูปทรงดูคล้ายกับ “สุนัข” และมีหน้าจอแสดงผลที่ปรากฏรูปดวงตาแสดงอารมณ์ ทำให้หุ่นยนต์ Astro ดูเป็นมิตรมากขึ้น มันยังสามารถทำหน้าที่เป็นเพื่อนกับมนุษย์ได้ด้วย เช่น สั่งให้ Astro เปิดเพลง เต้นด้วยกัน

• ส่องคุณสมบัติ “Tesla Bot” หุ่นยนต์มนุษย์เพื่อใช้ทำงานแรงงาน-อันตรายในโลกอนาคต

Amazon แนะนำตัวอย่างการใช้งาน Astro เหมาะสำหรับเป็นหุ่นยนต์ระวังภัยเมื่อคุณไม่อยู่บ้าน หุ่นยนต์จะแจ้งเตือนเมื่อมีคนแปลกหน้าเข้ามาหรือได้ยินเสียงแปลกๆ เช่น กระจกหน้าต่างแตก หรืออาจจะใช้ให้หุ่นยนต์วิ่งไปเช็กว่าคุณปิดเตาแก๊สหรือยัง เช็กผู้สูงอายุที่บ้านยังปกติดีไหม เช็กสัตว์เลี้ยงว่ายังอยู่ในบ้านหรือเปล่า หุ่นยนต์ตัวนี้จึงเหมาะสำหรับคนที่ไม่ต้องการติดกล้องวงจรปิดทั่วทุกห้องในบ้าน

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเป็นสินค้าใหม่ สำนักข่าว Vice และ The Verge ที่ได้สัมผัสตัวจริงแล้วพบว่า Astro อาจจะยังมีจุดอ่อน นั่นคือมันเคลื่อนที่บนล้อ ทำให้มันไม่สามารถขึ้นลงบันไดได้ จึงไม่เหมาะกับบ้านที่มี 2 ชั้นขึ้นไป (หรือต้องให้ Astro อยู่เฉพาะชั้นล่าง) รวมถึงระบบ AI จดจำใบหน้าก็ยังทำได้ไม่ดีพอ

Amazon เริ่มเปิดจอง Astro แล้วในราคา 99 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 33,900 บาท)

• เปิดสาเหตุ ทำไมเหล่า ‘บิ๊กเทคคอมปานี’ ถึงเดินหน้าปั้น ‘ชิป’ ของตัวเอง

ที่มา: CNN, The Verge

8. ต้นแบบยานยนต์อัตโนมัติ

แบรนด์ญี่ปุ่นโชว์ตัวรถต้นแบบชื่อ อีพาเล็ตต์ (Toyota e-Palette) จุดเด่น คือ ภายในห้องโดยสารที่สามารถเปิดกว้าง ทำให้ปรับแต่งเพื่อรองรับการใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ เช่น เป็นรถตู้ขนส่งสินค้า รถรับส่งผู้โดยสาร หรือรถร้านค้าเพื่อจำหน่ายสินค้าเคลื่อนที่

เจ้าของรถสามารถใช้รถได้หลากจุดประสงค์ในเวลาที่ต่างกันตามต้องการ

7. หุ่นยนต์สำหรับบ้าน

บริษัทเมย์ฟิลด์โรโบติกส์ (Mayfield Robotics) โชว์ตัวหุ่นยนต์คูริ (Kuri) สำหรับใช้ในบ้าน ตำแหน่งที่สื่อยกให้หุ่นรุ่นนี้ คือ แชมป์หุ่นยนต์ที่หน้าตาน่ารักที่สุดในงานปีนี้

หุ่นสามารถตอบโต้กับสมาชิกในบ้านได้ต่างกัน สามารถเดินในบ้านได้เองอัตโนมัติ สามารถสื่อสารผ่านลำโพงในตัว และวิเคราะห์ท่าทางของผู้ใช้ได้

6. กล่องน้ำหอมอัจฉริยะ

กล่องน้ำหอมอัจฉริยะของบริษัทมูดู (Moodo) นี้จะทำงานคู่กับแอปพลิเคชันในสมาร์ทโฟน ผู้ใช้สามารถตั้งค่าให้แต่ละกลิ่นทำงานในช่วงที่ต่างไปในแต่ละเวลา

