นอกจากนี้ยังตอบโจทย์คนรักสุขภาพ ไม่มีโคเลสเตอรอล ไขมันต่ำ ให้พลังงาน 200 แคลอรี โดยออกเฉพาะแพ็กเกจถ้วย ราคา 18 บาท วางขายที่บิ๊กซี โลตัส แม็คโคร เดอะมอลล์ ลอว์สัน แฟมิลี่มาร์ท ท็อปส์ และแม็กซ์แวลู (ไม่มีที่เซเว่นอีเลฟเว่น)

การออกรสชาติหม่ๆ ของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ถือเป็นกลยุทธ์ในการกระตุ้นตลาด สร้างความแปลกใหม่ให้กับผู้บริโภค ซึ่ง “เล้งแซบ” ก็ถือเป็นเมนูอาหารมีการขายกันอย่างแพร่หลาย เพราะเป็นเมนูยอดนิยมโดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่น

ความเคลื่อนไหวของมาม่าครั้งนี้ ยังเป็นการรับมือกับสถานการณ์ของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป มูลค่า 17,000 ล้านบาท ที่อยู่ในช่วงท้าทายอย่างมาก

ด้วยภาวะอิ่มตัว อัตราเติบโตลดลงต่อเนื่อง โดยส่งสัญญาณมาตั้งแต่ปี 2557 ช่วงนั้นสหพัฒนพิบูล ผู้จัดจำหน่ายมาม่า ได้ออกมาเปิดเผยว่า ภาพรวมของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเติบโตลดลงมาตั้งแต่ปี 2557 จากเดิมที่เคยโต 8% เหลือ 5-6%

มาในปี 2558 ช่วง 4 เดือนแรก ติดลบ 0.3% เป็นครั้งแรก ต่ำสุดในรอบ 44 ปี เนื่องจากภาวระเศรษฐกิจ และมีคู่แข่งเข้ามาในตลาด คาดว่าตลาดจะโตได้แค่ 2-3% เท่านั้น

จากนั้นเป็นต้นมา ตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยังไม่มีทีท่าว่าจะมีตัวเลขเติบโตเหมือนในอดีต นอกจากภาวะเศรษฐกิจแล้ว ยังต้องเผชิญกับการแข่งขันจากบะหมี่กึงสำเร็จรูปจากต่างประเทศเข้ามาแย่งชิงตลาด ถึงแม้จะมีราคาจะสูงกว่าของไทย แต่ด้วยคนไทยต้องการความแปลกใหม่ และคนชั้นกลางที่เพิ่มขึ้น จึงทำให้ความต้องการบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปพรีเมียมเติบโตขึ้น

จากการประเมินของผู้บริหาร ไวไว ช่วงต้นปีที่ผ่านมา พบว่าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปจากเกาหลีเข้ามาทำตลาดหลากหลายแบรนด์ ส่งผลตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูประดับพรีเมียม ราคามากกว่า 10 บาท เติบโตดีมาก มีมูลค่ารวมประมาณ 1,000 กว่าล้านบาทแล้ว คิดเป็นสัดส่วน10% จากตลาดรวม

*** ตลาดบะหมี่กึ่งฯ หมื่นล้านหืดจับ มาม่า-ไวไว-ยำยำ ขยับลุยบะหมี่ “พรีเมียม” รับเทรนด์เกาหลีแรง 

พิพัฒ พะเนียงเวทย์ รองประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป มาม่า เคยบอกมาตั้งแต่ต้นปีแล้วว่า มีทั้งสินค้าใหม่ แบรนด์ใหม่ และรสชาติใหม่ออกสู่ตลาดรวม 3 รายการ สินค้าใหม่ที่จะออกยังโฟกัสไปที่พรีเมียม เพราะมีแนวโน้มการเติบโตดี โดยยอดขายมาม่าพรีเมียมอย่าง แบรนด์ ออเรียนทัลคิตเชน เติบโตถึง 26% และจะทำสินค้าสำหรับคนรักสุขภาพมากขึ้น เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของตลาด” 

มาถึงช่วงโค้งสุดท้าย มาม่า จึงโฟกัสออกสินค้าลงสู้ศึกในตลาด “พรีเมียม” และสุขภาพ ที่ยังมีโอกาสอยู่มาก รวมถึงแพ็กเกจ “คัพ” เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคปัจจุบันต้องการความสะดวกสบายมากขึ้น จึงหันมาบริโภคแบบคัพเพิ่ม และทำให้มูลค่าตลาดคัพใกล้ 4,000 ล้านบาทแล้ว ซึ่งการออกรสชาติใหม่ของมาม่ารอบนี้ ก็ออกมาเฉพาะชนิดถ้วย และวางขายในราคา 18 บาท เพื่อแข่งขันในตลาดพรีเมียมโดยเฉพาะ.