ระบบสามารถทำงานร่วมกับลำโพงอัจฉริยะของค่ายหลักทั้ง 3 ค่าย นั่นคือ อะเล็กซ่า (Amazon Alexa), แอปเปิลโฮมคิต (Apple Homekit) และและกูเกิลโฮม (Google Home)

5. กุญแจล็อกแบบชาร์จได้

แม่กุญแจรุ่นเก่านั้นธรรมดาไปแล้ว นี่คือ เบนจิล็อก (Benjilock) แม่กุญแจชาร์จพลังงานได้ ซึ่งใช้เทคโนโลยีอ่านลายนิ้วมือ

ผลคือผู้ใช้ไม่ต้องพกพาลูกกุญแจให้ยุ่งยาก สามารถแตะนิ้วที่กุญแจเพื่อปลดล็อกได้ ขอเพียงแต่ต้องให้แน่ใจว่า กุญแจนี้จะไม่ “แบตเตอรีหมด” เท่านั้น

4. กระจกอัจฉริยะ

ไฮมิลเรอร์มินิ (HiMirror Mini) เป็นกระจกอัจฉริยะที่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ กระจกนี้สามารถคุยโต้ตอบกับผู้ใช้ได้ผ่านลำโพง Amazon Alexa ไม่แน่ กระจกนี้อาจตอบคำถามได้ว่า “ใครงามเลิศที่สุดในปฐพี”

3. สุดยอดจอเกม

เอ็นวิเดีย (NVIDIA) โชว์ไอเดียสุดแจ่มสำหรับคอเกมทั่วโลกด้วยการนำเสนอหน้าจอระดับเทพ หน้าจอนี้มีชื่อเรียกว่า บีเอฟจีดี (BFGD) ย่อมาจาก Big Format Gaming Displays 

ภายในหน้าจอระดับพระกาฬ มีชิปเอ็นวิเดียจีซิงก์ (NVIDIA G-Sync) ซึ่งรองรับการแสดงผลความละเอียดสูงเอชดีอาร์ (HDR) แสดงผลที่ระดับ 4K ได้ อัตรารีเฟรชภาพ 120Hz ขนาดหน้าจอไม่ธรรมดา 65 นิ้ว

2. ทีวีใหม่ซัมซุง

ซัมซุง (Samsung) เปิดตัวทีวีตระกูลใหม่ในชื่อ “เดอะวอลล์” (The Wall) กำแพงไฮเทคนี้เป็นทีวีขนาด 146 นิ้ว ความละเอียด 8K ที่มีระบบปัญญาประดิษฐ์บิกซ์บี (Bixby AI)

จุดเด่น คือ ความสามารถในการปรับแต่งวิดีโอที่มีความละเอียดน้อย ให้สามารถเพิ่มความละเอียดสำหรับแสดงผลได้ในระดับ 8K ได้แนบเนียน หากใครต้องการรุ่นเล็ก ก็มีขนาด 85 นิ้ว ที่เป็นทีวี 8K TV ให้เลือกชมด้วย

1. อุปกรณ์ VR ฝังกล้อง

เอชทีซี เปิดตัวเอชทีซีไวฟ์โปร (HTC Vive Pro) ซึ่งตามรอยทุกสิ่งที่ HTC Vive มีแต่เพิ่มกล้องดิจิทัล 2 ตัวไว้ภายใน

ผู้ใช้จะสามารถชมภาพเสมือนจริงได้ ถ่ายวิดีโอเทคโนโลยี VR ได้ ขณะที่สามารถฟังเสียงจากหูฟังที่ฝังไว้ภายในได้ด้วย

สำหรับงาน CES คาดว่าจะมีผู้เข้าชมมากกว่า 180,000 คนทั่วโลก ท่ามกลางผู้จัดแสดงสินค้ามากกว่า 4,000 รายจาก 150 ประเทศ.

ที่มา : mgronline.com/cyberbiz/detail/9610000002710